ตอนที่แล้วTXV – 159 สำเร็จแล้ว !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV – 161  แผนหลอกล่อรับสมัครพนักงานใหม่ !

TXV – 160 การร่วมงานครั้งสุดท้าย !


TXV – 160 การร่วมงานครั้งสุดท้าย !

 

        เซี่ยเหล่ยผลิตเครื่องจักรอัจฉริยะแบบเดียวกับที่โจเซฟก็ผลิตโดยที่ไม่มีปัญหาอะไร บรรดาวิศวกรของบริษัทอุตสาหกรรมจีนทำงานได้อย่างรวดเร็วด้วยความรู้สึกแล้วมันต่างกันจนกระทั่งเริ่มทดสอบด้วยตัวเองตั้งแต่ก่อนเริ่มที่จะประมวลผลมันที่ชิ้นส่วนต่างๆยังไม่ประกอบเรียบร้อยดี เขายังไม่เชื่อว่าเซี่ยเหล่ยจะทำด้วยมือของเขาเองทั้งหมด

 

        "คุณมู๋" วิศวกรพูดว่า "เซี่ยเหล่ยเป็นคนที่เยี่ยมจริงๆเขาสามารถผลิตเจ้าเครื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย คุณมาดูนี่สิ !"

 

        วิศวกรคนอื่นพูดว่า "ใช่เขาเปิดเป็นบริษัทผลิต งานหลักคือผลิตเครื่องจักรสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ต่างๆเขาจะไม่ต้องการที่จะผลิตมันเพื่อบริษัทของเขางั้นเหรอ? "

 

        นอกจากนี้วิศวกรบางคนพูดต่อว่า "หากเขาทำชุดเครื่องมือเครื่องจักรอัจฉริยะแล้วขายให้กับบริษัทอื่นคุณได้คิดถึงเรื่องนี้แล้วหรือไม่? หากไม่จัดการให้ดีตั้งแต่ต้นในภายหลังอาจจะทำให้เกิดเรื่องราวฟ้องร้องต่อกันได้เลยนะ”

 

        บรรดาวิศวกรของเราได้ถกเถียงกันถึงเรื่องนี้ด้วยพวกเขาจะเริ่มทดสอบเครื่องนี้หลังจากการกำหนดสิทธิให้เรียบร้อยดีเสียก่อน

 

        “มันคือสิ่งที่ถูกขโมยมายังต้องการให้มันเป็นทรัพย์สินทางปัญญาอย่างนั้นเหรอ?” มู๋เจียนเฟิงพูดขึ้น

 

        คิ้วของมู๋เจียนเฟิงขมวดเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ความหมายของพวกคุณคือจะบอกว่าไม่ต้องการให้เซี่ยเหล่ยผลิตเครื่องจักรนี้ได้ที่บริษัทของเขาเองอย่างนั้นเหรอ? "

 

        วิศวกรหลายๆคนทำท่าทางเห็นด้วยกับคำพูดนี้

 

        "คุณมู๋ พวกเรารู้ว่าสิ่งที่เราขอนี้ค่อนข้างที่จะมากเกินไปแต่สำหรับพวกเราบริษัทอุตสาหกรรมจีนที่เล็งเห็นถึงผลประโยชน์แล้วดังนั้นให้พวกเราไปคุยกับเซี่ยเหล่ยเถอะ "วิศวกรคนหนึ่งกล่าว

 

        มู๋เจียนเฟิงเงียบอยู่พักนึงแล้วพยักหน้า เขาเป็นผู้นำของบริษัทอุตสาหกรรมจีน เขาจะต้องหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับบริษัทของเขาในใจเขาตอนนี้ได้แต่คิดว่า ‘เรื่องนี้ไม่ดีเท่าไหร่ที่จะคุยกับเซี่ยเหล่ยแต่เมื่อพิจารณาถึงผลประโยชน์ของบริษัทแล้ว มันก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะต้องทำเพื่อให้ได้กำไรให้มากที่สุดเขาจะต้องแบกหน้าเพื่อไปคุยกับเซี่ยเหล่ยอีกในเรื่องนี้’

 

        "คุณทดสอบกันไปได้เลยผมจะไปคุยกับเซี่ยเหล่ยเอง" มู๋เจียนเฟิงทิ้งคำพูดไม่กี่คำแล้วกำลังจะไปหาเซี่ยเหล่ย

 

        จู้งเหว่ยพูดแล้วเดินตามหลังไปว่า "ผู้บริหารมู๋ ผมจะไปช่วยคุณด้วยอีกแรง"

 

        มู๋เจียนเฟิงพูดว่า "ไม่เป็นไร"

 

        จู้งเหว่ยหยุดเดินตามเขาในทันที

 

        มู๋เจียนเฟิงไปที่อาคารสำนักงานของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า

 

        ในสำนักงานเซี่ยเหล่ยกำลังนอนอยู่บนโซฟาโดยมีหลางซือเหยานวดให้อยู่ มันเป็นการนวดที่ค่อนข้างแปลกแต่เซี่ยเหล่ยรู้สึกเพลิดเพลินกับการนวดนี้มากในส่วนของหลางซือเหยาเองด้วยถ้าหากเธอไม่ระวังหน้าอกของเธอในตอนนวดก็อาจจะชนกันกับหัวของเซี่ยเหล่ยได้เลย.....

 

        แต่ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆเลยเพราะเขาเหนื่อยมากจากสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

        "คุณเหนื่อยมานานแล้วคุณมีแผนที่จะพักผ่อนบ้างไหม?" หลางซือเหยาพูด

 

        เซี่ยเหล่ยตอบทั้งที่ยังหลับตาว่า "วันหยุดหรอ? ไม่หล่ะ”

         

        "คุณควรจะไปเที่ยวพักผ่อนหาความสุขให้ตัวเองบ้างนะ องค์กรมีความสำคัญก็จริงแต่คนที่ทำงานให้นั้นมีความสำคัญมากกว่า" หลางซือเหยาพูดต่อว่า "คุณควรจะหาวันหยุดแล้วไปเที่ยวที่ไหนก็ได้บนโลกนี้ ทำตัวเองให้ผ่อนคลายแล้วเตรียมพร้อมที่จะทำงานอีกครั้งส่วนเรื่องบริษัทฉันจะดูแลให้เอง คุณไม่ต้องกังวล"

 

        "คุณไม่ต้องการไปด้วยงั้นเหรอ?" เซี่ยเหล่ยถาม

 

        "คุณคิดว่าฉันจะไปด้วยเหรอ?" หลางซือเหยาพูดต่อว่า "โอเคงั้นฉันจะไปกับคุณส่วนบริษัทให้ฉิงเสวียงดูแลต่อคงไม่มีปัญหา"

 

        เซี่ยเหล่ยได้ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณต้องการจะหยุดพักเหมือนกันใช่มั้ย?"

 

        หลางซือเหยาขยับไปใกล้แล้วพูดข้างหูของเซี่ยเหล่ยอย่างอ่อนโยนว่า "ฉันคิดว่าคุณต้องการให้ฉันไปด้วยซะอีก ? ฉันก็ไม่ได้ไปต่างประเทศนานแล้ว ฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่สำคัญอะไรมากหรอกแต่ฉันกลัวว่าคุณจะเหงาถ้าไปคนเดียวฉันก้เลยคิดว่าไปด้วยคงจะดีกว่า "

 

        เซี่ยเหล่ยมีความสุขอย่างมาก เขาจินตนาการภาพของเขาและหลางซือเหยา ว่าอยู่ในฉากที่กำลังเดินทางท่องเที่ยวอยู่บนหาดทรายเดินและเล่นในทะเลเห็นนกบินผ่านไปมาเต็มไปหมดในระแวกนั้นแต่จู่ๆเขาก็คิดว่าการที่จะไปเที่ยวกันสองต่อสองเป็นเวลานานหลายวันแบบนี้คงไม่ดีเป็นแน่แถมยังไม่ได้แต่งงานอีกหรือแม้แต่จะมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแก่กันด้วย มันจะเสื่อมเสียหรือป่าว?

 

        นี่เป็นความคิดที่ดีแต่เมื่อมาคิดดูอีกทีมันจะเป็นไปได้มั้ย ?

 

        ในสมองของเซี่ยเหล่ยพยายามพิจารณาเกี่ยวกับปัญหานี้จู่ๆหลางซือเหยาก็ค่อยๆก้มลงมาอย่างช้าๆ ทำให้หน้าอกอันเอิบอิ่มของเธอย้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วง ไปแตะพาดอยู่บนหัวของเซี่ยเหล่ย.......

 

        เซี่ยเหล่ยที่กำลังคิดอยู่นั้นรับรู้ได้ถึงอะไรที่นิ่มๆอยู่บนหัวของเขาในใจของเขาคิดอย่างเร็วทันทีว่า ‘เธอต้องการจะทำอะไร?แล้วเราควรทำอย่างไร? หันไปจูบเธองั้นเหรอ? เราควรจะจูบเธอมั้ย? เราจะจูบเธอด้วยความรักหรือป่าวนะ?’

 

        เซี่ยเหล่ยที่ไม่เคยได้มีความรักจริงจังจึงคิดไปต่างๆนาๆอยู่ตอนนี้

 

        จุดที่เขานั่งอยู่ตอนนี้ไม่สามารถเห็นท่าทางและปฏิกิริยาของหลางซือเหยาที่กำลังหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด ตาของเธอมองลงต่ำไปที่หัวของเซี่ยเหล่ยและยิ้มกว้างจนสามารถเห็นฟันได้ เธอยังคิดไปว่าทำไมเซี่ยเหล่ยถึงนิ่งเป็นหินได้ขนาดนี้

 

        มันเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาต่อจากนี้แต่ในตอนนี้ มู๋เจียนเฟิงได้ปรากฏตัวอยู่ที่ทางเข้า

 

        ในตอนเดียวกันนั้นหลางซือเหยาก็ยืนขึ้นเซี่ยเหล่ยเองก็ลุกขึ้นจากโซฟาเหมือนกัน

 

        "ไม่ได้มารบกวนพวกคุณใช่มั้ย?" บนใบหน้าของมู๋เจียนเฟิงแสดงท่าทางยิ้มอ่อนๆ

 

        "ไม่เลยๆ" เซี่ยเหล่ยตอบแบบงุ่มง่ามแล้วพูดต่อว่า "ผู้บริหารมู๋ เชิญนั่งก่อน"

 

        หลางซือเหยารีบเลี่ยงความสนใจโดยการพูดขึ้นว่า "ผู้บริหารมู๋ ฉันจะไปชงชามาให้คุณ"

 

        มู๋เจียนเฟิงพูดอย่างเรียบง่ายว่า "ชาไม่ต้องหรอกแต่ขอผมคุณกับเซี่ยเหล่ยแค่สองต่อสองได้มั้ย? “

 

        "งั้นก็เชิญตามสบาย " หลางซือเหยาเดินออกไปพร้อมปิดประตูให้

 

        มู๋เจียนเฟิงเริ่มพูดขึ้นว่า "เซี่ยเหล่ย...ผมรู้ว่าคุณไว้ใจในตัวหลางซือเหยามาก แต่ด้วยพวกเราบริษัทอุตสาหกรรมจีนมีเรื่องจะมาพูดในวันนี้ ผมคงต้องขอความกรุณาจากคุณด้วย"

 

        เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ผู้บริหารมู๋ ทำไมถึงพูดแบบสุภาพอย่างนั้นกับผมหล่ะ?"

 

        มู๋เจียนเฟิงนั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกับเซี่ยเหล่ยแล้วพูดว่า "ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ ผมก็ต้องทำตัวสุภาพหน่อยสิ"

 

        เซี่ยเหล่ยงงเล็กน้อยแต่ก็ยิ้มขึ้นทันทีแล้วพูดว่า "คุณให้คนทดสอบเครื่องจักรแล้วใช่มั้ย? มันไม่มีปัญหาอะไรใช่มั้ย? "

 

        มู๋เจียนเฟิงยังยิ้มแล้วพูดว่า "มันไม่ได้มีปัญหาเลย เรียกได้ว่ามันสุดยอดมาก"

 

        "นี่เป็นสิ่งที่ดีแต่ผมกลัวว่ามันอาจจะยังมีข้อผิดพลาด" เซี่ยเหล่ยพูดขึ้น

 

        "คุณมีความมั่นใจอยู่แล้วนี่ก่อนหน้านี้คุณไม่ได้เก็บมันไว้ในห้องทำงานของคุณ เพราะคุณรู้ว่าเครื่องจักรของคุณไม่ได้มีปัญหาแม้แต่นิดเดียว คุณเลยไม่กลัวที่ใครจะมาทดสอบ" มู๋เจียนเฟิงกล่าว

 

        "เฮ้เฮ้ ! พูดอย่างกับว่าผมจะได้กองทุนในเร็วๆนี้?" เซี่ยเหล่ยพูด

 

        มู๋เจียนเฟิงยังคงพูดอย่างเรียบง่ายว่า "เงินเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ คุณต้องการเท่าไหร่ ผมสามารถให้คุณได้"

 

        หลายสิ่งที่เกิดขึ้นเงิน 10 ล้านของกองทุนบริษัทอุตสาหกรรมจีนจะเป็นผู้จัดการให้ไม่ต้องกังวลอะไร

 

        "ขอบคุณผู้บริหารมู๋จริงๆ" เซี่ยเหล่ยพูดอย่างไรก็ตามเซี่ยเหล่ยรู้ว่าจริงๆแล้ว มู๋เจียนเฟิงไม่ได้ต้องการที่จะพูดเรื่องนี้เป็นหลักในการมาครั้งนี้

 

        มู๋เจียนเฟิงเงียบไปซักพักแล้วพูดขึ้นใหม่ว่า "เซี่ยเหล่ย ผมมีอีกเรื่องที่ต้องการจะคุยกับคุณซึ่งผมรู้สึกละอายใจมากที่จะพูดมันออกมา"

 

        "เชิญพูดตามสบายได้เลย" เซี่ยเหล่ยพูด

 

        "ผมใช้เงิน 88 ล้านซื้อเครื่องจักรอัจฉริยะของคุณและสิ่งที่พวกผมต้องการคือทรัพย์สินทางปัญญาที่สมบูรณ์ มันเท่ากับเป็นการเป็นเจ้าของสิทธิบัตรและต่อจากนี้จะมีเพียงแค่บริษัทอุตสาหกรรมจีนที่เป็นเจ้าของสามารถผลิตและขายมันได้ พวกคุณไม่สามารถที่จะผลิตหรือขายมันได้เด็ดขาด คุณเข้าใจที่ผมพูดหรือป่าว? “การพูดคุยที่เคร่งเครียดเริ่มขึ้นแล้วและด้วยที่มู๋เจียนเฟิงพูดขึ้นทำให้ทุกอย่างเงียบลงซึ่งเห็นได้ชัดว่าเซี่ยเหล่ยมีท่าทีที่แปลกไปนิดหน่อย

 

        ปฏิกิริยาของเซี่ยเหล่ยค่อยๆกลับมาสงบนิ่งหลังจากผ่านไปหลายวินาทีและพูดขึ้นว่า "ผู้บริหารมู๋ คุณช่างเป็นคนที่ไร้คุณธรรมและความยุติธรรมจริงๆ"

 

        มู๋เจียนเฟิงได้แต่หัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความละอายแล้วพูดขึ้นว่า "ผมรู้ว่าพวกเราเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมของประเทศ แม้ว่าบางทีบางสิ่งบางอย่างจะไม่เป็นไปตามศีลธรรมและความยุติธรรมแต่พิจารณาจากผลประโยชน์ระยะยาวแล้วมันเป็นสิ่งที่พวกผมต้องทำ ! "

 

        "ผมไม่สามารถยอมรับขอเสนอนี้ได้ !" เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นกระทันหัน

 

        "แต่ต้องยอมรับมัน" การแสดงออกของมู๋เจียนเฟิงเป็นไปอย่างเรียบง่ายเพราะเขาได้ทิ้งศักดิ์ศรีไปเรียบร้อยแล้ว

 

        เซี่ยเหล่ยไม่จำเป็นต้องพิจารณาเลยว่าเขานั้นเหมือนหนิงเหยี่ยซานเพียงใด

 

        มู๋เจียนเฟิงถอนหายใจแล้วพูดว่า "เซี่ยเหล่ยผมหวังว่าคุณจะเข้าใจเรื่องนี้แล้วนะ"

 

        เซี่ยเหล่ยตอบกลับว่า "ผู้บริหารมู๋ คุณรู้ไหมว่าเครื่องจักรนี้เป็นเครื่องจักรที่อัจฉริยะและทันสมัยที่สุดในโลก"

 

        "ผมรู้แล้วคุณไม่จำเป็นต้องพูดอีก" มู๋เจียนเฟิงตอบ

 

        เซี่ยเหล่ยยังพูดต่อว่า "คุณรู้ไหมว่าผมได้มันมาอย่างไร ?"

 

        มู๋เจียนเฟิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยจากนั้นก็ส่ายหัว

 

        "ผมได้ขโมยมาจากอุตสาหกรรมการผลิตที่พัฒนามากที่สุดในประเทศเยอรมนีผมเสี่ยงชีวิต และเกือบตายอยู่ที่นั่น" เซี่ยเหล่ยพูดด้วยอารมณ์

 

        มู๋เจียนเฟิงพูดอย่างเรียบง่ายว่า "ขอบคุณที่คุณมีส่วนช่วยในประเทศนี้"

 

        เซี่ยเหล่ยสงบสติและพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า "คุณใช้พิมพ์เขียวและซอฟต์แวร์ที่ผมขโมยมา ผมสามารถทำให้มันไม่สามารถใช้ได้ในพริบตาถ้าหากคุณไม่ให้บริษัทของผมสามารถใช้มัน เรื่องนี้ผมจะไม่คำนึงถึงอะไรทั้งนั้นด้วย "

 

        "ผมรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมกับคุณ แต่คุณต้องเข้าใจด้วย" มู๋เจียนเฟิงกล่าว

 

        "ผมไม่ได้มีคนทำงานในบริษัทผมแค่ตัวผมคนเดียวแต่ผมมีพนักงานด้วย ผมรู้ว่าสิ่งนี้มันมีความหมายสำหรับคุณและมันมีความหมายกับประเทศ เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้ม " ผมคิดว่าหากคุณไม่ได้ขายมันพวกคุณก็ไม่เป็นอะไรพวกคุณจะยังอยู่ได้ แต่สำหรับผมยังมีพนักงานอีก 115 คนที่ยังต้องกินและต้องใช้ชีวิตต่อไป "

 

        "งั้นคุณว่าราคามาเลย" มู๋เจียนเฟิงพูดขึ้น

 

        เซี่ยเหล่ยคิดว่ามันจะต้องมีมูลค่าที่สูงมาก "การขโมยของผมคิดที่ราว 200 ล้าน นอกจากนี้ผมไม่ได้ทำเครื่องมือขึ้นมาเพื่อเอาไว้ขายอย่างเดียวแต่ผมต้องการใช้มันเพื่อพัฒนาให้บริษัทยิ่งใหญ่กว่าที่เป็นในตอนนี้ด้วย"

 

        มู๋เจียนเฟิงได้ยิ้มแล้วพูดว่า "เซี่ยเหล่ย คุณเคยพูดอย่างมั่นใจว่ามันไม่ได้เป็นการขโมยไม่ใช่หรอ?"

 

        เซี่ยเหล่ยส่ายหัว "เครื่องจักรดังกล่าวเป็นเครื่องจักรที่อัจฉริยะและทันสมัยที่สุดในโลก มันไม่สามารถซื้อได้เพียงแค่จ่ายเงิน 200ล้าน เพราะถ้าใครที่ได้สิทธิในการผลิตมันแล้วจะสามารถทำเงินมหาศาลกว่าที่คุณจะให้ผมเป็นแน่ ถ้าหากว่าบริษัทของผมได้เป็นคนผลิตและส่งออก มันจะเป็นปัญหาต่อยุโรปและอเมริกาซึ่งคงไม่ดีแน่แต่ไม่ใช่กับตลาดเอเซีย นเวลานี้ผมคิด200ล้านแต่ในความเป็นจริงถ้าขายได้ผมจะได้รับ200ล้านเป็น10ครั้งหรือ100ครั้งเลยก็ได้ "

 

        มู๋เจียนเฟิงกล่าวว่า "เทคโนโลยีดังกล่าวเป็นข้อห้ามที่จะขายในยุโรปและอเมริกาโดยไม่มีข้อยกเว้น ในความเป็นจริงเราจะต้องเก็บมันเป็นความลับซึ่งไม่ว่าจะผลิตออกมาเท่าไหร่ก็ไม่สามารถขายมันได้ "

 

        เซี่ยเหล่ยยักไหล่ "เมื่อเข้าใจทุกอย่างแล้ว 200 ล้านมันคงไม่มากเกินไปหรอกนะ"

 

        "จริงๆมันก็ไม่ได้มากเกินไป" มู๋เจียนเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า "ถือว่าเป็นอันตกลง"

 

        เซี่ยเหล่ยเองก็ยังยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า "ถือว่าตกลง"

 

        มู๋เจียนเฟิงกล่าวว่า "แต่คุณต้องเซ็นสัญญาเพื่อยืนยันว่าถ้าภายหลังคุณขายพวกมันขึ้นมาเท่ากับว่าคุณได้ขายความลับของชาติ ผมเลยขอเตือนคุณก่อนหวังว่าคุณจะจำไว้และทำได้นะ?”

 

        “มันไม่ใช่ปัญหา” เซี่ยเหล่ยพูด

 

        หน้าผากของเซี่ยเหล่ยย่นและเขาก็ขมวดคิ้วในเวลาเดียวกัน เขาต้องการที่จะส่งเสริมการผลิตของบริษัทจากเครื่องจักรอัจฉริยะแต่ในความเป็นจริงไม่ได้สวยงามเช่นนั้น

 

        "อย่างไรก็ตามผมให้ขอแนะนำหน่อยแล้วกัน คุณไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องจักรอัจฉริยะเพื่อโปรโมตบริษัทของคุณถึงระดับการผลิตและเพิ่มกำลังการผลิตหรอก“มู๋เจียนเฟิงยังคงพูดต่อว่า” ผมเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมที่นี่ ผมซึ่งเป็นคนผลักดันบริษัทเล็กๆอยู่แล้ว ผมจะเป็นคนผลักดันคุณเอง ผมว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาหรอกนะเพราะคุณเองก็มีรถเข็นช็อปปิ้งและไม้เซลฟี่แล้วด้วย"

 

        เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า "โอเค 200 ล้านและเรื่องการโปรโมตบริษัทของผมเป็นอันว่าตกลงแล้วผมจะไม่ไปยุ่งกับเครื่องจักรอัจฉริยะอีก ผมจะถือว่ามันเป็นของคุณโดยสมบูรณ์”

 

        มู๋เจียนเฟิงยกมือขึ้นมาเพื่อจับกับเซี่ยเหล่ย

 

        เซี่ยเหล่ยยื่นมือทั้งสองออกไปจับแล้วพูดว่า "เราร่วมมือกันแล้ว”

 

        มุมของปากของมู๋เจียนเฟิงได้แสดงออกถึงรอยยิ้มแล้วพูดว่า "ถือว่าเป็นการร่วมมือกัน"

 

        แต่พวกเขาเองรู้ว่านี่เป็นความร่วมมือกันครั้งสุดท้าย..............

 

ติดตามตอนต่อไป.........

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด