บทที่ 45 เลือกซื้อของที่ห้าง (อ่านฟรี)
"โซฟาหนังชุดนี้ขอสักสองชุด ชุดแก้วกาแฟนี้ก็ขอ2ชุด เตียงคู่แบบนี้ผมต้องการสี่ชุด ผมอยากให้ที่นอนเป็นยี่ห้อซิมม่อนที่นำเข้าจากต้างประเทศ ขอเครื่องทำน้ำอุ่นที่ดีที่สุดในร้านอีกสองเครื่อง ตู้หนังสือไม้2ตู้ ทีวีสียี่ห้อแพนด้าขนาด 18 นิ้วสองเครื่อง และเครื่องซักผ้ายี่ห้อหงส์ฟ้าอีก2เครื่อง ตู้เย็นอ็อคม่าสองเครื่อง ...... " เฝิงหยู่กล่าว
ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งแรก เฝิงหยู่สั่งซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็น และเขายังหาเหตุที่จำเป็นต้องซื้อสินค้าเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น โซฟาและที่นอน เพื่อจะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างสบาย ชั้นหนังสือก็เพื่ออ่านตำราศึกษาเล่าเรียน ส่วนทีวีสี ก็เพื่อไว้ดูข่าวสารบ้านเมือง ฯลฯ
เพราะยังไงเสียเฝิงหยู่ก็มีปัญญาจ่าย ถึงแม้สิ่งของเหล่านี้มีราคาแพง แต่ไม่แพงไปกว่าราคาห้องชุด เฝิงซิ่งไท่จึงปล่อยให้เฝิงหยู่ซื้อของที่เขาต้องการ
พนักงานขายที่เดินตามมาด้วยต่างพากันตกตะลึง รายการที่เฝิงหยู่สั่งเป็นสินค้าราคาสูงทั้งนั้น โดยทั่วไป การสั่งซื้อสักหนึ่งรายการก็จะต้องประหยัดกินประหยัดใช้เกินครึ่งปีเชียวนะ แต่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่เพียงแต่สั่งซื้อสินค้ามากมายในคราเดียว แต่ยังสั่งสองชุดทุกรายการ รวมๆกันแล้วก็เป็นเงินมากโข!
"พ่อหน่ม สินค้าเหล่านี้มีราคาแพงมาก เธอควรปรึกษากับครอบครัวก่อนนะ" พนักงานขายเตือนเฝิงหยู่ ดูจากท่าทางแล้วครอบครัวของพวกเขาคงมาจากชนบท บางทีพวกเขาอาจจะคิดว่าสินค้าที่ขายในเมืองเหล่านี้มีราคาถูกเหมือนกับที่ขายตามชนบท?
เฝิงหยู่เหลือบมองพนักงานขาย: "เรียกผู้จัดการของคุณมา บอกว่าผู้จัดการเฝิงจากบริษัทการค้าไท่หัวมาเยือน"
บริษัทการค้าไท่หัว? พนักงานขายสับสน แต่หัวหน้างานแผนกเครื่องใช้ในครัวเรือนเดินมาเห็นเฝิงหยู่เข้าพอดี จึงรีบสั่งพนักงานขายคนนั้นไปแจ้งผู้จัดการ ไม่รู้จักบริษัทการค้าไท่หัวหรือไง? สิ่งที่ขายดีที่สุดของห้างสรรพสินค้าเราในตอนนี้คือพัดลมไฟฟ้ายี่ห้อเฟิงหยู่ ซึ่งเป็นสินค้าจากบริษัทการค้าไท่หัว!
เพียงเวลาครึ่งเดือนเท่านั้น พัดลมยี่ห้อเฟิงหยู่ส่งผลกำไรให้กับห้างสรรพสินค้าเกินกว่าพันหยวน อีกอย่าง จำนวนผู้มาจับจ่ายซื่อของในห้างก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะแผนกเครื่องใช้ภายในบ้าน ชายหนุ่มคนนี้คือแขกคนสำคัญที่ผู้จัดการเชื้อเชิญเท่าไหร่ก็ไม่ยอมมา!
เฝิงซิ่งไท่เห็นเฝิงหยู่กำลังถกเถียงกับพนักงานขาย จึงอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอเขาจะเดินเข้าไปซักถาม ก็มีชายคนหนึ่งแต่งกายดุจหัวหน้าเดินไปทางเฝิงหยู่ด้วยรอยยิ้ม พร้อมทั้งเชิญพวกเขาทุกคนไปนั้งเล่นที่สำนักงานผู้จัดการ
"เสี่ยวหยู่ นี่มันเรื่องอะไรกัน?" เฝิงซิ่งไท่กระซิบกระซาบถามไถ่ พวกเขาเดินเลือกซื้อสินค้าในห้างอยู่ดีดี แล้วทำไมถึงถูกเชิญมาที่นี่ มีทั้งโซฟา ทั้งเสิร์ฟชาร้อนๆ คิดจะทำอะไรกัน?
"เสี่ยวหยู่รู้จัดกับผู้จัดการแผนกของแผนกนี้ครับ" หลี่ซื่อเฉียงกล่าว เขารู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะเขาเป็นตัวแทนของบริษัทการค้าไท่หัวที่เดินทางไปติดต่อธุรกิจตามห้างต่างๆ เมื่อเขาไปถึง ผู้จัดการแผนกจะออกหน้ามาต้อนรับเขาเป็นการส่วนตัว แล้วยิ่งวันหยุดสุดสัปดาห์ พัดลมยี่ห้อเฟิงหยู่ขายดิบขายดี จนคนต้องต่อแถวซื้อ
"ทุกท่านโปรดนั่งดื่มชากันก่อน มามามา ลองบุหรี่ที่ผมซื้อมาพิเศษนี้ดู" ผู้จัดการกล่าวอย่างสุภาพ เขารู้สึกเสียดายที่มาเป็นตัวแทนขายพัดลมยี่ห้อเฟิงหยู่นี้ พวกเขาน่าจะรับซื้อสินค้าและจัดจำหน่ายเองโดยตรง ถ้าเพียงตอนนั้นเขาไม่วิตกกังวลว่าพัดลมยี่ห้อเฟิงหยู่นี้จะขายไม่ออก เขาคงจะมีกำไรมากกว่านี้ คิดไม่ถึงเลยว่าพัดลมยี่ห้อเฟิงหยู่จะได้รับความนิยมจนขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
"ผู้จัดการเฝิง ผมได้ยินมาว่าที่มณฑลหลงเจียง นอกจากเมืองปิงแล้ว สถานที่อื่นๆล้วนมีผู้จัดจำหน่ายที่ขายพัดลมยี่ห้อเฟิงหยู่ของเธอแล้ว และราคาขายส่งของพวกเขาค่อนข้างมีราคาถูก" ผู้จัดการแผนกแผนกกล่าว
พอได้ยินผู้จัดกาแผนกเรียกเฝิงหยู่ว่าผู้จัดการเฝิง นอกจากหลี่ซื่อเฉียงแล้ว ทุกคนต่างพากันตกอกตกใจ เด็กคนนี้เพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น แต่ผู้จัดการแผนกกลับเรียกเขาว่า "ผู้จัดการ" อย่างนั้นหรือ?
"ใช่ครับ ไม่ใช่แค่มณฑลหลงเจียงเท่านั้น มณฑลอื่นๆต่างมีผู้จัดจำหน่ายแล้ว แต่ยกเว้นเมืองปิง ว่าแต่ ผู้จัดการหลิวมีธุระอะไรหรือครับ?" เฝิงหยู่จงใจถามกลับ
"ฮ่าฮ่า ผู้จัดการเฝิง คุณจะว่าอย่างไร ถ้าเราต้องการรับซื้อสินค้าในราคาขายส่งด้วย? และจะปรับเปลี่ยนเรื่องราคาสักหน่อยดีไหม?" ผู้จัดการหลิวถาม
"เรื่องนี้หรือครับ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ค่อยพูดกันอีกทีเดือนหน้าดีกว่าครับ ทางเราต้องรอจนกว่าสัญญาจะสิ้นสุดในเดือนนี้" เฝิงหยู่กล่าว
ผู้จัดการหลิวไม่ยอมรอจนถึงเดือนหน้าหรอก เขารู้สึกได้ว่า ยิ่งขายได้มากเท่าไหร่ เขาจะยิ่งทำเงินได้มากขึ้น
"ผู้จัดการเฝิง เราลองมาพูดคุยกันก่อนก็ได้ ทางเราจะรับประกันจำนวนที่นำเข้าสินค้า ครั้งนี้ ทางเราขอสั่งพัดลมมาวางขายประมาณ 1,000 เครื่อง เธอมีความคิดเห็นว่าอย่างไร?” ผู้จัดการหลิวถาม ห้างสรรพสินค้าแห่งแรกคือห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองปิง แม้ว่าจะมีคู่แข่งมากมาย แต่ผู้จัดการหลิวก็มั่นใจว่าในฤดูร้อนนี้เขาจะขายพัดลมไฟฟ้ายี่ห้อเฟิงหยู่1,000เครื่องนี้ได้ทั้งหมด
"ผู้จัดการหลิวครับ ที่ผมมาวันนี้เพราะครอบครัวของผมเพิ่งซื้อห้องชุด ผมตั้งใจจะมาซื้อเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ในครัวเรือนต่างๆ รวมถึงวัสดุในการตกแต่งห้องใหม่" เฝิงหยู่กล่าว
"เธออยากจะซื้ออะไรละ? ฉันจะให้คนของฉันส่งสินค้าให้ถึงหน้าประตูบ้านของเธอเลย แถมติดตั้งให้ฟรีไม่คิดเงิน ผู้จัดการหลี่ของห้างขายวัสดุก่อสร้างก็เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของฉัน แค่ฉันโทรหาเขา ทางร้านจะจัดเตรียมวัสดุที่ดีที่สุดในราคาต่ำสุดไว้ให้เธอ เธอได้ช่างฝีมือตกแต่งห้องหรือยัง? ฉันช่วยหาเธอหาผู้รับเหมาได้ รับประกันได้ว่าผู้รับเหมาที่ฉันหามาต่างขยันขันแข็ง และตกแต่งปรับปรุงห้องให้เสร็จได้อย่างรวดเร็ว" ผู้จัดการหลิวกล่าว
"ในเมื่อผู้จัดการมีความจริงใจ เรื่องสัญญาใช่ว่าจะใคร่ครวญใหม่ไม่ได้ เอาอย่างนี้นะครับ พรุ่งนี้คุณมาหาผมที่บริษัทเพื่อจะได้พูดคุยกันอีกที ราคาขายส่งก็ให้เหมือนกันกับผู้จัดจำหน่ายรายอื่นๆก็แล้วกัน" เฝิงหยู่กล่าว เขารู้ดี เมื่อเขาเริ่มขายส่ง ตัวแทนขายเหล่านี้จะมาขอร้องขอปรับเปลี่ยนสัญญาซื้อขาย เขาได้เตรียมการไว้แต่เนิ่นๆแล้ว วันนี้เขาแค่อยากใช้ประโยชน์จากผู้จัดการหลิวก่อนก็เท่านั้น
ขณะที่เฝิงหยู่และผู้จัดการหลิวกำลังคุยกันถึงเงื่อนไขของสัญญา ส่วนคนที่เหลือได้แต่นั่งมองตาละห้อย พ่อแม่ของหลี่ซื่อเฉียงทอดถอนใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า "ดูสิ ครอบครัวตระกูลเฝิงมีบุตรชายที่มีความสามารถ แม้แต่ผู้จัดการของห้างสรรพสินค้าแห่งแรกยังพูดคุยกับเขาอย่างสุภาพ" พ่อแม่ของเฝิงหยู่ต่างแสดงสีหน้าภูมิใจมาก โดยเฉพาะเฝิงซิ่งไท่ อารมณ์ภาคภูมิใจที่เขาแสดงออกมา แค่เหลือบมองก็ดูออกแล้ว
ทุกคนเดินเลือกซื้อของอีกประมาณหนึ่งชั่วโมง ทุกคนเงียบงันไม่เอ่ยปากแสดงความคิดเห็น ก็อย่างที่เฝิงหยู่เคยพูดเอาไว้ เราหาเงินก็เพื่อนำมาใช้จ่าย ได้เงินมาก็เก็บ ถ้าอยากจะซื้ออะไรบางอย่าง ก็ต้องเลือกซื้อสิ่งที่ดีที่สุด! ข้าวของเครื่องใช้ที่เฝิงหยู่สั่งซื้อมาทั้งหมด รวมๆแล้วถือว่าเป็นเงินน้อยนิดสำหรับเขา
เฝิงหยู่ยังพยายามเกลี้ยกล่อมให้พ่อแม่อยู่ในเมืองปิงต่อ ไม่ต้องกลับชนบท ทำไร่ไถนาไปทำไมกัน ที่ดินที่มีก็มีขนาดเล็กเท่านั้น คงให้ผลทางการเกษตรได้ไม่มากหรอก ตอนนี้ลูกชายของพ่อกับแม่กระเป๋าหนักมาก และเฝิงหยู่ติดใจอาหารฝีมือแม่
แต่น่าเสียดายที่พ่อแม่ของเฝิงหยู่ปฏิเสธ พวกเขาไม่คุ้นเคยกับชีวิตในเมือง และไม่มีเพื่อนสนิทมิตรสหายที่นี่ เฝิงหยู่จึงตัดสินใจที่จะซื้อบ้านใหม่สำหรับพวกเขาในตอนสิ้นปี ถึงแม้พวกท่านคุ้นชินกับชีวิตในชนบท ท่านก็ควรจะได้อาศัยในบ้านที่ชนบทอย่างสุขสบาย
ถึงเวลาที่พ่อแม่ของเฝิงหยู่ต้องกลับแล้ว แต่ตอนที่เดินทางกลับ พวกเขาขับรถจี๊ปคันที่อยู่ในโกดังสินค้ากลับไปด้วย แถบชนบท ถนนหนทางขรุขระลาดชัน มีปลักโคลนประปราย ดังนั้น ขับรถจี๊ปกลับจึงเหมาะกับชีวิตในชนบท เพราะอย่างไรเสีย รถจี๊ปคันนี้ก็จอดอยู่ที่โกดังอย่างเดียว แทบจะไม่ค่อยได้ใช้ เฝิงหยู่จึงให้นำรถจิ๊ปนี้ไปใช้ เพราะรวดเร็วและปลอดภัย
ด้านหลังรถจี๊ปพ่วงกับรถส่งของขนาดเล็ก เฝิงหยู่ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านมาเพื่อให้พ่อแม่เอากลับไปใช้ที่ชนบท ถึงปากจะพูดว่าไม่อยากใช้เงินเปลืองก็เถอะ แต่หลังจากที่เฝิงหยู่จ่ายเงินซื้อของเสร็จแล้ว พ่อแม่ก็ยิ้มแก้มปริ
......
ในสมัยนั้นยังไม่มีบริษัทใหญ่ๆที่รับออกแบบตกแต่ง เฝิงหยู่เองก็ไม่ไว้วางใจบริษัทเล็กๆ ดังนั้น เฝิงหยู่จึงเรียกหาพนักงานตกแต่งที่มีประสบการณ์เพียงไม่กี่คนมา ส่วนเขาเองก็ดูแลการตกแต่งอย่างใกล้ชิด ตัวเองยืนออกคำสั่งให้คนทำงาน ก่อนอื่น เริ่มจากทาสีผนังในห้อง เปลี่ยนกระเบื้องห้องครัว ห้องนอนห้องอ่านหนังสือก็ปูกระเบื้องบนพื้น ติดตั้งโถสุขภัณฑ์ อ่างอาบน้ำและอื่นๆ ถ้าไม่นับค่าจ้างคนงาน ห้องห้องหนึ่งมีค่าใช้จ่ายในการตกแต่งอยู่ที่ 100,000หยวน เรื่องนี้เฝิงหยู่ไม่ได้บอกครอบครัวของเขา ปล่อยให้พวกเขาคิดว่าการตกแต่งห้องใช้เงินเพียง 10,000-20,000 หยวน
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เฝิงหยู่เคยเห็นว่าค่าตกแต่งห้องชุดมีราคาสูงกว่าราคาของห้องเสียอีก ในอีกสองปีข้างหน้า ก็ต้องการปรับปรุงบ้านใหม่อีกครั้ง!
การทำงานมีประสิทธิภาพมาก การตกแต่งเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่วันเท่านั้น ห้องทาสีแล้ว ปูพื้น ปูกระเบื้องอะไรเสร็จสิ้นทั้งหมด ไฟฟ้า น้ำก็ต่างๆก็ถูกติดตั้งเสร็จสรรพ เฝิงหยู่จึงแจ้งห้างสรรพสินค้าให้จัดส่งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ภายในบ้าน
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้น เฝิงหยู่นั่งเอนกายอยู่บนโซฟาหนัง มองห้องใหม่รอบๆที่ตกแต่งแบบสมัยใหม่ นี่คือรูปแบบบ้านที่อยู่ในความทรงจำของเขา ในที่สุด ก็รู้สึกคุ้นชินเสียที!