เล่ม 1 ตอนที่ 0 : ปฐมบท
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ที่แฟนเพจ
••••••••••••••••••••
เล่ม 1 ตอนที่ 0 : ปฐมบท
‘ที่นี่คือโถงหน้าของบริษัท?’
คิมฮยอนอูยกแว่นเก่าของตนขึ้น
อาคารนี้ห่างไปจากสถานีโซลใต้เพียงแค่เดินห้านาทีเท่านั้น
ด้านหน้าของอาคาร มีแสงตะวันสะท้อนออกเป็นคำว่า “โกลบอลเอ็กซอร์ทโคเรีย” ฉายอยู่บนหินอ่อนสีดำ
การรู้จักมันย่อมหมายถึงโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต มันกำลังข่มขวัญเขา
เขาไม่มีความกล้าที่จะเข้าไป แต่เขาก็ขาดความกล้าที่จะถอยกลับเสียยิ่งกว่า
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมเดินเข้าไปในอาคาร
“ผมมาสัมภาษณ์ครับ”
“เชิญที่ชั้นสามค่ะ”
ท่าทีของแผนกต้อนรับเผยให้เขาใช้ลิฟต์เพื่อขึ้นไป
“อา ขอบคุณครับ”
ขณะที่พยักหน้า เขาก็ก้าวถอยพร้อมโค้งให้และเดินจากไป เขาได้ยินเสียงหัวเราะไล่หลังมาด้วย ทำเอาเขาเริ่มหน้าแดง
เขาเข้าใจดีว่าทำไมเธอถึงหัวเราะ
หลังรับทราบข่าวการสัมภาษณ์อย่างกะทันหันเขาจึงไปยืมเสื้อสูทชุดหนึ่งที่ใหญ่เกินกว่าตัวของตนมาเพื่อใช้สัมภาษณ์
เขาเริ่มตระหนักได้ว่ามันทั้งดูโง่เง่าและน่าเกลียดขนาดไหนที่เขาสวมใส่ชุดสูทที่ใหญ่เกินขนาดตัวเช่นนี้
แน่นอนว่าย่อมมีผู้เข้ามาติดต่อมากหน้าหลายตา แต่ก็คงไม่มีใครมาเปรียบเทียบอย่างใกล้ชิดหรอก
เขามาถึงชั้นที่สาม เลานจ์บริเวณนี้ต่างเต็มไปด้วยผู้คนแทบเต็มความจุ
ผู้คนในชุดสูทที่หลากหลายต่างยืนอยู่
ที่น่าประหลาดใจคือบางคนกลับสวมกระทั่งเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ ใบหน้าพวกเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นเผยให้เห็นถึงประสบการณ์ทำงานของตน
ดวงตาเขาเริ่มมีเมฆหมอกมาบดบังขณะที่เขาคิดถึงการต้องมาร่วมสัมภาษณ์กับผู้คนเหล่านี้
ไม่ เขายังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าตนควรจะเข้าไปสัมภาษณ์ด้วยสภาพเช่นนี้หรือเปล่า
‘หรือเราไม่สมควรมาด้วยซ้ำ? กับสภาพเช่นนี้เราคงไม่มีอะไรดีไปกว่าคู่แข่งตรงหน้านี้เลยสักนิด’
ฮยอนอูผ่อนลมหายใจออกมาพร้อมสีหน้าปั้นยาก
* * *
ฮยอนอูก็แค่วัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง อย่างน้อยก็จนถึงเมื่อห้าปีก่อน
เขาเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายธรรมดาคนหนึ่งที่ชอบของแบรนด์เนม มักจะซื้อโทรศัพท์รุ่นใหม่เสมอโดยอ้อนขอพ่อแม่ อีกทั้งยังเล่นเกมแทบทั้งวันในช่วงวันสุดสัปดาห์ จนกระทั่งถึงตอนนี้ บ่อยครั้งที่เขามักจะดูละครเหมือนที่พวกเด็กผู้ชายมักจะชอบดูในทีวี ทางหนึ่งเขาก็เริ่มใส่ใจ ขณะที่คิดว่าตนไม่อาจใช้ชีวิตดังเช่นเหล่าเด็กชายในทีวีเช่นนั้น จนกระทั่งกลับมาสู่ความเป็นจริง
ขณะที่อยู่โรงเรียนเขาได้รับสายด่วนโทรเข้ามา
เขาได้รับฟังว่าพ่อและแม่ของตนนั้นประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์
เพียงแค่สายสั้น ๆ ชีวิตของฮยอนอูถึงกับแปรเปลี่ยน
พ่อของเขาเสียชีวิต ขณะที่แม่นั้นรอดชีวิตหลังผ่านการรักษามามากมาย ทว่าอาการยังคงมีภาวะแทรกซ้อน
ต้นเหตุของอุบัติเหตุก็เพราะพ่อของเขาหลับในขณะขับรถ ไหนจะต้องชดเชยให้กับผู้เสียหาย อีกทั้งยังมีประกันที่หมดอายุไม่ได้ต่อ ทำให้บริษัทประกันไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเรื่องนี้
ทางตำรวจกับทนายของผู้เสียหายพอผ่านไปหลายครั้งก็เริ่มผ่อนปรน
ขณะที่ฮยอนอูพยายามเข้าใจสถานการณ์พร้อมกับการเจรจาที่อลหม่านอยู่นั้น บ้านของพวกเขาก็ถูกขายทอดตลาด ทั้งแผนการออมเงินและประกันต่าง ๆ ก็ยกเลิกจนหมด
เพื่อจัดการปัญหานี้ พวกเขาจึงเช่าอพาร์ทเม้นท์เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ทว่า แม่ของเขานั้นก็ยังต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน
ประกันสุขภาพของพวกเขานั้นซื้อเอาไว้ตั้งแต่เมื่อสิบปีก่อน
ไม่น้อยก็มาก ทุกครั้งแม่ของเขาจะไปโรงพยาบาลไม่เพราะไข้หวัด ก็ปวดท้อง หรือไม่ก็เรื่องหยุมหยิม นั่นทำให้แม่ของเขาต้องได้รับการรักษามากกว่าคนทั่วไป รวมทั้งแม่ของเขายังต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษอีก บริษัทประกันจึงเริ่มเปลี่ยนท่าที พวกเขามอบหนังสือเล่มเล็กที่เขียนภาษาอังกฤษและจีนมาให้เขา ขณะเดียวกันก็พร่ำเพ้อถึงการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขประกันที่ต้องถูกจำกัด เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงต้องจ่ายเงินสามถึงสี่ล้านวอนในแทบทุกเดือน
นี่ค่อนข้างยากลำบาก แต่ก็เพราะแม่ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้จึงจำเป็นต้องจ่ายให้โรงพยาบาล
ลุงทั้งห้าคนจากทั้งฝั่งพ่อและแม่ของเขามอบซองกระดาษใส่ไว้ในกระเป๋าของฮยอนอู จากนั้นก็ไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นอีกเลย
เขารู้สึกกลัว เงินที่มีอยู่ในกระเป๋านี้มีเพียงแค่สามล้านวอน มันไม่พอกระทั่งจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พอเดือนด้วยซ้ำ
เพื่อการดำรงชีวิตและค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล หนี้สินจึงเริ่มเพิ่มมากขึ้น ฮยอนอูตระหนักได้เป็นครั้งแรก เด็กชายตัวน้อยที่มักปรากฏตัวในทีวีนั้นยังไม่เติบใหญ่ แต่เขาต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งทางเลือกเว้นแต่การเติบใหญ่ขึ้น เป็นสถานการณ์สร้างผู้คน
เขารู้เป็นอย่างดีถึงความหมายของคำเหล่านี้ ชีวิตของฮยอนอูแปรเปลี่ยน ตื่นมาตอนเช้าก็ต้องไปส่งหนังสือพิมพ์กับนม จากนั้นก็ค่อยไปทำงานพาร์ทไทม์ตั้งแต่เย็นถึงรุ่งสางเพื่อหาเงิน ช่วงที่ผ่านมาน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียวที่คนคนหนึ่งจะชุบตัวไปพร้อมกับทำงานพาร์ทไทม์ที่ไซต์งานก่อสร้าง
ร่างกายของเขาปวดร้าวแต่ก็ยังคงต้องทำงานต่อไปไม่อาจพัก
ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนขยันขันแข็ง แต่เป็นเพราะเขาไร้ซึ่งทางเลือกที่จะทำ ทว่า เงินที่เขาได้รับก็แทบไม่พอสำหรับการใช้ดำเนินชีวิตและค่ารักษาที่โรงพยาบาล
‘ถึงจะมีญาติมาเยี่ยม เราก็ไม่อาจผ่อนคลายเพราะเรื่องรบกวนเหล่านี้ได้!’
ทุกครั้งที่พวกเขามา ที่เขาทำได้ก็มีเพียงแค่กำหมัดเอาไว้แน่น
เขาเคยได้ยินว่าพ่อเป็นคนดี แต่กลับไม่มีเพื่อนหรือครอบครัวสักคนที่คิดถึง อีกทั้งเขามักจะเอาเงินออมออกมาใช้อย่างไม่ลังเลหากคนใกล้ชิดเกิดปัญหาขึ้น ทว่า ผลตอบแทนจากสวรรค์กลับเป็นสิ่งที่ออกมาประดุจนิยาย
หลังพ่อของเขาเสียชีวิตลง ขณะที่แม่ของเขานั้นมีภาระทางค่ารักษาพยาบาล กลับไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือพวกเขา เลวร้ายยิ่งกว่าคือไม่เคยกระทั่งให้หยิบยืมเงิน นี่เป็นเพราะพวกเขาคิดว่าจะไม่ได้รับเงินคืน สายสัมพันธ์ของพวกเขาย่ำแย่ลงก็เพราะสถานการณ์ทางบ้านของเขา
ฮยอนอูตระหนักได้ดีถึงความเย็นชาอย่างไร้ซึ่งจุดจบในความเป็นจริงก่อนที่จะได้จบชั้นมัธยมปลาย
ไม่ว่าจะเป็นบุคคลพิเศษปานใด ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเหมือนกันหมด
‘เราต้องดูแลแม่ด้วยตัวของเราเอง!’
เขาเริ่มคิดที่จะหยุดเรียน แต่แม่ของเขาที่ป่วยนอนอยู่บนเตียงไม่อาจรับฟังเรื่องราวอะไร เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องสู้กับมันต่อมาอีกปีหนึ่ง
ทว่า หลังเขาเรียนจบมัธยมปลาย สถานการณ์ของพวกเขากลับไม่ดีขึ้นเลย
หลังเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ฮยอนอูก็เริ่มมองหาทาง แม้ว่าเขาต้องทำงานเพิ่ม แต่สิ่งอื่นก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เป็นดังเช่นเดิม เขาทำงานอยู่ทุกวี่วัน และแต่ละวันเขาก็ยิ่งไปโรงพยาบาลบ่อยขึ้น อีกทั้งหนี้สินก็เริ่มเพิ่มมากขึ้นทุกเดือน
เขาเริ่มอิจฉาเพื่อนฝูงที่มักถือโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดไม่ก็สินค้าแฟชั่นใหม่ล่าสุด
อีกทั้งเขายังอิจฉาพวกที่มีเงินเหลือใช้ นี่เป็นหนึ่งสิ่งที่ฮยอนอูไม่อาจห้ามไม่ให้ตนเองอิจฉาได้ ความฝันตั้งแต่เด็กของฮยอนอูคือการเป็นพนักงานของบริษัทผลิตวิดีโอเกมสักแห่งหนึ่ง ก่อนที่อุบัติเหตุจะเกิด บ่อยครั้งเขามักจะอยู่ทั้งคืนเพื่อเล่นเกม หรือไม่แล้วเขาก็อยากประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์
* * *
แม้เขาจะละทิ้งความคิดที่จะเรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่เขาก็ยังไม่ละทิ้งความฝัน
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมทุกเดือนเขาต้องจ่ายถึงสามแสนวอนเพื่อเข้าร่วมสถาบันเอกชน
วันหนึ่งอาจารย์ผู้สอนได้เข้ามาถามฮยอนอู
“ฮยอนอู เธอคิดอยากไปทำงานกับบริษัทเกมดูไหม?”
“บริษัทเกม?”
“อืม ซุนแบ บอกมาว่าเขารู้จักบริษัทเกมแห่งหนึ่งที่กำลังรับพนักงานใหม่ ฉันเลยโดนถามหานักเรียนดีเด่นสักคนที่จะแนะนำงาน ฉันก็เลยนึกถึงและมาแนะนำเธอ คิดว่าไง? สนใจทำงานให้บริษัทเกมไหม?”
“ไม่ได้จบการศึกษาจากมหาวิทยาลับก็รับหรือครับ?”
“อายุมากกว่ายี่สิบปี ไม่จำกัดเพศและการศึกษา”
“ที่ไหนเหรอครับ?”
“เคยได้ยินชื่อโกลบอลเอ็กซอร์ทไหม?”
“ครับ?”
ฮยอนอูงงไปวูบ
หากเป็นบริษัทเกมขนาดเล็กก็คงไม่สนเรื่องการศึกษา
แต่ต้องไม่ใช่จากบริษัทยักษ์อย่างโกลบอลเอ็กซอร์ท! บริษัทนี้เหนือล้ำยิ่งกว่าทุกบริษัทในวงการเกม
พวกเขาเป็นอันดับหนึ่งของผู้เริ่มใช้แนวคิดเสมือนจริงกับเกม อีกทั้งพวกเขายังปล่อยเกมฟอร์มยักษ์ออกมาถึงสองเกมที่เพิ่งประกาศยอดรายได้ทั้งปีถึงหนึ่งล้านล้านวอน
“โกลบอลเอ็กซอร์ทขาดอะไรหรือครับ พวกเขาถึงกับมาจ้างคนอย่างผมได้?”
“ฉันก็ไม่รู้รายละเอียดมากนัก ตามที่ซุนแบว่า พนักงานที่ต้องการจ้างนั้นมีหลายรูปแบบมาก นี่ค่อนข้างหายากนะ การพิจารณาเอกสารการศึกษารวมถึงประสบการณ์การทำงานไม่สำคัญมากนัก อีกทั้งการทดสอบก็แตกต่างมาก รวมถึงค่าจ้างที่จ่ายให้พนักงานด้วย ทว่าก็มีคนสมัครไปมากมายเช่นกัน นี่คงไม่ง่ายนัก... ในเมื่อไม่รู้ว่างานเป็นยังไง ลองยื่นเอกสารไปก็ไม่เสียหายนะ”
* * *
โลกที่ไม่สนว่าการศึกษาจากสถานบันไหนมีความสำคัญเพียงใด คำเหล่านี้เคยมีกล่าวเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว
ทว่า ฮยอนอูกลับไม่คิดจะเชื่อถือคำเหล่านี้เลย
หากไร้ซึ่งเบื้องหลังทางการศึกษา มันก็ยิ่งจำกัดโอกาสการจ้างงานรวมถึงตำแหน่งในธุรกิจขนาดใหญ่ อีกทั้งตามปกติแล้วนี่ยังจำกัดโอกาสตำแหน่งภายนอกด้วย กระทั่งว่านี่เป็นโกลบอลเอ็กซอร์ท ราวกับว่าเขายังไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่าตนรู้สึกแย่จริง ๆ
“ยื่นประกาศนียบัตรชั้นมัธยมปลายคงไม่รับเราหรอก งั้นเราก็ควร...”
ชื่อ : คิมฮยอนอู
เพศ : ชาย
อายุ : 22
การศึกษา : วิศวกรอิเล็กทรอนิกส์ ชั้นปีที่สอง หยุดเรียนกลางคัน
เป็นอันดับหนึ่งของชั้นเรียน ไม่เคยขาดเรียนแม้สักครั้ง
กระทั่งสื่อผ่านเครือข่ายยังไม่รู้จัก การเจาะระบบไฟร์วอลเพื่อค้นหาช่องโหว่ของระบบเกม นี่เป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ ทั้งหมดนี่ทำให้เขาสมควรถอนตัวเองออกไปซะ
โกลบอลเอ็กซอร์ทเป็นบริษัทขนาดใหญ่ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่พิจารณาทุกคนที่สมัครถึงเพียงนั้น เมื่อเขาคิดได้เช่นนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะรับ
บางทีลองดูก็ไม่เสียหาย จะยังไงเขาก็ไม่มีอะไรให้เสียแล้ว...
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามักจะลืมว่าเคยยื่นสมัครเอาไว้จนกระทั่งได้รับข่าวคราว
“จำวันนั้นที่บอกเรื่องโกลบอลเอ็กซอร์ทได้ไหม? ใบสมัครของเธอผ่านการพิจารณาแล้วนะ พวกเขาจะติดต่อหาเธออีกที”
อาจารย์แนะแนวของฮยอนอูถึงกับประหลาดใจกับสิ่งที่เขาได้รับ
* * *
ขณะที่เขากำลังฝันหวานอยู่นั้น การสัมภาษณ์ก็เข้าถึงตัวแล้ว จะอย่างไรเขาก็มีโอกาสได้เข้าพบกับผู้สัมภาษณ์แล้ว
บางทีนี่อาจเป็นโอกาสทอง เขาคิดว่าตนสมควรทำให้ถึงที่สุด กระทั่งว่าต้องรั้งขากางเกงของผู้สัมภาษณ์ก็จะทำ
‘นี่เราบ้าไปแล้วหรือไง? ความคิดพวกนี้ผุดขึ้นมาจากไหนกัน? แค่ประกาศนียบัตรการศึกษาก็มีปัญหาพอแล้ว... ใครจะรู้ว่านี่มันสุ่มจับขึ้นมาหรือเปล่า? ไม่หรอก ระดับโกลบอลเอ็กซอร์ทที่เป็นบริษัทใหญ่ยักษ์แล้ว คงไม่มีความผิดพลาดเรื่องเอกสารอย่างนั้นหรอก กับผู้ยื่นใบสมัคร พวกเขาคงไม่ปล่อยผ่านเรื่องราวที่เกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของตนโดยง่าย... โอ การไม่ถอยกลับเสียตอนนี้นับว่าบ้าพอแล้วหรือเปล่านะ?’
เขาจินตนาการคิดไปถึงจุดที่ตนต้องรับมือกับคำถามที่รัวเข้ามา
“โอ้ เธอยังอยู่เหรอเนี่ย?”
ฉับพลัน เขาได้ยินเสียงหญิงสาวข้างกายตน
ขณะที่เขาแปลกใจนั้นจึงเงยหน้าขึ้นไปพบกับฝ่ายต้อนรับที่เขาเจอตอนอยู่ที่โถงรับรองยืนอยู่ในชุดสูททางการ
“ที่นั่งยังว่าง อยากจะนั่งไหม?”
เธอพยักหน้าและนั่งลงถัดจากเขา
“ก่อนหน้านี้ขอโทษที่หัวเราะไปนะ ทำเธอประหม่าหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรครับ มันก็ยากที่จะอดไม่หัวเราะแหละนะ ผมดูตลกจริง ๆ นี่นา”
“หือ?”
หลังได้เห็นสายตาประหลาดที่ฝ่ายต้อนรับคนนั้นตอบกลับคำถามของเขา ก็ทำเอาเขาเผยสีหน้างุนงงออกมา
“อา... ดูเหมือนจะเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้หัวเราะเพราะชุดของเธอหรอก แต่เพราะไม่มีใครโค้งกายขนาดนั้นให้แผนกต้อนรับต่างหาก ที่ฉันหัวเราะก็เพราะคิดว่าเธอเป็นพวกประหลาดน่ะ แต่ชุดสูทของเธอก็ดูดีใช้ได้เลยนะ”
ใบหน้าของฮยอนดูเริ่มแดงระเรื่อ นี่หมายความว่าเป็นเขาเข้าใจผิด?
“ผมต้องขออภัยที่เข้าใจผิดไปด้วยครับ”
“ไม่หรอก ฉันต้องขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดต่างหาก”
“ช่างเถอะ ทำไมเธอถึงมาที่นี่ล่ะ?”
“ตามตรงนะ ฉันก็ยื่นใบสมัครไป ฉันชื่อคังมีซู”
“อา ผมชื่อคิมฮยอนอูครับ”
คังมีซูยื่นมือของเธอออกมา ขณะเดียวกันฮยอนอูก็เช็ดมือของตนกับกางเกงพร้อมกับจับมือของเธอพร้อมเขย่า...
“ผู้สมัครทุกท่านโปรดไปที่ห้องประชุม”
‘บ้าจริง จะอะไรก็เถอะ งานนี้เราตายแน่ ไม่สิ แค่นี้เราคงไม่ตายหรอกมั้ง?’
เมื่อไม่อาจแหวกฝูงชนไปไหน ฮยอนอูจึงไหลตามเข้าไปในห้องประชุม
* * *
คนกว่าสองพันคนแนบแน่นชิดใกล้กันอยู่ภายในห้องประชุม
ในเมื่อมีเพียงสิบคนที่จะได้รับการรับเลือก อัตราส่วนของผู้ถูกเลือกก็จะเป็นหนึ่งต่อสองร้อย ทุกคนต่างให้ความสนใจกับเวทีที่ชายอายุยี่สิบคนหนึ่งยืนอยู่
“ยินดีที่ได้พบทุกท่าน กระผมเป็นผู้จัดการฝ่ายวางแผน ฮามย็องอู ขอเป็นตัวแทนของโกลบอลเอ็กซอร์ทกล่าวขอบคุณทุกท่านที่มาในวันนี้”
เขาพูดไปตามบทเสียงดังฟังชัด
ฮามย็องอูพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าว
“มาเริ่มตรงจุดที่ทุกคนต่างสงสัยกันดีกว่า พวกคุณใครบ้างที่ทราบว่าทางโกลบอลเอ็กซอร์ทได้ประกาศเปิดตัวเกมเสมือนจริงเกมใหม่เมื่อเดือนที่แล้วนามว่า นิวเวิร์ลด์ โปรดยกมือขึ้น”
ผู้คนส่วนใหญ่ต่างยกมือ ทว่า ฮยอนอูกลับไม่ได้ยกมือขึ้น
เกมเสมือนจริงไม่อาจใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ทั่วไป
หากต้องการจะเล่น พวกเขาก็จำเป็นต้องซื้อเครื่องเล่นผ่านระบบเครือข่ายด้วยเงินที่ต้องคิดก่อนจะจ่ายเลยเชียวล่ะ
แม้ว่าจะมีทางเลือกอย่างเกมเซ็นเตอร์เสมือนจริงอยู่ก็เถอะ
เป็นเพราะค่าใช้จ่ายต่อเครื่องแพงมาก ค่าบริการจึงสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
ฮามย็องอูพยักหน้ารับ
“ดูเหมือนพวกคุณทุกคนจะเคยได้ยิน ทว่า เป็นเพราะข้อมูลที่ปล่อยไปมีอย่างจำกัด เราจะขออธิบายอย่างสั้น ๆ ทางโกลบอลเอ็กซอร์ทได้สร้างโลกแห่งแรกสำหรับเกมเสมือนจริงขึ้นที่จะเปลี่ยนวงการอุตสาหกรรมเกมไปอย่างสิ้นเชิง ไม่นานมานี้ ไม่มากก็น้อย บริษัทเกมต่างก็เริ่มสร้างเกมเสมือนจริงขึ้น กระทั่งว่าพวกมันได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่เกมที่พวกเราเพิ่งประกาศออกไปนี้นั้นเป็นต้นตำหรับ อีกทั้งยังเป็นนวัตกรรมใหม่หมด”
บางคนที่มีประสบการณ์เรื่องเกมเริ่มพยักหน้ากันแล้ว
ระหว่างที่สนทนาถึงเรื่องนี้กัน ปากของฮยอนอูก็เริ่มเปิดออกกว้าง
จนกระทั่งถึงตอนนี้ เกมเสมือนจริงยังคงเป็นการฉายภาพผ่านจอประสาทตาเพื่อสร้างโลกเสมือนจริงขึ้น
สำหรับเกม นิวเวิร์ลด์นี้จะแตกต่างไปจากเกมอื่นอย่างสิ้นเชิง ข้อมูลที่ได้รับผ่านทางจอประสาทตาโดยตรงจะถูกส่งไปยังสมอง มันจะทำให้ได้รับประสบการณ์จากเกมประดุจอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
กล่าวไปแล้วมันไม่ได้เพียงแค่เห็น แต่รวมถึงประสบการณ์ในอีกโลกที่มาพร้อมประสาทสัมผัสทั้งห้า
ในช่วงสามปีมานี้ ฮยอนอูใช้ชีวิตโดยปราศจากซึ่งเกม ทำให้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเช่นนี้ทำเอาเขาประหลาดใจ
“ค่าใช้จ่ายจริงนั้นมากถึงสี่เท่าจากเครื่องเล่นในตลาดที่เป็นอยู่ ทว่านิวเวิร์ลด์ไม่ใช่เกมธรรมดาเช่นนั้น พวกเราจะนำพาสู่ยุคใหม่ ผมมั่นใจว่าพวกเราได้สร้างขนบธรรมเนียมและความปรารถนาในช่วงสิบถึงยี่สิบปีในอนาคตให้เป็นจริง การรับผู้เข้าทดสอบในครั้งนี้จะเลือกเอาบุคคลผู้เหมาะสมกับเจตจำนงของเกมนิวเวิร์ลด์เพื่อสร้างประวัติศาสตร์ขึ้น”
“คุณสมบัติของผู้ที่ผ่านการพิจารณาคืออะไรกันครับ?”
ขณะนั้นเอง มีคนหนึ่งได้เอ่ยถามขึ้น
“ทุกท่านคงสงสัยว่าทำไมถึงผ่านคุณสมบัติมาได้ ในหมู่พวกคุณในที่แห่งนี้ บางคนอาจกล่าวได้ว่าเป็นมือใหม่หรือไม่ก็ไม่เคยได้รับการศึกษา แต่ในขณะนี้ กระผมต้องการให้ทุกท่านลืมเรื่องเหล่านั้นไปเสีย พวกเราตัดสินใจที่จะไม่นับเรื่องเหล่านั้นมานับให้มากความ นิวเวิร์ลด์จะเป็นโครงการสุดท้ายในรอบหลายสิบปีจากนี้ อีกทั้งพวกเรายังรับสมัครผู้คนโดยอาศัยพรสวรรค์ของพวกเขาเพื่อเตรียมจัดการกับโครงการระยะยาวนี้ เรื่องราวง่ายยิ่ง พวกเราตัดสินจากความชอบในตัวเกมของพวกคุณที่จะส่งผลต่อการเจริญเติบโตในอนาคตอย่างดีที่สุด”
“นักฟิสิกส์ นักเคมี นักดาราศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีนาโน เหล่าผู้เชี่ยวชาญหลายสิบคนต่างใช้เวลานับปีศึกษาเกมเสมือนจริงนี้ นิวเวิร์ลด์
ทว่า โกลบอลเอ็กซอร์ทก็ไม่ได้มองเพียงแค่พนักงานที่มีความรู้ความสามารถตรงตัว ทว่ายังต้องการจ้างผู้จุดประกาย โกลบอลเอ็กซอร์ทได้มองหาบุคคลผู้ที่สามารถจุดอัคคีเพลิงขึ้นมาได้” นี่คือสิ่งที่ฮามย็องอูกล่าวอธิบาย
“คุณกำหนดตัวผู้มีคุณสมบัติยังไง?”
“วิธีการที่พวกเราใช้นั้นง่ายดายยิ่ง”
ฮามย็องอูเม้มริมฝีปากเล็กน้อยจึงค่อยกล่าวตอบ
“พรุ่งนี้ช่วงบ่าย ทุกท่านจะได้รับสิทธิ์ผ่านทางเครื่องเล่นของตนให้ติดตั้งนิวเวิร์ลด์ได้ ภายในเกม หากท่านบรรลุเงื่อนไขเฉพาะ เหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีกทั้งคุณจะยังได้รับใบรับรองการทำงานอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ขณะที่อยู่ระหว่างการทดสอบ ทางโกลบอลเอ็กซอร์ทจะจ่ายให้พวกคุณอย่างน้อยหนึ่งล้านห้าแสนวอนทุกเดือน นี่คือข้อกำหนดที่ทางบริษัทมีเพื่อให้ทุกท่านมั่นใจว่าจะสามารถมุ่งมั่นกับเกมและทำตามเงื่อนไขที่กำหนดได้”
การจ้างงานครั้งนี้ออกจะเหนือความคาดคิดจนทำให้ในที่ประชุมต่างเริ่มส่งเสียง
ขณะที่ยังไม่สงบดีนั้น บางคำถามก็เริ่มผุดออกมา
“เงื่อนไขที่ต้องทำให้สำเร็จล่ะ?”
“พูดถึงภารกิจอยู่ใช่ไหม?”
“หรือต้องได้รับไอเทมหายาก?”
“ผมคาดการณ์ไว้แล้วว่าทุกท่านต้องมีคำถามมากมาย ทว่า ผมไม่อาจบอกข้อมูลเฉพาะเจาะจงได้ สิ่งที่ผมสามารถบอกพวกคุณได้คือ มันมีหนทางมากมายที่พวกคุณจะสำเร็จเป้าหมาย เช่นกัน มันไม่มีหนทางที่แน่นอนที่จะไปถึงเป้าหมายด้วย”
“คุณจะบอกว่าเป้าหมายของการทดสอบครั้งนี้คือการได้รับบางสิ่งภายในเกม?”
“ถูกต้องแล้ว ทว่า พวกเราจะไม่ให้เบาะแสอะไร ไม่เช่นนั้นเกมจะสนุกได้ยังไงกันจริงไหม?”
ฮามย็องอูกล่าวด้วยน้ำเสียงระรื่น ทว่า กลับไม่มีใครอื่นที่ร่วมระรื่นไปกับเขาด้วยแม้สักคน
“ทุกท่านมีอิสระที่จะกระทำตามที่ปรารถนาได้ภายในเกม แม้ว่าคุณจะได้รับอิสระ แต่ความรับผิดชอบของพวกคุณก็จะต้องเป็นไปตามกฎ นี่เองก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่พวกคุณต้องเลือกเป้าหมายของตนเอง มันก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของพวกคุณแหละนะ คุณสามารถตัดสินใจเองได้ตามสมควร”
“ระยะเวลาการทดสอบนานแค่ไหนกัน?”
“จะมีกี่คนที่ได้รับการจ้างงาน?”
“พวกเราจะรับเพียงแค่สิบคนเท่านั้น”
“สำหรับระยะเวลาการทดสอบ จะจบสิ้นเมื่อเลือกคนทั้งสิบได้”
ฮามย็องอูเสริมรอยยิ้มเพิ่มมากขึ้น
“บางที นี่อาจเป็นการทดลองงานที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ก็เป็นได้ ทว่า เกมนิวเวิร์ลด์นี้ก็คุ้มค่าที่จะใช้ทั้งเวลาและความพยายามของพวกคุณอย่างแน่นอน”
“ฉันหวังว่าแรงปณิธานของทุกคนจะรวบกันและฟันฟ่าจนได้ร่วมงานกันนะ สู้สู้~”
คังมีซูกล่าวพร้อมรอยยิ้มอันงดงามขณะที่พูดคุยกับผู้คนรอบด้านที่อยู่ในห้องประชุม
นี่แน่นอนว่าเขาย่อมไม่หวังอะไรอีกนอกเสียจากได้ทำงานกับโฉมงามในบริษัทใหญ่ยักษ์แห่งนี้
* * *
ฮยอนอูยังคงยืนทื่ออยู่ที่เคาน์เตอร์ในร้านสะดวกซื้อพร้อมกับมองโบรชัวร์ของบริษัทโกลบอลเอ็กซอร์ท
เขารู้ว่านี่เป็นหนึ่งในองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นที่ที่เขาไม่คิดว่าจะเอื้อมไปถึงได้
ในหนังสือเล่มน้อยนี้เขียนเอาไว้ถึงเหล่าพนักงานที่ผ่านการทดสอบพิเศษเอาไว้
ข่าวลือว่านิวเวิร์ลด์เป็นแผนกวางแผนจ้างงานโดยเฉพาะด้วยรายได้ทั้งปีมากถึงหนึ่งร้อยล้านวอน
ตัดสินจากเงินได้รายปีเริ่มต้นของบริษัทขนาดใหญ่ที่สี่สิบล้านวอนแล้ว นี่ค่อนข้างพิเศษเอาเรื่องเลยทีเดียว
นอกจากนี้ ยังมีบทความทั้งหน้าที่เขียนเอาไว้ถึงการรับประกันผลประกอบการของบริษัท
‘ดูเหมือนว่าจะมีแค่สองพันคนที่มีคุณสมบัติ หากพวกเขาทุกคนได้รับหนึ่งล้านห้าแสนวอนแล้วล่ะก็ หมายถึงเดือนหนึ่งต้องจ่ายถึงสามพันล้าน! กระทั่งว่าการทดสอบนี้ดำเนินไปแค่สามถึงสี่เดือน พวกเขาก็ยังต้องจ่ายออกไปนับหมื่นล้าน! ทำไมพวกเขาถึงต้องใช้จ่ายเงินมากถึงเพียงนี้กับอีแค่การทดสอบรับสมัครงานด้วย...’
นี่มันงานในฝันชัด ๆ!
นี่เป็นงานที่จะช่วยแก้ปัญหาทั้งสิ้นของฮยอนอูให้หมดได้ในคราวเดียว
เหนือสิ่งอื่นใด ฮยอนอูยังชอบพอกับการทดสอบสมัครงานนี้อีกด้วย
พวกเขาไม่ต้องการคะแนนอันสมบูรณ์แบบของ TOEIC เลยสักนิด อีกทั้งยังไม่ต้องการผู้ที่มีประสบการณ์การทำงานอันน่าทึ่งด้วย
หากพวกเขาเสาะหาอะไรพวกนั้นขึ้นมา เขาคงไม่อาจสมัครงานนี้ได้อย่างแน่นอน
ทว่า วิธีการของพวกเขากลับเป็นต้องการให้ได้รับมาซึ่งบางสิ่งภายในเกมถึงจะได้รับการจ้างงาน นั่นเป็นเพียงเงื่อนไขเดียวอีกทั้งยังดีเยี่ยม
‘พวกเขาไม่สืบประวัติการศึกษาของเราเลยหรือไงกันนะ?’
ถ้าหากประวัติการศึกษาอันย่ำแย่ของเขาถูกเปิดเผยขึ้นมา มันต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่
ไม่ มันไม่กระทั่งโดนตรวจพบด้วยซ้ำ ขณะที่เขาคิดเช่นนี้จึงค่อยมีความหวังขึ้นมา
‘ครั้งนี้คงพอเป็นความหวังให้เราได้บ้าง’
ตั้งแต่ยังเด็กแล้ว ฮยอนอูมักจะรักชอบการเล่นเกมเสมอมา
แม้เขาจะใช้เวลาไปมากมายเล่นเกมทั้งหลายที่น่าตื่นตา แต่เขากลับไม่เคยจดจำพวกมัน
นอกจากนี้ ยามที่เขาเลิกเล่นเกม ทุกสิ่งที่ได้รับมาต่างก็ถูกขายออกไปเป็นเงิน
กระทั่งเป็นเช่นนั้น เขาก็ไม่คิดว่าจะได้รับการจ้างงานที่ง่ายดายถึงเพียงนี้
อัตราสองร้อยต่อหนึ่ง ผู้สมัครคนอื่นเองก็คงเร่งมุ่งหน้าเข้าหาอย่างไม่คิดชีวิตเช่นกัน
ทว่า ในเมื่อพวกเขาต่างก็เริ่มต้นด้วยเงื่อนไขดุจเดียวกัน เขาจึงมั่นใจว่าตนคงไม่โดนทิ้งเอาไว้ด้านหลังเป็นแน่
‘นี่เป็นโอกาสครั้งหนึ่งในชีวิต เราจะต้องไม่พลาด!’
วันเดียวกันนั้น ฮยอนอูได้ลางานพาร์ทไทม์ที่ร้านสะดวกซื้อ และเลิกงานส่งนมกับหนังสือพิมพ์
ทว่า เป็นเพราะค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาล เขาไม่อาจหยุดคิดว่าตนควรออกจากงานพาร์ทไทม์อีกสองอย่างดีหรือไม่
ด้วยเงินหนึ่งล้านห้าแสนวอนที่โกลบอลเอ็กซอร์ทสัญญาว่าจะจ่ายให้ทุกเดือน มันก็ยังไม่พอให้เขาเอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล
เขาไม่หน้ามืดตามัวที่จะเชื่อว่าหนี้สินเหล่านี้จะหมดสิ้นได้ เขาเข้าใจดีว่าพรุ่งนี้หนี้สินก็จะยังคงเพิ่มขึ้น
เช่นนั้นแล้วเขาเองก็ต้องประหยัดให้มากขึ้น
‘ในเมื่อเรามีเวลาน้อยกว่าคนอื่น เราก็ต้องแลกเป็นแลกตายกับสถานการณ์นี้แล้ว’
เมื่อเขาเลิกงาน เขาก็ตรงดิ่งกลับบ้านแทบจะในทันที
‘เราควรต้องศึกษาเรื่องเกมบ้างแล้ว...’
ทว่า ฮยอนอูก็เริ่มที่จะส่ายศีรษะ
‘มันก็แค่ข้อมูล ประสบการณ์ต่างหากที่จะช่วยให้เราเข้าใจเกมได้มากขึ้น’
ฮยอนอูตรงเข้าหาเครื่องเล่นในทันที หลังจากที่เปิดเครื่องแล้วเขาจึงได้ยินเสียงความถี่ต่ำดังออกมา ฉับพลันนั้นทุกสิ่งก็มืดดับลง
ฉับพลันนั้นแสงสว่างก็เข้ามาแทนที่ นี่คือโลกใหม่ที่เปิดออกต่อหน้าเขา