GE8 จื่อเฮ่อ การบ่มเพาะผสาน
Chapter 8 จื่อเฮ่อ การบ่มเพาะผสาน
เมืองฉีเหมย ตำหนักซื่อถู หนึ่งชั่วยามผ่านไป
“น้องสาม เจ้าพูดอะไร? นี่เจ้ายอมรับคำสั่งของหนิงฝานแล้วงั้นหรอ?” ในคฤหาสน์ซื่อถู ชายร่างบางไว้เคราในชุดคลุมดำกล่าว
“เขาอยากได้หญ้าทมิฬทั้งเจ้ายังเป็นคนบอกให้เขามาพบข้า? ฮึ่ม เจ้าเด็กนี่เย่อหยิ่งนัก ถ้ามันอยากได้ก็บอกให้มันมาเอาด้วยตัวเอง!”
“พี่สอง นี่…” ยุ่ยฉีเผยสีหน้าลำบากใจ
แต่ชายร่างบางกลับสบัดแขนเสื้อเป็นเชิงขับไล่ยุยฉี
***
เมืองฉีเหมย ตำหนักหนานกง
“นายท่าน นี่คือข่าวที่ข้ารับใช้ผู้นี้สืบหามา...” ภายในตำหนักหนานกง สตรีในชุดรัดรูปกำลังคุกเข่ารายงาน
“ฮึ่ม... หนิงฝาน...ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเขาจะไปหาสมุนไพรมารักษานายท่านได้ยังไง พิษหยิน 7 ชนิด ยาเสริมกำลังหยางอีก 7 ชนิด สมุนไพรที่จะใช้รักษาพิษทั้งสองล้วนมีคุณสมบัติตรงกันข้าม ยามนี้ นายท่านทำได้เพียงใช้โอสถสกดยาพิษไว้เท่านั้น… เจ้าทำดีมากโหลวหลาน ไปได้แล้ว”
หนานกงคือนามของชายวัยกลางคนที่มีน้ำเสียงคล้ายอิสตรี ยามนี้ในมือของหนานกงถือภาพเหมือนของหนิงฝานพลางเลียริมฝีปาก
“คนผู้นี้… หรือโลกกระบี่เป็นผู้ส่งมาทำร้ายนายท่าน”
***
เมืองฉีเหมย ศาลาไร้ธรรม
“เจออะไรบ้าง? วันนี้ผู้ใดเป็นคนซื้อต้นท้อพันปีไป?”
ภายในศาลาไร้ธรรมปรากฏน้ำเสียงอันนุ่มละมุนของสตรีดังมา สตรีนางนี้อายุราว 20 ปี นางสวมใส่ชุดกระโปรงสั้นสีดำเผยให้เห็นเรียวขาที่งดงามราวกับหยก ใบหน้าปิดคลุมด้วยผ้าสีดำ
“เป็นอย่างที่นายท่านคาดเดา... ผู้ที่มาซื้อต้นท้อพันปีไปไม่ใช่สามผู้นำกององค์รักษ์ของหานหยวนจี๋ ยิ่งด้วยความสามารถด้านโอสถของหานหยวนจี๋และหนานกง ยิ่งไม่สามารถใช้ส่วนผสมที่มีอายุถึงพันปีได้ ดังนั้น ผู้ที่มาซื้อต้นท้อพันปีไปคือศิษย์ของหานหยวนจี๋ที่เป็นเพียงผู้ฝึกตนในขอบเขตเปิดเส้นโลหิตเท่านั้น”
“จริงรึ? ขอบเขตเปิดเส้นโลหิตจริงรึ?”
นางนำภาพเหมือนของหนิงฝานขึ้นมาชมพลางจ้องมองด้วยท่าทางสนใจ
“สมุนไพรที่มีอายุหนึ่งพันปีจะใช้กลั่น ‘โอสถผันแปรที่ 4’ และพิษที่หวนหยวนจี๋ต้องนั้นก็จำเป็นต้องใช้ส่วนผสมนี้… น่าสนใจจริงๆ ปีศาจเฒ่าตามหาผู้ที่ครอบครองเส้นโลหิตหยินหยางปีศาจมาทั้งหมด 40 ปีแล้ว และยามนี้ดูเหมือนปีศาจเฒ่าจะพบสมใจปรารถนา...นั่นคือหนิงฝานผู้นี้”
ริมฝีปากที่งดงามเผยรอยยิ้ม ดวงตาคู่งามสีดำของนางเปล่งประกายราวกับทุกสิ่งเป็นไปตามแผนที่นางวางเอาไว้
...
ภายนอกเมืองฉีเหมย ชายหนุ่มในชุดดำสัมผัสกระเป๋าอสูรก่อนปล่อยหนูออกมาเป็นจำนวนมาก
“ฮึ่ม! กระถางภายในนิกายเหอฮวนของข้าถูกช่วงชิง… แต่ข้าไม่อาจยั่วยุปีศาจเฒ่าหานได้ตรงๆ คงทำได้เพียงวิธีลับเช่นนี้ หากสาวน้อยนั้นยังบริสุทธิ์อยู่และไม่มีผู้ใดทราบถึงร่างกายที่แท้จริงของนางก็คง...”
หนิงฝานเองก็ไม่ทราบถึงเรื่องนั้น
หนิงฝานกลับมายังตำหนักของตนพร้อมกับสมุนไพรมากมายที่ได้มาจากศาลาไร้ธรรม
ผู้คนเรียกขานปีศาจเฒ่าหานว่าเป็นนักปรุงยาผู้มีชื่อเสียงและได้รับแต่งตั้งให้เป็นนักปรุงโอสถระดับ 3 กระถางโอสถที่ปีศาจเฒ่าใช้ปรุงโอสถอยู่ภายในตำหนักของเขา นอกจากนี้ ภายในศาลาไร้ธรรมเองยังมีสายเพลิงน้ำแข็งและเพลิงพิภพที่สามารถใช้ปรุงโอสถได้ด้วย
ในโลกแห่งการฝึนตนนี้ ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่จะทราบถึงการปรุงโอสถเพียงผิวเผิน มีเพียงอัจฉริยะเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้าใจเต๋าแห่งการปรุงโอสถอย่างถ่องแท้
เมื่อวันนี้ยุ่ยฉีไม่สามารถซื้อหาสมุนไพรมาได้ครบ ทำให้ไม่อาจนำสมุนไพรเหล่านั้นมากลั่นเป็นโอสถรักษาชายชราและเหล่าองค์รักษ์ฉีเหมยได้ ดังนั้นหนิงฝานจึงได้เลือกกลั่น ‘โอสถเปิดเส้นโลหิต’ สำหรับจื่อเฮ่อก่อน
การที่ระดับพลังของจื่อเฮ่อเพิ่มพูนเป็นผลเพราะการบ่มเพาะผสานกาย หนิงฝานค่อยๆยอมรับเรื่องนี้อย่างช้าๆและมีความคิดที่จะทดลองเพื่อสังเกตุผล
โอสถเปิดเส้นโลหิตต้องเป็นนักปรุงโอสถระดับ 2 เป็นอย่างน้อยจึงจะสามารถปรุงได้ และผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตประสานวิญญาณไม่น้อยก็รู้จักวิธีการปรุงโอสถชนิดนี้ แต่ด้วยหนิงฝานได้ความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์จึงสามารถปรุงโอสถได้อย่างง่ายดาย
หากมีเพลิงปรุงโอสถชั้นดี นักปรุงโอสถจะไม่เสียพลังแม้แต่น้อย แต่ด้วยหนิงฝานอยู่เพียงขอบเขตเปิดเส้นโลหิตจึงทำให้เขายังกังวลว่าจะสามารถปรุงโอสถได้หรือไม่
“ในบันทึกเต๋าแห่งโอสถ หากผ่านเก้าผันแปรของสายน้ำได้จะบรรลุสู่สวรรค์แต่ก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจ เมื่อเต๋าแห่งตำหนักสวรรค์มาเยือนโลกมนุษย์ เพียงครึ่งแก้วเหล้าก็ปกคลุมได้ทั้งภูเขา”
กลับกลายเป็นว่าแก่นการปรุงโอสถของจักรพรดิสวรรค์คือ ‘เก้าผันแปรของสายน้ำ’
หนิงฝานหลับตาลงพลางหวนนึกถึงความทรงจำในการปรุงโอสถ จากนั้นที่นิ้วมือของเขาจึงปรากฏเพลิงสีดำเข้าปรุงโอสถตามเคล็ดเก้าผันแปรของสายน้ำ
“ตั้งแต่ครั้งโบราณกาล มีนักปรุงโอสถอยู่ 2 คนในแดนสวรรค์และโลกมนุษย์ ผู้หนึ่งคือ ‘เจ้าแห่งจักรพรรดิ’ ส่วนอีกผู้หนึ่งคือ ‘จักรพรรดิเหลือง’ ทั้งสองต่างมีวิธีการปรุงโอสถที่ต่างกัน หนึ่งคือ ‘ควบแน่นโอสถสามพิสุทธิ์’ ส่วนอีกหนึ่งคือ ‘เก้าผันแปรแห่งสายน้ำ’”
หนิงฝานพึมพัมพลางเคลื่อนไหวนิ้วมือเป็นวงกลมรอบตัว เมื่อเคลื่อนจนครบวงกลม เมื่อนั้นก็สามารถปรุงโอสถผันแปรที่ 1 ได้
หนิงฝานหลับตาพลางครุ่นคิดกระทั่งผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดดอกเขาก็สามารถวาดวงกลมวงที่สองได้โดยที่เส้นวงกลมไม่หายไปเสียก่อน
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามหนิงฝานก็สามารถวาดวงกลมวงที่ 3 ได้อย่างรวดเร็ว
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ลมหายใจของหนิงฝานกลับถี่กระชั้น เขาลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนคืนความสสงบอีกครั้ง
หลังฝานไม่อาจวาดวงกลมได้ 5 วงเพราะรากฐานการบ่มเพาะของเขายังอ่อนด้อยเกินไป แต่ด้วยวงกลมทั้ง 4 ที่วาดได้ก็เพียงพอให้เขาปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ได้เช่นกัน
“เปิดกระถางโอสถ เริ่มปรุงโอสถ!”
หนิงฝานวางมือลงไปยังส่วนหัวของกระถางก่อนจะใช้การบ่มเพาะที่อ่อนด้อยสร้างเพลิงน้ำแข็งและเพลิงพิภพเพื่อเริ่มกระบวนการปรุงโอสถ
ผ่านไปสองชั่วยาม สมุนไพรเสริมกว่า 7 ใน 10 ส่วนถูกทำลาย เหลือเพียง 3 ส่วนที่กลายเป็นโอสถจำนวน 10 เม๋็ด
หนิงฝานหน้าซีดไร้โลหิต เขาต้องฟื้นฟูก่อนที่จะเริ่มปรุงโอสถอีกครั้ง เพราะหากยังดึงดันปรุงโอสถต่อ เขาต้องได้ตายอย่างแน่นอน
ที่สมุนไพรกว่า 7 ส่วนถูกทำลายไปไม่ใช่เพราะทักษะที่อ่อนด้อยของหนิงฝาน แต่เป็นเพราะพลังของเขาไม่พอ ในขณะที่ต้องบีบอัดสมุนไพรให้กลายเป็นโอสถนั้น เขาสกดพลังของเพลิงไม่อยู่เลยทำให้การปรุงโอสถล้มเหลว
หลังจากผิดพลาดในโอสถผันแปรที่ 2 อยู่หลายครั้ง หนิงฝานก็ทราบว่าตนเองไม่สามารถปรุงโอสถในระดับที่สูงกว่านี้ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องเพิ่มพูนความแข็งแกร่งเสียก่อน
เมื่อได้โอสถเปิดเส้นโลหิตกว่า 30 เม็ด หนิงฝานก็เอาพวกมันใส่ไว้ในขวดหยกก่อนจะเร่งกลับห้องนอนอย่างรวดเร็ว
แต่เมื่อมาถึงหน้าห้อง หนิงฝานกลับชงักฝีเท้าเพราะเขาได้ยินเสียงน้ำอยู่ภายในห้อง
สายน้อยกำลังอาบน้ำฮัมเพลงอย่างมีความสุข
“ข้าควรเข้าไปดีหรือไม่… แต่หากจื่อเฮ่อต้องการ บางทีข้าอาจได้อาบน้ำร่วมกับนาง...”
หนิงฝานลูบจมูกอย่างเขินอาย เขาส่ายหน้าก่อนจะถอยออกมา
หนิงฝานไม่อยากทำให้จื่อเฮ่อเสียใจกระทั่งทิ้งเงาแห่งความเสียใจไว้ภายในใจของนาง
หนิงฝานแหงนหน้ามองจันทร์พลางหวนนึกถึงบ้าน ตระกูลหนิงอยู่ในแคว้นหวู่ซึ่งห่างไกลจากสถานที่แห่งนี้มากนัก “หนิงกู่น้องข้าถูกนิกายเทียนหลีโม่จับตัวไป เมื่อใดกันที่ข้าจะทำลายนิกายชั่วร้ายนั่นและช่วยน้องของข้าออกมาได้?”
นั่นเป็นเรื่องยากยิ่ง แม้ยามนี้หนิงฝานจะเป็นนายน้อยของเมืองฉีเหมย แต่ระดับพลังของเขายังอยู่เพียงขอบเขตเปิดเส้นโลหิต นับว่าห่างไกลเกินกว่าจะช่วยน้องชายได้
ถ้าหากขอให้ปีศาจเฒ่าช่วยหล่ะ? หนิงฝานทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น ไม่กี่วันมานี้เขาออกสอบถามเรื่องราวและทราบมาว่า นิกายปีศาจคือสถานที่ที่อันตรายอย่างที่สุด เพราะฉะนั้น เหตุใดปีศาจเฒ่าถึงต้องยอมเสี่ยงทำสิ่งที่อันตรายต่อชีวิตเพื่อศิษย์ผู้เล็กจ้อยเช่นเขาด้วย
“แข็งแกร่ง! ข้าต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้!”
“ยิ่งใกล้กลางเดือนพระจันทร์ก็ยิ่งกลม แคว้นหวู่และแคว้นเยว่อยู่ห่างไกลทั้งยังถูกแบ่งแยกด้วยภูเขาและสายน้ำมากมาย… ‘นำพาสวรรค์เป็นภรรยา นำพาพิภพเป็นสนม‘ แท้จริงแล้วบ้านของข้าคือที่ใด ผู้ใดควรรื่นรมย์ชมจันทร์เคียงข้างข้า? สวรรค์ทั้ง 4 พิภพทั้ง 9 ข้าจะบุกตะลุยไปทุกหนแห่ง”
ด้วยเพราะหนิงฝานคือผู้เชี่ยวชาญในการบ่มเพาะหยินหยาง ดังนั้นความแข็งแกร่งในอนาาคตของเขาต้องลึกล้ำเกินหยั่งถึง
หากการบ่มเพาะผสานกายทำให้หนิงฝานแข็งแกร่งพอที่จะช่วยน้องชายได้ เขาก็พร้อมที่จะทำมันในทันที!
หากสามารถปกป้องตระกูลได้ ต่อให้กลายเป็นปีศาจอย่างปีศาจเฒ่าหานแล้วจะเป็นอะไรไป!
“ฮึ่ม! นำพาสวรรค์เป็นภรรยา...นำพาพิภพเป็นสนม ศิษย์ของหานหยวนจี๋ช่างคุยโต!”
เสียงของสตรีที่ไม่อ่อนช้อยแต่ห้าวหาญดังมา น้ำเสียงของนางแหลมคมราวกับกระบี่เสียดแทงเข้ามาให้หูของหนิงฝาน
ทันทีที่สิ้นเสียงกลับปรากฏเสียงฝีเท้าเดินจากไป
หนิงฝานขมวดคิ้ว สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ต้องห้ามของตำหนักซื่อฟาน บุคคลภายนอกไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาติให้เข้ามา ปีศาจเฒ่าหานก็ไม่เคยนำสตรีเข้ามาภายในตำหนัก งั้นผู้ที่เดินอยู่ภายในนี้คือใคร? เหตุใดถึงได้กล้าเรียกขานชื่อของปีศาจเฒ่าตรงๆ?
หนิงฝานอยากจะตามไปเพื่อหาคำตอบ แต่เมื่อเริ่มเดินเพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆจื่อเฮ่อที่อยู่ภายในห้องอาบน้ำกลับร้องขึ้นด้วยความความกลัว
“อ้าย!!”
สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง เขาเลิกสนใจสตรีนางนั้นก่อนตรงดิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างรวดเร็ว
ภายในนั้นมีอ่างไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำซึ่งจื่อเฮ่อเพิ่งจะอาบไปเมื่อครู่ แต่ตัวนางในยามนี้กลับกระโดดออกมานอกอ่างด้วยเรือนร่างเปลือยเปล่าพลางยืนอยู่บนเตียงขนาดเล็กแล้วจ้องมองพื้นเบื้องล่างด้วยความหวาดกลัว
“หนู… มีหนู พี่ฝานช่วยข้าด้วย!”
หนิงฝานไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ยามจ้องมองสตรีที่ละเอียดอ่อนราวกับบุกผาแรกแย้มกำลังหวาดกลัว จื่อเฮ่ออาศัยอยู่ภายในนิกายเหอฮวนมาอย่างน้อยก็หนึ่งปี แม้นางจะไม่ได้บ่มเพาะเหมือนศิษย์คนอื่นๆ แต่นางย่อมต้องเคยเห็นสิ่งน่าหวาดกลัวชั่วร้ายมาบ้าง แต่เหตุใดยามนี้นางยังคงหวาดกลัวแค่หนูเพียงตัวเดียว
นางช่างน่ารักน่าเอ็นดู
เดี๋ยว! มีบางอย่างแปลกไป!
สีหน้าหนิงฝานแปรเปลี่ยนเคร่งเครียดจริงจัง
ตำหนักซื่อฟานสร้างขึ้นภายในเมืองฉีเหมยที่เป็นน้ำแข็ง ทั้งยังเป็นดินแดนของผู้ฝึกตนชั่วร้าย เหตุใดหนูธรรมดาจึงมีีวิตรอดอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้?
หนิงฝานก้มลงมองก่อนเห็นหนูตัวหนึ่ง
นั่นมัน!
หนูตัวนั้นมีผิวซีดขาว ดวงตาเป็นสีม่วง มันไม่ใช่หนูธรรมดาอย่างแน่นอน ตามความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ ผู้ฝึกตนที่ชั่วร้ายจำนวนไม่น้อยมักจะใช้หนูเพื่อสอดแนมผู้คน
มีใครบางคนกำลังใช้ ‘หนูสกดรอย’ เพื่อเฝ้าติดตามจื่อเฮ่อจากที่ไหนสักแห่ง!
“พี่ฝาน ข้ากลัวจริงๆนะ ตัวของมันใหญ่มาก แล้วตาของมันก็เป็นสีม่วงด้วย...”
จื่อเฮ่อกล่าวพลางหวนนึกถึงฉากที่น่าหวาดกลัวในนิกายเหอฮวนขณะที่ดวงตาของนางปรากฏหยาดน้ำตา
หนิงฝานรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก หลังจากที่เขาเงียบไปชั่วครู่ เขาก็ชี้นิ้วไปที่หนูก่อนใช้เพลิงทมิฬเผามันจนกลายเป็นเถ้าถ่าน
“ไม่ต้องกลัว ข้าอยู่นี่”
หนิงฝานปลอมประโลมจื่อเฮ่อที่กำลังร่ำไห้ เขาประคองนางนั่งลงบนเตียง สวมกอดนาง และสัมผัสแผ่นหลังอย่างแผ่วเบา
แท้จริงแล้วนางไม่ได้กลัวหนู นางความกลัวความทรงจำบางอย่างของนางมากกว่า
“พะ...พี่ฝาน ท่านเข้ามาในนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทะ...ท่านปล่อยข้าเถอะ เวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกแปลกๆ...”
ไม่นานนักนางก็หยุดร้องไห้ และยามนี้ นางในสภาพเปลือยเปล่าก็กำลังซบอยู่กับแผ่นอกของหนิงฝาน
นางเปลือยเปล่า!
นางเปลือยเปล่า!
นางเปลือยเปล่า!
หนิงฝานเพียงกอดเพื่อปลอบประโลมนาง แต่สีหน้าของนางในยามนี้กลับเปลี่ยนไป ทั้งดวงตาของนางยังพร่ามัวราวกับถูกสกดวิญญาณ!
หนิงฝานรีบสลัดความคิดก่อนคืนสติของตนอย่างรวดเร็ว เขาผุดลุกขึ้นก่อนเข้าใจสาเหตุที่นางเป็นเช่นนี้
จื่อเฮ่อเกิดมาพร้อมกับ ‘ร่างทรงเสน่ห์’! ร่างทรงเสน่ห์เป็นสิ่งล้ำค่าที่ไม่ว่าผู้ฝึกตนคนใดก็หมายจะครอบครองเพื่อใช้นางเป็นกระถาง!
ร่างทรงเสน่ห์ที่มีมาตั้งแต่กำเนิดนั้นหายากอย่างที่สุด ทั้งยังเหมาะที่จะเป็นกระถางอย่างที่สุด!
ผู้ที่มีร่างทรงเสน่ห์มาตั้งแต่กำเนิดจะช่วยให้การบ่มเพาะผสานกายมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ดังนั้น มันจึงเป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญมากมายเฝ้าถวิลหา แต่หากสตรีที่เกิดมาพร้อมกับร่างทรงเสน่ห์โดยที่สตรีนางนั้นยังไม่เสียพรหมจรรย์ ไม่ว่าผู้ใดก็ยากจะทราบว่านางครอบครองร่างทรงเสน่ห์ แต่เมื่อใดที่นางเสียพรหมจรรย์ไป ร่างทรงเสน่ห์เสน่ห์ของนางก็จะเปิดเผยอย่างช้าๆ… หากวันใดที่นางไม่ได้ร่วมรักกับบุรุษ สติของนางจะสับสนยุ่งเหยิง หากไม่ได้ร่วมรักกับบุรุษเป็นเวลา 10 วัน ร่างกายของนางก็จะอ่อนแอราวกับใยไหม และหากครบ 100 วันโดยที่นางยังไม่ได้ร่วมรักกับบุรุษ เมื่อนั้นนางก็จะพบกับความตาย… สตรีเช่นนี้ต้องการความรักความเสน่หาจากบุรุษทุกวัน!
ช่างเป็นร่างกายเจ้าปัญหาโดยแท้!
เพื่อช่วยชีวิตของหนิงฝานแล้ว จื่อเฮ่อต้องยอมสละพรหมจรรย์ของนางจนทำให้ร่างทรงเสน่ห์ของนางค่อยๆเผยออกมาทีละน้อย!
“พี่ฝาน ข้ารู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัว ช่วยข้าด้วย...”
แววตาของนางช่างเย้ายวน แต่คำกล่าวของนางกลับอ่อนแรงราวกับใกล้สิ้นสติ
หนิงฝานสงบนิ่งพลางครุ่นคิด ยามนี้นางกำลังประสบปัญหา สิ่งที่เขาพอทำได้คือช่วยนาง ดังนั้นเขาจึงประคองนางลงบนที่นอนอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเริ่มปลดเสื้อผ้าของนางออก
เดิมทีหนิงฝานอยากรอให้จื่อเฮ่อเติบโตกว่านี้ แต่ดูเหมือนยามนี้เขาจะรอไม่ได้แล้ว
นางเป็นสตรีของเขา...และจะเป็นแบบนั้นไม่เปลี่ยน ดังนั้น ไม่มีเหตุผลอันใดต้องรั้งรอ
แล้วค่ำคืนที่แสนหอมหวานก็เกิดขึ้น...
****
หนิงฝานเร่งถอดชุดของตนพลางขึ้นทับบนตัวนาง เขาอยากจะรอให้นางเติบใหญ่กว่านี้ แต่นั่นเป็นไปไม่ได้แล้ว
ในค่ำคืนที่นางเสียพรหมจรรย์ นางไม่ได้มีโอกาสสัมผัสกับความรู้สึกที่แสนวิเศษระหว่างบุรุษสตรี เมื่อร่างทรงเสน่ห์ของนางปรากฏ พลังหยินในร่างนางจะไหลรวมตัวกันที่หน้าอกทำให้นางเกิดความต้องการทางเพศ หากฝืนร่วมรักกับนางในยามนี้ พลังหยินที่อัดแน่นบริเวณหน้าอกของนางก็จะเข้าจู่โจมพลังหยางจากร่างกายของหนิงฝาน ทำให้เกิดการขัดแย้งต่อต้าน ซี่งนั่นนับเป็นการสังหารจื่อเฮ่อ
ดังนั้น สิ่งแรกที่ควรทำคืนการคลายพลังหยินของนางก่อนจึงค่อยนำพานางสู่การผสานกายของบุรุษสตรี
จื่อเฮ่อที่นอนอยู่เบื้องล่างเลียริมฝีปากอย่างเย้ายวนจนทำให้ลมหายใจของหนิงฝานถี่กระชั้น แต่หนิงฝานกลับท่องคำ ‘การแปลงหยินหยาง’ ในใจเพื่อสยบเพลิงราคะที่แผดเผา
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของการบ่มเพาะผสานคือการจมลงสู่ห้วงราคะโดยสมบูรณ์จนทำให้การบ่มเพาะไร้ผล
ภายใน ‘การแปลงหยินหยาง’ นั้น นอกจากจะมีทักษะยั่วยวน ยังมีทักษะลวงตาที่สามารถเกี้ยวพาสตรีได้ทั้งโลก แต่นั่นยังต้องรักษาการใช้ทักษะให้คงมั่นเพื่อให้สตรีที่อยู่ในอ้อมกอดยังตกอยู่ในห้วงแห่งความฝัน
ดังนั้นลมหายใจของหนิงฝานและจื่อเฮ่อจึงสงบลง หนิงฝานเริ่มลูบไล้ใบหน้าของนางอย่างอ่อนโยน แต่เมื่อนางรับรู้ได้ถึงการสัมผัสของอีกฝ่าย นางพลันหันหน้ากลับมาก่อนใช้ลิ้นเลียสัมผัสนิ้วของหนิงฝานอย่างลุ่มหลง
“พี่ฝาน… อย่าทิ้งจื่อเฮ่อไป...”
ริมฝีปากอันนุ่มละมุนของนางช่างชุ่มช่ำ
หนิงฝานนอนแนบกายลงบนตัวนาง ริมฝีปากประกบเข้ากับริมฝีปากนาง นางเองก็ราวกับพบสิ่งที่ปรารถนา จึงเคลื่อนลิ้นเข้าพัวพันลิ้นอันหอมหวานของหนิงฝานจนทำให้เขาเกือบขาดสติ เขาอยากจะร่วมรักกับนางเสียตั้งแต่ตอนนี้
หนิงฝานเสียพรหมจรรย์ไปตั้งแต่ยามที่อยู่นิกายเหอฮวน แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ร่วมรักกับสตรีอย่างแท้จริง
“อย่างแรก ข้าต้องช่วยจื่อเฮ่อคลายพลังหยินเสียก่อน...”
หนิงฝานสกดความปรารถนาของตนไว้แล้วใช้ลิ้นพัวพันสอดประสานกับนาง มือข้างหนึ่งเค้นคลึงที่เต้านม ส่วนอีกข้างเคลื่อนต่ำลงไปที่หน้าท้องและต่ำลงไปจนถึง...