Chapter 32: เรื่องอื้อฉาวอันใหญ่หลวง
ธงสงครามอันนองเลือดนั้นสูญเสียความคิดไปเมื่อเขานั้นตระหนักได้ว่าผู้คนรอบข้างเขานั้นถูกฆ่าหมดแล้ว เหลือสมาชิกอีกเพียงสองคนนอกจากตัวของเขาเอง เขาตะโกนในช่องแชทกิลด์ “ทุกคนจงฟัง! ฆ่าทุกคนที่มาจากนิกายซวนเฉิน! อย่าให้เหลือไว้แม้แต่คนเดียว!!!”
“ไอ้เหี้...! คนจากนิกายซวนเฉินนั้นกำลังมองหาความตายอยู่!”ธงสงครามอันนองเลือดตะโกนใส่ไร้ความกลัว
“นี่ก็ยังไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเราที่พวกเรานั้นมองหาความตาย หัวหน้าพันธมิตร นี่มันเป็นครั้งแรกของนายเหรอที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับพวกเรานะ?”สมาชิกของนิกายซวนเฉินเยาะเย้ย
หวังหยู่นั้นยังคงเป็นที่ตรงยิ่งกว่า เขาเดินไปเตะใส่ธงสงครามอันนองเลือดอย่างโหดเหี้ยมและส่งเขากลิ้งไปจนกระแทกกับบาร์ด้านหน้าของประตู
“ตึง!”ด้านบนเคาน์เตอร์บาร์นั้นถูกกระแทกจนแตกเป็นชิ้น
เนื่องจากว่าเขานั้นเลือกอาชีพอัศวิน ธงสงครามอันนองเลือดนั้นจึงสามารถรับการโจมตีนั้นได้และไม่ตายจากการโดนหวังหยู่โจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ดาบน้ำแข็งนั้นขอบคุณโชคของเขาอย่างลับๆที่เขานั้นไม่ได้พยายามที่จะลอบจู่โจมธงสงครามอันนองเลือด มิฉะนั้นละก็เขาจะส่งตัวเองไปถูกฆ่า
หลังจากที่ส่งธงสงครามอันนองเลือดกระเด็นออกไป หวังหยู่ก็ตะโกนอย่างเหยียดหยาม “เลิกพูดมากได้แล้ว!”
ธงสงครามอันนองเลือดนั้นแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อเขามองไปที่ด้านบนเคาน์เตอร์บาร์ที่เขากระแทกกับมัน ก่อนหน้านี้เมื่อเขานั้นทำลายโต๊ะ ระบบก็หักเหรียญทองสองเหรียญของเขาอย่างตรงๆ ในตอนนี้ด้านบนเคาน์เตอร์บาร์ก็ถูกทำลายโดยเขา มีเพียงแค่พระเจ้าที่รู้ว่าเขานั้นจะสูญเสียเงินไปมากเท่าไหร่!!!
“เทพเจ้ากระทิงเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องนี้…”
มีเพียงแค่พริมโรสอันนองเลือดที่ซึ่งไม่ได้เคลื่อนไหวเลยตั้งแต่การต่อสู้นั้นเริ่มขึ้นและพยายามที่จะพูด เธอนั้นก็สัมผัสได้ถึงลมเย็นๆด้านหลังเธอเนื่องจากดาบขนาดใหญ่นั้นผ่าเธอไปครึ่งซัก ก่อนที่เธอจะรู้ถึงมัน ฉากด้านหน้าของเธอนั้นก็กลายเป็นจุดเกิดสำหรับนักเวทย์แล้ว
กลับไปที่ในร้าน ไร้ความกลัวชี้ไปที่โบซอนและเขาก็คำรามอย่างโกรธแค้น “ไอเหี้...! มึงฆ่าได้แม้กระทั่งเด็กผู้หญิง???”
ความทระนงตัวก็ยกนิ้วโป้งให้กับโบซอนแล้วเขาก็ชื่นชม “พี่ชายโบซอนโหดเหี้ยมมาก!”
“จริง! จริง!”ทุกคนนั้นตกลงกันอย่างพร้อมใจ
พูดตามตรงแล้ว คุณก็ไม่ควรที่จะเลือกปฏิบัติกับเป้าหมายเนื่องจากความแตกต่างของเพศ แต่สำหรับผู้คนแล้วปกติก็จะไม่โหดร้ายกับเหล่าผู้เล่นหญิง อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้ฆ่าพวกเธออย่างโหดร้ายแบบนั้น
มันมีหลายเส้นทางที่ฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้ การฟันเพียงหนึ่งหรือสองครั้งก็เพียงพอสำหรับการฆ่านักเวทย์ที่สวยงามแบบพริมโรสอันนองเลือดได้ แต่โบซอนนั้นโหดร้ายยิ่งกว่าเพราะว่าเขานั้นฟันไปที่คอของเธอ.....ซึ่งการโจมตีอันโหดร้ายนี้นั้นทำให้ผู้อื่นนั้นสงสัยว่ามันมีความบาดหมางกันอะไรบางอย่างระหว่างพวกเขาหรือเปล่า
โบซอนเก็บดาบเข้าฝักแล้วเขาก็จ้องไปอย่างเย็นชาใส่ไร้ความกลัว “นายจะต้องมีความเด็ดขาดในการฆ่าศัตรูของนาย! ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าฉันฆ่าได้รวดเร็วที่สุดแล้วใช้เวลาน้อยที่สุด พวกนายก็จะได้มีเวลากลั่นแกล้งเธอได้น้อยลงอีกด้วย!”
“โอ้วววววววว”
“นี่มันอาชญากรรมอันน่าหื่นกามแล้ว! มันเป็นเรื่องที่ถูกต้องแน่นอน!”
“ฉันไม่ได้คิดเลยว่าโบซอนนั้นรักเธออย่างลึกซึ้งขนาดนี้...”
เมื่อเห็นทุกคนนั้นเริ่มที่จะพูดจาไร้สาระแล้ว ไร้ความกลัวก็หันไปหารัศมีใบไม้ผลิ “พี่ชายฤดูใบไม้ผลิ นานแค่ไหนที่พี่สามารถหยุดพวกเขาไว้ได้?”
“ไอ้เหี้.... ฉันกำลังดิ้นรนอย่างกับนรก แต่พวกไอ้บัดซบแบบพวกนายก็ยังคงพูดจาไร้สาระกันอยู่ตรงนั้นอีก!”รัศมีฤดูใบไม้ผลิคำราม
ไร้ความกลัวพูดแบบไม่แตกต่างออกไป “พันธมิตรอันนองเลือดนั้นมีคนมากเกินไป พวกเราจะขุดหลุมฝังศพของตัวเอง ถ้าพวกเรานั้นพยายามที่จะสู้กับพวกเขา ทำไมพวกเราไม่ออกจากเกมกันเลยในตอนนี้ละ!”
“อื้ม โอเค!”
“ไอ้พวกเหี้... แล้วฉันละ?”รัศมีฤดูใบไม้ผลิรีบพูดขึ้น เขานั้นยังคงอยู่ในสถานการณ์ต่อสู้ ถ้าเขานั้นไม่ได้ออกจากการต่อสู้ เขาก็ไม่สามารถออกจากเกมได้
ความทระนงตัวยิ้ม “พี่ชายรัศมีฤดูใบไม้ผลินั้นเป็นคนที่มีจิตใจกว้างขวางจริงๆ พวกเราจะทำความเคารพแก่คุณเมื่อพวกเราเข้าเกมมาในภายหลัง!”
“ไอ้พวกไร้ยางอาย! ออกจากเกมไปได้แล้วไอ้เหี้..! ฉันไม่สามารถที่จะรั้งพวกเขาไว้ได้นาน!”รัศมีฤดูใบไม้ผลิตะโกนอย่างโกรธแค้น
“อื้ม!”
โดยปราศจากการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ สมาชิกคนอื่นของนิกายซวนเฉินก็ออกจากเกมในทันที
เมื่อเขานั้นให้ทุกคนนั้นออกจากเกมแล้ว รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็ยิ้มแบบเจื่อนๆเมื่อเขานั้นใช้มานาจนหมดในการร่าย [บิดเบือน] ก่อนที่จะหลบหนีไปให้ไกลที่สุดจากร้านนี้
รัศมีฤดูใบไม้ผลิไม่ใช่คนที่จะสามารถถูกฆ่าได้ง่ายๆ
[บิดเบือน] สามารถที่จะควบคุมพื้นที่ได้เป็นเวลาสามวินาที ในขณะที่ผีนั้นสามารถที่จะต่อสู้ได้กับคู่ต่อสู้ได้อีกสองรอบซึ่งมันเป็นเวลาประมาณห้าวินาที มันก็ต้องใช้เวลานับยี่สิบวินาทีก่อนที่ระบบจะรู้ว่ารัศมีฤดูใบไม้ผลินั้นเลิกอยู่ในสถานะต่อสู้ ตราบเท่าที่เขานั้นหลบพันธมิตรอันนองเลือดแถวหน้าได้แล้วและการโจมตีจากพวกเขาอีกสิบสองวินาที รัศมีฤดูใบไม้ผลิก็จะสามารถหลบหนีออกไปได้
แต่รัศมีฤดูใบไม้ผลินั้นคิดในแง่ดีมากเกินไป สมาชิกของพันธมิตรอันนองเลือดนั้นไม่ใช่เป็นพวกโง่และพวกเขาไม่ได้โจมตีรัศมีฤดูใบไม้ผลิตามที่เขาคาดการณ์ไว้ พวกเขานั้นจัดการให้นักธนูมาอยู่แถวหน้าเพื่อที่จะโจมตีเขาลง
นักธนูนั้นรีบใช้สกิลโจมตีรัศมีฤดูใบไม้ผลิในทันที เมื่อพวกเขาหวาดกลัวว่าไม่สามารถที่จะฆ่านักเวทย์คนนี้ได้ แสงนับสิบเส้นก็ถูกส่งออกมาจากนักธนู [ลูกศรต่อเนื่อง] [ลูกศรติดตาม] และ [ลูกศรรวมพลัง] พุ่งเข้าหารัศมีฤดูใบไม้ผลิ
“นี่มันค่อนข้างที่จะมากเกินไป…”
รัศมีฤดูใบไม้ผลิถอนหายใจแล้วเขาก็ปิดตาลง แล้วก็ยอมรับโชคชะตาที่จะกลายเป็นเม่นโดยลูกศรเหล่านั้น แต่เพียงแค่ลูกศรนั้นกำลังพุ่งเข้าหาเขา ก็มีรูปร่างพุ่งออกมาจากตรงมุมห้องและยืนด้านหน้าเขา และเขาก็ยืดมือออกมาจับลูกธนูแล้วก็ปาพวกมันกลับไปอย่างแม่นยำ
ลูกธนูพวกนี้นั้นเป็นเพียงแค่เครื่องมือของนักธนูและไม่สามารถที่จะควบคุมมันได้หลังจากที่พวกมันถูกยิงออกมาแล้ว ลูกธนูพวกนี้ก็ถูกปากลับไปหานักธนูนั้นทำให้ขัดจังหวะการโจมตีระลอกที่สองของพวกเขา
รัศมีฤดูใบไม้ผลินั้นก็จ้องไปที่รูปร่างด้านหน้าเขาและก็ถามขึ้น “กระทิงเหล็ก ทำไมนายยังไม่ออกจาเกมละ???”
หวังหยู่ตอบกลับแบบไม่แตกต่างออกไป “พี่ชายฤดูใบไม้ผลิออกจากเกมไปก่อนเถอะครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง!”
รัศมีฤดูใบไม้ผลิไม่ได้โต้เถียงกับหวังหยู่ เขาก็รีบกลิ้งตัวไปตรงมุมที่นักธนูไม่สามารถที่จะยิงเขาโดนได้และตะโกนขึ้น
“ระวังตัวด้วย!”
“อื้ม ผมรู้แล้ว”
ในเวลานั้นเอง ธงสงครามอันนองเลือดก็ยืนขึ้นและพูดอย่างเย็นชา “จะวิ่งหนีอย่างงั้นเรอะ? มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก!”
ธงสงครามอันนองเลือดก็ยกหอกของเขาขึ้นแล้วเขาก็ใช้ [พุ่งเข้าชน] ในทิศทางของรัศมีฤดูใบไม้ผลิ
ในขณะที่พวกเขานั้นไม่ได้อยู่ห่างกัน ซึ่งมันประมาณห้าเมตรได้และ [พุ่งเข้าชน] นั้นสามารถที่จะครอบคลุมในระยะสี่เมตรและก็รวมทั้งเขานั้นใช้หอกเป็นอาวุธทำให้ธงสงครามอันนองเลือดสามารถที่จะขัดจังหวะการออกจากเกมของรัศมีฤดูใบไม้ผลิได้
ในช่วงวิกฤตินี้ หวังหยู่ก็เตะไปที่โต๊ะและส่งมันกระเด็นเข้าหาธงสงครามอันนองเลือด
ธงสงครามอันนองเลือดนั้นเป็นผู้นำของกิลด์ระดับต้นๆในเกมและเขาก็ยังสวมใส่อุปกรณ์ที่ดีที่สุดในเกม ดังนั้นเพียงแค่โต๊ะเก่าๆนี้นั้นจะบล็อคเขาได้ยังไงกัน?
“ไอเหี้... เงินอีก2เหรียญทองหายไปแล้ว”ธงสงครามอันนองเลือดคิดกับตัวเองเมื่อโต๊ะนั้นถูกครึ่งจากการปะทะกันกับเขา
การเสียสละโต๊ะนั้นทำให้ธงสงครามอันนองเลือดช้าลง หวังหยู่นั้นก็ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้และยืดมือของเขาจับไปที่หัวของธงสงครามอันนองเลือดและก็ขว้างเขาขึ้นไปกลางอากาศอย่างหนักหน่วง
ธงสงครามนั้นหล่นลงกระแทกท่ามกลางนักธนูแล้วก็ทำลายรูปแบบของพวกเขา
หวังหยู่ก็ก้าวเท้าไปด้านหน้าและก็เหยียบขึ้นไปบนธงสงครามอันนองเลือดแล้วเขาก็ใช้ [ระลอกคลื่น] ทำให้ธงสงครามอันนองเลือดนั้นกลายเป็นแสงสีขาวแล้วก็ใช้แรงจาก [ระลอกคลื่น] ตีลังกากลางอากาศแล้วก็โดดตัวออกมาจากวงล้อมของพันธมิตรอันนองเลือด
เมื่อเปิดแท็ปเพื่อนแล้ว หวังหยู่ก็เห็นว่ารัศมีฤดูใบไม้ผลินั้นออกจากเกมไปแล้ว
เมื่อฟังเสียงพูดคุยรอบๆเขา หวังหยู่นั้นก็เริ่มคิดว่าพันธมิตรอันนองเลือดนั้นกำลังจะตามจับเขา แต่มันกลายเป็นฝูงผู้เล่นที่กำลังเดินมาดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทุกคนนั้นช็อคอย่างรุนแรงจากการกระทำของหวังหยู่และจ้องเขาเหมือนกับว่าเขานั้นเป็นของแปลก
“นายเห็นนั่นไหม? อย่าบอกฉันนะว่าเขานั้นเป็นพวกนักแสดงละครสัตว์?”
“เขาเป็นเพียงแค่นักต่อสู้ ทำไมเขาถึงโยนอัศวินได้โดยแทบไม่ใช้แรงเลยละ? มันเป็นบัคของระบบอย่างงั้นเหรอ?”
เพราะปกติแล้วอัตราการเติบโตของนักต่อสู้นั้นต่ำกว่าอัศวิน มันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับหวังหยู่ที่สามารถจัดการธงสงครามอันนองเลือดโดยใช้การโจมตีธรรมดาได้
นักต่อสู้ที่อยู่ในฝูงชนพูดอย่างฉับพลัน “มันไม่ใช่การขว้างอย่างมั่วซั่ว แขนของเขาใกล้มากนั้นทำให้เริ่มสกิล [เข่าลอย] ขึ้น!
“ฮ่าๆ นายปัญญาอ่อนป่าววะ? นายเป็นนักต่อสู้แต่นายก็ยังไม่รู้ว่า [เข่าลอย] นั้นทำยังไงอีกเหรอ?”ฝูงชนเยาะเย้ย
“ฉันเพียงแค่ใช้สกิลนั้น.....ฉันไม่ได้รู้กลไกด้านหลังของมันซะหน่อย….”นักต่อสู้ตอบกลับอย่างซื่อสัตย์
สิ่งที่นักต่อสู้นั้นพูดเป็นความจริง ที่จริงแล้วหวังหยู่นั้นใช้ [เข่าลอย] จริงๆ
เขานั้นใช้ [เข่าลอย] เพื่อไปด้านหลังธงสงครามอันนองเลือด แต่เขาก็ยกเลิกสกิลนี้และใช้แรงของ [พุ่งเข้าชน] ของธงสงครามอันนองเลือดใส่เขาแทนแล้วก็ขว้างเขาขึ้นไปกลางอากาศ
ถึงแม้ว่ามันจะอธิบายได้อย่างง่ายๆ แต่กระบวนการเทคนิคด้านในนั้นมันไม่ได้ง่ายเลย แม้กระทั่งระบบก็ไม่สามารถที่จะทำให้การโจมตีของหวังหยู่นั้นเกิดขึ้นอีกครั้งได้
ในเวลานั้นเอง ธงสงครามอันนองเลือดก็กลับมาที่จุดเกิดของอัศวิน เขาก็ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวในช่องแชทกิลด์ “ฆ่าไอ้บัดซบนั่นให้ฉัน! อย่าปล่อยให้เขาหลบหนีไปได้! อสุรา พาคนของนายไปที่โรงฝึกแล้วก็ฆ่าเขาเมื่อเขากลับมาเกิด!”
เมื่อพวกเขานั้นได้ยินเพียงแค่คำแนะนำของผู้นำ สมาชิกของพันธมิตรอันนองเลือดก็ทำตามทันทีและยิงลูกศรและเวทมนตร์ใส่หวังหยู่ในทันที
ถ้ามันเป็นเพียงแค่สิบหรือยี่สิบคนละก็ หวังหยู่ก็สามารถที่จะสู้กับพวกเขาได้ แต่เขานั้นพบกับคู่ต่อสู้นับร้อยคน ไม่ต้องพูดถึงหวังหยู่เลย แม้กระทั่งซูเปอร์แมนก็ไม่สามารถที่จะหลบลูกศรได้ทั้งหมด
เมื่อรู้ว่าเขานั้นไม่สามารถจะจัดการกับที่เหลือได้ หวังหยู่ก็หันหลังกลับและวิ่งหนีไป แม้ว่าเขานั้นจะหันหลังให้กับศัตรูก็ตามที หวังหยู่ก็ยังคงหลบการโจมตีที่ใกล้เข้ามาหาได้ จนเหมือนกับว่าเขานั้นมีตาหลังอยู่บนหัวของเขา
ฝูงชนนั้นก็สับสนยิ่งขึ้นเมื่อเขาเห็นหวังหยู่นั้นหลบทุกการโจมตี
“อย่าปล่อยเขาหลบหนีไปได้!”
สมาชิกของพันธมิตรอันนองเลือดรีบไล่ล่าพวกเขาทันทีเมื่อพวกเขาเห็นว่าหวังหยู่นั้นกำลังหลบหนีอยู่
ในเวลานั้นเอง ทุกคนในเมืองรัตติกาลก็ได้ยินเกี่ยวกับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นในร้านอาหาร และผู้เล่นทุกคนในเมืองรัตติกาลก็รวมตัวกันเพื่อที่จะมาดูเรื่องที่เกิดขึ้น
ผู้เล่นบางคนก็ออกจากเกมและเริ่มที่จะโพสต์ข้อความลงเว็บบอร์ด
“พันธมิตรอันนองเลือดปะทะกับนิกายซวนเฉิน ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจากพันธมิตรอันนองเลือดนั้นถูกฆ่าตายทั้งหมด ผู้เชี่ยวชาญอันลึกลับจากนิกายซวนเฉินนั้นสู้กับผู้เล่นนับร้อนของพันธมิตรซวนเฉินโดยตัวของเขาเพียงคนเดียว”
ผู้เล่นทุกคนในเมืองรัตติกาลนั้นรีบกลับเข้ามาในเกมเพื่อที่ดูการต่อสู้ในทันที แม้กระทั่งผู้เล่นที่กำลังล่ามอนสเตอร์อยู่นอกเมืองก็เลิกทำภารกิจพวกเขาและกลับมายังเมืองรัตติกาล
การฝึกฝนนั้นสามารถที่จะทำในเวลาไหนก็ได้ แต่การต่อสู้แบบนี้นั้นเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น
ในชั่วพริบตา มันก็กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวในเมืองรัตติกาล