ตอนที่แล้วตอนที่ 223 ปีศาจแห่งความโลภ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 225 ครูฝึก

ตอนที่ 224 เเกะดำ


ไป๋อี้ซานให้คำแนะนำหานเซิ่นในการฝึกคลื่นหยินหยาง และบอกกับเขาว่าต้องทำตัวยังไงในตอนที่สถาบันเซนท์ส่งคนมา

หลังจากที่ไป๋อี้ซานไปแล้ว หานเซิ่นก็เดินไปที่สถานีเทเลพอร์ต มอนสเตอร์ที่เขาป้อนคริสตัลสีดำให้กิน มันน่าจะวิวัฒนาการเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแล้ว

ครั้งเขาป้อนคริสตัลให้กับมอนสเตอร์ที่เปลี่ยนสีได้ มันคือมอนสเตอร์โบราณที่มีรูปร่างเหมือนกิ้งก่า เหตุผลที่เขาเลือกตัวนี้ก็เพราะเขาต้องการวิญญาณอสูรของมัน

วิญญาณอสูรของมันเป็นประเภทเปลี่ยนร่าง ซึ่งหลังจากที่เปลี่ยนร่างแล้วไม่เพียงแค่ระดับความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้นเท่านั้น มันยังสามารถเปลี่ยนสีตามสภาพแวดล้อมได้ด้วย

ถ้าไปยืนที่จุดใดจุดหนึ่งสักพัก ร่างกายจะเปลี่ยนสีไปตามสภาพแวดล้อมรอบๆ ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากมันในการพลางตัวได้

แต่ถ้าเป็นวิญญาณอสูรระดับโบราณ การเปลี่ยนสีจะค่อนข้างช้าและไม่ค่อยแนบเนียนนัก

แต่ถ้าหานเซิ่นได้วิญญาณอสูรระดับเลือดศักดิ์สิทธิมา และใช้มันในการเปลี่ยนสี มันจะแนบเนียนกว่าระดับโบราณมาก เขาจะดูราวกับล่องหนได้จริงๆ สำหรับหานเซิ่นที่ถนัดในการลอบโจมตี ไม่มีอะไรดีไปกว่าความสามารถแบบนี้แล้ว

ถ้าเขาสามารถล่องหนจนเข้าไปประชิดตัวศัตรูได้ล่ะก็ เขาจะสามารถโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก เพราะตอนนี้เขามีอาวุธวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว จุดอ่อนของอาวุธประเภทฉมวกคือระยะการโจมตีที่ค่อนข้างใกล้ ถ้าหานเซิ่นเข้าประชิดตัวศัตรูได้ จุดด้อยของอาวุธก็จะหายไป

"ขอพระเจ้า พระเยซู พระพุทธเจ้า โปรดเมตรา..." หานเซิ่นภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิทุกอย่างที่รู้จัก ขณะที่กำลังจะฆ่ามอนสเตอร์ด้วยฉมวก 3 แฉก

"กิ้งก่าเปลี่ยนสีเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรกิ้งก่าเปลี่ยนสีระดับเลือดศักดิ์สิทธิ เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ"

บางทีพระเจ้าอาจจะได้ยินเสียงของเขา หานเซิ่นได้วิญญาณอสูรจริงๆ เมื่อได้ยินเสียงในหัว หานเซิ่นก็กระโดดด้วยความสะใจ

หานเซิ่นโยนเนื้อมันลงหม้อ และทำสตูอีกครั้ง เนื่องจากเขาทำอย่างอื่นไม่เป็น หานเซิ่นป้อนคริสตัลสีดำให้กับมอนสเตอร์โบราณอีกตัว ซึ่งเป็นตัวที่เขาเคยป้อนมันมาแล้ว แต่เขายังไม่ได้วิญญาณอสูร หานเซิ่นต้องการวิญญาณอสูรดวงนี้เช่นกัน ดังนั้นเขาต้องลองอีกครั้ง

หลังจากเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้น หานเซิ่นก็รอไม่ไหวที่จะเรียกวิญญาณอสูรดวงใหม่ออกมา และลองเปลี่ยนสีดู หลังจากลองไปได้สักพัก หานเซิ่นก็พอใจกับมันมาก ดูเหมือนว่ามันจะดีกว่าที่เขาจินตนาการไว้อีก

ตราบใดที่เขายืนอยู่นิ่งๆ ตัวเขาจะเปลี่ยนสภาพให้กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม แม้แต่คนที่มีสายตาดีก็ยากที่จะแยกออก และการเปลี่ยนสียังครอบคลุมถึงชุดเกราะและอาวุธด้วย

แต่ถ้าเขาเคลื่อนไหว ความเร็วในการเปลี่ยนสีจะไม่สามารถตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ทัน ซึ่งถ้าสังเกตดีๆก็จะเห็นถึงความผิดปรกติ

แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น หานเซิ่นก็พอใจกับมันมาก นี่เป็นวิญญาณอสูรที่เหมาะกับนักฆ่าหรือคนที่ถนัดการลอมโจมตีอย่างไม่ต้องสงสัย

เนื้อของกิ้งก่าเปลี่ยนสีเพิ่มจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิให้เขาอีก 5 ทำให้ตอนนี้เขามีจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิทั้งหมด 50 จีโนพ้อยแล้ว เขามาถึงครึ่งทางของการวิวัฒนาการแล้ว

.....

"เซิ่น มันใกล้ถึงช่วงสอบกลางภาคแล้วนะ ฉันไม่เห็นนายมาที่สนามฝึกซ้อมยิงธนูเลย นายจะสอบผ่านหรอเพื่อน?" ซื่อจื้อคังพูดเมื่อเห็นหานเซิ่นกลับมาที่ห้องพัก

หานเซิ่นเพิ่งตะหนักว่าผ่านมาครึ่งปีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาเข้าเรียนที่เหยี่ยวดำ และการสอบก็กำลังจะเริ่มขึ้น ถ้าเขาสอบไม่ผ่าน มันจะมีเรื่องแย่ๆตามมาอย่างแน่นอน

"ไม่ต้องห่วง ฉันสอบผ่านอยู่แล้ว" หานเซิ่นมั่นใจในตัวเองมาก ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เขาตั้งใจเรียนอย่างหนัก และที่สำคัญการสอบของนักเรียนหน่วยธนูก็เป็นอะไรที่เขาเชี่ยวชาญอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรที่เขาต้องกังวล

แต่ดูเหมือนจะมีคนที่ไม่เห็นด้วยกับเขา ตัวอย่างเช่น อาจารย์ที่ปรึกษาของเขา ซื่อถูเซียง

เธอเป็นหนึ่งในหัวหน้าผู้ดูแลหน่วยธนูที่ถูกฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ ซื่อถูเซียงตั้งความหวังไว้กับเด็กปี 1 ของปีนี้มาก

สำหรับหานเซิ่นเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักเรียนที่แย่ในสายตาเธอ

แม้คะแนนของเขาจะดี แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นจนอยู่ในระดับท็อปของหน่วยธนู และที่สำคัญเธอแทบไม่เห็นเขาโผล่หน้ามาเรียนในคาบเรียนของเธอ ซึ่งเป็นวิชาของหน่วยธนูเลย

ขณะที่นักเรียนคนอื่นๆแทบจะไม่เคยขาดเรียนวิชาของเธอเลย และยังลงแข่งรายการที่เกี่ยวกับธนู แต่หานเซิ่นกับหมกมุ่นอยู่กับการแข่งวอเฟรม และมวยขาวและดำ ยิ่งกว่านั้นเขายังมัวไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กลุ่มดีกัง

สำหรับเธอที่เป็นที่ปรึกษาของนักเรียนหน่วยธนูแล้ว พฤติกรรมของเขา ทำให้เธอหัวเสียมาก

ซื่อถูเซียงรู้สึกว่าเธอจำเป็นต้องพูดกับหานเซิ่นบ้าง เขาเป็นนักเรียนโควต้าพิเศษหน่วยธนู แต่เขาทำให้เธอผิดหวังมาก จนถึงตอนนี้ผลงานหน่วยธนูของเหยี่ยวดำก็ยังไม่ดีขึ้นเลย

แต่กระนั้นซื่อถูเซียงก็ไม่ได้ไปหาหานเซิ่นตรงๆ เธอมีแผนที่จะพูดกับเขา หลังจบการสอบกลางภาค เธอจะรอให้เกรดของเขาออกมาก่อน และค่อยตักเตือนเขา เพื่อให้คำพูดของเธอดูมีน้ำหนักมากขึ้น

นักธนูไม่เหมือนกับหน่วยอื่นๆ พวกเขาจำเป็นต้องฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อให้เกิดความชำนาญและชินกับธนู ถ้าหยุดไป 1 วัน คนคนนั้นจะตามหลังคนอื่นไปไกล นี่เป็นความเชื่อของซื่อถูเซียง

ถ้าดูจากสิ่งที่หานเซิ่นทำในช่วงที่ผ่านมา ซื่อถูเซียงคิดว่าเกรดของหานเซิ่นต้องออกมาแย่อย่างแน่นอน

ยิ่งกว่านั้นโดยปรกติแทบจะไม่มีนักเรียนหน่วยธนูคนไหนที่จะไม่เข้าชมรมธนู แต่หานเซิ่นกับไปเข้าชมรมวอเฟรมหนัก และใช้เวลาส่วนใหญ่ในการฝึกวอเฟรม แล้วเขาจะรักษาฝีมือในการยิงธนูได้ยังไง?

"ถึงจะเป็นคนมีพรสวรรค์และเคยมีฝีมือที่ดี แต่เขากับไม่ยอมฝึกซ้อม ช่างน่าเสียดาย ฉันคงต้องพูดกับเขาหลังจากที่เขาตระหนักถึงมันแล้ว" ซื่อถูเซียงมองดูหานเซิ่นเข้ามาในสนามสอบ

เธอทุ่มเทให้กับหน่วยธนูมาก และหวังว่าโควต้าพิเศษปีนี้จะช่วยพัฒนาหน่วยธนูได้ เธอไม่อยากรับนักเรียนที่ไม่มีความสนใจด้านธนูเข้ามา

เธอคิดถึงขั้นว่าถ้าเขาสอบตก เธอจะไปขอให้ผู้อำนวยการทำเรื่องย้ายเขาไปที่อื่น เธอไม่ต้องการให้เขาอยู่หน่วยธนูอีกต่อไป

ถ้าเขาสนใจวอเฟรมนักก็ควรย้ายเขาไปอยู่หน่วยวอเฟรมให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป ยังไงซะเขาก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับหน่วยธนูอยู่แล้ว

แม้ว่าการแข่งขันธนูในลีกระดับกาแล็กซี่จะไม่ได้รับความนิยมเหมือนกับการแข่งอื่นๆ แต่มันก็ยากที่จะได้ระดับต้นๆของกาแล็กซี่ ในฐานะโค้ชของชมรมธนู ซื่อถูเซียงต้องคิดหนักเกี่ยวกับนักกีฬาที่เธอจะจัดลงแข่ง

แม้ว่าปีนี้จะมีเด็กที่มีฝีมือยิงธนูเข้ามาจากโควต้าพิเศษบ้าง แต่พวกเขาก็เป็นแค่เด็กปี 1 ซึ่งยังต้องการฝึกซ้อมให้ชำนาญก่อน ถึงจะใช้งานได้

ในบรรดาเด็กปี 1 หานเซิ่นถูกซื่อถูเซียงมองว่าเป็นแกะดำของหน่วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด