TXV – 160 การร่วมงานครั้งสุดท้าย !
TXV – 160 การร่วมงานครั้งสุดท้าย !
เซี่ยเหล่ยผลิตเครื่องจักรอัจฉริยะแบบเดียวกับที่โจเซฟก็ผลิตโดยที่ไม่มีปัญหาอะไร บรรดาวิศวกรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกแล้วมันต่างกันจนกระทั่งเริ่มทดสอบด้วยตัวเองตั้งแต่ก่อนเริ่มที่จะประมวลผลมันที่ชิ้นส่วนต่างๆยังไม่ประกอบเรียบร้อยดี เขายังไม่เชื่อว่าเซี่ยเหล่ยจะทำด้วยมือของเขาเองทั้งหมด
"คุณมู๋" วิศวกรพูดว่า "เซี่ยเหล่ยเป็นคนที่เยี่ยมจริงๆเขาสามารถผลิตเจ้าเครื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย คุณมาดูนี่สิ !"
วิศวกรคนอื่นพูดว่า "ใช่เขาเปิดเป็นบริษัทผลิต งานหลักคือผลิตเครื่องจักรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ต่างๆเขาจะไม่ต้องการที่จะผลิตมันเพื่อบริษัทของเขางั้นเหรอ? "
นอกจากนี้วิศวกรบางคนพูดต่อว่า "หากเขาทำชุดเครื่องมือเครื่องจักรอัจฉริยะแล้วขายให้กับบริษัทอื่นคุณได้คิดถึงเรื่องนี้แล้วหรือไม่? หากไม่จัดการให้ดีตั้งแต่ต้นในภายหลังอาจจะทำให้เกิดเรื่องราวฟ้องร้องต่อกันได้เลยนะ”
บรรดาวิศวกรของเราได้ถกเถียงกันถึงเรื่องนี้ด้วยพวกเขาจะเริ่มทดสอบเครื่องนี้หลังจากการกำหนดสิทธิให้เรียบร้อยดีเสียก่อน
“มันคือสิ่งที่ถูกขโมยมายังต้องการให้มันเป็นทรัพย์สินทางปัญญาอย่างนั้นเหรอ?” มู๋เจียนเฟิงพูดขึ้น
คิ้วของมู๋เจียนเฟิงขมวดเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ความหมายของพวกคุณคือจะบอกว่าไม่ต้องการให้เซี่ยเหล่ยผลิตเครื่องจักรนี้ได้ที่บริษัทของเขาเองอย่างนั้นเหรอ? "
วิศวกรหลายๆคนทำท่าทางเห็นด้วยกับคำพูดนี้
"คุณมู๋ พวกเรารู้ว่าสิ่งที่เราขอนี้ค่อนข้างที่จะมากเกินไปแต่สำหรับพวกเราบริษัทอุตสาหกรรมจีนที่เล็งเห็นถึงผลประโยชน์แล้วดังนั้นให้พวกเราไปคุยกับเซี่ยเหล่ยเถอะ "วิศวกรคนหนึ่งกล่าว
มู๋เจียนเฟิงเงียบอยู่พักนึงแล้วพยักหน้า เขาเป็นผู้นำของบริษัทอุตสาหกรรมจีน เขาจะต้องหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับบริษัทของเขาในใจเขาตอนนี้ได้แต่คิดว่า ‘เรื่องนี้ไม่ดีเท่าไหร่ที่จะคุยกับเซี่ยเหล่ยแต่เมื่อพิจารณาถึงผลประโยชน์ของบริษัทแล้ว มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะต้องทำเพื่อให้ได้กำไรให้มากที่สุดเขาจะต้องแบกหน้าเพื่อไปคุยกับเซี่ยเหล่ยอีกในเรื่องนี้’
"คุณทดสอบกันไปได้เลยผมจะไปคุยกับเซี่ยเหล่ยเอง" มู๋เจียนเฟิงทิ้งคำพูดไม่กี่คำแล้วกำลังจะไปหาเซี่ยเหล่ย
จู้งเหว่ยพูดแล้วเดินตามหลังไปว่า "ผู้บริหารมู๋ ผมจะไปช่วยคุณด้วยอีกแรง"
มู๋เจียนเฟิงพูดว่า "ไม่เป็นไร"
จู้งเหว่ยหยุดเดินตามเขาในทันที
มู๋เจียนเฟิงไปที่อาคารสำนักงานของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า
ในสำนักงานเซี่ยเหล่ยกำลังนอนอยู่บนโซฟาโดยมีหลางซือเหยานวดให้อยู่ มันเป็นการนวดที่ค่อนข้างแปลกแต่เซี่ยเหล่ยรู้สึกเพลิดเพลินกับการนวดนี้มากในส่วนของหลางซือเหยาเองด้วยถ้าหากเธอไม่ระวังหน้าอกของเธอในตอนนวดก็อาจจะชนกันกับหัวของเซี่ยเหล่ยได้เลย.....
แต่ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเลยเพราะเขาเหนื่อยมากจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
"คุณเหนื่อยมานานแล้วคุณมีแผนที่จะพักผ่อนบ้างไหม?" หลางซือเหยาพูด
เซี่ยเหล่ยตอบทั้งที่ยังหลับตาว่า "วันหยุดหรอ? ไม่หล่ะ”
"คุณควรจะไปเที่ยวพักผ่อนหาความสุขให้ตัวเองบ้างนะ องค์กรมีความสำคัญก็จริงแต่คนที่ทำงานให้นั้นมีความสำคัญมากกว่า" หลางซือเหยาพูดต่อว่า "คุณควรจะหาวันหยุดแล้วไปเที่ยวที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ ทำตัวเองให้ผ่อนคลายแล้วเตรียมพร้อมที่จะทำงานอีกครั้งส่วนเรื่องบริษัทฉันจะดูแลให้เอง คุณไม่ต้องกังวล"
"คุณไม่ต้องการไปด้วยงั้นเหรอ?" เซี่ยเหล่ยถาม
"คุณคิดว่าฉันจะไปด้วยเหรอ?" หลางซือเหยาพูดต่อว่า "โอเคงั้นฉันจะไปกับคุณส่วนบริษัทให้ฉิงเสวียงดูแลต่อคงไม่มีปัญหา"
เซี่ยเหล่ยได้ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณต้องการจะหยุดพักเหมือนกันใช่มั้ย?"
หลางซือเหยาขยับไปใกล้แล้วพูดข้างหูของเซี่ยเหล่ยอย่างอ่อนโยนว่า "ฉันคิดว่าคุณต้องการให้ฉันไปด้วยซะอีก ? ฉันก็ไม่ได้ไปต่างประเทศนานแล้ว ฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่สำคัญอะไรมากหรอกแต่ฉันกลัวว่าคุณจะเหงาถ้าไปคนเดียวฉันก้เลยคิดว่าไปด้วยคงจะดีกว่า "
เซี่ยเหล่ยมีความสุขอย่างมาก เขาจินตนาการภาพของเขาและหลางซือเหยา ว่าอยู่ในฉากที่กำลังเดินทางท่องเที่ยวอยู่บนหาดทรายเดินและเล่นในทะเลเห็นนกบินผ่านไปมาเต็มไปหมดในระแวกนั้นแต่จู่ๆเขาก็คิดว่าการที่จะไปเที่ยวกันสองต่อสองเป็นเวลานานหลายวันแบบนี้คงไม่ดีเป็นแน่แถมยังไม่ได้แต่งงานอีกหรือแม้แต่จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแก่กันด้วย มันจะเสื่อมเสียหรือป่าว?
นี่เป็นความคิดที่ดีแต่เมื่อมาคิดดูอีกทีมันจะเป็นไปได้มั้ย ?
ในสมองของเซี่ยเหล่ยพยายามพิจารณาเกี่ยวกับปัญหานี้จู่ๆหลางซือเหยาก็ค่อยๆก้มลงมาอย่างช้าๆ ทำให้หน้าอกอันเอิบอิ่มของเธอย้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วง ไปแตะพาดอยู่บนหัวของเซี่ยเหล่ย.......
เซี่ยเหล่ยที่กำลังคิดอยู่นั้นรับรู้ได้ถึงอะไรที่นิ่มๆอยู่บนหัวของเขาในใจของเขาคิดอย่างเร็วทันทีว่า ‘เธอต้องการจะทำอะไร?แล้วเราควรทำอย่างไร? หันไปจูบเธองั้นเหรอ? เราควรจะจูบเธอมั้ย? เราจะจูบเธอด้วยความรักหรือป่าวนะ?’
เซี่ยเหล่ยที่ไม่เคยได้มีความรักจริงจังจึงคิดไปต่างๆนาๆอยู่ตอนนี้
จุดที่เขานั่งอยู่ตอนนี้ไม่สามารถเห็นท่าทางและปฏิกิริยาของหลางซือเหยาที่กำลังหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด ตาของเธอมองลงต่ำไปที่หัวของเซี่ยเหล่ยและยิ้มกว้างจนสามารถเห็นฟันได้ เธอยังคิดไปว่าทำไมเซี่ยเหล่ยถึงนิ่งเป็นหินได้ขนาดนี้
มันเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาต่อจากนี้แต่ในตอนนี้ มู๋เจียนเฟิงได้ปรากฏตัวอยู่ที่ทางเข้า
ในตอนเดียวกันนั้นหลางซือเหยาก็ยืนขึ้นเซี่ยเหล่ยเองก็ลุกขึ้นจากโซฟาเหมือนกัน
"ไม่ได้มารบกวนพวกคุณใช่มั้ย?" บนใบหน้าของมู๋เจียนเฟิงแสดงท่าทางยิ้มอ่อนๆ
"ไม่เลยๆ" เซี่ยเหล่ยตอบแบบงุ่มง่ามแล้วพูดต่อว่า "ผู้บริหารมู๋ เชิญนั่งก่อน"
หลางซือเหยารีบเลี่ยงความสนใจโดยการพูดขึ้นว่า "ผู้บริหารมู๋ ฉันจะไปชงชามาให้คุณ"
มู๋เจียนเฟิงพูดอย่างเรียบง่ายว่า "ชาไม่ต้องหรอกแต่ขอผมคุณกับเซี่ยเหล่ยแค่สองต่อสองได้มั้ย? “
"งั้นก็เชิญตามสบาย " หลางซือเหยาเดินออกไปพร้อมปิดประตูให้
มู๋เจียนเฟิงเริ่มพูดขึ้นว่า "เซี่ยเหล่ย...ผมรู้ว่าคุณไว้ใจในตัวหลางซือเหยามาก แต่ด้วยพวกเราบริษัทอุตสาหกรรมจีนมีเรื่องจะมาพูดในวันนี้ ผมคงต้องขอความกรุณาจากคุณด้วย"
เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ผู้บริหารมู๋ ทำไมถึงพูดแบบสุภาพอย่างนั้นกับผมหล่ะ?"
มู๋เจียนเฟิงนั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกับเซี่ยเหล่ยแล้วพูดว่า "ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ผมก็ต้องทำตัวสุภาพหน่อยสิ"
เซี่ยเหล่ยงงเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มขึ้นทันทีแล้วพูดว่า "คุณให้คนทดสอบเครื่องจักรแล้วใช่มั้ย? มันไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย? "
มู๋เจียนเฟิงยังยิ้มแล้วพูดว่า "มันไม่ได้มีปัญหาเลย เรียกได้ว่ามันสุดยอดมาก"
"นี่เป็นสิ่งที่ดีแต่ผมกลัวว่ามันอาจจะยังมีข้อผิดพลาด" เซี่ยเหล่ยพูดขึ้น
"คุณมีความมั่นใจอยู่แล้วนี่ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้เก็บมันไว้ในห้องทำงานของคุณ เพราะคุณรู้ว่าเครื่องจักรของคุณไม่ได้มีปัญหาแม้แต่นิดเดียว คุณเลยไม่กลัวที่ใครจะมาทดสอบ" มู๋เจียนเฟิงกล่าว
"เฮ้เฮ้ ! พูดอย่างกับว่าผมจะได้กองทุนในเร็วๆนี้?" เซี่ยเหล่ยพูด
มู๋เจียนเฟิงยังคงพูดอย่างเรียบง่ายว่า "เงินเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ คุณต้องการเท่าไหร่ ผมสามารถให้คุณได้"
หลายสิ่งที่เกิดขึ้นเงิน 10 ล้านของกองทุนบริษัทอุตสาหกรรมจีนจะเป็นผู้จัดการให้ไม่ต้องกังวลอะไร
"ขอบคุณผู้บริหารมู๋จริงๆ" เซี่ยเหล่ยพูดอย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยรู้ว่าจริงๆแล้ว มู๋เจียนเฟิงไม่ได้ต้องการที่จะพูดเรื่องนี้เป็นหลักในการมาครั้งนี้
มู๋เจียนเฟิงเงียบไปซักพักแล้วพูดขึ้นใหม่ว่า "เซี่ยเหล่ย ผมมีอีกเรื่องที่ต้องการจะคุยกับคุณซึ่งผมรู้สึกละอายใจมากที่จะพูดมันออกมา"
"เชิญพูดตามสบายได้เลย" เซี่ยเหล่ยพูด
"ผมใช้เงิน 88 ล้านซื้อเครื่องจักรอัจฉริยะของคุณและสิ่งที่พวกผมต้องการคือทรัพย์สินทางปัญญาที่สมบูรณ์ มันเท่ากับเป็นการเป็นเจ้าของสิทธิบัตรและต่อจากนี้จะมีเพียงแค่บริษัทอุตสาหกรรมจีนที่เป็นเจ้าของสามารถผลิตและขายมันได้ พวกคุณไม่สามารถที่จะผลิตหรือขายมันได้เด็ดขาด คุณเข้าใจที่ผมพูดหรือป่าว? “การพูดคุยที่เคร่งเครียดเริ่มขึ้นแล้วและด้วยที่มู๋เจียนเฟิงพูดขึ้นทำให้ทุกอย่างเงียบลงซึ่งเห็นได้ชัดว่าเซี่ยเหล่ยมีท่าทีที่แปลกไปนิดหน่อย
ปฏิกิริยาของเซี่ยเหล่ยค่อยๆกลับมาสงบนิ่งหลังจากผ่านไปหลายวินาทีและพูดขึ้นว่า "ผู้บริหารมู๋ คุณช่างเป็นคนที่ไร้คุณธรรมและความยุติธรรมจริงๆ"
มู๋เจียนเฟิงได้แต่หัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความละอายแล้วพูดขึ้นว่า "ผมรู้ว่าพวกเราเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมของประเทศ แม้ว่าบางทีบางสิ่งบางอย่างจะไม่เป็นไปตามศีลธรรมและความยุติธรรมแต่พิจารณาจากผลประโยชน์ระยะยาวแล้วมันเป็นสิ่งที่พวกผมต้องทำ ! "
"ผมไม่สามารถยอมรับขอเสนอนี้ได้ !" เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นกระทันหัน
"แต่ต้องยอมรับมัน" การแสดงออกของมู๋เจียนเฟิงเป็นไปอย่างเรียบง่ายเพราะเขาได้ทิ้งศักดิ์ศรีไปเรียบร้อยแล้ว
เซี่ยเหล่ยไม่จำเป็นต้องพิจารณาเลยว่าเขานั้นเหมือนหนิงเหยี่ยซานเพียงใด
มู๋เจียนเฟิงถอนหายใจแล้วพูดว่า "เซี่ยเหล่ยผมหวังว่าคุณจะเข้าใจเรื่องนี้แล้วนะ"
เซี่ยเหล่ยตอบกลับว่า "ผู้บริหารมู๋ คุณรู้ไหมว่าเครื่องจักรนี้เป็นเครื่องจักรที่อัจฉริยะและทันสมัยที่สุดในโลก"
"ผมรู้แล้วคุณไม่จำเป็นต้องพูดอีก" มู๋เจียนเฟิงตอบ
เซี่ยเหล่ยยังพูดต่อว่า "คุณรู้ไหมว่าผมได้มันมาอย่างไร ?"
มู๋เจียนเฟิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็ส่ายหัว
"ผมได้ขโมยมาจากอุตสาหกรรมการผลิตที่พัฒนามากที่สุดในประเทศเยอรมนีผมเสี่ยงชีวิต และเกือบตายอยู่ที่นั่น" เซี่ยเหล่ยพูดด้วยอารมณ์
มู๋เจียนเฟิงพูดอย่างเรียบง่ายว่า "ขอบคุณที่คุณมีส่วนช่วยในประเทศนี้"
เซี่ยเหล่ยสงบสติและพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า "คุณใช้พิมพ์เขียวและซอฟต์แวร์ที่ผมขโมยมา ผมสามารถทำให้มันไม่สามารถใช้ได้ในพริบตาถ้าหากคุณไม่ให้บริษัทของผมสามารถใช้มัน เรื่องนี้ผมจะไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้นด้วย "
"ผมรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับคุณ แต่คุณต้องเข้าใจด้วย" มู๋เจียนเฟิงกล่าว
"ผมไม่ได้มีคนทำงานในบริษัทผมแค่ตัวผมคนเดียวแต่ผมมีพนักงานด้วย ผมรู้ว่าสิ่งนี้มันมีความหมายสำหรับคุณและมันมีความหมายกับประเทศ เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้ม " ผมคิดว่าหากคุณไม่ได้ขายมันพวกคุณก็ไม่เป็นอะไรพวกคุณจะยังอยู่ได้ แต่สำหรับผมยังมีพนักงานอีก 115 คนที่ยังต้องกินและต้องใช้ชีวิตต่อไป "
"งั้นคุณว่าราคามาเลย" มู๋เจียนเฟิงพูดขึ้น
เซี่ยเหล่ยคิดว่ามันจะต้องมีมูลค่าที่สูงมาก "การขโมยของผมคิดที่ราว 200 ล้าน นอกจากนี้ผมไม่ได้ทำเครื่องมือขึ้นมาเพื่อเอาไว้ขายอย่างเดียวแต่ผมต้องการใช้มันเพื่อพัฒนาให้บริษัทยิ่งใหญ่กว่าที่เป็นในตอนนี้ด้วย"
มู๋เจียนเฟิงได้ยิ้มแล้วพูดว่า "เซี่ยเหล่ย คุณเคยพูดอย่างมั่นใจว่ามันไม่ได้เป็นการขโมยไม่ใช่หรอ?"
เซี่ยเหล่ยส่ายหัว "เครื่องจักรดังกล่าวเป็นเครื่องจักรที่อัจฉริยะและทันสมัยที่สุดในโลก มันไม่สามารถซื้อได้เพียงแค่จ่ายเงิน 200ล้าน เพราะถ้าใครที่ได้สิทธิในการผลิตมันแล้วจะสามารถทำเงินมหาศาลกว่าที่คุณจะให้ผมเป็นแน่ ถ้าหากว่าบริษัทของผมได้เป็นคนผลิตและส่งออก มันจะเป็นปัญหาต่อยุโรปและอเมริกาซึ่งคงไม่ดีแน่แต่ไม่ใช่กับตลาดเอเซีย นเวลานี้ผมคิด200ล้านแต่ในความเป็นจริงถ้าขายได้ผมจะได้รับ200ล้านเป็น10ครั้งหรือ100ครั้งเลยก็ได้ "
มู๋เจียนเฟิงกล่าวว่า "เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นข้อห้ามที่จะขายในยุโรปและอเมริกาโดยไม่มีข้อยกเว้น ในความเป็นจริงเราจะต้องเก็บมันเป็นความลับซึ่งไม่ว่าจะผลิตออกมาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถขายมันได้ "
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ "เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว 200 ล้านมันคงไม่มากเกินไปหรอกนะ"
"จริงๆมันก็ไม่ได้มากเกินไป" มู๋เจียนเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า "ถือว่าเป็นอันตกลง"
เซี่ยเหล่ยเองก็ยังยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า "ถือว่าตกลง"
มู๋เจียนเฟิงกล่าวว่า "แต่คุณต้องเซ็นสัญญาเพื่อยืนยันว่าถ้าภายหลังคุณขายพวกมันขึ้นมาเท่ากับว่าคุณได้ขายความลับของชาติ ผมเลยขอเตือนคุณก่อนหวังว่าคุณจะจำไว้และทำได้นะ?”
“มันไม่ใช่ปัญหา” เซี่ยเหล่ยพูด
หน้าผากของเซี่ยเหล่ยย่นและเขาก็ขมวดคิ้วในเวลาเดียวกัน เขาต้องการที่จะส่งเสริมการผลิตของบริษัทจากเครื่องจักรอัจฉริยะแต่ในความเป็นจริงไม่ได้สวยงามเช่นนั้น
"อย่างไรก็ตามผมให้ขอแนะนำหน่อยแล้วกัน คุณไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรอัจฉริยะเพื่อโปรโมตบริษัทของคุณถึงระดับการผลิตและเพิ่มกำลังการผลิตหรอก“มู๋เจียนเฟิงยังคงพูดต่อว่า” ผมเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมที่นี่ ผมซึ่งเป็นคนผลักดันบริษัทเล็กๆอยู่แล้ว ผมจะเป็นคนผลักดันคุณเอง ผมว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาหรอกนะเพราะคุณเองก็มีรถเข็นช็อปปิ้งและไม้เซลฟี่แล้วด้วย"
เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า "โอเค 200 ล้านและเรื่องการโปรโมตบริษัทของผมเป็นอันว่าตกลงแล้วผมจะไม่ไปยุ่งกับเครื่องจักรอัจฉริยะอีก ผมจะถือว่ามันเป็นของคุณโดยสมบูรณ์”
มู๋เจียนเฟิงยกมือขึ้นมาเพื่อจับกับเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยยื่นมือทั้งสองออกไปจับแล้วพูดว่า "เราร่วมมือกันแล้ว”
มุมของปากของมู๋เจียนเฟิงได้แสดงออกถึงรอยยิ้มแล้วพูดว่า "ถือว่าเป็นการร่วมมือกัน"
แต่พวกเขาเองรู้ว่านี่เป็นความร่วมมือกันครั้งสุดท้าย..............
ติดตามตอนต่อไป.........