GE6 หญ้าหยกหลวง อาหารสำหรับหมูอย่างนั้นหรือ?
Chapter 6 หญ้าหยกหลวง อาหารสำหรับหมูอย่างนั้นหรือ?
เมื่อเห็นท่าทางใจเย็นของหนิงฝาน ท่าทางของผู้คุ้มกันก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
การที่สามารถเผชิญหน้ากับเหล่าผู้คุ้มกันเหม่ยกว่า 400 คนโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว... แม้การบ่มเพาะของนายน้อยจะไม่สูงพอ แต่นี่นับว่าน่าอัศจรรย์แล้ว
“‘เหาชี’ ไปประลองกับนายน้อยและอย่าทำให้นายน้อยบาดเจ็บหล่ะ”
หัวหน้ายุ่ยฉีพยักหน้าและบอกให้บุรุษร่างใหญ่ออกมาต่อสู้กับหนิงฝาน
เขาไม่คิดว่าหนิงฝานจะเอาชนะเหาชีได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยอมรับในสถานะของหนิงฝานว่าเป็นนายน้อย
การที่กล้ารับการท้าทาย อย่างน้อยที่สุดหนิงฝานก็ไม่ใช่ขยะ เพราะฉะนั้นเขาย่อมมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นนายน้อยของผู้คุ้มกันเหล่านี้
“วางใจเถอะหัวหน้า! ลูกน้องอย่างข้ารู้ว่าแค่ไหนถึงจะเหมาสม”
บุรุษร่างใหญ่นามว่าเหาชีหัวเราะพลางโบกมือไปมาเล็กน้อย แต่จู่ๆกลับมีแสงสีแดงปรากฏขึ้นจากที่ไหนไม่ทราบก่อนจะพุ่งแหวกอากาศเข้าใส่หนิงฝาน
ด้วยระยะห่างระหว่างทั้งสองทำให้หนิงฝานเห็นไข่มุกเวทมนต์ที่สว่างจ้า ทั้งความร้อนและพลังที่รุนแรงที่แผ่ออกมาของมันก็มีผลกับสัมผัสของหนิงฝานโดยตรง หากหนิงฝานถูกมันจู่โจมเข้า อย่างน้อยที่สุดทั้งกล้ามเนื้อและกระดูกของเขาคงจะโดนฉีกกระจุย
“มันคือ ‘มุกโลหิตอำไพ’ เหาชีกล้าใช้มันจริงๆ!”
“ไข่มุกนั่นทำให้เหาชีเอาชนะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเปิดเส้นโลหิตระดับ 6 ได้ นายน้อยเป็นเพียงผู้บ่มเพาะขอบเขตเปิดเส้นโลหิตใหม่ เขาจะไปต้านทานการจู่โจมของไข่มุกนั่นได้อย่างไร?!”
“ข้ากลัวว่านายน้อยจะไม่อาจทนผลกระทบจากมันได้!”
ความคิดเห็นต่างๆนาๆในฝั่งของเหาชีพลันดังขึ้น แต่หนิงฝานไม่ได้ใส่ใจมัน
ด้วยการบ่มเพาะในขอบเขตเปิดเส้นโลหิตระดับแรกอย่างเขาย่อมไม่สามารถต้านรับการจู่โจมในระดับนั้นได้อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมีไพ่ตายเช่นกัน มันคือเพลิงปีศาจที่เขากลืนกินมาจากปีศาจเฒ่าในวันนั้น
เพียงแต่ นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานต่อสู้ แต่ในเมื่อเขาครอบครองความทรงจำของจักรพรรดินิรันดร์ ท่วงท่าของเขาย่อมไม่เก้ๆกังๆจนเกินไป
ขณะที่ไข่มุกโลหิตพุ่งแหวกอากาศเข้าหาหนิงฝาน เขาพลันพ่นเพลิงปีศาจออกมาจากปาก เมื่อเพลิงปีศาจถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของหนิงฝานมันก็เปลี่ยนเป็นมังกรก่อนจะกลืนมุกโลหิตเข้าไปในทันที!
“เพล้งงง!”
มุกโลหิตแตกออกเป็นเสี่ยงในทันทีก่อนจะถูกเปลี่ยนไปเป็นเถ้าถ่านด้วยเพลิงปีศาจในเวลาต่อมา
เมื่อสมบัติเวทมนต์ถูกทำลายย่อมทำให้เกิดอาการตกใจอย่างที่สุด เหาชีจ้องมองมังกรที่ดุร้ายที่กำลังพุ่งเข้าหาตนเอง
“ตาย...ข้าตายแน่!”
ขนาดผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเปิดเส้นโลหิตระดับ 10 ยังตายในทันทีหากพวกเขายืนขวางทางมังกรปีศาจที่ดุร้ายนี้
ทันใดนั้นท่าทางของหัวหน้ายุ่ยฉีก็เปลี่ยนไปก่อนที่ระเบิดจะพุ่งตรงเข้าใส่เหาชีจากทางด้านหน้า ยุ่ยฉีชกหมัดเข้าปะทะกับมังกรจนเกิดการระเบิดขึ้น
*ตูม ตูม ตูม!*
เพลิงปีศาจระเบิดกระจายออกไปทั่วทิศพลักส่งให้หัวหน้ายุ่ยฉีถอยหลังไปถึง 12 ก้าวพลางกระอักโลหิตตลอดทาง
ตัวเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานวิญญาณ เขาสามารถรับการจู่โจมของหนิงฝานได้แต่ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
เหล่าผู้คุ้มกันเหม่ยต่างหัวใจหล่นวูบด้วยความตกใจที่ไม่อาจบอกบรรยายขณะที่ เหาชีกลับเหงื่อกาฬพลั่งพรูไปทั่วร่าง
หากหัวหน้าไม่ได้หยุดการจู่โจมเมื่อครู่ไว้เหาชีคงตายด้วยเงื้อมมือของนายน้อยไปแล้ว! ไม่เพียงนายน้อยจะทรงพลังแต่เขายังโหดเหี้ยมด้วย เขาไม่ได้แสดงความเมตตาเลยแม้แต่น้อย!
เหาชีนับเป็นคนเขลาคนแรกที่ท้าทายนายน้อย เขามันเบาปัญญายิ่งนัก!
นี่คือ ‘สิ่งที่ขาด’ ที่นายน้อยได้กล่าวไว้กับพวกเขา นั่นคือการแสดงความเมตตาต่อศัตรู...สิ่งนี้ย่อมไม่ควรมี!
บรรยากาศในยามนี้กลายเป็นเงียบสงัด ผู้คุ้มกันทุกคนต่างจ้องมองหนิงฝานด้วยความสูงส่งที่ไม่เคยมีมาก่อนและพวกเขายังไม่กล้าหยาบคายกับหนิงฝานเลยแม้แต่น้อย
พลังคืออาญาสิทธิ์ในโลกแห่งการบ่มเพาะใบนี้และความแข็งแกร่งของหนิงฝานย่อมคู่ควรแก่การเคารพของเหล่าผู้คุ้มกัน
ความโหดเหี้ยมของหนิงฝานทำให้เกิดความหวาดกลัว อา...เพียง 1 กระบวนท่าก็นำมาซึ่งความตาย นี่ย่อมเป็นผู้บ่มเพาะปีศาจอย่างแท้จริง!
พวกเขาเข้าใจหนิงฝานผิดไป ไม่ใช่ว่าหนิงฝานโหดเหี้ยมตั้งแต่ต้นและต้องการสังหารด้วยกระบวนท่าเดียว แต่เพราะเขามีเพียงเพลิงปีศาจและนั่นคือวิธีเดียวของเขา เขาไม่มีพลังเวทมนต์หรืออย่างอื่นให้ใช้งานแล้ว
ปีศาจเฒ่าได้เห็นทุกสิ่งด้วยตาของตนเอง! หากจำไม่ผิด เพลิงปีศาจของเขาถูกหนิงฝานขโมยไปอย่างนั้นหรือ?
‘โอ้พระเจ้า! นั่นมันห่างชั้นกว่าวิธีควบคุมเพลิงของเขาซะอีก การจะควบคุมเพลิงนี้จะทำได้ต้องอยู่ในขอบเขตประสานวิญญาณ หนิงฝานยังไม่พบเจอคู่ต่อสู้ที่เหมาะสม!’
‘ฮึ่ม! กลับกล้าช่วงชิงเพลิงปีศาจของอาจารย์ตน! หึ...แต่นี่ก็นับว่ากล้าหาญอย่างแท้จริง! ชายชราเช่นข้าก็เป็นแบบนั้น!’
เมื่อผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ ในความคิดของปีศาจเฒ่าก็เริ่มพอใจในตัวหนิงฝานมากขึ้น เขาอยากได้แก้วสักใบเพื่อดื่มดังนั้นเขาจึงแอบหนีไป มีเพียงหนิงฝานเท่านั้นที่กำลังรออยู่เบื้องนอกคฤหาสน์เหม่ยเพื่อเอาโอสถ
“นายน้อย ท่านมาเอาหญ้าบำบัดโรครึ?”
ยุ่ยฉีสอบถามด้วยความเคารพและไร้ซึ่งความเย่อหยิ่งของผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตประสานวิญญาณ แม้ตัวเขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่ร่างกายของเขายังคงแข็งแกร่งเขาจึงไม่ได้รีบร้อนรักษาทั้งยังต้องการพาหนิงฝานไปยังคฤหาสน์เหม่ยก่อน
“ใช่”
หนิงฝานไม่ได้บอกว่าหญ้ารักษาที่ว่านั่นก็เพื่อปีศาจเฒ่า
“เช่นนั้น…เชิญนายน้อยและนายหญิงน้อยตามผู้รับใช้เช่นข้าไปยังคฤหาสน์เหม่ย”
ยุ่ยฉีเคารพและกล่าวเรียกจื่อเฮ่อว่านายหญิงน้อยทำให้ใบหน้าของนางแดงระเรื่อ
คฤหาสน์เหม่ยสร้างมาจากอิฐแข็ง ด้วยการสร้างเช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตผสานวิญญาณจะทำลายได้ นั่นย่อมชัดเจนว่าปีศาจเฒ่าใช้จ่ายเงินไปเป็นจำนวนมากในการสร้างคฤหาสน์หลังนี้
ยุ่ยฉีนำหนิงฝานและจื่อเฮ่อไปยังประตูบานหนาภายในคฤหาสน์เหม่ย
เมื่อได้เห็นประตูที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงทำให้จื่อเฮ่อหวาดกลัว นางประสานมือของนางแน่นและไม่กล้าเข้าไปภายใน แต่ด้วยการคุ้มกันของหนิงฝานทำให้นางค่อยๆรู้สึกปลอดภัย
สายตาของหนิงฝานเริ่มเข้าสู่สมาธิ ยามนี้เขาคือผู้บ่มเพาะแล้วแต่จื่อเฮ่อเป็นคนธรรมดาทำให้นางไม่อาจทำอย่างหนิงฝานได้
นับเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องหาหญ้าวิญญาณที่เหมาะสมแก่จื่อเฮ่อเพื่อเปิดเส้นโลหิตของนางและทำให้นางกลายเป็นผู้บ่มเพาะด้วย
“นายน้อย...ดูนั่น ในคฤหาสน์เหม่ยแห่งนี้มีสมุนไพรที่แตกต่างกันกว่า 400 ชนิดทั้งยังมีอายุหลายร้อยปี ท่านสามารถหยิบจับได้ตามใจชอบ”
ยุ่ยฉีคิดว่า...แม้หนิงฝานจะมีประสบการณ์ในฐานะผู้บ่มเพาะทั้งยังทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่เขาอาจจะไม่มีความรู้ด้านสมุนไพร
แต่ยุ่ยฉีกลับคาดไม่ถึงว่าเมื่อหนิงฝานได้เข้ามาในคฤหาสน์เหม่ยแล้ว กลายเป็นว่าเขารู้จักสมุนไพรทั้งหมดกระทั่งสมุนไพรบางอย่างที่หายากมาก นี่ทำให้ยุ่ยฉีแตกตื่นเป็นอย่างมาก
“‘หญ้าหม่อนร้อยปี’ ‘ยู่หลานปิงร้อยปี’ ‘โสมหิมะร้อยปี’ ‘เถาล่องหนร้อยปี’...ฮึ่ม ส่วนผสมของยาแก้สำหรับท่านอาจารย์อยู่ที่นี่ทั้งหมดเว้นแต่ ‘ต้นท้อร้อยปี’ หืม...นี่คือ........”
สายตาของหนิงฝานกวาดไปยังลานโอสถกระทั่งพบกองหญ้าที่มุมลานโอสถ มันทำให้เขาตกใจอยู่นาน
“อะ....โอสถนั่นคืออะไร......”
หนิงฝานถามยุ่ยฉีอย่างเร่งร้อน
“อ้อ...พวกนั้นคือหญ้าป่าที่ไม่มีวิญญาณ พวกเราใช้มันเป็นอาหารหมู”
ยุ่ยฉีกล่าวตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ให้หมู!! อา...! เจ้าใช้หยก...ให้อาหารหมูเนี่ยนะ!”
“ขอรับ! หญ้านั่นรสชาติไม่ได้เรื่องกระทั่งหมูยังเมินเลย....”
ยุ่ยฉีแตะไปที่กระเป๋าบนเอวของเขาก่อนจะเรียกหมูม่วงที่มีขนาดเท่าฝ่ามือของหนิงฝานออกมา
“นายน้อย นี่คือสัตว์เลี้ยงปีศาจของข้า ‘หมูดาราจักร’ อย่าได้สนใจรูปลักษณ์ที่อัปลักษณ์ของมัน...กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับ 4 ขอบเขตเปิดเส้นโลหิตยังถูกมันสังหารในกระบวนท่าเดียว *ซี้ดด* ข้าเอาหญ้าพวกนี้ให้มันกินทุกวัน แต่ดูเหมือนมันจะมีคุณค่าทางสารอาหารไม่พอ...”
หนิงฝานเงียบอยู่นานพลางจ้องมองยุ่ยฉีด้วยสายตาซับซ้อน
“ยุ่ยฉี...เจ้าเป็นคนเดียวและหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ที่...! ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ‘ห้าม’ เอาหญ้าพวกนี้ให้หมูกินเด็ดขาด ให้เจ้าเอาหญ้าพวกนี้ไปให้ข้าที่คฤหาสน์แทน!”
หนิงฝานจินตนาการไม่ออกว่า ‘หญ้าหยกหลวง’ ที่มีชื่อเสียงในความทรงจำของจักรพรรดินิรันดร์กลับถูกยุ่ยฉีเอาให้หมูกิน
แม้หญ้าชนิดนี้จะไม่มีวิญญาณแต่มันมีคุณสมบัติทางเวทย์มนต์ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้...หญ้าป่าเช่นนี้มาเกิดในเมืองน้ำแข็งแบบนี้ได้อย่างไร!
สำหรับจักรพรรดินิรันดร์แล้วหญ้าหยกหลวงนับว่าหาได้ยาก แม้มันจะไม่มีคุณสมบัติทางโอสถแต่หากผสมมันเข้ากับบางสิ่งมันจะกลายเป็นโอสถที่ขัดต่อสวรรค์อย่าง ‘โอสถหยกหลวง’ ในทันที
โอสถชนิดนี้สามารถกลั่นเส้นโลหิตและไขกระดูกเพื่อเพิ่มศักยภาพทางร่างกาย ทั้งยังสามารถบ่มเพาะร่างกายไปจนถึงระดับสุดยอดอย่าง ‘กายานิรันดร์’ ได้
ตามความทรงจำของ ‘จักรพรรดิโบราณ’ ในช่วง ‘ยุคสมัยแห่งนิรันดร์’ มีคนเพียง 2 คนเท่านั้นที่บ่มเพาะ ‘กายานิรันดร์’ จนสำเร็จ ซึ่งทั้งสองคนนั้นคือยอดอัจฉริยะในยุคนั้น!
คนหนึ่งคือปรมาจารย์แห่ง ‘ตำหนักสวรรค์’ นาม ‘จักรพรรดิหยก’ ส่วนอีกคนคือนักบุญศักดิ์สิทธิ์เหวย นาม ‘เหวยถัว’.
“หากบ่มเพาะกายานิรันดร์ย่อมไม่ต้องหวาดกลัวประตูทั้ง 5!”
วลีนี้กล่าวโดยนักบุญนิรันดร์ในตำนาน ‘เหวยถัว’ ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้จ้าวแห่งจักรพรรดิ!
หญ้าหยกนิรันดร์ที่หาได้ยากสำหรับจักรพรรดินิรันดร์ขนาดนั้นกลับถูกเจ้ายุ่ยฉีเอาไปให้หมูกิน!
หนิงฝานจ้องมองยุ่ยฉีอย่างเย็นชา การที่ทำให้สมบัติสวรรค์เสียของขนาดนี้บางที...ในชีวิตหน้าของยุ่ยฉีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์จนได้เกิดใหม่เป็นหมูก็ได้
เมื่อจ้องมองไปยังหนิงฝาน ยุ่ยฉีรู้สึกสับสนก่อนจะหลบสายตาอย่างรวดเร็ว
‘มันไม่ใช่แค่กองหญ้าอย่างงั้นหรือ? แล้ว...เอามันให้หมูกินนี่ผิดตรงไหน? ที่ท่านจ้องมองข้าแบบนี้...บางที...หรือนายน้อยอาจจะชอบกินหญ้านี่? ท่านชอบกินหญ้าที่แม้แต่หมูยังเมินเนี่ยนะ?’
ยุ่ยฉีมองหนิงฝานและเห็นเขากำลังนั่งลง หนิงฝานหยิบเอาหญ้าสกปรกจากกองหญ้าออกมาก่อนจะเคี้ยวมันในปากทำให้ยุ่ยฉีประหลาดใจ!
“สมแล้วที่เป็นนายน้อย ของที่หมูยังเมิน...แต่ท่านกลับยังกินมันได้ ไม่สงสัยเลยว่าเหตุใดท่านถึงแข็งแกร่งขนาดนี้!”.....................................