GE7 ผลไม้เต๋า เมฆนิรันดร์ อุปกรณ์วิญญาณ
Chapter 7 ผลไม้เต๋า เมฆนิรันดร์ อุปกรณ์วิญญาณ
ณ คฤหาสน์เหม่ย หนิงฝานกล่าวขอรถเข็นขนาดใหญ่และสั่งให้ผู้คนช่วยกันขนส่วนผสมโอสถกลับไปที่คฤหาสน์ของเขารวมถึงหญ้าหยกหลวงด้วย
มีหญ้าหยกหลวงเหลือเพียง 1 มัดเท่านั้นส่วนที่เหลือเป็นยุ่ยฉีเอาไปให้หมูกินหมดแล้ว ยิ่งคิดถึงเรื่องที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้แล้วหนิงฝานยิ่งไร้คำกล่าว
ตอนนี้โอสถรักษาปีศาจเฒ่ายังคงขาดต้นท้อพันปีอยู่
“นายน้อย ถ้าพวกเรามีส่วนผสมไม่พอ...เช่นนั้นเหตุใดเราถึงไม่ไปที่ตลาดเมืองทางใต้เพื่อหาพวกมันเล่า? หากนายน้อยขาดสมุนไพรในการสกัดโอสถ...พวกเราก็แค่เอามันมาและไม่จำเป็นต้องจ่าย”
ยุ่ยฉีกล่าวราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อย
“เมืองทางใต้หรอ?”
หนิงฝานประหลาดใจเล็กน้อย
“ถูกแล้ว...เมืองทางใต้มีตลาดอยู่หลายแห่ง จะมีเพียงที่ ‘ศาลาไร้ธรรม’ เท่านั้นที่ต้องจ่ายเงิน...”
ยุ่ยฉีกล่าวเตือน
“ศาลาไร้ธรรม?”
หนิงฝานขมวดคิ้ว ชื่อของมันฟังดูคุ้นเคยเล็กน้อย ดูเหมือนมันจะปรากฏขึ้นในความทรงจำที่ซับซ้อนของจักรพรรดินิรันดร์ว่ามันคือขุมกำลังเก่าที่ทรงพลัง
“จริงสิ ที่ศาลาไร้ธรรมจะขายผลไม้เต๋า เตาโอสถ สมบัติเวทย์มนต์ และเมฆนิรันดร์ กล่าวคือ หากใครก็ตามที่จ่าย ‘หยกนิรันดร์’ ไหวก็สามารถซื้อหาได้ทุกสิ่ง นอกจากนี้ อิทธิพลของศาลาไร้ธรรมยังแผ่ขยายไปยังโลกหลายใบเลยทีเดียว กระทั่งผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตไร้แบ่งแยกยังไม่กล้าตอแยกับพวกเขา ดูเหมือนว่าขุมกำลังของพวกเขาจะอยู่ ณ จุดสูงสุดของสวรรค์ทั้ง 4 เมืองฉีเหม่ยของเราเองก็มีศาลาไร้ธรรม ที่นั่นจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่สัตว์ประหลาดในขอบเขตแก่นทองคำต้องการ”
เมื่อผู้บ่มเพาะตกตายมีโอกาสน้อยมากที่แก่นชีวิตของพวกเขาจะกลายเป็นผลไม้เต๋า และผลไม้เต๋าพวกนี้ก็เป็นผู้บ่มเพาะเองที่ใช้มันหรือขายออกไป
สมบัติเวทย์มนต์คือหนึ่งในหลายๆสิ่งที่ผู้บ่มเพาะใช้ในการต่อสู้
ส่วนอุปกรณ์วิญญาณนั้นจะคล้ายคลึงกับสมบัติเวทย์มนต์อยู่บ้าง เพียงแต่มันถูกสร้างโดยเผ่าพันธุ์ปีศาจ
เมฆนิรันดร์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นทองคำใช้มันเพื่อเหาะเหินไปบนท้องฟ้า ซึ่งโลกพิรุณนิรันดร์ใบนี้ได้สร้างเมฆนิรันดร์ไว้เป็นจำนวนมาก อีกอย่างเมฆนิรันดร์ยังเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า ‘ม้าปีศาจ’ ‘สัตว์อสูรบิน’ หรือกระทั่งการเหยียบทะยานไปบนกระบี่!
และอย่างสุดท้าย ‘หยกนิรันดร์’ มันคือเงินตราของโลกพิรุณนิรันดร์ใบนี้
ถึงแม้หนิงฝานจะได้รับสืบทอดความทรงจำของจักรพรรดินิรันดร์มา แต่เขาเพียงพบเห็นสมบัติเวทย์และอุปกรณ์วิญญาณเพียงน้อยนิด ดังนั้นหนิงฝานจึงกระตือรือร้อนที่จะไปยังศาลาไร้ธรรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์
หนิงฝานหันหน้าไปเล็กน้อยและเห็นแหวนเครื่องประดับอยู่บนนิ้วหัวแม่มือของยุ่ยฉี ดูจากรูปร่างของมันแล้ว...มันคืออุปกรณ์วิญญาณ
“นายน้อยสนใจ ‘แหวนเพลิงทมิฬ’ ของข้าหรือ? โชคร้ายที่อุปกรณ์วิญญาณนั้นต่างจากสมบัติวิญญาณอยู่เล็กน้อย แหวนของข้าถูกครอบครองโดยข้ารับใช้เช่นข้าแล้ว...เช่นนั้นข้าไม่อาจยกมันให้ท่านได้”
ยุ่ยฉีกล่าวอย่างไร้หนทาง
“ข้าไม่ได้อยากได้แหวนเพลิงทมิฬของเจ้า แต่ข้าสนใจความสามารถของมันมากกว่า”
“นายน้อยควรทราบว่าผู้บ่มเพาะอย่างเราจำเป็นต้องใช้สมบัติเวทย์มนต์ไว้ใช้ในยามต่อสู้ มันใช้ได้ทั้งโจมตีและป้องกัน เพียงแต่อุปกรณ์วิญญาณนั้นต่างออกไปเล็กน้อย... นายน้อยโปรดมองที่แหวนของข้า มันคืออุปกรณ์วิญญาณเพลิง ความสามารถของแหวนเพลิงทมิฬคือการขยายพลังเพลิงให้มากขึ้น... ตัวข้ายังมีแหวนเพลิงทมิฬอยู่อีกวง นายน้อยอยากทดสอบมันหรือไม่?”
ยุ่ยฉีหยิบเอาแหวนอีกวงออกมาก่อนจะส่งให้หนิงฝานด้วยท่าทางมีความสุข
หากดูเพียงผิวเผิน ยุ่ยฉีอาจจะดูเหมือนคนหยาบกระด้างและโหดเหี้ยม...แต่เขาไม่ได้โง่ ก่อนหน้านี้เหล่าผู้คุ้มกันเหม่ยทั้ง 400 คนต่างหยาบคายกับหนิงฝาน แม้ดูท่าทางของหนิงฝานเหมือนจะไม่ได้คิดอะไร แต่ใครจะไปรู้ความคิดจริงๆของเขา
ดังนั้นยุ่ยฉีจึงมอบของขวัญเพื่อประจบ
หนิงฝานหยิบเอาแหวนเพลิงทมิฬมาพลางจ้องมองยุ่ยฉีอย่างละเอียดก่อนกล่าว
“เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้นำมาใส่ใจ วางใจเถอะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่าทางของยุ่ยฉีก็ผ่อนคลายลงในฉับพลัน เขายิ้มอย่างประจบ
“นายน้อยช่างใจกว้างและอารีที่ไม่ได้ถือคนหยาบคายเช่นพวกพวกข้า”
หนิงฝานไม่ได้สนใจยุ่ยฉี เขามองแหวนเพลิงทมิฬอย่างละเอียด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ตรวจสอบอุปกรณ์วิญญาณใกล้ๆ
ผ่านไปชั่วครู่ จู่ๆเพลิงอันลึกลับก็ปรากฏขึ้นภายในแหวนในมือของหนิงฝาน
“อืมม! นายน้อยยังไม่บรรลุขอบประสานวิญญาณ ฉะนั้นตอนนี้จึงไม่สามารถทำให้อุปกรณ์วิญญาณยอมรับท่านเป็นนายได้ เมื่อท่านบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณแล้วค่อยลองใหม่ก็ไม่สาย”
ด้วยที่ยุ่ยฉีกล่าว อุปกรณ์วิญญาณจะรับเพียงผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตประสานวิญญาณเป็นนายเท่านั้น ในขั้นตอนการครอบครองอุปกรณ์วิญญาณนั้นอันตรายเป็นอย่างมากเพราะมันไม่ได้ใช้โลหิตเพื่อทำสัญญาอย่างเดียว แต่มันยังต้องใช้พลังวิญญาณของธาตุทั้ง 5 ในการจารึกลงไปยังอุปกรณ์วิญญาณด้วย
มีเพียงผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตประสานวิญญาณเท่านั้นที่สามารถดูดซับธาตุทั้ง 5 ของสวรรค์และพิภพมาใช้เป็นพลังงานได้ ซึ่งตอนนี้หนิงฝานยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
ยิ่งอุปกรณ์วิญญาณที่มีระดับสูงขึ้น การรับเป็นนายของมันก็จะยากขึ้นด้วย
หนิงฝานสวมแหวนเข้าไปอย่างไม่พอใจและถ่ายพลังงานที่รุนแรงสายหนึ่งเข้าไปในแหวนเพลิงทมิฬ
โชคร้ายที่ดูเหมือนแหวนเพลิงทมิฬจะใช้งานไม่ได้ ดูเหมือนมันจะยังไม่ได้รับหนิงฝานเป็นนายของมัน
‘การที่อุปกรณ์วิญญาณชนิดหนึ่งจะรับใครเป็นนาย คนผู้นั้นต้องจะต้องใช้ธาตุทั้ง 5 ของสวรรค์และพิภพอย่างนั้นหรอ?’
ขณะที่หนิงฝานถ่ายธาตุทั้ง 5 เข้าไปเขาก็จำได้ว่าเส้นโลหิตนิรันดร์ของเขาคือ ‘เส้นโลหิตหยินหยางปีศาจ’ ซึ่งสามารถบ่มเพาะทั้งหยินและหยางได้อย่างราบรื่น
หยินและหยางเองก็รวมธาตุทั้ง 5 เอาไว้
ทันใดนั้นหนิงฝานก็รู้สึกแปลกๆขึ้น เขารู้สึกว่าหาเขาต้องการเขาย่อมใช้อำนาจของเส้นโลหิตหยินหยางปีศาจเพื่อใช้ธาตุทั้ง 5 ของสวรรค์และพิภพทำให้อุปกรณ์วิญญาณรับเขาเป็นนายได้
ความรู้สึกเช่นนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของหนิงฝาน ในที่สุดหนิงฝานก็ตัดสินใจที่จะลองดูว่าเขาสามารถทำให้แหวนเพลิงทมิฬนี่ยอมรับเขาได้หรือไม่!
หนิงฝานหลับตาลงพลางสัมผัสถึงแหวนเพลิงทมิฬกระทั่งไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
ยุ่ยฉีที่ยืนอยู่ข้างๆหนิงฝานเองก็จ้องมองหนิงฝานอย่างคลุมเครือ
ยุ่ยฉีบอกได้ว่า...ดูเหมือนนายน้อยของเขาจะถูกแหวนเพลิงทมิฬปฏิเสธ เขายอมรับในความกล้าหาญของนายน้อยที่พยายามทำให้แหวนเพลิงทมิฬรับตนเองเป็นนาย...สมแล้วที่นายน้อยเป็นผู้บ่มเพาะปีศาจ! แต่โชคร้ายที่ความพยายามนี้คงไม่สำเร็จ
ผ่านไปชั่วครู่ ยุ่ยฉีก็เกือบจะพยักหน้าทำใจแล้วแต่จู่ๆพลันบังเกิดเปลวเพลิงลุกโหมขึ้นทั่วร่างของหนิงฝาน!
ฉากถัดมาที่เห็นคือแหวนเพลิงทมิฬที่อยู่ในมือของหนิงฝานกำลังลุกโหมด้วยเพลิงลักษณะคล้ายวงรีสีแดงเข้ม
“ใกล้แล้ว!”
หนิงฝานลืมตาขึ้นทั้งยังมีท่าทางที่สง่างามอย่างที่สุด หนิงฝานโคจรเส้นโลหิตจำนวนน้อยนิดที่ถูกทะลวงเปิดแล้วในร่างกายพร้อมกับพลังเวทย์มนต์เพื่อทำสัญญากับแหวนเพลิงทมิฬ
เวลาผ่านไปนาน หนิงฝานเหงื่อกาฬไหลพลางผ่อนลมหายใจยาว เมื่อเสร็จสิ้นการทำพันธะสัญญากับแหวนเพลิงทมิฬแล้ว เปลวเพลิงแห่งสวรรค์และพิภพก็กลับคืนสู่สภาพปกติ
ในสมองของหนิงฝานเกิดเป็นการเชื่อมโยงที่ละเอียดอ่อนระหว่างตัวเขากับแหวนเพลิงทมิฬขึ้น
“กะ...เกิดอะไรขึ้น?! นายน้อย...ท่านทำพันธะสัญญากับแหวนสำเร็จหรอ? เป็นไปได้ยังไง!? นายน้อยยังไม่ใช่ผู้บ่มเพาะขอบเขตประสานวิญญาณนี่!”
ยุ่ยฉีตกใจ
ตัวเขาเองก็บ่มเพาะมาหลายปีแต่ยังไม่เคยได้ยินว่าผู้ใดจะสามารถทำพันธะสัญญากับอุปกรณ์วิญญาณก่อนบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ
หนิงฝานไม่ได้กล่าวตอบคำถามของยุ่ยฉีเพราะเขากำลังจดจ่ออยู่กับความรู้สึกของพลังลึกลับแห่งแหวนเพลิงทมิฬ
แหวนเพลิงทมิฬนับเป็นของดี! ตั้งแต่ที่หนิงฝานเริ่มบ่มเพาะมา แหวนเพลิงทมิฬนี้นับเป็นอุปกรณ์วิญญาณจริงๆชิ้นแรกของเขา
หนิงฝานค่อยๆยกนิ้วขึ้นพลางชี้ออกไป ทันใดนั้น เพลิงมังกรทมิฬพลันลุกโหมขึ้นที่แหวนทั้งยังทรงพลังยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
นี่คือความแตกต่างระหว่างสมบัติเวทย์มนต์และอุปกรณ์วิญญาณ ที่สมบัติเวทย์มนต์เป็นของตายตัวแต่อุปกรณ์วิญญาณกลับตอบสนองกับนายของมัน
ไม่เพียงเท่านั้น!
สมบัติเวทย์มนต์ต้องใช้พลังเวทย์มนต์ในการขับเคลื่อนแต่อุปกรณ์วิญญาณจะไม่ใช้พลังมากขนาดนั้น
หากเป็นคนที่อยู่ในขอบเขตเปิดเส้นโลหิตเช่นเดียวกับหนิงฝานย่อมไม่สามารถใช้อุปกรณ์เวทย์มนได้เกินสองครั้งในการต่อสู้ แต่หากเป็นอุปกรณ์วิญญาณกลับใช้ได้ตามใจปรารถนา
“ไม่เลว! ด้วยแหวนเพลิงทมิฬวงนี้ย่อมทำให้เพลิงทมิฬของข้าทรงพลังขึ้น อย่างน้อยก็ 3 ส่วน!”
เมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีอันไม่รู้จบของเพลิงทมิฬภายในร่างกาย หนิงฝานได้แต่จ้องมองยุ่ยฉีอย่างไม่รู้ตัว
เขาอยากรู้มากว่า ด้วยเพลิงทมิฬของเขาบวกกับแหวนเพลิงทมิฬจะทำความเสียหายให้กับยุ่ยฉีได้มากขนาดไหน?
เพียงแต่เขาไม่อาจจู่โจมยุ่ยฉีได้ มันจึงเป็นเพียงความคิดที่น่าสนใจเท่านั้น
“เพลิงทมิฬของนายน้อยช่างคล้ายคลึงกับ ‘เพลิงปีศาจโลหิตพิภพ’ เป็นอย่างมาก... เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันคือ ‘เพลิงปีศาจโลหิตพิภพ?’”
จู่ๆยุ่ยฉีก็ถามขึ้น
“เพลิงปีศาจโลหิตพิภพหรอ?”
หนิงฝานประหลาดใจ ในความทรงจำของเขากลับไม่มีเรื่องของเพลิงปีศาจโลหิตพิภพเลย
“นายน้อยควรทราบว่าโลกแห่งการบ่มเพาะที่แท้จริงของพวกเราประกอบไปด้วย ‘สวรรค์ทั้ง 4 และโลกพิภพทั้ง 9’ ผู้รับใช้เช่นข้าไม่ทราบว่าในสวรรค์ทั้ง 4 มีระดับของเพลิงเป็นเช่นไร แต่ข้ารู้เพียงว่าในขอบเขตที่ต่ำชั้นเช่นพวกเรามักจะเรียกเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวว่า ‘เพลิงปีศาจโลหิตพิภพ’ ซึ่งสอดคล้องกับ ‘พลังงานเยือกแข็งนภา’… กล่าวได้ว่าทั้ง ‘เพลิงปีศาจโลหิตพิภพ’ และ ‘พลังงานเยือกแข็งนภา’ เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตไร้แบ่งแยกไม่สามารถต่อกรได้”
ยุ่ยฉีคิดว่าหนิงฝานเพิ่งเริ่มบ่มเพาะ ดังนั้นเขาจึงอธิบายความรู้พื้นฐานทั่วไปเกี่ยวกับเพลิงปีศาจโลหิตทมิฬให้หนิงฝานฟัง
หลังจากอธิบายไปมากมายก็ทำให้หนิงฝานมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกแห่งการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นมาก แต่ขณะที่ยุ่ยฉีกำลังจะจากไป
“ยุ่ยฉี ข้าอยากให้ท่านไปซื้อหาโอสถที่ตลาดมาให้ข้า ข้าอยากได้ต้นท้อพันปี...ห้ามลืมหล่ะ อ้อ...อีกอย่าง ข้าอยากได้หญ้าทมิฬไร้จิตวิญญาณที่มีทั้งรสขมและเผ็ด พูดง่ายๆก็...อืมม...ที่มันเหมือนกับหญ้าแห้งก่อนหน้านี้”
ด้วยส่วนผสมหลักของโอสถหยกหลวง...ตอนนี้หนิงฝานมีหญ้าหยกหลวงแล้ว ส่วนผสมอีกชนิดหนึ่งคือ ‘หญ้าม้วนปีศาจ’ ถึงแม้หนิงฝานจะไม่คาดว่ายุ่ยฉีจะหามาได้ แต่มันก็ยังดีที่ได้บอกเขาไว้
หญ้าหยกหลวงสามารถพัฒนาศักยภาพร่างกายและแก่นพลังของผู้ที่กินเข้าไปได้ แต่ถึงหนิงฝานหาหญ้าม้วนปีศาจไม่พบนั่นย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่
ในเส้นทางของการบ่มเพาะ หนิงฝานจะต้องเติบโตขึ้นและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างช้าๆ!
“หญ้าทมิฬงั้นหรอ? มันไม่ต่างจากหญ้าที่เอาให้หมูกินเลยใช่มั้ย? อืม...ข้าน่าจะเคยเห็นมันที่ ‘บ้านซื่อถู’ พวกเขาอาจจะปลูกมันที่นั่น เมื่อปีที่แล้ว...ข้าไปเก็บพวกมันที่นั่นเพื่อเอามาให้หมูและทำให้พวกมันถ่าย(อุจจาระ)กว่าครึ่งเดือน... ข้าก็ไม่รู้ว่ามันเป็นหญ้าชนิดไหน”
หนิงฝานจ้องมองยุ่ยฉีราวกับจ้องมองคนโง่
เอาหญ้าม้วนปีศาจให้หมูกินด้วย... อืม...ยุ่ยฉีนี่มีพรสวรรค์จริงๆ!
แต่ถึงอย่างนั้นหนิงฝานเองก็แทบไม่เชื่อว่าเขาจะโชคดีขนาดนี้ เมื่อเขาหาหญ้าหยกหลวงพบ ตอนนี้เขาก็เจอหญ้าม้วนปีศาจแล้วเช่นกัน จากความทรงจำของเขาหญ้าม้วนปีศาจนับเป็นคู่สมุนไพรกับหญ้าหยกหลวง เมื่อพบหญ้าหยกหลวงที่เมืองฉีเหม่ยย่อมไม่แปลกใจนักที่จะพบหญ้าม้วนปีศาจด้วย
หากหนิงฝานหาหญ้าม้วนปีศาจพบเขาย่อมสกัดโอสถหยกหลวงขึ้นมาได้ นอกจากนี้ความมแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
หนิงฝานมีสิ่งที่ต้องทำมากมายหลายสิ่งในอนาคต แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขา ปีศาจเฒ่าต้องการให้การเขาบรรลุระดับ 5 ขอบเขตเปิดเส้นโลหิตให้ได้ภายในครึ่งปีเพียงแต่...หนิงฝานไม่อยากให้ตนเองบรรลุเพียงระดับนั้น
“ก้าวย่างบนนภา! อำนาจของขอบเขตประสานวิญญาณ! ข้ามีสร้อยคอหยินหยางและความทรงจำของจักรพรรดินิรันดร์ ข้าเป็นถึงนายน้อยแห่งเมืองฉีเหม่ยทั้งยังมีทรัพยากรมากมาย ภายใน 6 เดือนนี้ ข้าจะทะลวงขอบเขตประสานวิญญาณให้ได้!”........................................