เล่ม 1 ตอนที่ 5 : การแก้แค้นของไวเคานต์ฮาเวิดสเตน (3)
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
เล่ม 1 ตอนที่ 5 : การแก้แค้นของไวเคานต์ฮาเวิดสเตน (3)
หลังจากที่พวกเขาเข้ามาภายในซากปรักหักพัง พลังชีวิตของฮาเวิดสเตนก็ยิ่งมายิ่งอ่อนแรง อาร์คที่ได้เรียนรู้ทักษะเยียวยาก็บอกได้เพียงแค่ว่าเขามีชีวิตเหลืออยู่อีกไม่มากนัก ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นจนทำให้ฮาเวิดสเตนตายก่อนที่ภารกิจจะสำเร็จ ภารกิจนี้ท้ายที่สุดแล้วก็จะจบลงด้วยความล้มเหลว และเหล่าอัศวินซิลฟีดก็จะกลับสู่ปราสาทแจ๊คสัน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมภารกิจนี้ที่เขาไม่ต้องลงแรงต่อสู้อะไรเลยถึงกับมีความยากระดับ E+
‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราต้องช่วยเขาเอาไว้จนกระทั่งภารกิจเสร็จสิ้นให้จงได้ ชิ ยุ่งยากชะมัด’
ฮาเวิดสเตนที่โขลกไออยู่ข้างเขานั้นเริ่มทำเอาเขารู้สึกรำคาญ
ถ้าหากไม่ใช่เงื่อนไขของภารกิจแล้วล่ะก็ เขาคงปล่อยให้ฮาเวิดสเตนตายตามยถากรรมไปแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่าคือเขาต้องร่วมการต่อสู้โดยการโจมตีใส่มอนสเตอร์พวกนี้เพื่อได้รับค่าประสบการณ์ส่วนหนึ่งมาด้วย
กระทั่งว่าเหล่าอัศวินที่แข็งแกร่งเหล่านี้ยังเลเวลเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดพัก ด้วยระดับอย่างเขา ถ้าหากเขาบังเอิญได้ไปล้มหนึ่งในพวกมันเข้าล่ะก็ เขาคงได้รับค่าประสบการณ์มหาศาลเป็นแน่ ทว่า เขาก็ไม่อาจที่จะกระทำ ถ้าหากเขาไม่ยืนเคียงข้างคอยดูแลฮาเวิดสเตนที่พร้อมจะล้มลงได้ทุกนาที มันไม่มีทางรู้เลยว่าผลลัพธ์อะไรกันที่รอคอยอยู่
“แค่ก แค่ก!”
“ท่านจะไม่เป็นอะไร อาการป่วยนั้นมาจากใจ ถ้าหากใจท่านแกร่งดุจหินผา ท่านย่อมสามารถมีชัยเหนือพวกมัน ภาคภูมิและกล้าหาญ ท่านจะต้องไม่ปล่อยให้ความหวังหลุดลอยไป”
ขณะที่เขาพล่ามเรื่องที่ตนยังไม่เชื่อออกไปนั้น เขาก็เรียกใช้ทักษะเยียวยาจนทำให้ใบหน้าของฮาเวิดสเตนค่อยดีขึ้นมาบ้าง
“ต้องขอบคุณเจ้ามาก หลังข้าได้ฟังคำเจ้าแล้ว พละกำลังของข้าก็ราวกับฟื้นคืนมาจากความถดถอย ทว่า ข้านั้นรู้ตัวดี ไม่ว่าจิตใจข้าจะแกร่งดุจหินผาปานไหน ชีวิตข้านั้นก็ไร้ซึ่งความหวังแล้ว”
“ท่านกำลังจะบอกว่า...”
“ไม่ นี่คือความจริงแท้ เป็นเพราะอาการของข้านี้มันไม่ได้มาจากจิตใจ”
“ท่านจะบอกว่าท่านรู้จักโรคนี้?”
“แล้วเจ้ารู้ไหมล่ะว่าทำไมข้าถึงนำเหล่าอัศวินมายังที่แห่งนี้ด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้?”
ฮาเวิดสเตนส่งสายตามองข้ามผ่านไปยังซากปรักหักพัง
“เป็นเพราะที่แห่งนี้ คำสาปของปีศาจมันกัดกินบิดาข้าและถูกส่งถ่ายมายังตัวข้า”
“ปีศาจ? ท่านพอจะบอกรายละเอียดให้ผมอีกหน่อยได้ไหมครับ?”
“ย่อมได้ ในเมื่อเจ้าได้ก้าวเข้ามายังที่แห่งนี้แล้ว รู้ไปก็คงไม่มีอะไรแย่ลง ที่จริงนั้น นานมาแล้วเคยมีเภทภัยร้ายแรงเกิดขึ้นกับปราสาทแจ๊คสัน โรคร้ายและความอดอยากกลบฝังไปทั่วทั้งแดนดิน”
“ท่านจะบอกว่ามันคือสิ่งที่ปีศาจกระทำ?”
“ใช่ มันคือความโหดเหี้ยมของปีศาจที่มาจากทวีปอันห่างไกล บรรพบุรุษแห่งตระกูลแจ๊คสันของข้านั้นได้รับรู้ความจริงนี้เข้า เขาจึงนำกำลังทหารเข้าต่อสู้กับปีศาจ ทว่ายามที่ถึงศึกตัดสิน ปีศาจนั้นกลับหลบหนีไป และจากนั้นตระกูลแจ๊คสันก็ประสบกับคำสาปของปีศาจเข้า ทุกชั่วอายุคนของตระกูลแจ๊คสันจะต้องตายเพราะคำสาปที่นำพามาซึ่งอาการเจ็บป่วยยามที่พวกเขาอายุยี่สิบปี”
“ว่าอะไร? แต่ท่านไวเคานต์นั้น...”
“ที่ชีวิตข้ายังยืนหยัดถึงทุกวันนี้ต้องขอบคุณบิดาข้า”
ฮาเวิดสเตนกำสร้อยเงินที่ห้อยอยู่กับหน้าอกเอาไว้แน่น
“ขณะที่เหล่าบรรพบุรุษปล่อยให้เป็นไป ท่านพ่อกลับพยายามที่จะปลดปล่อยตระกูลจากคำสาป และในปีเดียวกันกับที่ข้าถือกำเนิดขึ้น ในที่สุดเขาก็ค้นพบ ในช่วงเวลานั้นเจ้าปีศาจตนนั้นได้หลบหนีมาซ่อนอยู่ภายในซากปรักหักพังแห่งนี้ ถ้าหากปีศาจถูกสังหาร เช่นนั้นแล้วคำสาปก็จะมลายหาย ทว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ที่ปีศาจเคยใช้หลบซ่อนมันจึงถูกปิดแน่นเอาไว้ด้วยพลังโบราณ กระดานชนวนที่เจ้านำมานั้นคือกุญแจในการเปิดห้องนั่น”
ท้ายที่สุดหลังผ่านความพยายามอย่างยาวนาน บิดาของเขาก็สามารถพบเบาะแสของกระดานชนวนได้ เช่นนั้นแล้วสิ่งที่ฮาเวิดสเตนทำได้ในตอนนี้คือนำกำลังทหารเข้าค้นหาปีศาจที่อยู่ภายใน
ฮาเวิดสเตนเหม่อมองไปยังเหล่าอัศวินซิลฟีดราวกับเห็นภาพร่างของบิดาตนเองที่อยู่ท่ามกลางพวกเขา
“ข้าได้ยินมาจากเหล่าทหารที่รอดตายมาได้ พวกเขากล่าวว่าการต่อสู้อันยาวนานได้บังเกิดขึ้น ในท้ายที่สุด ผลลัพธ์ที่ออกมาคือท่านพ่อพ่ายแพ้ ทว่าท่านพ่อนั้นก็ยังใช้กำลังเฮือกสุดท้ายทิ้งบาดแผลสาหัสให้เจ้าปีศาจเอาไว้ ต้องขอบคุณที่คำสาปอ่อนแรงลงจนทำให้ข้ามีชีวิตมาได้จนถึงตอนนี้”
“เช่นนั้นแล้วก็หมายความว่า ที่ท่านไวเคานต์ทรุดลงเพราะโรคร้ายนี้ก็เพราะปีศาจที่โหดเหี้ยมตนนั้นฟื้นคืนพลังกลับมาแล้ว”
“เจ้ากล่าวถูกต้อง เมื่อหลายปีก่อน ร่องรอยของคำสาปนั้นกลับมาปรากฏขึ้นกับบุตรชายคนโตของข้าที่อายุสิบห้าปี พลังอำนาจของปีศาจนั้นแข็งแกร่งมากขึ้น ทว่ากระดานชนวนกลับหายไปหลังความตายของบิดาข้า เป็นเวลากว่าสามปีที่ข้าพยายามค้นหากระดานชนวนนั่น ทว่ามันกลับไม่ได้อะไร ในตอนที่ร่างกายข้าใกล้สิ้นอายุขัยเช่นนี้ เวลาก็หลงเหลืออยู่เพียงไม่มาก ข้าจึงนำกำลังคิดเข้าทำลายประตูตัดสินเป็นตายกับปีศาจนั่น”
“ถ้าหากปีศาจตายลง โรคร้ายของท่านไวเคานต์ก็จะได้รับการรักษา?”
ฮาเวิดสเตนส่ายศีรษะ
“ไม่ สำหรับข้านั้นมันสายเกินไปแล้ว ตอนนี้กระทั่งว่าข้าสามารถฆ่าปีศาจนั่นได้ ข้าก็ไม่อาจมีชีวิตสืบต่อไป ทว่า ข้าไม่อาจยอมให้บุตรชายต้องพบกับชะตากรรมเดียวกันได้ จะอย่างไรเสียบิดาข้าก็เคยกระทำเช่นเดียวกันในสถานการณ์เดียวกันกับข้า นั่นคือการสู้กับปีศาจเพื่อพวกเรา และข้าเชื่อว่าจะทำได้สำเร็จ กระดานชนวนที่เจ้านำมายังที่นี่นั้นไร้ข้อกังขานัก มันต้องเป็นเทพประทานอย่างแน่นอน”
อาร์คเริ่มหลั่งน้ำตา
บิดาที่กระทำเพื่อบุตรชายของตน และบุตรชายคนนั้นก็กระทำเพื่อบุตรชายของเขา เรื่องนี้มันทำเอาเขาทราบซึ้งในชีวิตยิ่งนัก
แน่นอน พวกเขาต่างก็เป็นเอ็นพีซี แม้ว่าจะเหมือนคนแต่ก็หาได้ใช่ไม่
ภายในใบหน้าที่สมจริงเหล่านี้คือกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านสายไฟไปมา
แม้จะเป็นเช่นนั้น แต่แสงสว่างที่ฮาเวิดสเตนมองมายังอาร์คนั้นคือความปิติอย่างแท้จริง กับตัวเขาที่กำลังจะตาย และเพื่อบุตรชายที่กำลังจะถูกพรากชีวิตไป เขาถึงกับเลือกหนทางเช่นนี้
เอ็นพีซีส่วนใหญ่ต่างก็มีสัมผัสที่คล้ายกัน แม้ว่าจะมีทั้งคนดีและคนไม่ดีผสมปนเปกันในโลกใบนี้และในโลกจริง แต่อย่างน้อยที่สุดแล้วผู้คนในที่แห่งนี้กลับไม่เคยโป้ปดกับความรู้สึกที่เผยออกมา
มันยังมีความแตกต่างกันระหว่างเอ็นพีซีและผู้เล่น
“ความหวังของท่านไวเคานต์จะต้องเป็นจริงอย่างแน่นอน”
“ขอบคุณ”
ฮาเวิดสเตนผล็อยหลับไปด้วยสีหน้าอิ่มเอม
หลังจากนั้นอาร์คจึงดูแลฮาเวิดสเตนด้วยความจริงใจทั้งหมดที่เขามี
กับบิดาที่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้บุตรชายรอด
แม้ว่ามันจะน่าอายไปบ้าง แต่อาร์คก็รู้สึกถึงบิดาของตนได้ผ่านทางฮาเวิดสเตน
ในขณะเดียวกัน ความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อฮาเวิดสเตน ทำให้เขาคิดช่วยฮาเวิดสเตนทำภารกิจนี้ให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ถึงแม้จะเป็นข้อตกลงก็ตามที แต่ทำด้วยความจริงใจย่อมดีกว่าถูกไหม?
วันเวลาผ่านไปเช่นนี้ อาร์คได้รับข้อความที่เขาไม่เคยคิดจินตนาการมาก่อน
ทักษะที่อาร์คได้เรียนรู้มาอย่างการเยียวยานั้นเป็นไปอย่างช้ามาก แม้ว่าเขาจะเยียวยาคุณยายโจแฮนสันมากกว่าสิบครั้ง แต่ค่าทักษะยังได้มาเพียงแค่ 20 หน่วย กระทั่งว่าหลังผ่านการเยียวยาฮาเวิดสเตนจนถึงตอนนี้ มันก็มีเพียงแค่ 30 หน่วย
แต่แล้วฉับพลันมันกลับรวดเร็วขึ้น ในตอนนี้มันขึ้นไปถึงระดับกลางแล้ว
=====
ด้วยความใส่ใจอย่างจริงใจ ทักษะเยียวยาจึงเลเวลเพิ่มขึ้น เยียวยา (ขั้นกลาง, เรียกใช้งาน) : สามารถคงสภาพชีวิตและทำให้ร่างกายและวิญญาณของผู้ป่วยรู้สึกสบายขึ้นด้วยความชำนาญที่มากขึ้น
เมื่อใช้กับผู้ป่วย พลังและความกล้าจะเพิ่มขึ้น 40%
พลังมานาเรียกใช้ : 10 หน่วย
*ผลโบนัสของทักษะเยียวยาขั้นกลาง (เยียวยาวิญญาณ) : สามารถมอบความจริงใจต่อผู้ป่วยและให้ผลของพรเล็กน้อย ค่าสถานะทุกอย่างจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และด้วยความศรัทธา การต้านทานคำสาปที่เกี่ยวข้องกับจิตใจจะถูกสร้างขึ้น
=====
อาร์คถึงกับอ้าปาก
ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะทักษะที่เลื่อนระดับขึ้น แต่เป็นเพราะเหตุผลของมัน
‘นี่หมายความว่ามันรู้ว่าเราดูแลไวเคานต์ฮาเวิดสเตนอย่างจริงใจ?”
การเติบโตของทักษะนี้มันฉับพลันเกินไป ในเมื่ออาร์คเพิ่งเริ่มแสดงความจริงใจต่อฮาเวิดสเตนไม่นาน นี่ไม่ใช่หมายความว่าพออาร์คเปลี่ยนมุมมองทักษะก็เลื่อนระดับขึ้น?
แน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
นิวเวิร์ลด์มีระบบสแกนสมองและควบคุมตัวละครของผู้เล่นด้วยคลื่นสมอง อารมณ์ก็เช่นกัน ท้ายที่สุดแล้วมันก็คือคลื่นสมอง มันจึงเป็นไปได้ที่ระบบจะเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ แต่กระทั่งว่ามีผลกับการพัฒนาทักษะด้วยแล้วนี่...
เห็นได้ชัดว่านี่มันดูง่ายไป
‘เมื่อใดที่มีปฏิสัมพันธ์กับเอ็นพีซีหรือได้เรียนรู้ทักษะ มันจะยิ่งส่งผลสูงสุดเมื่อมอบความจริงใจให้’
มันเป็นหลักการโดยธรรมชาติในความเป็นจริง แต่ใครจะคิดว่าหลักการเช่นนี้จะมีผลกระทั่งกับในเกมด้วย?
นับได้ว่าเป็นเทคโนโลยีที่เก่งกาจยิ่งนัก มันเป็นการค้นพบที่น่าตกตะลึง
ด้วยความผิดพลาดที่หมู่บ้านฮารัน อาร์คยังคงหวาดเกรงต่อผู้สมัครคนอื่น กระทั่งว่าเขารับค่าโบนัสสถานะถึง 12 หน่วยเพราะฉายาพิเศษ ทำให้เวลาครึ่งเดือนเขาต้องมีเส้นทางที่แปลกไปและยากขึ้น
มันคงดีถ้าหากเป็นเหมือนนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า แต่มันก็ไม่มีทางเป็นแบบนั้น ในตอนนี้เขาต้องหาหนทางที่จะกระชับความแตกต่างนั้นมาให้ได้
‘มันยังมีระบบอีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้รับการยืนยันภายในนิวเวิร์ลด์ ถ้าหากเราค้นหาพวกมันจนครบหมดแล้วล่ะก็ การได้พวกมันมาจะทำให้ความฝันของเราเป็นจริงเร็วขึ้น! ใช่แล้ว คำตอบก็อยู่ตรงหน้าเรามาตลอดแล้ว! จะอย่างไรมันก็แตกต่างกันตั้งแต่ที่ผู้เล่นเริ่มเข้ามาเล่นแล้ว ถ้าหากเราใช้เส้นทางเดียวกับคนอื่น เช่นนั้นแล้วเราก็ไม่มีทางที่จะตามคนอื่นได้ทัน’
เขาพบเห็นความหวังใหม่
หลังจากนั้น ฮาเวิดสเตนก็เริ่มกระอักโลหิตออกมาบ่อยครั้งขึ้น
ขณะที่เขาพยายามจุดประกายแห่งชีวิตอย่างต่อเนื่อง สุขภาพของเขาก็ย่ำแย่จนถึงขนาดที่เขาไม่อาจจำแนกผู้คนได้ ทุกครั้งที่อาการกำเริบ อาร์คจะใช้ทักษะเยียวยาขั้นกลางของตนเพื่อฝืนประคองชีวิตของเขาเอาไว้
เพื่อให้ภารกิจสำเร็จ เพื่อทักษะที่จะก้าวหน้า และเพื่อความปรารถนาของเอ็นพีซีผู้อับโชค...
* * *
“ในที่สุดพวกเราก็มาถึง!”
ความรู้สึกวูบหนึ่งพลันส่องผ่านใบหน้าซีดเทาของฮาเวิดสเตน
นี่ก็เป็นเวลาห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้ามายังซากปรักหักพัง ในที่สุดทั้งกลุ่มก็มาถึงเป้าหมายปลายทาง ประตูหินขนาดยักษ์ที่สลักเอาไว้ด้วยลวดลายอับซับซ้อน!
ปีศาจที่พวกเขาตามหามันหลบซ่อนอยู่หลังประตูบานนี้
ประตูหินบานนี้ส่งกระแสพลังด้านลบออกมาอย่างไม่หยุด ช่องว่างระหว่างมันใหญ่เพียงพอให้มันเล็ดลอดออกมาได้
ฮาเวิดสเตนมองไปยังอาร์ค จากนั้นเขาพลันพยักหน้า ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด อาร์คเดินเข้าไปยังประตูหินพร้อมกดกระดานชนวนลงไป จากนั้นซากปรักหักพังพลันสั่นสะท้านขณะที่ประตูหินค่อยเปิดออกทีละน้อย
“ทุกคนเตรียมพร้อมรบ พวกเราจะเข้าไปเพื่อปกป้องท่านไวเคานต์!”
“รับทราบ!”
ช่องว่างที่แตกต่างจากภายในของซากปรักหักพังพลันปรากฏขึ้น กำแพงหินที่ไม่ราบเรียบ อีกทั้งเพดานยังมีหินย้อยออกมาราวกับเขี้ยวของปีศาจ มันเป็นโถงขนาดมหึมาที่ถูกสร้างขึ้นด้วยพลังของพระแม่แห่งธรรมชาติ
เมื่อเหล่าอัศวินยืนทุกคนเข้ามายังศูนย์กลางของโถงแห่งนี้ เรื่องราวพลันบังเกิดขึ้น
=====
บอสมอนสเตอร์ ผู้สานความฝันอันบิดเบี้ยว เดบร้า ปรากฏตัว
=====
“ปีศาจออกมาแล้ว!”
อาร์คตะโกนด้วยความตกตะลึง ขณะเดียวกัน จากอีกด้านของทางเข้าพลันปรากฏออร่าดำมืดแผ่ออกมา เป็นเพราะได้อาร์คแจ้งเตือน เหล่าอัศวินจึงเร่งร้อนเตรียมตั้งโล่ขึ้นมา แต่ก็มีสามถึงสี่คนที่ล้มลงไปแล้ว
“หึหึหึ ฝูงแมลงที่ไร้ซึ่งความกลัวเกรงรนหาที่ตาย!”
ภายในความมืด สายตาอันใหญ่ยักษ์ได้จ้องมองมาทางนี้ด้วยความสูงราวสิบเมตร ด้วยชุดเกราะสีดำสนิทพร้อมกับดาบขนาดยักษ์ ผ้าคลุมไหล่สีแดงโลหิตที่อยู่ด้านหลังของมันกำลังโบกสะบัดพร้อมกับแผ่ประกายออร่าความมืดมนออกมา
ร่างของเดบร้าบิดเบี้ยวราวกับสายลม ด้วยความที่มันปรากฏตัวพร้อมกับออร่ามืดมน ขวัญกำลังของเหล่าอัศวินพลันชะงักงัน
“เป็นมัน เดบร้า!”
“ผู้สานความฝันเดบร้า!”
“ไม่ต้องกลัว มันก็แค่มอนสเตอร์ที่ขลาดเขลาหลบซ่อนตัวอยู่หลังประตูหินเท่านั้น!”
ฮาเวิดสเตนเค้นความกล้าตะโกนออกมา จากนั้นเขาพลันดึงความสนใจจากเหล่าอิศวินโดยการพุ่งเข้าหาเดบร้า
“เหอะ ทารกน้อยที่โง่งม!”
ประกายแสงสีน้ำเงินปลิวออกมาทุกครั้งที่เดบร้าเปิดปาก
มันเหวี่ยงดาบใหญ่ยักษ์ของมัน ด้วยการโจมตีเดียว ทหารกว่าสี่คนพลันกระจายปลิวไป เหล่าอัศวินซิลฟีดที่เผยความแข็งแกร่งเมื่อครั้งบุกฝ่าซากปรักหักพังหาได้ใช่คู่ต่อสู้ของเดบร้า
ประกายสีน้ำเงินลึกล้ำเหล่านี้ที่ผุดออกมาจากปากของมันหลอมละลายชุดเกราะ รวมถึงดาบจนทำให้วัตถุหายไป เหล่าอัศวินต่างล้มพับไปทีละคนเพราะบาดแผล ทว่าเหล่าอัศวินซิลฟีดต่างไม่เกรงกลัวเข้าปิดล้อมเดบร้าเอาไว้ด้วยพายุดาบ นักเวทที่ล้อมอยู่นั้นก็เริ่มโยนทั้งสายฟ้าและเปลวเพลิงเข้าใส่
ด้วยการโจมตีต่อเนื่องจนระเบิดออก เดบร้าที่โดนการโจมตีเข้าก็พลันชะงักและเดินโซเซ
“วันนี้แกต้องจบสิ้น!”
หนึ่งในนักเวทคำรามร้องขณะโยนเอาทักษะที่ผสานรวมเข้าด้วยกันจนส่งผลทะลุทะลวง
จากนั้น แสงสีแดงเริ่มปกคลุมร่างของเดบร้าพร้อมพลังชีวิตที่เริ่มลดลง ตอนนี้พลังชีวิตเหนือศีรษะของมันนั้นเริ่มหายไปกว่าครึ่งแล้ว
ขวัญกำลังใจของเหล่าอัศวินพลันพุ่งสูงขึ้น
“มันเหลือพลังชีวิตไม่ถึงครึ่งแล้ว!”
“ตอนนี้แหละ ฆ่ามันซะ!”
“เหอะ เจ้าพวกโง่...”
ดวงตาของเดบร้าพลันทอประกายพร้อมออร่าดำมืดที่แผ่พุ่งออกมา
ออร่าเหล่านี้เข้าปกคลุมเหล่าอัศวินจนทำให้สีหน้าของพวกเขาต้องบิดเบี้ยว จากนั้นพวกเขาเริ่มต่อสู้กันเอง
“เวทมนตร์หลอนประสาท! นักเวท!”
“ขอรับ!”
เหล่านักเวทที่อยู่รอบนอกของออร่าพลันเริ่มพึมพำร่ายคาถา
คาถาต้านทาน คาถาขจัดมนตร์ เพิ่มพละกำลังและคาถาอื่นอีกมากมายปกคลุมพื้นที่ ด้วยความอาฆาต เหล่าอัศวินที่ไม่อาจสลัดภาพหลอนเริ่มตะเกียกตะกาย จากนั้น สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลง พวกเขาหลายคนต่างล้มลงเพราะดาบของสหายตนเอง
เหล่านักเวทต่างเผยสีหน้าลำบากใจออกมา
“คาถาไม่อาจลบล้างคาถานี้ได้!”
“ทุกคนสงบใจไว้ ไม่ว่าศัตรูมันจะเป็นผู้ใด พวกเราก็จะต้องได้รับชัยชนะ”
ในสถานการณ์อันสิ้นหวัง เสียงร้องของอาร์คพลันดังก้องไปทั่วทั้งโถง
นัยน์ตาของเหล่าอัศวินที่โดนภาพหลอนต่างเริ่มกลับมาเป็นปกติ
มันคือพลังอำนาจของทักษะเยียวยา กระทั่งว่าการต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้น แต่อาร์คก็ไม่มีสิ่งใดที่สามารถกระทำ
เป็นการโจมตีของเดบร้าที่กำจัดเอาอัศวินไปได้กว่าสามคน อีกทั้งในช่วงเวลาคับขัน ถ้าหากอาร์คที่เลเวลเพียงแค่ 16 ถูกพบเจอ แน่นอนว่าเขาต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างแน่นอน สิ่งที่เขาทำได้ก็มีเพียงแค่คอยรักษาพยาบาลฮาเวิดสเตนอยู่ทางกองหลัง
ทว่าสถานการณ์กลับแปรเปลี่ยนไปเมื่ออัศวินเริ่มเห็นภาพหลอนจนทำร้ายกันเอง เป็นเพราะพวกเขาไม่ใช่อัศวินทั่วไป ทำให้ความเสียหายที่พวกเขาสร้างต่ออีกฝ่ายได้มหาศาลนัก พวกเขาตอนนี้กลับกลายเป็นคนไข้ของอาร์คไป
ยามที่เขาใช้ทักษะเยียวยากับคนไข้ พวกเขาจะได้รับผลลัพธ์พิเศษอย่างการประทานพร ต้องขอบคุณสิ่งนี้จึงทำให้สามารถต้านทานภาพหลอนที่เข้าเกาะกุมจิตใจจนสลัดหลุดออกมาได้
ไม่เพียงเท่านั้น แต่ค่าโบนัสพละกำลังและความกล้าหาญ 40% รวมถึงค่าสถานะทุกอย่าง +3 ก็ด้วย เช่นนั้นแล้วการโจมตีของเหล่าอัศวินรวมถึงพลังป้องกันต่างก็เพิ่มขึ้น เหล่านักเวทเองก็ร่ายเวทได้เร็วขึ้นเช่นเดียวกัน
“โอ้ พลังข้ากำลังทะลัก!”
“พวกเราชนะได้แน่! โค่นเดบร้าลง!”
เสียงโห่ร้องของเหล่าอัศวินมาพร้อมกับการเร่งร้อนพุ่งเข้าไปเหวี่ยงดาบเข้าใส่ เดบร้าส่งเสียงคำรามร้องออกโดยที่ไม่อาจกระทำสิ่งใดได้
อาร์คในตอนนี้ย่อมไม่คิดที่จะให้เหล่าทหารได้หยุดยั้งมือ
“เร่งมือเข้า ชัยชนะอยู่เบื้องหน้าพวกเรา แม้ว่ามันจะเป็นปีศาจ แต่จิตใจทุกคนรวมกันสู้ย่อมไม่มีอะไรต้องหวั่นเกรง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้จะขับเอาความกล้าของทุกคนออกมาจนกลายเป็นผู้กล้าที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก!”
“ฮ่า ฮ่า ความอดทนของข้านั้นถึงขีดสุดแล้ว ให้ข้าพักหน่อยเถอะ...”
“ออกไปสู้ต่อ! ความกล้าของพวกท่านจะนำพาชัยชนะมาสู่พวกเรา!”
“โอ้! พลังกำลังล้นทะลัก! เข้ามาเลยเจ้าปีศาจ!”
ขณะที่เสียงของอาร์คดังขึ้นนั้น เหล่าอัศวินที่ร่วงหล่นไปทีละคนต่างก็เริ่มตบเท้าเข้าไปเหวี่ยงดาบของตนฟาดฟัน
อย่างฉับพลัน ราวกับอัศวินเหล่านี้คือผีดิบที่ไม่มีวันตายกลับคืนมาเพื่อต่อสู้ พลังชีวิตของเดบร้าถูกพรากไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมันหล่นไปเหลือเพียงแค่หนึ่งในสิบมันพลันล้มลงชันเข่า จากนั้นฮาเวิดสเตนที่นำเหล่าอัศวินมาจึงปีนขึ้นไปบนร่างของเดบร้าและเสียดแทงดาบของตนเข้าใส่คอหอยของมัน
“ตายซะ ไอ้ปีศาจ... ฮ่า!”
อย่างกะทันหัน เดบร้าพลันเหวี่ยงแขนเข้าไปคว้าคอของฮาเวิดสเตนเอาไว้
“หึหึหึ ความเจ็บปวดมันรู้สึกดีใช่ไหมล่ะ?”
เดบร้าพลันยันกายลุกขึ้น เสียงกรีดร้องอย่างไม่อยากจะเชื่อพลันดังขึ้นจากเหล่าอัศวินที่อยู่โดยรอบ
“ยังมีชีวิต มันยังมีชีวิต...!”
“สวรรค์โปรด ไอ้เจ้านี่มันเป็นอมตะหรือไร?”
ผ้าคลุมไหล่ของเดบร้าพลันโบกสะบัดพร้อมกับร่างของมันที่เริ่มหมุนจนพลังชีวิตฟื้นกลับคืนเป็น 100%
อาร์คแทรกตัวไประหว่างเหล่าอัศวิน
“ไวเคานต์!”
ความตายย่อมไม่ใช่ปัญหาอะไร
แต่ถ้าหากฮาเวิดสเตนตายไป ภารกิจก็จะล้มเหลว
‘บากบั่นมาตลอดทางเพื่อให้ภารกิจล้มเหลวเนี่ยนะ? ไม่มีทาง!’
ขณะที่อาร์ควิ่งเข้าหาเดบร้าพร้อมเหวี่ยงสะบัดดาบ มันเป็นการโจมตีที่อาร์คคาดการเอาไว้ อย่างรวดเร็วอาร์คพลันใช้ทักษะต่อสู้ด้วยมือเปล่าหลบเลี่ยงไป จากนั้นเขาจึงดึงดาบอีกเล่มออกมาฟันเข้าใส่มือของปีศาจตรงหน้าอย่างสุดแรง
แรงปะทะอันดุดันระเบิดออกจนเดบร้าสูญเสียฮาเวิดสเตนที่คร่ากุมเอาไว้
อาร์ครับเอาไว้ได้พร้อมเร่งร้อนถอยกลับ
“เจ้า! บังอาจ!”
ด้วยเสียงตะโกนเปี่ยมโทสะ เดบร้าพลันพุ่งเข้าหาเขา
“ดูนั่น! ชายคนนั้นถึงกับต่อสู้แลกชีวิตของตนกับท่านไวเคานต์!”
“ทุกคนเข้าไปปกป้องชายคนนั้นไว้!”
เหล่าอัศวินต่างเคลื่อนไหวเพราะอาร์ค พวกเขาพุ่งเข้ามา แต่ว่าในตอนนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะเหวี่ยงดาบของตนออกไปมากครั้งเพียงใด พลังชีวิตของเดบร้ากลับไม่ลดลงแม้แต่น้อย กล่าวได้ว่ามันเป็นอมตะ!
เดบร้าหาได้ใส่ใจการโจมตีเหล่านี้พร้อมกับพุ่งฝีเท้าเข้ามา มันเหวี่ยงดาบออกด้วยความเร็วราวสายฟ้า
อาร์คเร่งร้อนยืนหยัดเบื้องหน้าฮาเวิดสเตนและยกดาบของตนขึ้น
ตู้ม เสียงการโจมตีอันหนักหน่วงทำเอาพลังชีวิตของเขาหายไปครึ่ง
‘บ้าไปแล้ว ถ้าโดนอีกครั้งเราจบเห่แน่!’
สายตาของเขาเริ่มพร่ามัว ในขณะที่ดาบถูกเงื้อขึ้นอีกครั้งและตัดอากาศผ่านลงมานั้นเอง
“ไม่! ทุกคนเพ่งสมาธิใช้พลังเวทเร็วเข้า! วาร์ป!”
เหล่านักเวทต่างเพ่งสมาธิใช้พลังเวทของตนกับอาร์คและฮาเวิดสเตน
พลังเวทที่ห่อหุ้มผู้อื่นได้นี้เป็นเป็นคาถาขั้นสูงถึงเจ็ดวงเวท
คาถาสี่หรือว่าห้าวงเวทไม่ใช่อะไรที่เหล่านักเวทไม่กี่คนจะใช้งานได้
แต่ด้วยนักเวทถึงห้าคนที่ผสานพลังรวมเข้าด้วยกันพร้อมกับ ‘แรงปรารถนา’ คาถาวงเวทเจ็ดวงถึงกับสัมฤทธิ์ผล
เพียงพริบตา ทั้งอาร์คและฮาเวิดสเตนพลันถูกเคลื่อนย้ายไปที่แห่งอื่น
ดาบของเดบร้าทำได้เพียงแค่ร่วงหล่นฟาดฟันลงกับพื้น