บทที่ 46 ทีมตรวจสอบของพี่หลี่ (อ่านฟรี)
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
“ฮัลโหล?” เฝิงหยู่หยิบโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะกาแฟ นั่งขาไขว่ห้าง และเอนหลังพิงโซฟา ติดตั้งโทรศัพท์บ้านไว้จึงทำให้สะดวกยิ่งขึ้น โชคดีที่หลี่ซื่อเฉียงเคยทำงานในที่ทำการไปรษณีย์ จึงสามารถติดตั้งสายโทรศัพท์ในบ้านของพวกเขาได้รวดเร็ว คนอื่นๆต่อให้เสนอราคาสูงก็ยังต้องต่อคิวรอ ก็ขึ้นอยู่กับที่ทำการไปรษณีย์ว่าจะติดตั้งให้ที่ไหนก่อน
"เสี่ยวหยู่ มีโทรเลขมาจากจากตาจีอะไรนั่นแล้ว พวกเราต้องเตรียมพร้อมอะไรไหม?" หลี่ซื่อเฉียงถามอย่างรู้สึกตื่นเต้นมาก ทุกครั้งพ่อหนุ่มแดนหมีขาวนี้มาจีน พวกเขาจะได้ลาภก้อนโต
เฝิงหยู่นั่งตัวตรงทันที พูดว่า: "รอผมอยู่ที่บริษัทนะครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้!"
หลังจากอ่านโทรเลขแล้ว เฝิงหยู่ได้จึงเชิญทนายท่านหนึ่งให้มาเข้าพบ ข้อความในโทรเลขเขียนถ้อยคำง่ายๆ ระบุว่าครั้งนี้จีหลี่เหลียนเคอจะมาพร้อมทีม เพื่อตรวจสอบตลาด ซื้อขายของเมืองปิง และมองหาคู่ค้า
หลังจากหลี่ซื่อเฉียงได้ยินเนื้อหาจากโทรเลข จึงถามเฝิงหยู่อย่างเป็นกังวล "เสี่ยวหยู่ ข้อความบนโทรเลขไม่ได้พูดถึงเราเลย หรือพวกเขากำลังมองหาคู่ค้าคนอื่นเพื่อดำเนินธุรกิจด้วย?"
เฝิงหยู่โบกมือ แล้วกล่าวว่า “คู่ค้าจะต้องเป็นพวกเราอยู่แล้ว! อย่างแรก พวกเราทำงานร่วมมือกันหลายครั้งแล้ว จึงเข้าใจซึ่งกันและกัน ประการที่สอง ผมสามารถพูดภาษารัสเซียได้ การติดต่อเจรจาระหว่างสองฝ่ายจึงลดปัญหาความไม่เข้าใจ นอกจากนี้ โทรเลขนี้ยังส่งถึงพวกเรา นั่นหมายความว่าพวกเขามีจุดมุ่งหมายที่จะทำงานร่วมกับเรา และสุดท้าย ตอนนี้เรามีเงินทุนแล้ว เราจึงอยู่ในฐานะต่อรองที่เท่ากัน ถ้าพวกเขานำเงินมา 1 ล้านรูเบิ้ลได้ แล้วพวกเราจะหาเงินสี่ล้านหยวนไม่ได้เชียวหรือ?”
พอเห็นความมั่นใจของเฝิงหยู่ ความกังวลของหลี่ซื่อเฉียงก็หายไปจนหมดสิ้น แม้ว่าเฝิงหยู่อายุยังน้อย แต่ความสามารถในการทำธุรกิจยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเขาเสียอีก นอกจากนี้ คำพูดของเฝิงหยู่ ยังไม่เคยผิดพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เฝิงหยู่เคยพูดว่าทั่วทั้งประเทศจะเปิดให้ซื้อขายพันธบัตรอย่างเป็นทางการ ก็เป็นไปตามที่เฝิงหยู่ว่าไว้ เฝิงหยู่บอกว่าพัดลมเฟิงหยู่จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ตอนนี้พัดลมเฟิงหยู่ก็ขายดีติดลมบนจริงๆ ตอนนี้เฝิงหยู่พูดว่าพ่อหนุ่มจากแดนหมีขาวจะทำงานร่วมกับพวกเขา หลี่ซื่อเฉียงจึงเชื่อมั่นคำพูดของเฝิงหยู่ ว่าจีหลี่เหลียนเคอจะร่วมงานกับพวกเขา!
เมื่อทนายมาถึงแล้ว เฝิงหยู่ปิดประตูพูดคุยกับทนายในสำนักงานเป็นเวลานานสองนาน
เฝิงหยู่ต้องการทำความเข้าใจกับนโยบายของรัฐบาล และเพื่อให้แน่ชัดว่าแผนธุรกิจของเขาจะไม่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือข้อบังคับใดๆ หลังจากที่เข้าใจข้อกฎหมายแล้ว เฝิงหยู่ก็ใจจดใจจ่อรอคอยการมาถึงของจีหลี่เหลียนเคอ
ครานี้ จีหลี่เหลียนเคอนำทีมมาจริงๆ ถ้าไม่รวมเขาก็มีทั้งหมด 12 คน เฝิงหยู่และหลี่ซื่อเฉียงขับรถไปรับก็รับมาได้แค่ครึ่งหนึ่ง คนที่เหลือต้องนั่งแท็กซี่ไปที่โรงแรมด้วยตัวเอง
"พี่จี ครั้งนี้คุณเตรียมพร้อมขนาดนี้ คิดอยากจะทำธุรกิจใหญ่ใช่หรือเปล่า?" เฝิงหยู่ถาม
"เฝิง ที่เธอพูดครั้งก่อน ฉันกลับไปคิดทบทวนดูดีดีแล้ว ก็คิดว่าจะลองทำดูเสียหน่อย แต่ฉันไม่ได้เป็นตัวแทนเพียงคนเดียว เรื่องนี้ฉันจึงไม่สามารถตัดสินใจเองได้" จีหลี่เหลียนเคอกล่าวและชี้ไปที่คนหนึ่งนั่งข้างๆเขา ทีมของเขาไม่ได้มีแต่ลูกน้องของเขา แต่ยังมีคู่ค้าทางธุรกิจกับเขาอีกด้วย คนทั้งหลายต่างก็หันขวับมามองเฝิงหยู่ที่กระพริบตาถี่ถี่
"เธอชื่อเฝิงหยู่หรือ? เธอเป็นคนที่จีหลี่เหลียนเคอพูดว่าคู่ควรกับการผูกมิตร? พวกเราไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ที่ดีของพวกเธอหรอก แต่คิดอยากจะทำธุรกิจกับเรา เธอต้องแสดงความจริงใจออกมาก่อน" ชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ถัดจากจีหลี่เหลียนเคอกล่าว
เฝิงหยู่วางถ้วยชาลง แล้วถามว่า "ความจริงใจ? อะไรที่คุณเรียกว่าความจริงใจ?"
"นี่เป็นสินค้าที่พวกเราต้องการ จะขายให้ในราคาเท่าไหร่" ชายหนุ่มกล่าว
เฝิงหยู่รับกระดาษแผ่นนั้นมา แล้วชำเลืองจีหลี่เหลียนเคอที่ส่งซิกทางสายตา รายการสินค้าเหล่านี้คือของที่จีหลี่เหลียนเคอซื้อครั้งล่าสุดไม่ใช่หรือ? แต่ปริมาณที่ซื้อดูคล้ายกับจะเป็นจำนวนหนึ่งในสิบของสินค้าที่ซื้อครั้งล่าสุด ดูเหมือนจีหลี่เหลียนเคอไม่ได้รับความไว้วางใจจากคู่ค้าทางธุรกิจของเขาเท่าที่ควร
"คงประมาณ 50,000 รูเบิ้ล ปริมาณที่สั่งซื้อน้อยเกินไป จึงยากที่จะเจรจาราคาต่ำให้กว่านี้" เฝิงหยู่ตอบ ครั้งสุดท้ายจีหลี่เหลียนเคอใช้เงิน300,000รูเบิ้ลในการซื้อสินค้า ส่วนรายการและปริมาณในเขียนบนกระดาษแผ่นนี้มีมูลค่าประมาณ 30,000 รูเบิ้ลเท่านั้น แต่เฝิงหยู่จงใจบอกราคาที่แพงกว่า เพราะเขารู้ว่าหลังจากที่จีหลี่เหลียนเคอกลับไปสหภาพโซเวียต จะต้องแอบเปลี่ยนแปลงราคาแน่ๆ
พอได้ยินราคาที่เฝิงหยู่พูดโพล่งออกมา จีหลี่เหลียนเคอจึงรู้สึกโล่งใจ ครั้งสุดท้ายเขาใช้เงิน300,000รูเบิ้ลเพื่อซื้อสินค้า แต่หลังจากที่กลับประเทศเขารายงานว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดคือ470,000รูเบิ้ล เขายังพูดด้วยซ้ำว่าเขาได้พบกับเพื่อนชาวจีนที่นิสัยดีมาก จึงช่วยให้เขาได้ราคาพิเศษนี้
ราคาที่เฝิงหยู่กล่าวออกมาตอนนี้ ใกล้เคียงกับที่เขาแจ้งคู่ค้า จีหลี่เหลียนเคอจึงไม่ต้องกลัวคู่ค้าเหล่านี้จะสงสัยในตัวเขา
จีหลี่เหลียนเคอคิดว่า "ทุกครั้งที่มาประเทศจีน ก็ต้องเป็นเขาที่เดินทางมา ส่วนคนที่เหลือรอแบ่งกำไรอยุ่ที่บ้าน แล้วทำไมเขาจะได้แบ่งมากหน่อยไม่ได้หรือ? ถ้าไม่มีเขา ถ้าไม่รู้จักเพื่อนที่ดีอย่างเฝิงหยู่ อย่างพวกนายจะซื้อสินค้าในจีนในราคาถูกถึงขนาดนี้ได้เชียวหรือ?
คนอื่นๆต่างก็พยักหน้าให้กันและกัน ราคาของสินค้าเหล่านี้ไม่แตกต่างจากที่จีหลี่เหลียนเคอรายงานสักเท่าไหร่ เฝิงหยู่ผู้นี้ถือว่าน่าเชื่อถืออยู่พอสมควร แต่ต้องมีคุณสมบัติในการทำธุรกิจกับพวกเขาด้วย
จีหลี่เหลียนเคอเคยพูดเอาไว้ว่าเฝิงหยู่เป็นคนมีความสามารถ และรู้จักผู้คนในเมืองปิงเป็นจำนวนมากใน เรื่องนี้ต้องพิสูจน์เสียหน่อย
เฝิงหยู่มองชายหนุ่มเหล่านี้ เขารู้ได้ว่าพวกเขาต้องเป็นบุตรของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพโซเวียตเหมือนๆกับจีหลี่เหลียนเคอ แต่ละคนวางท่าหยิ่งผยองมาก ดูไม่เหมือนมาทำธุรกิจ!
ถ้าจีหลี่เหลียนเคอเป็นชายมั่งคั่ง คนเหล่านี้ก็เป็นหมูทองเดินได้นั่นแหละ! (เปรียบเปรยว่าต่อให้หยิ่ง พ่อรวย ก็มาให้ตัวเองหลอกฟันเงินอยู่ดี)
เฝิงหยู่พูดเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้คนเหล่านี้เชื่อว่าเฝิงหยู่เป็นคนที่มีความสามารถมาก
"บริษัทการค้าไท่หัวของพวกเราเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกในเมืองปิงที่มีใบอนุญาตการนำเข้าและส่งออกสินค้า!" เฝิงหยู่พูดเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ
ส่วนเรื่องที่บริษัทการค้าไท่หัวเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกที่ได้รับอนุญาตหรือเปล่า เฝิงหยู่มั่นใจว่าคนเหล่านี้ไม่สามารถตรวจสอบได้ พูดมาถึงขนาดนี้แล้วพวกเขาจะต้องเชื่อมั่นอย่างแน่นอน ทั้งยังเบ่งบารมีได้อีก
แน่นอน คนเหล่านี้ต่างก็แสดงอารมณ์ประหลาดใจใจ ชายหนุ่มคนนี้ที่จีหลี่เหลียนเคอพูดถึงอยู่บ่อยๆ เป็นคนที่มีความสามารถจริงๆ!
"ฉันยังคงมีอีกหนึ่งคำถาม เธอต้องการทำธุรกิจกับเรา เธอมีเงินหรือเปล่า? ให้เธอมาช่วยเราสั่งซื้อสินค้า เธอจำเป็นต้องมีเงินสำรองก่อน การทำธุรกิจของเรา ต้องมีเงินอย่างน้อย 500,000 รูเบิ้ล!" ชายหนุ่มกล่าว
เฝิงหยู่แสร้งทำท่าทางตกใจและกล่าวว่า "500,000 รูเบิล? พวกคุณรวมกลุ่มกันตั้งมากตั้งมาย แต่รวมเงินกันได้น้อยนิดแค่นี้? ผมว่าผมเคยพูดกับพี่หลี่แล้วนะ ว่าอย่างน้อยๆต้อง 1 ล้านรูเบิลไม่ใช่หรือ? ถ้าคุณมีงบเพียงน้อยนิดแค่นี้ ผมจะหาคู่ค้ารายอื่นก็แล้วกัน"
เฝิงหยู่อุส่าคิดว่าในการเดินทางครั้งนี้พวกเขามากันตั้งหลายคน จะต้องเป็นข้อเสนอทางธุรกิจครั้งใหญ่แน่ๆ แต่คิดไม่ถึงว่าธุรกิจยังห่างไกลจากสิ่งที่เขาจินตนาการไว้มาก ดูเหมือนเฝิงหยู่คงคาดหวังกับคนเหล่านี้สุงเกินไป
สหายทั้งหลายของจีหลี่เหลียนเคอแสดงสีหน้าเก้เก้กังกัง ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่พวกเขาจะจะรวบรวมเงินได้ถึง 500,000 รูเบิล สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสหภาพโซเวียตย่ำแย่กว่าจีนมาก และพวกเขาเป็นทหารรุ่นที่สองเท่านั้น ไม่ใช่นักธุรกิจผู้มั่งคั่ง
จีหลี่เหลียนเคอยืนขึ้นทันที เขากล่าวว่า "เฝิง สหายแด่เรา พวกเราทำงานร่วมมือหลายครั้งแล้ว ทำไมไม่ร่วมงานกันต่อละ? อีกอย่าง เรามีข้อได้เปรียบด้านการขนส่ง เรามีโบอิ้งบรรทุกสินค้าทางรถไฟจากที่นี่ไปยังกรุงมอสโก เรามีความจริงใจในการทำธุรกิจกับเธอ ตราบเท่าที่โซเวียตมีสินค้าที่เธอต้องการ หากไม่ใช่เหล้าหรือของผิดกฎหมายพวกเราจะสรรหามาให้เธอ! "
คนอื่นๆต่างก็วางมือบนหน้าอกเพื่อรับประกันว่าไม่มีปัยหา ตราบเท่าที่เฝิงหยู่ยินดีที่จะทำงานกับพวกเขา และสรรหาสินค้าราคาถูกจากประเทศจีนให้พวกเขา
เฝิงหยู่จึงตอบตกลงอย่างฝืนใจ ทุกคนก็เริ่มดื่มกันอย่างมีความสุข
หลังจากที่คนเหล่านั้นดื่มกันจนเมามายแล้ว เฝิงหยู่จึงดึงจีหลี่เหลียนเคอไปอีกด้านหนึ่ง ทั้งสองคนมายืนพูดคุยซุบซิบกัน
จีหลี่เหลียนเคอโอบไหล่ของเฝิงหยู่ เขารู้สึกขอบคุณเฝิงหยู่ที่ช่วยรักษาหน้าของเขา คนเหล่านี้มีบางคนที่พ่อมีตำแหน่งสูงกว่าพ่อของจีหลี่เหลียนเคอ คนเหล่านี้จึงมักดูแคลนจีหลี่เหลียนเคอ ครั้งนี้ที่พวกเขาตามจีหลี่เหลียนเคอมายังประเทศจีนด้วย เพราะสงสัยว่าจีหลี่เหลียนเคอกำลังคิดไม่ซื่อ
จีหลี่เหลียนเคอแสดงท่าทีว่าต้องการร่วมงานกับเฝิงหยู่ต่อ ขอเพียงเฝิงหยู่มีเงินเพียง 50,000 รูเบิ้ล ส่วนที่เหลือจีหลี่เหลียนเคอจะจัดการเอง
เฝิงหยู่มองจีหลี่เหลียนอย่างจริงจัง "พี่จีครับ ที่ผมพูดเมื่อครู่นี้ผมไม่ได้ล้อเล่น ผมมีเงิน 1 ล้านรูเบิลจริงๆ ถ้าคุณรับปากว่าจะได้สินค้าที่ผมต้องการจากสหภาพโซเวียต ผมจะเซ็นสัญญาในวันพรุ่งนี้! "
จีหลี่เหลียนเคอแสดงอารมณ์ตกใจอย่างที่เฝิงหยู่คาดเอาไว้ เฝิงหยู่มีเงิน 1 ล้านรูเบิ้ลจริงหรือ ???