TXV – 152 หัวขโมย !
TXV – 152 หัวขโมย !
"ว่าไงนะ?" จู้งเหว่ยตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
เซี่ยเหล่ยพูดพร้อมรอยยิ้มว่า "คุณจะไม่ซื้อมันอย่างนั้นใช่มั้ย"
"ไม่...ไม่เลย" จู้งเหว่ย รีบพูดขึ้นมาก่อน "คุณเซี่ย ราคาที่คุณต้องการมันเกือบจะซื้อเครื่องบินรบได้เลยนะ คุณไม่คิดว่ามันจะแพงไปหน่อยหรอ เอาเป็น10ล้านดีกว่ามั้ย"
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า "ถ้ามี 88 ล้านจะซื้อเครื่องบินรบได้งั้นเหรอ? อย่าล้อเล่นกันดีกว่า ผมรู้ว่าคุณคงไม่ชอบราคานี้ซักเท่าไหร่ แต่คุณบอกเองหนิว่ายังไงก็จะซื้อใช่มั้ย? "
จู้งเหว่ยฝืนยิ้มแล้วพูดว่า "คุณเซี่ย คุณใช้มือในการสร้างเครื่องจักรอัจฉริยะ ยิ่งกว่านั้นผมคิดว่าความคืบหน้าของคุณมันเร็วมาก ซึ่งผมคาดการณ์เอาไว้ว่าประมาน1เดือนจะเสร็จสมบูรณ์ คุณคิดว่า1เดือนทำเงินได้ 10ล้านแล้วมันไม่พอย่างนั้นเหรอ?"
เซี่ยเหล่ยพูดว่า "ในโลกนี้ใครจะไม่ชอบเงินเยอะๆกันหล่ะ? และด้วยบริษัทของผมกำลังพัฒนามันจำเป็นต้องใช้เงินทุน นอกจากนี้ในหมู่พวกเราการทำธุรกิจพวกเราต้องการกำไร ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน "
"คุณเซี่ย.... " จู้งเหว่ย ยังต้องการที่จะโน้มน้าวให้เซี่ยเหล่ยเปลี่ยนราคาขาย
"ถ้าจะพูดให้ชัดเจน จริงๆแล้วราคามันแพงกว่านี้ซะด้วยซ้ำ แม้ว่าจะใช้เงิน1พันล้านก็ไม่สามารถที่จะเอาสิ่งหล่านี้กลับมาได้จากเยอรมันหรอก"เซี่ยเหล่ยยังพูดต่อว่า "นอกจากนี้ผมได้ใช้ชีวิตของผมเป็นเดิมพันกับการนำมันกลับมา ดังนั้นผมจะขายในราคาที่แพงแล้วมันจะทำไมกันหล่ะ? "
จู้งเหว่ย เงียบไปครู่หนึ่งก่อนพูดขึ้นว่า" โอเค ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ผมจะโทรไปหาผู้บริหารมู๋"
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า "เชิญตามสบาย"
จู้งเหว่ย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วออกไปข้างนอกสำนักงานเพื่อคุยโทรศัพท์
เซี่ยเหล่ยได้ใช้พลังตาซ้ายของเขามองทะลุกำแพงออกไปเพื่ออ่านปากของ จู้งเหว่ย ที่กำลังคุยกับผู้บริหารมู๋
"สวัสดี ผู้บริหารมู๋ จากที่ดูแล้วเครื่องจักรอัจฉริยะมีความคืบหน้าไปแล้ว15 เปอร์เซ็นต์ ผมถ่ายรูปไว้มากมายผมจะส่งให้คุณทีหลัง ผมพูดเรื่องราคากับเขา เขาต้องการ 88 ล้าน " จากนั้นไม่นานผู้บริหารมู๋ก็ตอบกลับมา.......
ด้านเซี่ยเหล่ยเห็นทุกการกระทำที่เกิดขึ้น
จู้งเหว่ยกลับไปที่สำนักงานไปนั่งที่โซฟาแล้วพูดว่า "คุณเซี่ย ผมคุยกับผู้บริหาร มู๋แล้ว เขาบอกว่ามันมีเงื่อนไข"
"อะไรหล่ะ ว่ามาซิ?" เซี่ยเหล่ยถาม
"ความหมายของผู้บริหารมู๋ คือคุณไม่สามารถพูดได้ว่าเครื่องจักรอัจฉริยะนี้เป็นของคุณเอง มันจะต้องกลายเป็นเราที่เป็นผู้สร้างมัน" จู้งเหว่ยมองไปที่เซี่ยเหล่ยแล้วสังเกตุพฤติกรรมของเขา
ในใจของเซี่ยเหล่ยคิดว่า ‘ข้อเสนอนี้ค่อนข้างแปลก’
"คุณเซี่ย คุณเข้าใจที่ผมพูดหรือป่าว?" จู้งเหว่ยถาม
เซี่ยเหล่ยยิ้มแล้วพูดว่า "ผมเข้าใจว่าคุณต้องการจะได้จดสิทธิบัตรเป็นชื่อของพวกคุณและได้รับการยกย่องสรรเสริญ มันก็ดีและผมก็ไม่ได้เสียอะไรมากมาย"
"ฮ่าฮ่า ...... " จู้งเหว่ย หัวเราะดังขึ้น "หมายความว่าเราตกลงกันได้แล้วใช่มั้ย?"
"ใช่" เซี่ยเหล่ยตอบแบบเรียบง่าย
จู้งเหว่ยกล่าวว่า "ผมจะร่างสัญญาจัดซื้อในชื่อของกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนแผนกจัดหาและฝ่ายขาย มันจะเป็นเรื่องของส่วนประกอบไม่ใช่เป็นเครื่องมือ เราจะจ่ายเงินมัดจำไว้ก่อน 10% หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยเราจะจ่ายในส่วนที่เหลือทั้งหมดทันที "
เซี่ยเหล่ยยื่นมืออกไปจับกับจู้งเหว่ย แล้วพูดว่า "ดีใจที่ได้ร่วมงานกัน"
"ผมสามารถใช้คอมพิวเตอร์ของคุณได้หรือไม่? ผมจะทำมันตอนนี้เลย " จู้งเหว่ยพูด
เซี่ยเหล่ยพูดด้วยรอยยิ้มว่า "คุณดูรีบร้อนจังนะ"
จริงๆ จู้งเหว่ยเขากังวลมากเพราะไม่รู้ว่าเซี่ยเหล่ยจะเปลี่ยนใจหรือป่าว ในตอนนี้เขามองไปที่เซี่ยเหล่ยแต่ก้ไม่ได้มีท่าทีแบบนั้น แต่ถ้าเป็นแบบนั้นมันคงไม่ดีที่จะไปรายงานกับมู๋เจียนเฟิงฟัง
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเซี่ยเหล่ยและจู้งเหว่ยได้ลงนามในสัญญา แน่นอนว่าเนื้อหาสัญญาเป็นเรื่องของส่วนประกอบซึ่งมีมูลค่าใช้จ่ายทั้งหมด 88 ล้าน
หลังจากคัดลอกสัญญาแล้วให้เก็บไว้ที่ตัวเองคนละฉบับแล้ว จู้งเหว่ยพูดขึ้นว่า คุณเซี่ย ผมจะอยู่ในเมืองห่ายจูอีกสักพัก วันนี้ผมสามารถมาดูความคืบหน้าอีกได้ใช่มั้ย? ”
เซี่ยเหล่ยพูดว่า "ก็แล้วแต่คุณ"
"งั้นผมขอตัวก่อน ผมต้องไปรายงานกับผู้บริหารมู๋" จู้งเหว่ยจับมือกับเซี่ยเหล่ยอีกครั้งแล้วพูดว่า "เงิน 10% ที่เป็นค่ามัดจำจะถูกโอนไปให้คุณภายในครึ่งชั่วโมง”
"โอเค ถ้างั้นผมขอตัวก่อน" เซี่ยเหล่ยเดินออกไปส่งจู้งเหว่ย
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นฉิงเสวียงโทรมา
"เกิดอะไรขึ้นบ้าง" ฉิงเสวียงถาม
เซี่ยเหล่ยพูดกลับไปว่า "ก่อนนี้เรื่องของหนิงเหยี่ยซาน ผมยังไม่ได้บอกคุณ เขาขัดขวางการค้าของผม ซึ่งผมจะแก้ปัญหาโดยการเลือกเส้นทางของใหม่ของผม ผมเลือกที่จะบินไปให้สูงที่สุด ซึ่งตอนนี้ผมสามารถบินได้แล้วด้วยเงินจำนวน 88 ล้าน !”
"ฮ่าฮ่าฮ่า... " ฉิงเสวียง หัวเราะอย่างอ่อนโยน "เยี่ยมไปเลย แต่ผมเห็นมันด้อมๆมองๆรอบๆทางเข้าห้องทำงานของคุณเมื่อกี้นี้ด้วยนะ คุณต้องระวังด้วยนะ หากคุณคิดจะบินคุณต้องระวังการยิงจากปืนด้วย"
เซี่ยเหล่ยพูดขึ้นว่า "เขาเป็นใคร?"
ฉิงเสวียง กล่าวว่า "คนงานในโรงงานนี่แหละ"
“โอเค ผมจะระวังตัว แค่นี้ก่อนนะ” เซี่ยเหล่ยวางสายไป
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยก็ได้รับข้อความจากธนาคารว่ามีเงินเข้ามาในบัญชีแล้ว
หลางซือเหยาเข้ามาที่สำนักงานก็เห็นเซี่ยเหล่ยกำลังอ่านข้อความและกำลังยิ้มอยู่เธอก็คิดไปว่า “เจียงหยูยี่ ส่งข้อความอะไรมา? จะใช้ให้เขาไปซื้อของให้อย่างนั้นเหรอ?”
เซี่ยเหล่ยมองไปที่หลางซือเหยา แล้วยิ้มเขาต้องการที่จะทำให้เธอประหลาดใจ
หลางซือเหยาพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะเป็น เจียงหยูยี่ จริงๆ เธอใช้ให้คุณไปซื้ออะไรให้คุณก็ไปอย่างงั้นหรอ ? เธอไปซื้อของเองไม่เป็นอย่างนั้นเหรอ? เธอดูเป็นผู้หญิงที่ขี้เกียจ ใครได้ไปแต่งงานกับเธอคงโชคร้ายน่าดู "
"นี่...นี่" เซี่ยเหล่ยค่อนข้างขะเคอะเขิน เขายื่นโทรศัพท์ให้กับ หลางซือเหยา "คุณต้องได้เห็น..."
หลางซือเหยา ได้เห็นข้อความในโทรศัพท์แล้วก็ประหลาดใจพูดขึ้นว่า "คุณได้เงินพวกนี้มาอย่างไร?"
เซี่ยเหล่ยตอบว่า "กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนต้องการซื้อเครื่องจักรอัจฉริยะของผม ผมก็เลยขาย”
หลางซือเหยา รู้สึกตื่นเต้นเพิ่มขึ้นพูดต่อ "คุณขายเครื่องจักรนั้นได้ตั้ง 8.8ล้าน มันเยี่ยมไปเลย "
เซี่ยเหล่ยยิ้มอย่างมีความสุขสุดๆแล้วพูดกับเธอไปว่า "ผมได้ขายในราคา 88 ล้าน นี้เป็นเพียง 10% มันคือเงินมัดจำ"
"ว่าไงนะ.........." หลางซือเหยา ตกใจอย่างมากจนขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงลงไปนั่งอยู่บนพื้น
"แต่มันก็มีเงื่อนไขอยู่ หลังจากที่ผมสร้างมันเสร็จ ผมจะไม่สามารถบอกได้ว่าผมเป็นคนสร้างมัน นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการและผมก็ตกลง ดังนั้นจะต้องไม่มีใครพูดว่าผมเป็นคนสร้างมัน" เซี่ยเหล่ยพูด
หลางซือเหยา ยังคงตะลึงอยู่ในตอนนี้
เซี่ยเหล่ยตบไหล่ของเธอเบาๆแล้วพูดขึ้นว่า "หลังจากเลิกงาน เราไปที่ 4S ช็อปกัน ผมเคยบอกว่าต้องซื้อรถให้คุณในตอนนั้นที่ผมยังไม่มีเงิน แต่ตอนนี้ผมมีแล้วผมจะซื้อมันให้กับคุณ"
"คุณจะซื้อรถให้ฉันอย่างนั้นเหรอ?" หลางซือเหยาถาม
เซี่ยเหล่ยแสดงท่าทางที่จริงจังแล้วพูดขึ้นว่า "ผมต้องการที่จะซื้อรถให้คุณมาตั้งนานแล้ว ผมพูดจริงๆ"
"คุณจะซื้อรถให้ฉัน...ทำไมกันหล่ะ" ใบหน้าของหลางซือเหยาแดงขึ้นเธอไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่เซี่ยเหล่ยเลย
ผู้ชายคนหนึ่งซื้อรถให้สำหรับผู้หญิงใช้แต่ไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ของสามีและภรรยากัน มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างผิดปกติ.......
จริงๆแล้วเซี่ยเหล่ยไม่ได้ต้องการที่จะเป็นอะไรที่ซับซ้อนกับเธอ เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า "คุณเป็นคนที่ดีกับผม มันไม่จำเป็นจะต้องมีเหตุผลอะไรมากกว่านี้เลย อืม...ตอนนี้ผมจะไปทำงานให้เสร็จในตอนเย็นเมื่อเลิกงานเราจะไปด้วยกัน "
ริมฝีปากของหลางซือเหยาขยับไปมา เธอลังเลใจที่จะพูด เธอยืนอยู่ในสำนักงานตอนนี้ในใจของเธอมีเงาของเซี่ยเหล่ยอยู่ทั้งใจ .......
ทางด้านเซี่ยเหล่ยที่กลับห้องทำงานของเขาแล้ว แต่ตัวเขาเองตอนนี้ยังดีใจสุดๆ เขาได้ประโยชน์อย่างมากจากเครื่องจักรนี้ที่ขโมยมาจากโจเซฟ ในกรณีนี้หากว่ากลุ่มอุตสาหกรรมจีนได้เปิดตัวว่าได้สร้างเครื่องจักรอัจฉริยะนี้สำเร็จแล้ว มันจะมีผลกระทบยังไงบ้างนะ?
เมื่อก่อนแค่มีเงินซื้อเพียงแค่ตั๋วเครื่องบินได้ แต่ตอนนี้สามารถซื้อเครื่องบินได้จริงๆเลย เมื่อเขากำลังคิดเรื่องที่จะซื้อรถให้กับ หลางซือเหยา จู่ๆเขาก็สะดุดตาที่ประตูทางเข้า
เขาได้สะดุดตากับรอยเท้าของใครบางคนซึ่งไม่ใช่ทั้งของเขาหรือของจู้งเหว่ย เพราะนั่นรอยเท้าของรองเท้าบู๊ตสำหรับฤดูหนาวแต่เขาและ จู้งเหว่ย ใส่รองเท้าหนังแท้ๆ
ตอนนี้เซี่ยเหล่ยได้ฉุกคิดถึงคำเตือนของฉิงเสวียง ในตอนนั้นฉิงเสวียงบอกเขาว่าให้ระวังตัวดีๆ ซึ่งเขาก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคนงานเดินผ่านไปมาที่นี่เป็นเรื่องปกติ แต่ห้องทำงานของเขาปกติจะไม่ให้ใครเข้ามา
เมื่อเซี่ยเหล่ยคิดได้ เขาก็ออกจากห้องทำงานของเขาแล้วตรงไปที่สำนักงานของฉิงเสวียง
ในสำนักงานของฉิงเสวียง เขากำลังวาดภาพใครบางคนอยู่อย่างระมัดระวังอยู่ เซี่ยเหล่ยได้เข้าไปในเวลางานของเขาอยู่ เขามองไปที่เซี่ยเหล่ยหนึ่งครั้งแล้วกลับไปวาดต่อพร้อมพูดขึ้นว่า "มีเรื่องอะไร?"
เซี่ยเหล่ยพูดว่า "ในโรงงานของเรามีขโมย"
ฉิงเสวียงพูดขึ้นว่า "คุณกำลังพูดกับฉัน ?"
เซี่ยเหล่ยกระวนกวะวายพูดว่า "ผมไม่ได้ล้อเล่น มีใครบางคนพยายามที่จะมาขโมยเครื่องจักรอัจฉริยะ"
ฉิงเสวียงวาดคิ้วของใครบางคนเสร็จแล้วเขาวางดินสอลงแล้วพูดว่า "ก่อนนี้ที่ฉันบอกว่าเห็นใครบางคน? ฉันจำหน้าของเขาได้ "
เซี่ยเหล่ยพูดว่า "ไม่...แล้วทำไมไม่จับเขา"
"หมายความว่าไง...?" ฉิงเสวียง ถาม
เซี่ยเหล่ยพูดว่า "ปกติพื้นที่ตรงนั้นห้ามใครเข้า แต่เขาไปด้อมๆมองๆแถวนั้น เขาไม่ต้องการขโมยอะไรงั้นหรอ? คุณคิดอะไรอยู่ คุณไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ?"
ฉิงเสวียง ได้ยิ้มแล้วพูดว่า "คุณนี่ไม่รู้อะไรซะเลย......."
ติดตามตอนต่อไป....