ตอนที่แล้วGE6 หญ้าหยกหลวง อาหารสำหรับหมูอย่างนั้นหรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปGE8 จื่อเฮ่อ การบ่มเพาะผสาน

GE7 ผลไม้เต๋า เมฆนิรันดร์ อุปกรณ์วิญญาณ


Chapter 7 ผลไม้เต๋า เมฆนิรันดร์ อุปกรณ์วิญญาณ

 

ณ คฤหาสน์เหม่ย หนิงฝานกล่าวขอรถเข็นขนาดใหญ่และสั่งให้ผู้คนช่วยกันขนส่วนผสมโอสถกลับไปที่คฤหาสน์ของเขารวมถึงหญ้าหยกหลวงด้วย

 

มีหญ้าหยกหลวงเหลือเพียง 1 มัดเท่านั้นส่วนที่เหลือเป็นยุ่ยฉีเอาไปให้หมูกินหมดแล้ว ยิ่งคิดถึงเรื่องที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้แล้วหนิงฝานยิ่งไร้คำกล่าว

 

ตอนนี้โอสถรักษาปีศาจเฒ่ายังคงขาดต้นท้อพันปีอยู่

 

“นายน้อย ถ้าพวกเรามีส่วนผสมไม่พอ...เช่นนั้นเหตุใดเราถึงไม่ไปที่ตลาดเมืองทางใต้เพื่อหาพวกมันเล่า? หากนายน้อยขาดสมุนไพรในการสกัดโอสถ...พวกเราก็แค่เอามันมาและไม่จำเป็นต้องจ่าย”

ยุ่ยฉีกล่าวราวกับมันเป็นเรื่องเล็กน้อย

“เมืองทางใต้หรอ?”

 

หนิงฝานประหลาดใจเล็กน้อย

“ถูกแล้ว...เมืองทางใต้มีตลาดอยู่หลายแห่ง จะมีเพียงที่ ‘ศาลาไร้ธรรม’ เท่านั้นที่ต้องจ่ายเงิน...”

 

ยุ่ยฉีกล่าวเตือน

 

“ศาลาไร้ธรรม?”

 

หนิงฝานขมวดคิ้ว ชื่อของมันฟังดูคุ้นเคยเล็กน้อย ดูเหมือนมันจะปรากฏขึ้นในความทรงจำที่ซับซ้อนของจักรพรรดินิรันดร์ว่ามันคือขุมกำลังเก่าที่ทรงพลัง

 

“จริงสิ ที่ศาลาไร้ธรรมจะขายผลไม้เต๋า เตาโอสถ สมบัติเวทย์มนต์ และเมฆนิรันดร์ กล่าวคือ หากใครก็ตามที่จ่าย ‘หยกนิรันดร์’ ไหวก็สามารถซื้อหาได้ทุกสิ่ง นอกจากนี้ อิทธิพลของศาลาไร้ธรรมยังแผ่ขยายไปยังโลกหลายใบเลยทีเดียว กระทั่งผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตไร้แบ่งแยกยังไม่กล้าตอแยกับพวกเขา ดูเหมือนว่าขุมกำลังของพวกเขาจะอยู่ ณ จุดสูงสุดของสวรรค์ทั้ง 4  เมืองฉีเหม่ยของเราเองก็มีศาลาไร้ธรรม ที่นั่นจะมีทุกสิ่งทุกอย่างที่สัตว์ประหลาดในขอบเขตแก่นทองคำต้องการ”

 

เมื่อผู้บ่มเพาะตกตายมีโอกาสน้อยมากที่แก่นชีวิตของพวกเขาจะกลายเป็นผลไม้เต๋า และผลไม้เต๋าพวกนี้ก็เป็นผู้บ่มเพาะเองที่ใช้มันหรือขายออกไป

 

สมบัติเวทย์มนต์คือหนึ่งในหลายๆสิ่งที่ผู้บ่มเพาะใช้ในการต่อสู้

ส่วนอุปกรณ์วิญญาณนั้นจะคล้ายคลึงกับสมบัติเวทย์มนต์อยู่บ้าง เพียงแต่มันถูกสร้างโดยเผ่าพันธุ์ปีศาจ

 

เมฆนิรันดร์จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตแก่นทองคำใช้มันเพื่อเหาะเหินไปบนท้องฟ้า ซึ่งโลกพิรุณนิรันดร์ใบนี้ได้สร้างเมฆนิรันดร์ไว้เป็นจำนวนมาก อีกอย่างเมฆนิรันดร์ยังเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า ‘ม้าปีศาจ’ ‘สัตว์อสูรบิน’ หรือกระทั่งการเหยียบทะยานไปบนกระบี่!

และอย่างสุดท้าย ‘หยกนิรันดร์’ มันคือเงินตราของโลกพิรุณนิรันดร์ใบนี้

 

ถึงแม้หนิงฝานจะได้รับสืบทอดความทรงจำของจักรพรรดินิรันดร์มา แต่เขาเพียงพบเห็นสมบัติเวทย์และอุปกรณ์วิญญาณเพียงน้อยนิด ดังนั้นหนิงฝานจึงกระตือรือร้อนที่จะไปยังศาลาไร้ธรรมเพื่อเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์

หนิงฝานหันหน้าไปเล็กน้อยและเห็นแหวนเครื่องประดับอยู่บนนิ้วหัวแม่มือของยุ่ยฉี ดูจากรูปร่างของมันแล้ว...มันคืออุปกรณ์วิญญาณ

“นายน้อยสนใจ ‘แหวนเพลิงทมิฬ’ ของข้าหรือ? โชคร้ายที่อุปกรณ์วิญญาณนั้นต่างจากสมบัติวิญญาณอยู่เล็กน้อย แหวนของข้าถูกครอบครองโดยข้ารับใช้เช่นข้าแล้ว...เช่นนั้นข้าไม่อาจยกมันให้ท่านได้”

 

ยุ่ยฉีกล่าวอย่างไร้หนทาง

 

“ข้าไม่ได้อยากได้แหวนเพลิงทมิฬของเจ้า แต่ข้าสนใจความสามารถของมันมากกว่า”

 

“นายน้อยควรทราบว่าผู้บ่มเพาะอย่างเราจำเป็นต้องใช้สมบัติเวทย์มนต์ไว้ใช้ในยามต่อสู้ มันใช้ได้ทั้งโจมตีและป้องกัน เพียงแต่อุปกรณ์วิญญาณนั้นต่างออกไปเล็กน้อย... นายน้อยโปรดมองที่แหวนของข้า มันคืออุปกรณ์วิญญาณเพลิง ความสามารถของแหวนเพลิงทมิฬคือการขยายพลังเพลิงให้มากขึ้น... ตัวข้ายังมีแหวนเพลิงทมิฬอยู่อีกวง นายน้อยอยากทดสอบมันหรือไม่?”

 

ยุ่ยฉีหยิบเอาแหวนอีกวงออกมาก่อนจะส่งให้หนิงฝานด้วยท่าทางมีความสุข

 

หากดูเพียงผิวเผิน ยุ่ยฉีอาจจะดูเหมือนคนหยาบกระด้างและโหดเหี้ยม...แต่เขาไม่ได้โง่ ก่อนหน้านี้เหล่าผู้คุ้มกันเหม่ยทั้ง 400 คนต่างหยาบคายกับหนิงฝาน แม้ดูท่าทางของหนิงฝานเหมือนจะไม่ได้คิดอะไร แต่ใครจะไปรู้ความคิดจริงๆของเขา

 

ดังนั้นยุ่ยฉีจึงมอบของขวัญเพื่อประจบ

 

หนิงฝานหยิบเอาแหวนเพลิงทมิฬมาพลางจ้องมองยุ่ยฉีอย่างละเอียดก่อนกล่าว

 

“เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้นำมาใส่ใจ วางใจเถอะ”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นท่าทางของยุ่ยฉีก็ผ่อนคลายลงในฉับพลัน เขายิ้มอย่างประจบ

 

“นายน้อยช่างใจกว้างและอารีที่ไม่ได้ถือคนหยาบคายเช่นพวกพวกข้า”

 

หนิงฝานไม่ได้สนใจยุ่ยฉี เขามองแหวนเพลิงทมิฬอย่างละเอียด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ตรวจสอบอุปกรณ์วิญญาณใกล้ๆ

 

ผ่านไปชั่วครู่ จู่ๆเพลิงอันลึกลับก็ปรากฏขึ้นภายในแหวนในมือของหนิงฝาน

 

“อืมม! นายน้อยยังไม่บรรลุขอบประสานวิญญาณ ฉะนั้นตอนนี้จึงไม่สามารถทำให้อุปกรณ์วิญญาณยอมรับท่านเป็นนายได้ เมื่อท่านบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณแล้วค่อยลองใหม่ก็ไม่สาย”

 

ด้วยที่ยุ่ยฉีกล่าว อุปกรณ์วิญญาณจะรับเพียงผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตประสานวิญญาณเป็นนายเท่านั้น ในขั้นตอนการครอบครองอุปกรณ์วิญญาณนั้นอันตรายเป็นอย่างมากเพราะมันไม่ได้ใช้โลหิตเพื่อทำสัญญาอย่างเดียว แต่มันยังต้องใช้พลังวิญญาณของธาตุทั้ง 5 ในการจารึกลงไปยังอุปกรณ์วิญญาณด้วย

 

มีเพียงผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตประสานวิญญาณเท่านั้นที่สามารถดูดซับธาตุทั้ง 5 ของสวรรค์และพิภพมาใช้เป็นพลังงานได้ ซึ่งตอนนี้หนิงฝานยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้

 

ยิ่งอุปกรณ์วิญญาณที่มีระดับสูงขึ้น การรับเป็นนายของมันก็จะยากขึ้นด้วย

 

หนิงฝานสวมแหวนเข้าไปอย่างไม่พอใจและถ่ายพลังงานที่รุนแรงสายหนึ่งเข้าไปในแหวนเพลิงทมิฬ

 

โชคร้ายที่ดูเหมือนแหวนเพลิงทมิฬจะใช้งานไม่ได้ ดูเหมือนมันจะยังไม่ได้รับหนิงฝานเป็นนายของมัน

 

‘การที่อุปกรณ์วิญญาณชนิดหนึ่งจะรับใครเป็นนาย คนผู้นั้นต้องจะต้องใช้ธาตุทั้ง 5 ของสวรรค์และพิภพอย่างนั้นหรอ?’

 

ขณะที่หนิงฝานถ่ายธาตุทั้ง 5 เข้าไปเขาก็จำได้ว่าเส้นโลหิตนิรันดร์ของเขาคือ ‘เส้นโลหิตหยินหยางปีศาจ’ ซึ่งสามารถบ่มเพาะทั้งหยินและหยางได้อย่างราบรื่น

 

หยินและหยางเองก็รวมธาตุทั้ง 5 เอาไว้

 

ทันใดนั้นหนิงฝานก็รู้สึกแปลกๆขึ้น เขารู้สึกว่าหาเขาต้องการเขาย่อมใช้อำนาจของเส้นโลหิตหยินหยางปีศาจเพื่อใช้ธาตุทั้ง 5 ของสวรรค์และพิภพทำให้อุปกรณ์วิญญาณรับเขาเป็นนายได้

 

ความรู้สึกเช่นนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของหนิงฝาน ในที่สุดหนิงฝานก็ตัดสินใจที่จะลองดูว่าเขาสามารถทำให้แหวนเพลิงทมิฬนี่ยอมรับเขาได้หรือไม่!

 

หนิงฝานหลับตาลงพลางสัมผัสถึงแหวนเพลิงทมิฬกระทั่งไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน

 

ยุ่ยฉีที่ยืนอยู่ข้างๆหนิงฝานเองก็จ้องมองหนิงฝานอย่างคลุมเครือ

 

ยุ่ยฉีบอกได้ว่า...ดูเหมือนนายน้อยของเขาจะถูกแหวนเพลิงทมิฬปฏิเสธ เขายอมรับในความกล้าหาญของนายน้อยที่พยายามทำให้แหวนเพลิงทมิฬรับตนเองเป็นนาย...สมแล้วที่นายน้อยเป็นผู้บ่มเพาะปีศาจ! แต่โชคร้ายที่ความพยายามนี้คงไม่สำเร็จ

 

ผ่านไปชั่วครู่ ยุ่ยฉีก็เกือบจะพยักหน้าทำใจแล้วแต่จู่ๆพลันบังเกิดเปลวเพลิงลุกโหมขึ้นทั่วร่างของหนิงฝาน!

 

ฉากถัดมาที่เห็นคือแหวนเพลิงทมิฬที่อยู่ในมือของหนิงฝานกำลังลุกโหมด้วยเพลิงลักษณะคล้ายวงรีสีแดงเข้ม

 

“ใกล้แล้ว!”

 

หนิงฝานลืมตาขึ้นทั้งยังมีท่าทางที่สง่างามอย่างที่สุด หนิงฝานโคจรเส้นโลหิตจำนวนน้อยนิดที่ถูกทะลวงเปิดแล้วในร่างกายพร้อมกับพลังเวทย์มนต์เพื่อทำสัญญากับแหวนเพลิงทมิฬ

 

เวลาผ่านไปนาน หนิงฝานเหงื่อกาฬไหลพลางผ่อนลมหายใจยาว เมื่อเสร็จสิ้นการทำพันธะสัญญากับแหวนเพลิงทมิฬแล้ว เปลวเพลิงแห่งสวรรค์และพิภพก็กลับคืนสู่สภาพปกติ

 

ในสมองของหนิงฝานเกิดเป็นการเชื่อมโยงที่ละเอียดอ่อนระหว่างตัวเขากับแหวนเพลิงทมิฬขึ้น

 

“กะ...เกิดอะไรขึ้น?! นายน้อย...ท่านทำพันธะสัญญากับแหวนสำเร็จหรอ? เป็นไปได้ยังไง!? นายน้อยยังไม่ใช่ผู้บ่มเพาะขอบเขตประสานวิญญาณนี่!”

 

ยุ่ยฉีตกใจ

 

ตัวเขาเองก็บ่มเพาะมาหลายปีแต่ยังไม่เคยได้ยินว่าผู้ใดจะสามารถทำพันธะสัญญากับอุปกรณ์วิญญาณก่อนบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ

 

หนิงฝานไม่ได้กล่าวตอบคำถามของยุ่ยฉีเพราะเขากำลังจดจ่ออยู่กับความรู้สึกของพลังลึกลับแห่งแหวนเพลิงทมิฬ

 

แหวนเพลิงทมิฬนับเป็นของดี! ตั้งแต่ที่หนิงฝานเริ่มบ่มเพาะมา แหวนเพลิงทมิฬนี้นับเป็นอุปกรณ์วิญญาณจริงๆชิ้นแรกของเขา

 

หนิงฝานค่อยๆยกนิ้วขึ้นพลางชี้ออกไป ทันใดนั้น เพลิงมังกรทมิฬพลันลุกโหมขึ้นที่แหวนทั้งยังทรงพลังยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก

 

นี่คือความแตกต่างระหว่างสมบัติเวทย์มนต์และอุปกรณ์วิญญาณ ที่สมบัติเวทย์มนต์เป็นของตายตัวแต่อุปกรณ์วิญญาณกลับตอบสนองกับนายของมัน

 

ไม่เพียงเท่านั้น!

 

สมบัติเวทย์มนต์ต้องใช้พลังเวทย์มนต์ในการขับเคลื่อนแต่อุปกรณ์วิญญาณจะไม่ใช้พลังมากขนาดนั้น

 

หากเป็นคนที่อยู่ในขอบเขตเปิดเส้นโลหิตเช่นเดียวกับหนิงฝานย่อมไม่สามารถใช้อุปกรณ์เวทย์มนได้เกินสองครั้งในการต่อสู้ แต่หากเป็นอุปกรณ์วิญญาณกลับใช้ได้ตามใจปรารถนา

 

“ไม่เลว! ด้วยแหวนเพลิงทมิฬวงนี้ย่อมทำให้เพลิงทมิฬของข้าทรงพลังขึ้น อย่างน้อยก็ 3 ส่วน!”

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงรัศมีอันไม่รู้จบของเพลิงทมิฬภายในร่างกาย หนิงฝานได้แต่จ้องมองยุ่ยฉีอย่างไม่รู้ตัว

 

เขาอยากรู้มากว่า ด้วยเพลิงทมิฬของเขาบวกกับแหวนเพลิงทมิฬจะทำความเสียหายให้กับยุ่ยฉีได้มากขนาดไหน?

เพียงแต่เขาไม่อาจจู่โจมยุ่ยฉีได้ มันจึงเป็นเพียงความคิดที่น่าสนใจเท่านั้น

 

“เพลิงทมิฬของนายน้อยช่างคล้ายคลึงกับ ‘เพลิงปีศาจโลหิตพิภพ’ เป็นอย่างมาก... เป็นไปได้หรือไม่ว่ามันคือ ‘เพลิงปีศาจโลหิตพิภพ?’”

 

จู่ๆยุ่ยฉีก็ถามขึ้น

 

“เพลิงปีศาจโลหิตพิภพหรอ?”

 

หนิงฝานประหลาดใจ ในความทรงจำของเขากลับไม่มีเรื่องของเพลิงปีศาจโลหิตพิภพเลย

 

“นายน้อยควรทราบว่าโลกแห่งการบ่มเพาะที่แท้จริงของพวกเราประกอบไปด้วย ‘สวรรค์ทั้ง 4 และโลกพิภพทั้ง 9’ ผู้รับใช้เช่นข้าไม่ทราบว่าในสวรรค์ทั้ง 4 มีระดับของเพลิงเป็นเช่นไร แต่ข้ารู้เพียงว่าในขอบเขตที่ต่ำชั้นเช่นพวกเรามักจะเรียกเพลิงที่น่าสะพรึงกลัวว่า ‘เพลิงปีศาจโลหิตพิภพ’ ซึ่งสอดคล้องกับ ‘พลังงานเยือกแข็งนภา’… กล่าวได้ว่าทั้ง ‘เพลิงปีศาจโลหิตพิภพ’ และ ‘พลังงานเยือกแข็งนภา’ เป็นสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตไร้แบ่งแยกไม่สามารถต่อกรได้”

 

ยุ่ยฉีคิดว่าหนิงฝานเพิ่งเริ่มบ่มเพาะ ดังนั้นเขาจึงอธิบายความรู้พื้นฐานทั่วไปเกี่ยวกับเพลิงปีศาจโลหิตทมิฬให้หนิงฝานฟัง

 

หลังจากอธิบายไปมากมายก็ทำให้หนิงฝานมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโลกแห่งการบ่มเพาะเพิ่มขึ้นมาก แต่ขณะที่ยุ่ยฉีกำลังจะจากไป

 

“ยุ่ยฉี ข้าอยากให้ท่านไปซื้อหาโอสถที่ตลาดมาให้ข้า ข้าอยากได้ต้นท้อพันปี...ห้ามลืมหล่ะ อ้อ...อีกอย่าง ข้าอยากได้หญ้าทมิฬไร้จิตวิญญาณที่มีทั้งรสขมและเผ็ด พูดง่ายๆก็...อืมม...ที่มันเหมือนกับหญ้าแห้งก่อนหน้านี้”

 

ด้วยส่วนผสมหลักของโอสถหยกหลวง...ตอนนี้หนิงฝานมีหญ้าหยกหลวงแล้ว ส่วนผสมอีกชนิดหนึ่งคือ ‘หญ้าม้วนปีศาจ’ ถึงแม้หนิงฝานจะไม่คาดว่ายุ่ยฉีจะหามาได้ แต่มันก็ยังดีที่ได้บอกเขาไว้

 

หญ้าหยกหลวงสามารถพัฒนาศักยภาพร่างกายและแก่นพลังของผู้ที่กินเข้าไปได้ แต่ถึงหนิงฝานหาหญ้าม้วนปีศาจไม่พบนั่นย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่

 

ในเส้นทางของการบ่มเพาะ หนิงฝานจะต้องเติบโตขึ้นและก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดอย่างช้าๆ!

 

“หญ้าทมิฬงั้นหรอ? มันไม่ต่างจากหญ้าที่เอาให้หมูกินเลยใช่มั้ย? อืม...ข้าน่าจะเคยเห็นมันที่ ‘บ้านซื่อถู’ พวกเขาอาจจะปลูกมันที่นั่น เมื่อปีที่แล้ว...ข้าไปเก็บพวกมันที่นั่นเพื่อเอามาให้หมูและทำให้พวกมันถ่าย(อุจจาระ)กว่าครึ่งเดือน... ข้าก็ไม่รู้ว่ามันเป็นหญ้าชนิดไหน”

 

หนิงฝานจ้องมองยุ่ยฉีราวกับจ้องมองคนโง่

 

เอาหญ้าม้วนปีศาจให้หมูกินด้วย... อืม...ยุ่ยฉีนี่มีพรสวรรค์จริงๆ!

 

แต่ถึงอย่างนั้นหนิงฝานเองก็แทบไม่เชื่อว่าเขาจะโชคดีขนาดนี้ เมื่อเขาหาหญ้าหยกหลวงพบ ตอนนี้เขาก็เจอหญ้าม้วนปีศาจแล้วเช่นกัน จากความทรงจำของเขาหญ้าม้วนปีศาจนับเป็นคู่สมุนไพรกับหญ้าหยกหลวง เมื่อพบหญ้าหยกหลวงที่เมืองฉีเหม่ยย่อมไม่แปลกใจนักที่จะพบหญ้าม้วนปีศาจด้วย

 

หากหนิงฝานหาหญ้าม้วนปีศาจพบเขาย่อมสกัดโอสถหยกหลวงขึ้นมาได้ นอกจากนี้ความมแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

 

หนิงฝานมีสิ่งที่ต้องทำมากมายหลายสิ่งในอนาคต แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเพิ่มระดับการบ่มเพาะของเขา ปีศาจเฒ่าต้องการให้การเขาบรรลุระดับ 5 ขอบเขตเปิดเส้นโลหิตให้ได้ภายในครึ่งปีเพียงแต่...หนิงฝานไม่อยากให้ตนเองบรรลุเพียงระดับนั้น

 

“ก้าวย่างบนนภา! อำนาจของขอบเขตประสานวิญญาณ! ข้ามีสร้อยคอหยินหยางและความทรงจำของจักรพรรดินิรันดร์ ข้าเป็นถึงนายน้อยแห่งเมืองฉีเหม่ยทั้งยังมีทรัพยากรมากมาย ภายใน 6 เดือนนี้ ข้าจะทะลวงขอบเขตประสานวิญญาณให้ได้!”........................................

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด