TWO Chapter 177 เจตนาฆ่า
TWO Chapter 177 เจตนาฆ่า
จากสิ่งก่อสร้างพื้นฐานของเมืองขนาดกลางระดับ 2 ทั้ง 5 โรงละครถูกสร้างโดยอัตโนมัติ และแท่นบูชาทั้ง 3 ก็ต้องการเพียงแบบแปลนเท่านั้น ที่น่ารำคาญที่สุดก็คือ ลานเล่นหมากรุก ที่ต้องการนักเล่นหมากรุก ซึ่งต้องพึงโชคในการพบเจอ
สำหรับสิ่งก่อสร้างพื้นฐานของเมืองขนาดกลางระดับ 2 แบบแปลนมีราคาสูงถึงฉบับละ 500 เหรียญทอง
แบบแปลนสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ รวมถึงแบบแปลนสิ่งก่อสร้างของเมืองขนาดกลางระดับ 1 มีโอกาสน้อยมากที่จะได้รับจากค่ายโจร เนื่องจากสิ่งก่อสร้างทางวัฒนธรรมมักจะไม่เกี่ยวกข้องกับพวกโจร ดังนั้น การทำลายค่ายโจร ไม่ได้ทำให้โอหยางโชวได้รับแบบแปลนใดๆ ที่เขาจะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้เลย
การซื้อแบบแปลนสิ่งก่อสร้างของเมืองขนาดกลางระดับ 2 ทั้งหมด ต้องใช้เงินถึง 2,000 เหรียญทอง
ขีดจำกัดประชากรของเมืองขนาดกลางระดับ 2 เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากอัตราการอพยพเข้าในปัจจุบัน ต้องใช้เวลาประมาณ 100 วัน จึงจะถึงขีดจำกัด ดังนั้น โอหยางโชวจึงต้องเพิ่มจำนวนประชากรของเขาด้วยวิธีอื่น
สำหรับลอร์ดคนอื่นๆ การอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 3 มีช่องว่างขนาดใหญ่เกี่ยวกับตำแหน่ง จากลอร์ดของเมืองขนาดกลางทั้งหมดในภูมิภาคจีน นอกเหนือจากโอหยางโชวแล้ว คนอื่นๆยังเป็นเพียงเอิร์ลขั้น 2 โดยจานหลางและไป๋ฮัวเพิ่งจะเลื่อนขั้นเป็นเอิร์ลขั้น 2 หลังจากที่ได้รับรางวัลพิเศษจากการอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 1
การเลื่อนจากเอิร์ลขั้น 2 เป็นเอิร์ลขั้น 1 นั้น ต้องใช้ต้องใช้คะแนนการกุศลจำนวนมาก ซึ่งคงไม่สามารถหาได้มากนักจากในแผนที่หลัก ดังนั้น พวกเขาจึงยังคงห่างไกลจากเอิร์ลขั้น 1 อีกมาก
ซึ่งก็หมายความว่า แม้ว่าพวกเขาจะมาถึงขีดจำกัดของเมืองขนาดกลางระดับ 2 พวกเขาก็ทำได้เพียงหยุดรออยู่เท่านี้
สามารถจินตนาการได้เลยว่า สมรภูมิครั้งต่อไป จะมีการแข่งขั้นที่รุนแรงขึ้นมากเพียงใด
ข้อจำกัดในเรื่องตำแหน่งนี้ ยังส่งผลต่อลอร์ดที่เพิ่งอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 1 พวกเขาส่วนใหญ่จะมากระจุกตัวกันตรงนี้ เมื่อพวกเขาอัพเกรดดินแดน พวกเขาแทบจะไม่ได้รับคะแนนการกุศลเลย และการได้รับจากการทำลายค่ายโจรก็มีจำกัด
รูปแบบพีรมิตรค่อยๆแสดงออกมาให้เห็นช้าๆ ความสำคัญของตำแหน่งก็ค่อยๆเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้น
พื้นที่ของเมืองขนาดกลางระดับ 2 มีถึง 5,000 ตารางกิโลเมตร โดยแอ่งเหลียนโจวมีพื้นที่ 240,000 ตารางกิโลเมตร นั่นหมายความว่า เมืองซานไห่ได้เข้าครอบครองแอ่งเหลียนโจวไปแล้ว 1/48 เว้นพื้นที่ของพวกชนเผ่าเร่ร่อน มีโอกาสสูงมากที่เมืองซานไห่จะได้เจอกับดินแดนอื่นๆ
ตามที่คาดไว้ 2 วัน หลังจากที่เมืองซานไห่อัพเกรด หัวหน้าฝ่ายข่าวกรอง ซ่งสาน ก็ได้เข้ามาที่สำนักงานของโอหยางโชว
“เรียนนายท่าน ข้ามีข้อมูลทางทหารที่สำคัญจะรายงานขอรับ!”
โอหยางโชวประหลาดใจ “ว่ามา”
ซ่งสานรวบรวมความคิด ก่อนจะกล่าวว่า “การสืบค้นที่นายท่านได้สั่งไว้ในเดือนท่แล้ว ได้มีความคืบหน้าบางอย่าง หลังจากที่ดินแดนของเราอัพเกรด มีบางดินแดนตั้งอยู่ติดกับดินแดนของเรา”
“กล่าวให้เฉพาะเจาะจงกว่านี้” โอหยางโชวยังไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ
“ขอรับ!” ซ่งสานกล่าวต่อ “ขอบของดินแดนเหล่านี้ ติดกับขอบทางตะวันตกและตะวันออกของดินแดนเรา ด้านทิศตะวันตก มีหมู่บ้านระดับ 3 อยู่ 5 แห่ง และด้านทิศตะวันออก มีหมู่บ้านระดับ 3 อยู่ 3 แห่ง”
“การป้องกันของหมู่บ้านเหล่านี้เป็นเช่นไร?” โอหยางโชวพร้อมจะฆ่า
“หมู่บ้านระดับ 3 เหล่านี้มีประชากรถึงขีดจำกัดแล้ว พวกเขามีกองกำลังป้องกัน 1-2 กองร้อย ส่วนใหญ่เป็นทหารโล่ดาบพื้นฐาน และบางส่วนเป็นเพียงทหารอาสา สำหรับการป้องกัน พวกเขามีเพียงรั้วไม้ธรรมดา ซึ่งไม่สามารถเทียบเคียงกับเราได้” ซ่งสานเข้าใจว่าโอหยางโชวต้องการจะฟังอะไร
“เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่ต้องลังเลแล้ว” โอหยางโชวตัดสินใจ และหันไปทางซ่งสาน “เวลา 16.00 น. จะมีการประชุมฉุกเฉิน เพื่อวางแผนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าและเล้งเฉียนต้องเข้าร่วมด้วย”
“ขอรับนายท่าน!”
หลังจากที่ซ่งสานออกไป โอหยางโชวก็เรียกเสมียน ไป๋หนานผู และบอกให้เขาแจ้งให้เจ้ากรมกิจการทหาร เก่อหงเหลียง ขุนพลซี และนายพันทั้ง 5 มาเข้าร่วมการประชุมฉุกเฉิน
เวลา 16.00 น. ณ ห้องโถงประชุม คฤหาสน์ของลอร์ด
หลังจากที่ซ่งสานและเล้งเฉียนรายงานเกี่ยวกับดินแดนของผู้เล่น ที่อยู่ทางทิศตะวันออกและตะวันตก โอหยางโชวก็กล่าวว่า “เราต้องทำลายดินแดนของผู้เล่นเหล่านี้ ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นภัยคุกคาม สำหรับเรื่องนี้ กรมกิจการทหารมีความคิดเห็นเช่นไร?”
“เราก็คิดเช่นเดียวกับนายท่าน สิ่งนี้ควรจะถูกส่งให้กรมทหารผสมจัดการ แล้วมันจะจบลงอย่างสวยงาม” ก่อนที่เก่อหงเหลียงจะกล่าวออกมา ขุนพลซีก็เริ่มขัดเขา
โอหยางโชวขมวดคิ้ว และตำหนิเขา “เจ้าคิดจะทำอะไร พยายามที่จะต้อต้านหรือ?”
ถ้าไม่ใช่ว่ามีนายพันทั้ง 5 ของกรมทหารผสมนั่งอยู่ โอหยางโชวอาจจะกล่างรุนแรงกว่านี้
โอหยางโชวสังเกตเห็นว่า ตั้งแต่ที่เขาได้เป็นผู้บัญชาการกรมทหารผสม ขุนพลซีก็แทบไม่สนใจและเคารพกรมกิจการทหาร มันทำให้เขาอารมณ์เสียมาก
เขาไม่สามารถอนุญาติให้นายทหารของเขาหยิ่งผยอง แม้จะเป็นนายทหารระดับพิเศษอย่างขุนพลซีก็ตาม ดังนั้น เขาจึงบดขยี้ทัศนคติของเขาในทันที เพื่อไม่ให้มันลุกลามและแผ่ขยายออกไป
ไม่ควรมองแค่ว่ามีลักษณะที่ได้รับการสั่งสอน และสุภาพอ่อนโอน แล้วเขาจะต้องอ่อนแอ เมื่อเขาโกรธ ทุนคนในกองทัพจะกลัวเขามาก แม้แต่ขุนพลซีก็ไม่กล้ากล่าวอะไรออกมา หลังจากที่เขาถูกคาดโทษโดยโอหยางโชว
โอหยางโชวไม่ต้องการให้เขารู้สึกแย่เกินไป เขามองไปที่เก่อหงเหลียง แล้วกล่าวว่า “เจ้ากรมเก่อ เชิญกล่าว”
เก่อหงเหลียงเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังคงรู้สึกอับอาย แม้ว่าโอหยางโชวจะสนับสนุนเขา แต่เขาก็ไม่ใช่ขุนพลสงครามเช่นขุนพลซี เขาสงบลง ก่อนจะถามว่า “นายท่านต้องการให้จัดการพวกเขาเมื่อไหรหรือ?”
โอหยางโชวเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบว่า “เราต้องจบการสู้รบกับพวกเขาก่อนสิ้นเดือนนี้” เหตุผลที่โอหยางโชวต้องการให้จบก่อนสิ้นเดือนนี้ คือ ในเดือนที่ 7 เมื่อพวกเขาตาย เลเวลของพวกเขาจะเป็น 0 และพวกเขาจะสูญเสียไอเท็มทั้งหมดของพวกเขา ในฐานะผู้เล่นคนแรกที่เริ่มต้นสงคราม ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะทำให้ช่องว่างระหว่างผู้เล่นเพิ่มขึ้นมากเพียงใด
เก่อหงเหลียงพยักหน้า “ข้าขอกล่าวอะไรซักเล็กน้อย ก่อนที่เราจะเผชิญหน้ากับโลกภายนอก เราควรแน่ใจก่อนว่า พื้นที่ภายในดินแดนของเราสงบสุข เนื่องจากเรายังคงมีเวลา ข้าขอแนะนำให้ใช้เวลา 10 วัน ในการกวาดล้างค่ายโจรทั้งหมดที่อยู่ในดินแดน เพราะข้าเห็นว่าเดือนที่ 7 กำลังจะมาถึง และข้าวก็จะได้รับการเก็บเกี่ยวโดยชาวนา เราจึงต้องปกป้องพวกเขาก่อน และต้องมั่นใจว่า พวกเขาจะไม่ถูกจับตามองโดยพวกโจรที่อยู่ใกล้ชายแดน นอกจากนี้ เมื่อขนาดของดินแดนเพิ่มขึ้น การตั้งนิคมย้ายออกไปนอกเมืองก็เพิ่มมากขึ้น เราสามารถพัฒนาพื้นที่หลักได้เพียงแห่งเดียวในพื้นที่ 5,000 ตารางกิโลเมตรนี้ของเรา ดังนั้น การกวาดล้างค่ายโจร เพื่อเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยของการตั้งนิคมและเตรียมพื้นที่เพาะปลูกให้มากขึ้น มันจึงเป็นสิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก”
“เข้าใจแล้ว!” ทุกคนกล่าวพร้อมกัน
“พวกเจ้าทุกคนเป็นนายทหาร ไม่ใช่เพียงทหารทั่วไป แม้ว่าการฆ่าในสนามรบจะสำคัญ การที่จะกลายเป็นนายทหารที่มีชื่อเสียง พวกเขาต้องคิดและพิจารณาสิ่งต่างๆจากมุมมองที่สูงขึ้น วันนี้ เจ้ากรมเก่อได้ให้บทเรียนทั้งหมดแก่พวกเจ้าแล้ว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะจพจดจำมันไว้ในใจ” โอหยางโชวเตือนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้กล่าวชื่อขุนพลซีขึ้นมาโดยเฉพาะ
“ขอรับนายท่าน!”
หลังจากที่การประชุมสิ่นสุดลง โอหยางโชวก็กลับไปที่สำนักงานของเขา ดินแดนเพิ่งจะได้รับการอัพเกรด จึงยังมีสิ่งต่างๆมากมายให้เขาจัดการ
ผู้ปกครองเมืองเป่ยไห่ กู่ซิวเหวิน ได้ส่งจดหมายมาเพื่อขอเงินจำนวนหนึ่งจากเมืองหลัก เพื่อใช้เป็นทุนในการสร้างกำแพงเมืองเป่ยไห่ ซึ่งจะใช้มาตรฐานเดียวกับกำแพงเมืองชั้นที่ 2 ของเมืองซานไห่ ซึ่งยาวด้านละ 5 กิโลเมตร สูง 12 เมตร และกล่าว 6 เมตร
นอกจากนี้ กู่ซิวเหวินยังถามโอหยางโชวว่า เขาสามารถสร้างเมืองสาขาของดินแดน ของเมืองเป่ยไห่ได้หรือไม่
หลังจากเมืองซานไห่อัพเกรดได้ จากเมืองขนาดเล็กระดับ 3 เป็นเมืองขนาดกลางระดับ 1 แล้ว เมืองสาขาทั้ง 3 ของดินแดน ก็สามารถก่อตั้งเมืองสาขาได้เมืองละ 3 แห่ง เพียงแค่โอหยางโชวยังไม่ได้อนุญาติให้พวกเขาทำมันเท่านั้น
เหตุผลก็คือ ในปัจจุบัน เมืองซานไห่, เมืองเป่ยไห่, เมืองฉิวซุ่ย และเมืองมิตรภาพ อยู่ใกล้กันมากเกินไป เหมือนอย่างที่เก่อหงเหลียงได้กล่าวว่า ถ้าพวกเขาพัฒนาในพื้นที่เดียว พื้นที่อื่นๆของดินแดนก็จะไร้ประโยชน์
ตำแหน่งของเมืองสาขาไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ สำหรับขั้นแรก เมืองสาขา 3 แห่งแรกของดินแดน โอหยางมีกลยุทธ์ที่ดีในการก่อตั้งพวกมัน ขั้นที่สอง ของการก่อตั้งเมืองสาขาของดินแดน โอหยางโชวยังไม่คิดที่จะก่อตั้งพวกมันในเร็วๆนี้ เขาต้องการจะรอจนกว่า ดินแดนจะถึงขยายไปมากกว่านี้ก่อน แล้วค่อยเริ่มก่อตั้งเมืองสาขากลุ่มที่ 2
เมืองสาขาของดินแดนมีขีดจำกัด ขั้นที่สอง คือ ขั้นสูงสุดแล้ว ซึ่งก็หมายความว่า ในอนาคต เมืองสาขาของดินแดน จะมีเมืองสาขาได้เพียง 9 แห่งเท่านั้น ถ้าไม่อย่างนั้น โอหยางโชวก็คงไม่คิดมากกับเรื่องนี้ และคงเริ่มก่อตั้งเมืองสาขาเพื่อเพิ่มประชากรให้มากขึ้นไปแล้ว
ความแตกต่างระหว่างนิคมและการก่อตั้งเมืองสาขาของดินแดนก็คือ เมืองสาขาของดินแดน สามารถเติบโตและขยายตัวได้ จะมีผู้อพยพเข้ามาในดินแดนทุกๆวัน การตั้งนิคมจะไม่สามารถเติบโตได้มากนัก การเติบโตของประชากร จะขึ้นอยู่กับการคลอดบุตรเท่านั้น
ในทำนองเดียวกัน หากผู้เล่นโจมตีดินแดนอื่น และอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนเหล่านั้น ดินแดนเหล่านั้นก็จะสูญเสียการเติบโต กลายเป็นเพียงนิคม และประตูเทเลพอร์ตของดินแดนเหล่านั้นก็จะหายไป
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมโอหยางโชวจึงไม่กวาดล้างดินแดนเหล่านี้ทันที ไม่เพียงแต่เขาจะต้องใช้คนของเขา แม้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการโจมตี และกวาดล้างดินแดนบางส่วนได้ เขาก็ยังแทบไม่ได้อะไรเลย มันเสียเวลาเปล่า ประชากรในดินแดนเหล่านี้ มีจำนวนน้อยกว่าชนเผ่าเร่ร่อนคนเถื่อนภูเขาหรือในค่ายผู้บุกรุกเสียอีก
ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงพวกเชลย ส่วนใหญ่เป็นเพียงสามัญชน ส่วนผู้มีความสามารถพิเศษ ก็มักจะจงรักภักดีต่อลอร์ดของพวกเขา ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้พวกเขายอมทำงานให้
แฟนเพจ : TWOแปลไทย