ตอนที่ 213 โฮลี่เเองเจิล
ถ้าเป็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิตัวอื่น หานเซิ่นไม่คิดจะใช้บูมเมอร์แรงโกลบัตเตอร์ฟายเลือดศักดิ์สิทธิ เพราะว่ามันเป็นการลงทุนที่สูงเกินไป เพราะถึงฆ่าได้ก็ไม่การันตีว่าจะได้วิญญาณอสูร
แต่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่อาศัยอยู่บนเกาะลึกลับจะให้วิญญาณอสูรแน่นอน และยิ่งกว่านั้นมันยังมีเกียร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิ ซึ่งมันดีกว่าขวานสีทองที่หานเซิ่นเคยได้ มันทั้งหนักและไม่คมเท่า
ถึงเกียร์จะไม่สามารถนำออกจากก็อคแซงชัวรี่ได้ แต่เขาก็สามารถขายมันได้ในราคาที่สูง
ถ้าเขาสามารถฆ่ามอนสเตอร์ตัวนี้ได้ เขาจะได้ทั้งวิญญาณอสูรและเกียร์ ต่อให้เขาต้องใช้บูมเมอร์แรงเลือดศักดิ์สิทธิ มันก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
กลับมาที่ภูเขา หานเซิ่นยังเห็นมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอยู่ใต้ต้นไม้เดิม มันเอามือจับดาบของมันไว้และหลับตา
ในตอนกลางวันหานเซิ่นไม่ได้มองมันอย่างละเอียดนัก แต่ในยามค่ำคืนภายใต้แสงจันทร์และแสงดาว เขาตะหนักได้ถึงความสง่างามของมัน
เมื่อเห็นความงดงามของมันแล้ว เขารู้สึกว่าควรจะเรียกว่าหล่อนมากกว่า มีชุดเกราะหยกห่อหุ้มร่างกายของหล่อนอยู่ แต่มันยังโชว์ให้เห็นถึงสัดส่วนและขาที่เรียวของหล่อน
ปีกสีขาวและผมยาวเป็นลอนๆ ทำให้หล่อนดูงดงามมาก ราวกับเป็นนางฟ้าจริงๆ ถ้าเขาไม่เคยเห็นความน่ากลัวของหล่อนตอนต่อสู้ เขาก็อาจจะทำร้ายมอนสเตอร์ที่สวยงามแบบนี้ไม่ลง
'หล่อนแข็งแกร่งมาก เรามีโอกาสแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าทำไม่สำเร็จก็อาจจะถึงตายได้' หานเซิ่นเตรียมใจเข้าไปสู้แบบเสี่ยงชีวิต
เขาเรียกวิญญาณอสูรแฟรี่ควีนออกมา ร่างของเขาห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีแดงและมงกุฎสีแดง ผมสีดำของเขาเปลี่ยนเป็นผมสีบลอนด์ยาว หานเซิ่นเรียกธนูเลือดศักดิ์สิทธิและลูกธนูเเบล็คสตริงเกอร์กลายพันธ์ออกมา
หานเซิ่นมั่นใจในการซ่อนจิตสังหารของตัวเองมาก แต่เมื่อเขาเล็งธนูไปที่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ หล่อนก็ลืมตาขึ้นมาทันที
หล่อนพุ่งเข้ามาหาหานเซิ่นพร้อมกับดาบเพชรในมือ หานเซิ่นไม่ยังได้ยิงลูกธนูเเบล็คสตริงเกอร์ออกไป เขาไม่กล้าพอที่จะทำแบบนั้น เพราะถ้าเกิดลูกธนูปะทะกับดาบและถูกทำลาย มันจะหายไปทันที
กว่าจะได้ลูกธนูมาหานเซิ่นต้องใช้ความพยายามไปมาก เขาไม่ต้องการให้มันถูกทำลายเหมือนกับหอกและช็อปเปอร์กลายพันธ์
เมื่อมองดูมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่กำลังพุ่งเข้ามา เขาก็รู้สึกว่าหล่อนไม่ได้เร็วเหมือนกับก่อนหน้านี้ เพราะความสามารถของแฟรี่ควีน ทำให้การเคลื่อนไหวของหล่อนดูช้าลงไปมาก
เมื่อเห็นหล่อนใช้ดาบฟันมาที่เขา หานเซิ่นก็เรียกวิญญาณอสูรธนูกับลูกธนูกลับมา และหลบด้วยความเร็วสูง
สปารติเคิล ไฮเปอร์จีโนประเภทฟุตเวิร์คของหานเซิ่นถูกนำมาใช้ในตอนนี้ หลังจากฝึกใช้มันมานานในที่สุดเขาก็ชำนาญมัน แม้แต่ดาบของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิก็ยังโจมตีเขาไม่โดน
แต่แทนที่จะถอยหลัง หานเซิ่นกับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อลดระยะห่างระหว่างเขากับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ
บูมเมอร์แรงโกลบัตเตอร์ฟรายเลือดศักดิ์สิทธิปรากฏในมือของหานเซิ่น และถูกขว้างออกไปที่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ
ด้วยระยะที่ใกล้มาก บูมเมอร์แรงเข้าไปใกล้มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิในพริบตา และเกือบจะตัดเข้าไปที่คอของหล่อน
ถึงระยะจะใกล้มาก แต่มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิก็ยังสามารถดึงดาบกลับมา และฟันไปที่บูมเมอร์แรงได้ทัน
แต่ในตอนที่ดาบกำลังจะปะทะกับบูมเมอร์แรง บูมเมอร์แรงก็เคลื่อนไหวหลบดาบได้อย่างน่าอัศจรรย์ และตัดเข้าที่คอของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ
ตูม!
เปลวไฟสีฟ้าระเบิดออกมา และลุกไหม้มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทั้งตัว ตอนนี้หล่อนดูราวกับดาวหางที่ลุกไหม้
หล่อนเป็นนางฟ้าที่ดุร้ายมากๆ แม้จะเผาด้วยเปลวไฟที่น่าสะพรึงกลัว แต่หล่อนก็ยังพยายามจะโจมตีหานเซิ่น
แต่ด้วยการเปลี่ยนร่างเป็นแฟรี่ควันและใช้สปารติเคิล ทำให้หานเซิ่นหลบการโจมตีทั้งหมดของหล่อนได้
หล่อนเริ่มช้าลงเรื่อยๆ ในที่สุดดาบของหล่อนก็หลุดมือ ร่างกายของหล่อนเปลี่ยนสภาพเป็นแสง และกระจายออกไปเหมือนกับฝูงหิ่งห้อย
"โฮลี่แองเจิลเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรของโฮลี่เเองเจิล เนื้อไม่สามารถกินได้"
"หล่อนเป็นนางฟ้าจริงๆด้วย!" หานเซิ่นตื่นเต้นมาก เขาไม่ได้แปลกใจว่าทำไมเนื้อถึงกินไม่ได้ เขาเคยอ่านข้อมูลในเน็ตมาก่อน มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิที่อาศัยอยู่บนเกาะลึกลับ ส่วนมากเนื้อจะไม่สามารถกินได้
หลังจากเอาผ้าห่อดาบเพชรเรียบร้อยแล้ว หานเซิ่นก็ออกจากเกาะลึกลับตอนกลางดึก
"เซินเทียนจื่อคงกำลังคิดหาวิธีจัดการกับโฮลี่เเองเจิลอยู่แน่ๆ ไม่มีทางเลยที่มันจะรู้ว่าเราฆ่าหล่อนไปแล้ว ชักอยากจะเห็นหน้าของมันตอนที่เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว แต่กับพบว่าไม่มีอะไรเหลืออยู่บนเกาะแล้วสิ"
หานเซิ่นกลับสตีลอาเมอร์อย่างมีความสุข เขาวางดาบเพชรไว้บนโต๊ะ เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้เช็คดูข้อมูลของวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิดวงใหม่