เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 170 ธรรมะสุดขั้ว
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 170 ธรรมะสุดขั้ว
ฟางหยวนเฝ้ามองไป่หนิงปิงกระทั่งลับตาไป
"เป็นพยานให้กับความหลักแหลมของโลกใบนี้..." ดวงตาของฟางหยวนส่องประกาย ไป่หนิงปิงไม่ได้หลงทางเหมือนก่อนหน้าอีกแล้ว
ชีวิตและความตายไม่สามารถกดดันไป่หนิงปิงได้อีกต่อไป หลังจากนี้ยิ่งเขาเผชิญหน้ากับความตายมากเท่าใด พรสวรรค์ของสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดก็จะผลัดดันให้เขาเหนือชั้นมากขึ้นไปเท่านั้น
"อย่างไรก็ตาม...ต้องการต่อสู้กับข้าในอนาคตงั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า" ฟางหยวนหัวเราะ "เจ้าคงต้องผิดหวัง"
เพียงเมื่อหนีรอดออกมาจากหมอกควัน ฟางหยวนตัดสินใจที่จะออกจากภูเขาชิงเหมาทันที
การต่อสู้กับไป่หนิงปิงอาจน่าสนใจ แต่มันจะมีประโยชน์ใด
ไป่หนิงปิงถูกปลูกฝังความคิดเกี่ยวกับความหลักแหลมของโลกโดยฟางหยวน แต่เพราะเขายังเด็ก มุมมองของเขาจึงถูกจำกัดอยู่ที่ภูเขาชิงเหมาเท่านั้น
แต่ฟางหยวนแตกต่างออกไป
ในแผนที่ของเขา ภูเขาชิงเหมาเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งมีความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ หัวใจของพวกเขาจะไม่ถูกจำกัดด้วยรายละเอียดเล็กๆ
"ถึงเวลาต้องจากไปแล้ว เมื่อมนุษย์หมาป่าสายฟ้าที่เต็มไปด้วยสติปัญญาปรากฏตัว ไม่ว่าจะเป็นตระกูลไป่หรือตระกูลแสงจันทร์ในเวลานี้ มันก็เป็นเรื่องยากที่พวกเขาจะสามารถเปลี่ยนกระแสของการต่อสู้ อย่างน้อยพวกเขาต้องมีผู้ใช้วิญญาณระดับห้าหรืออาจเป็นไปได้หากทั้งสองตระกูลร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่น"
ตระกูลไป่กับตระกูลแสงจันทร์เป็นศัตรู แม้จะมีสัญญาพันธมิตร พวกเขาก็ไม่สามารถรวมมือกันได้อย่างจริงใจ
เป็นธรรมดาที่ฟางหยวนย่อมไม่มองสถานการณ์ในแง่ดีเกินไป
"ภูเขาชิงเหมาจะถูกตัดสินโดยการต่อสู้ครั้งนี้ หากผู้นำตระกูลทั้งสองถูกสังหารโดยมนุษย์หมาป่าสายฟ้า ภูเขาชิงเหมาจะกลายเป็นอาณาเขตปกครองของฝูงหมาป่าสายฟ้า หากผู้นำตระกูลคนใดคนหนึ่งรอดชีวิต อีกตระกูลจะกลายเป็นเมืองขึ้น หากมนุษย์หมาป่าสายฟ้าถูกสังหาร ทั้งสองตระกูลจะต้องแยกย้ายกันออกไปฟื้นฟูหมู่บ้านของตน ตระกูลจะออกกฎระเบียบที่เข้มงวดและจะเริ่มตรวจสอบข้า"
ฟางหยวนสามารถมองเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน
นี่คือโลกวิญญาณ พลังอำนาจถือเป็นกฎเหล็ก ยิ่งเป็นผู้ใช้วิญญาณที่มีระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้มากเท่านั้น
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตระกูลไป่ ตระกูลแสงจันทร์ หรือฝูงหมาป่าที่ได้รับชัยชนะ มันล้วนเป็นผลร้ายต่อฟางหยวนทั้งสิ้น
"ถึงเวลาที่ข้าจะออกจากภูเขาชิงเหมา แม้ข้าจะยังไม่สามารถรวบรวมวิญญาณในอุดมคติ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่คนผู้หนึ่งจะได้รับทุกสิ่งดังที่พวกเขาคิดฝันทุกประการ ตอนนี้ข้าต้องคว้าบัวสมบัติสวรรค์และวิญญาณสายรักษาบางดวงจากห้องโถงวิญญาณของตระกูลก่อนจะจากไป"
ฟางหยวนหันหลังกลับไปมองกลุ่มหมอกควันสีดำอีกครั้งก่อนจะวิ่งกลับไปยังหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว
ด้วยสถานะผู้อาวุโสที่ถือป้ายคำสั่ง เขาสามารถเข้าไปในห้องโถงวิญญาณห้องตระกูลและนำวิญญาณบางดวงออกมา
วิญญาณปีกสายฟ้าไม่สามารถใช้งานได้ในเวลานี้ ดังนั้นฟางหยวนจึงทำได้เพียงวิ่งกลับหมู่บ้าน
ป่าเต็มไปด้วยร่องรอยการทำลายล้างของฝูงหมาป่าทำให้เส้นทางสายนี้กลายเป็นเงียบสงบ
ในที่สุดหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลก็เริ่มปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของเขา
"หือ? ผู้ใด?" ฟางหยวนหยุดเท้าเมื่อคนแปลกหน้าสองคนปรากฏขึ้นด้านหน้าเขาอย่างกะทันหัน
คนทั้งสองสวมชุดของผู้ใช้วิญญาณ หนึ่งเป็นชายชราที่ปลดปล่อยกลิ่นอายดุจดั่งขุนเขาออกมา แต่สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือหน้ากากสีทองแดงที่ให้ความรู้สึกโบราณบนใบหน้าของคนทั้งสอง
คนที่ยืนอยู่ด้านข้างชายชราเป็นผู้เยาว์ที่มีคิ้วรูปกระบี่ ดวงตาส่องประกายราวกับเหยี่ยว หากพิจารณาถึงอายุ มันไม่ควรห่างกับฟางหยวนมากนัก นอกจากนั้นคนผู้นี้ยังสวมเข็ดขัดของผู้ใช้วิญญาณระดับสามเอาไว้อีกด้วย
สามารถก้าวเข้าสู่ระดับสามในช่วงอายุนี้ มันหมายถึงพรสวรรค์ที่สูงล้ำ
อัจฉริยะอย่างไม่ต้องสงสัย ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่สามารถมองข้าม!
แต่พิจารณาถึงโครงสร้างร่างกาย ฟางหยวนสามารถบอกได้ว่าเธอเป็นหญิงสาว
อย่างไรก็ตามหญิงสาวยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับตัวตนของชายชรา
‘ไท่เซี่ยเล้ง!’ ฟางหยวนสามารถระบุตัวตนของคนผู้นี้ได้อย่างรวดเร็ว
เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าที่มีความสามารถตรวจสอบอันดับหนึ่งในเขตภาคใต้และถูกเรียกว่า เทพนักสืบ ไท่เซี่ยเล้ง
เขาเป็นฝ่ายธรรมะสุดขั้ว ผู้ใช้วิญญาณปีศาจและตัวละครที่ชั่วร้ายทั้งหมดจะถูกตัดศีรษะโดยเขาทั้งหมด นั่นทำให้เขามีชื่อเสียงอย่างมากในดินแดนทางภาคใต้แห่งนี้
“น้องชายตัวน้อยโปรดรอสักครู่” เขาจับแขนของฟางหยวนเอาไว้
เขาเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมานานแล้ว แต่ทัศนคติของเขายังสุภาพอ่อนน้อมเสมอ
“เห็นน้องชายได้รับบาดเจ็บและกำลังเร่งรีบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้นำตระกูลกับเหล่าผู้อาวุโสของเจ้ากำลังเผชิญหน้ากับปัญหา” เขาถาม
ฟางหยวนเปลี่ยนการแสดงออกเป็นวิตกกังวลและเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทันที “พวกเจ้าคือผู้ใด? แล้วรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร? ถูกต้อง พวกเรากำลังไล่ล่าราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้า แต่พวกเรากลับพบมนุษย์หมาป่าสายฟ้าโดยไม่คาดคิด ข้ากำลังรีบเร่งกลับไปขอกำลังเสริม”
“ข้าคือ ไท่เซี่ยเล้ง ข้าเป็นมิตร ไม่ใช่ศัตรู ข้าพึ่งออกมาจากหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล น้องชายตัวน้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับไปขอกำลังเสริม คลื่นหมาป่าเป็นภัยพิบัติของมนุษย์ ดังนั้นพวกเราจึงต้องร่วมมือกันเผชิญหน้ากับมัน ชายชราแซ่ไท่ผู้นี้จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่” ไท่เซี่ยเล้งรับภาระนี้ไว้กับตนเองทันที
"ข้า อวี๋โป้ จะต้องตายในวันนี้งั้นหรือ?"
"ฮืม แม้พวกเราต้องตายก็ไม่สามารถปล่อยมนุษย์หมาป่าสายฟ้าตัวนี้ไปโดยง่าย"
เวลานี้ผู้นำตระกูลทั้งสองต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะเดียวกันพลังวิญญาณของพวกเขาก็แทบจะสูญสิ้นและสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่ใกล้เข้ามา
ควันหนาทึบสลายตัวไปแล้วพร้อมกันชีวิตของเหล่าผู้อาวุโส ตอนนี้จึงเหลือเพียงผู้นำตระกูลสองคนเท่านั้น
มนุษย์หมาป่าสายฟ้าได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ดังนั้นมันจึงทิ้งระยะห่างจากแนวหน้าของสนามรบและยืนมองฝูงหมาป่าสายฟ้าใต้บังคับบัญชาของมันต่อสู้ต่อไป
"เจ้าขี้ขลาด!" ผู้นำตระกูลไป่คำรามเสียงดังด้วยความโกรธ
อย่างไรก็ตามมนุษย์หมาป่าสายฟ้ากลับไม่แยแสและยังส่งเสียงเห่าหอนออกคำสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของมันโจมตีผู้ใช้วิญญาณทั้งสองอย่างต่อเนื่อง
"ชีวิตของข้าจบแล้ว!"
"บัดซบ! ข้าต้องตายอยู่ในปากหมาป่างั้นหรือ?"
เพียงเมื่อผู้นำทั้งสองรู้สึกหมดสิ้นหนทาง เสียงสายหนึ่งกลับดังขึ้นจากระยะไกล "ผู้นำทั้งสอง โปรดอดทนอีกสักครู่"
เสียงสะท้อนดังกังวาลไปทั่วทั้งหุบเขา เมื่อหันหน้าไปรอบๆ ผู้นำตระกูลทั้งสองจึงสังเกตเห็นคนผู้หนึ่งกำลังตรงมาทางพวกเขา
เพียงไม่นานคนผู้นี้กลับสามารถเคลื่อนที่ผ่านฝูงหมาป่าจำนวนมากมาหยุดยืนอยู่ด้านข้างผู้นำทั้งสองได้โดยไม่คาดคิด
"ท่านคือ?" ผู้นำตระกูลทั้งสองเปิดปากถามในเวลาเดียวกัน
"ข้าคือ ไท่เซี่ยเล้ง"
อ้าปากค้าง...
ผู้นำตระกูลไป่สูดหายใจลึกด้วยความประหลาดใจและงุนงง เหตุใดไท่เซี่ยเล้งจึงมาอยู่ที่นี่?
ด้านผู้นำตระกูลแสงจันทร์ อวี๋โป้ตระหนักถึงเหตุผลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก "เช่นนั้นก็เป็นท่านเทพนักสืบไท่"
ขณะที่พวกเขาพูดคุย ฝูงหมาป่าสายฟ้าก็ยังบุกโจมตีเข้ามาอย่างไม่ลดละ
"สิ่งมีชีวิตชั่วร้าย!" ไท่เซี่ยเล้งคำรามเสียงต่ำ
"บึม!"
กลิ่นอายที่ไม่ต่างจากขุนเขาระเบิดออกไปทุกทิศทุกทาง
วิญญาณคุณธรรม!
มีเพียงผู้ใช้วิญญาณที่มีหัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมเท่านั้นจึงจะสามารถใช้งานวิญญาณดวงนี้ได้
วิญญาณคุณธรรมจะส่งผลให้ศัตรูที่อยู่ในอาณาเขตของมันอ่อนแอลง
ไท่เซี่ยเล้งเคยใช้วิญญาณดวงนี้จำกัดความสามารถของผู้ใช้วิญญาณระดับสี่และทำให้เขาต้องยอมจำนนอย่างสมบูรณ์แบบมาแล้ว นี่เป็นศิลปะขั้นสูงที่สามารถกำหราบศัตรูได้โดยไม่จำเป็นต้องต่อสู้
"อะวู้...อะวู้..."
ฝูงหมาป่าสายฟ้าหมอบลงด้วยร่างกายที่สั่นสะท้านภายใต้แรงกดดันของกลิ่นอายชนิดนี้
"อะวู้..."
มนุษย์หมาป่าสายฟ้าพยายามส่งเสียงเห่าหอนเพื่อออกคำสั่งฝูงหมาป่าของมันอย่างต่อเนื่อง
"น่ารำคาญ!" ไท่เซี่ยเล้งยื่นมือออกไป
"ครืน..."
มือของเขาขยายใหญ่ขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีดำยืดยาวออกไปก่อนจะพยายามคว้าจับร่างกายของมนุษย์หมาป่าสายฟ้า
วิญญาณฝ่ามือเหล็กดำ!
มนุษย์หมาป่าสายฟ้าทั้งเจ้าเล่ห์และขี้ขลาด ดังนั้นมันจึงไม่กล้าตอบโต้การโจมตีนี้และพยายามหลบหนีทันที
อย่างไรก็ตามฝ่ามือเหล็กดำยังสามารถตามจับตัวมนุษย์หมาป่าสายเอาไว้ได้ในที่สุด
มนุษย์หมาป่าสายฟ้าดิ้นรนขัดขืนด้วยการปลดปล่อยสายฟ้าออกมาทำลายฝ่ามือเหล็กดำและสามารถหลุดรอดจากการจับกุมได้ในที่สุด อย่างไรก็ตามตัวมันเองก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน
มันกวาดตามองผู้นำตระกูลทั้งสองกับไท่เซี่ยเล้งอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจหลบหนี
"มันกำลังจะหนี!"
"หยุดมัน!"
ผู้นำตระกูลทั้งสองตะโกนด้วยความโกรธ แต่ไท่เซี่ยเล้งกลับไม่ขยับเขยื้อน
"ท่านเทพนับสืบ โปรดกำจัดมันด้วย" อวี๋โป้ป้องมือขึ้นอ้อนวอน
แต่ไท่เซี่ยเล้งกลับส่ายศีรษะ
เป็นเพียงเวลานี้ที่ฟางหยวนกับหญิงสาวอีกคนเดินทางมาถึง
"ท่านพ่อ ท่านได้รับบาดเจ็บเช่นนั้นหรือ?" หญิงสาวกระทืบเท้าด้วยความโกรธแต่น้ำเสียงของเธอยังเต็มไปด้วยความห่วงใย
"รั่วหนาน มนุษย์หมาป่าสายฟ้าตัวนี้ฉลาดมาก มีเพียงต้องไล่ล่ามันด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดเท่านั้นจึงจะสามารถได้รับชัยชนะ..." ร่างกายของไท่เซี่ยเล้งสั่นเล็กน้อยขณะกล่าวคำ
"พรวด!" เขาพ่นเลือดออกมาจากปาก
เลือดสีเขียวพุ่งกระจายลงบนพื้นหญ้าและกัดกร่อนพวกมันทันที
เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
"ท่านพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?" เด็กสาวรั่วหนานยกมือขึ้นและพยายามจะรักษา
"ไม่จำเป็น อาการของข้าจะดีขึ้นหากปล่อยให้เลือดออกไป" ไท่เซี่ยเล้งหัวเราะพร้อมกับโบกมือ
เห็นฉากนี้ช่วยไม่ได้ที่ผู้นำตระกูลทั้งสองจะรู้สึกละอายใจ
"ท่านเทพนักสืบเป็นผู้มีพระคุณของพวกเราอย่างแท้จิรง ท่านช่วยเหลือพวกเรากระทั่งได้รับบาดเจ็บ พวกเราจะระลึกถึงความเอื้ออาทรของท่านตลอดไป"
"ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านไท่เซี่ยเล้งมานานแล้ว ท่านช่างเปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมดั่งคำล่ำลืออย่างแท้จริง พวกเราต้องขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของท่านในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง"
ผู้นำตระกูลทั้งสองเร่งกล่าวขอบคุณ
"ท่านเทพนักสืบโปรดให้เกียรติตระกูลไป่ของข้าได้แสดงความสำนึกขอบคุณต่อท่านด้วย" ผู้นำตระกูลไป่กล่าว
ผู้นำตระกูลแสงจันทร์จะยินยอมให้ตระกูลไปชิงตัวไท่เซี่ยเล้งไปได้อย่างไร โดยเฉพาะเมื่ออวี๋โป้รู้เหตุผลที่ไท่เซี่ยเล้งมาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงเร่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม "ข้ารู้ว่าท่านเทพนักสืบไท่เซี่ยเล้งมาที่นี่เนื่องจากคำร้องขอจากท่านเจียฟู่เพื่อสืบสวนคดีฆาตกรรม ดังนั้นตระกูลแสงจันทร์ของเราย่อมต้องให้ความรวมมืออย่างเต็มที่"
การแสดงออกของผู้นำตระกูลไป่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้
ไท่เซี่ยเล้งกล่าว "เป็นเช่นนั้น อย่างไรก็ตามคนที่รับผิดชอบการสืบสวนครั้งนี้ไม่ใช่ข้า แต่เป็นบุตรสาวของข้า ไท่รั่วหนาน"
"อา...?" ทุกคนมองไปยังเด็กหญิงทันที