ตอนที่ 229 ศตรูที่เเข็งเเกร่ง
"พ่อกำลังทำอะไรอยู่?" ซื่อถูเซียงลากซื่อถูชิงเข้าไปในห้องและปิดประตู
เกิดอะไรขึ้นกับครูฝึกฉายานาซี?
"เอ่อ หนุ่มน้อยคนนั้นเขาเก่งมวยขาวและดำจริงๆ ทุกครั้งที่เขาเอาชนะฉันได้ เขาบอกได้ตลอดว่าฉันพลาดตรงจุดไหนบ้าง..."
ซื่อถูชิงรู้สึกอายเล็กน้อย ตอนนี้เขาลืมเรื่องที่ลูกสาวขอร้องมาจนหมดสิ้น และสิ่งเดียวที่เขาสนใจคือมวยขาวและดำ
ซื่อถูเซียงไม่รู้จะพูดยังไงดี
"พ่อ ฉันบอกให้พ่อช่วยฝึกเขาให้ดี พ่อก็น่าจะรู้สถานการณ์ของหน่วยธนูดี พวกเราต้องพึงพาเขาในการแข่งขันระดับกาแล็กซี่" ซื่อถูเซียงรู้สึกผิดหวังในตัวพ่อของเธอ
"เอาน่า ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นก็ได้ ฉันสอนทุกอย่างให้เขาไปหมดแล้ว เด็กคนนั้นมีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว เขาต้องทำผลงานได้ดีอย่างแน่นอน" ซื่อถูชิงตอบ
ซื่อถูเซียงรู้สึกว่าแผนของเธอล้มเหลวไม่เป็นท่า เธอมองดูพ่อของเธอ ในตอนนี้สิ่งที่เขาคิดมีแค่เรื่องมวยขาวและดำเท่านั้น
ถึงเธอจะรู้สึกผิดหวัง แต่เธอก็รู้ว่าพ่อของเธอมองใครไม่เคยพลาด ถ้าเขาบอกเองว่าหานเซิ่นจะทำผลงานได้ดีในการแข่ง มันก็ต้องเป็นตามที่เขาพูด
"ถ้าได้แบบนั้นก็ดี" ซื่อถูเซียงนั่งลง แม้แผนของเธอที่ต้องการให้ฝึกหานเซิ่นให้หนักจะไม่สำเร็จ แต่เธอก็ยิ่งมั่นใจในความสามารถของหานเซิ่นมากขึ้น
ซื่อถูเซียงตัดติดสินใจที่จะขอตัวกลับก่อน และปล่อยให้พ่อของเธอสอนหานเซิ่นต่อไปในแบบที่เขาต้องการ
หลังจากที่การฝึกเสร็จสิ้น เธอจะขอให้หานเซิ่นเข้าร่วมทีมของเหยี่ยวดำ ในฐานะที่เขาเป็นนักเรียนโควตาพิเศษหน่วยธนู เขาควรจะทำหน้าที่ของหน่วยธนูบ้าง เขาควรจะต้องลงแข่งให้หน่วยธนูถึงจะถูก
ถึงผลลัพธ์จะออกมาแนวนี้ก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ทีมแข็งแกร่งก็พอ แม้ว่าเธอจะรู้สึกหัวเสียที่เห็นหานเซิ่นกำราบพ่อของเธอได้
หลังจากที่ซื่อถูชิงรู้ว่าสภาพร่างกายของหานเซิ่นนั้นยอดเยี่ยมมาก เขาก็ตัดสินใจว่าหานเซิ่นไม่จำเป็นต้องฝึกพื้นฐานอีกต่อไป สิ่งที่เขาขาดอยู่คือเทคนิคต่างๆ แต่เขาเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรง่าย ทำให้ซื่อถูชิงแทบไม่ต้องอธิบายอะไร
จริงๆแล้วซื่อถูชิงไม่ชอบการฝึกคนแบบหานเซิ่นเลย เขาชอบพวกนักเรียนใหม่เลือดร้อน เพราะเขาจะสนุกกับการเคี่ยวเข็ญให้ลูกแมวน้อยกลายเป็นสิงโต
การฝึกหานเซิ่นที่เป็นสิงโตอยู่แล้ว ทำให้เขารู้สึกไม่เหมือนกับที่ผ่านๆมา
แต่ในเมื่อหานเซิ่นมีความสามารถด้านมวยขาวและดำสูงมาก ทำให้เขาเป็นเหมือนสมบัติเดินได้ ซื่อถูชิงจึงต้องให้หานเซิ่นสอนเขาให้มากที่สุด
เนื่องจากหานเซิ่นเป็นผู้เข้าฝึกเพียงคนเดียว และโค้ชของเขาก็ไม่ได้เข้มงวดมาก ทำให้หานเซิ่นสามารถใช้ชีวิตได้แบบปรกติเหมือนกับที่ผ่านๆมา
แม้ซื่อถูเซียงจะรู้ แต่เธอก็ไม่ได้พยายามจะทำอะไร เธอเริ่มทำใจเรื่องหานเซิ่นแล้ว
การฝึกซ้อมที่ต้องใช้เวลา 1 เดือน เสร็จสิ้นภายใน 10 วัน และซื่อถูเซียงก็บอกหานเซิ่นเข้าทีมของหน่วยธนู เพื่อฝึกซ้อมสำหรับการแข่ง
การแข่งขันธนูจะต่างจากการแข่งประเภทอื่นๆ การแข่งธนูจะใช้เวลาค่อนข้างสั้น และเริ่มแข่งกันตอนปิดภาคเรียน ดังนั้นจึงเหลือเวลาอีกพอสมควรในการเตรียมตัว
เมื่อหวงฟูผิงชิงได้ข่าวว่าการฝึกซ้อมของหานเซิ่นได้เสร็จสิ้นแล้ว เธอก็ขอให้หานเซิ่นร่วมเดินทางไปล่ามอนสเตอร์กับเธอ
"คุณหวงฟู คุณจะไม่พาคนไปมากกว่านี้หรอ?"
ในสตีลอาเมอร์ หานเซิ่นมองหวงฟูผิงชิงด้วยความประหลาดใจ เธอมีพวกพ้องที่แข็งแกร่งมากมาย แต่เธอกับไม่พาใครไปด้วยเลย
"แค่คุณคนเดียวก็พอแล้ว" หวงฟูผิงชิงพูดพร้อมกับยิ้ม เธอคิดว่าตัวเองก็แข็งแกร่งพอตัว บวกกับมีหานเซิ่นไปด้วย ถึงจะเจอกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิก็น่าจะเอาตัวรอดได้สบาย ไม่น่าจะมีอะไรต้องเป็นห่วง
"แล้วพวกเราจะไปที่ไหนกัน?" หานเซิ่นถาม
"คุณติดสินใจก็แล้วกัน ฉันจะตามคุณไปเอง" หวงฟูผิงชิงใช้รอยยิ้มที่ยั่วยวน
"งั้นไปที่ทะเลทรายปีศาจ ผมหวังว่าพวกเราจะเจอกับเเบล็คเฟเธอร์กลายพันธ์อีกครั้ง" ด้วยฉมวก 3 แฉกเลือดศักดิ์สิทธิ เขามีความมั่นใจมากว่าครั้งนี้เขาต้องฆ่ามันได้อย่างแน่นอน
โดยปรกติแล้วมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่มีลูกน้องตามเป็นฝูงจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่อยู่ตัวเดียว พวกมันจะต้องพึ่งพาลูกน้อง และความฉลาดของมันเป็นหลัก
ราชาแบล็คเฟเธอร์ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิตัวอื่นๆที่หานเซิ่นเคยเห็นมา แต่วิญญาณอสูรของมันเป็นประเภทปีก ซึ่งมีราคาที่สูงและมีประโยชน์มาก เเละเขายังสามารถเอามันมาใช้ในตอนที่เขาไม่ได้เป็นดอลลาร์ได้
พวกเขาควบสัตว์อสูรวิ่งตรงไปเข้าในทะเลทรายปีศาจ และไปยังจุดที่พวกเขาเคยโดนฝูงแบล็คเฟเธอร์ล้อมเมื่อคราวก่อน แต่โชคร้ายในช่วง 2 วันที่พวกเขาเดินทาง พวกเขาไม่เจอมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์ขึ้นไปเลย
แม้พวกเขาจะมีถึงจุดที่พวกเขาเคยถูกล้อมเมื่อคราวก่อนแล้ว พวกเขาก็ยังไม่เห็นแบล็คเฟเธอร์แม้แต่ตัวเดียว พวกมันอาจจะไปอยู่ที่อื่นแล้วหรือไม่ก็ถูกล่าไปแล้ว
"ครั้งล่าสุดที่มาที่นี่ ฉันเห็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิภายในหุบเขาทะเลทราย ตอนนั้นฉันไม่สามารถฆ่ามันได้ คุณสนใจจะไปดูมันหน่อยไหม?" หวงฟูผิงชิงพูดแนะนำ พร้อมกับยิ้ม
"มันเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิประเภทไหน?" หานเซิ่นถามด้วยความประหลาดใจ ทีมที่เธอนำมาในตอนนั้นแข็งแกร่งมาก ดังนั้นมอนสเตอร์ที่พวกเขาไม่สามารถฆ่าได้ มันจะต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน
"เหมือนจะเป็นมอนสเตอร์ที่เนื้อไม่สามารถกินได้ มันดูเหมือนกับวอเฟรมที่ทำจากหิน แต่มีขนาดเล็กกว่า ตัวมันสูงเกือบ 6 ฟุตและแข็งมาก มันทั้งแข็งแกร่งและรวดเร็ว แม้แต่อาวุธเลือดศักดิ์สิทธิก็ทำมันได้แค่เป็นรอยเท่านั้น"
หวงฟูผิงชิงพูดต่อ "ยิ่งกว่านั้นมันยังมีค้อนขนาดใหญ่สีดำที่น่าจะเป็นเกียร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิ ตอนที่เข้าไปสู้กับมัน สมาชิกในทีมคนหนึ่งของฉันถูกฆ่าตายด้วยการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวด้วยค้อนนั่น"
"พวกเราควรจะไปดูมันหน่อย" หานเซิ่นสนใจมาก ตราบใดที่อาวุธระดับเลือดศักดิ์สิทธิยังสามารถทำให้มันเป็นรอยได้ เขาก็มีโอกาสที่จะฆ่ามันได้ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาที่มากกว่าคนทั่วไป ถ้าเล็งไปที่คอของมันก็พอมีหวัง