ตอนที่ 212 ต่อสู้กับนางฟ้า
เคร็ง!
หอกปลาฉนากกลายพันธ์ขาดเป็น 2 ท่อนทันทีโดยดาบเพชรของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ
หานเซิ่นรีบขวางหอกที่ขาดไปทางพวกที่เหลืออีก 3 คนด้วยความช็อค
พวกเขาทั้ง 3 คนต้องการฆ่าหานเซิ่น แต่พวกเขาก็ต้องชะงักเมื่อเห็นความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ
ระหว่างที่พวกเขากำลังตกตะลึงอยู่ หานเซิ่นก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพวกเขา ในตอนที่พวกเขาเตรียมจะโจมตี หานเซิ่นก็หยุดห่างจากพวกเขาประมาน 15 ฟุต และหันหน้าไปทางมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ หานเซิ่นเรียกวิญญาณอสูรช็อปเปอร์ออกมา เขาต้องการจะลองสู้กับมันอีกสักครั้ง
ช็อปเปอร์เป็นวิญญาณอสูรที่พบเห็นได้ทั่วไป หานเซิ่นจึงไม่กังวลที่จะเรียกมันออกมาต่อหน้าพวกเขา แม้ว่าดอลลาร์จะมีมันก็ไม่ได้แปลกอะไร
เคร็ง!
ช็อปเปอร์เองก็ขาดเป็น 2 ท่อนด้วยดาบเพชร หานเซิ่นบินลงไปข้างล่าง เพื่อหลบการโจมตีของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ
ตอนนี้มอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิกำลังเผชิญหน้ากับอีก 3 คนที่เหลือ มันใช้ดาบเพชรฟันไปที่นิ้วโป้งซึ่งอยู่ใกล้มันมากที่สุดทันที
นิ้วโป้งกัดฟัน และใช้โล่เลือดศักดิ์สิทธิป้องกันการโจมตี
เคร็ง!
นิ้วโป้งกระเด็นถอยหลังไปมากกว่า 50 ฟุต ก่อนที่เขาจะสามารถทรงตัวได้ นิ้วโป้งคำราม พร้อมกับเปลี่ยนร่างเป็นหมียักษ์ตัวสีดำที่สูงกว่า 9 ฟุต เขาถือโล่ด้วยมือข้างหนึ่ง และดาบด้วยอีกมืออีกข้าง จากนั้นเขาก็บินตรงเข้าไปหามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ เขาตะโกน
"ดอลลาร์ ตอนนี้พวกเราต้องร่วมมือกัน พวกเราถึงจะมีโอกาสฆ่ามันได้ ถ้าพวกเราไม่ได้อะไรก็อย่าหวังว่านายจะได้เหมือนกัน"
หานเซิ่นรู้ว่าตอนที่สู้กัน นิ้วโป้งยังไม่ได้ใช้ฝีมือเต็มที่ เพราะเขาไม่อยากจะฆ่าดอลลาร์ เนื่องจากพวกเขาไม่เคยมีความแค้นต่อกัน เขาเพียงแค่ต้องการส่วนลดที่เซินเทียนจื่อมอบให้ และมันจะไม่คุ้ม ถ้าเขาต้องมาเสี่ยงชีวิตขนาดนี้
"ลงมาบนพื้น พวกเราสู้กับมันบนอากาศไม่ไหวหรอก" หานเซิ่นตะโกน
เซินเทียนจื่อและคนอื่นๆรู้ว่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิเร็วกว่าพวกเขามากถ้าอยู่บนอากาศ ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นด้วยกับหานเซิ่น และบินลงไปข้างล่าง
นิ้วโป้งเป็นคนสุดท้ายที่ตามลงไป เขาใช้วิญญาณอสูรสำหรับเปลี่ยนร่างระดับเลือดศักดิ์สิทธิ และโล่ระดับเลือดศักดิ์สิทธิ เพื่อป้องกันการโจมตีของมอนสเตอร์
ในที่สุดพวกเขาทั้ง 4 คนก็ลงมาบนพื้นได้สำเร็จ พวกเขาใช้วิญญาณอสูรสำหรับเปลี่ยนร่าง และเริ่มโจมตีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิทันที
หานเซิ่นรู้ถึงความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิตัวนี้แล้ว ลำพังตัวคนเดียว เขาไม่สามารถฆ่ามันได้ โอกาสเดียวที่จะทำสำเร็จคือต้องร่วมมือกัน
พวกเขาต้องฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิให้ได้ก่อนที่เวลาเปลี่ยนร่างของพวกเขาจะหมดลง ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่มีโอกาสเอาชนะมันได้เลย
ตอนนี้นิ้วโป้งเปลี่ยนร่างเป็นหมียักษ์ เขากำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์อยู่แนวหน้า โล่เลือดศักดิ์สิทธิของเขาถูกทำให้เป็นรอยลึกด้วยดาบเพชรของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ
เซินเทียนจื่อเปลี่ยนร่างเป็นสิงโตขนาดใหญ่ หวงฟูผิงชิงไม่ได้เปลี่ยนร่าง แต่เธอคอยยิงธนูช่วยจากระยะไกล เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิให้น้อยลง ถ้าไม่ใช่วิญญาณอสูรประเภทเปลี่ยนร่างที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ เธอจะไม่สามารถยิงธนูได้
แม้ว่าพวกเขาทั้ง 4 คนจะช่วยกันโจมตีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทำความเสียหายอะไรให้มันได้มาก
หานเซิ่นเจอโอกาสเหมาะๆหลายครั้งแล้ว แต่มีดระดับกลายพันธ์ของเขาไม่สามารถแทงเข้าไปในเกราะของมันได้
'บ้าเอ้ย ถ้าไม่มีอาวุธเลือดศักดิ์สิทธิ เราก็ทำอะไรมันไม่ได้เลย' หานเซิ่นรู้สึกสิ้นหวัง ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคืออาวุธเลือดศักดิ์สิทธิ น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ซื้อฉมวกเลือดศักดิ์สิทธิมา ไม่งั้นเขาก็น่าจะพอทำอะไรมันได้บ้าง
"มาเปลี่ยนกันหน่อย เวลาเปลี่ยนร่างของฉันใกล้หมดแล้ว คงต้านได้อีกไม่นาน" นิ้วโป้งตะโกน ขณะที่เขากำลังใช้โล่ป้องกันการโจมตีของมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิ
การโจมตีส่วนมากของมอนสเตอร์ถูกนิ้วโป้งป้องกันไว้ได้ ถ้าโล่ของเขาไม่ใช่ระดับเลือดศักดิ์สิทธิ คงจะพังไปตั้งนานแล้ว
เซินเทียนจื่อรู้สึกเสียใจที่ให้หลัวเทียนหยางยืมวิญญาณอสูรวานรเลือดศักดิ์สิทธิ ซึ่งถูกดอลลาร์ทำลายไปแล้ว ถ้ามีมันเขาคงจะทำได้ดีกว่านี้
ด้วยวิญญาณอสูรสิงโต เขาไม่สามารถใช้อาวุธได้ขณะเปลี่ยนร่าง ทำให้เขาไม่สามารถใช้ความสามารถได้อย่างเต็มที่
พวกเขาทั้ง 3 คนสามารถเปลี่ยนร่างได้เกือบๆ 2 ชั่วโมง แต่เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ยังไม่สามารถทำความเสียหายให้กับมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิได้
"พวกเราสู้แบบนี้ต่อไปไม่ได้ ใครก็ได้ให้ฉันยืมอาวุธเลือดศักดิ์สิทธิหน่อย"
หานเซิ่นเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้วจึงขอยืมอาวุธจากคนอื่น ถ้าเขาไม่มีอาวุธเลือดศักดิ์สิทธิ เขาจะไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บได้เลย สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือก่อกวนมันไปเรื่อยๆ และเวลาในการเปลี่ยนร่างของเขาก็ใกล้จะหมดแล้ว
แต่ไม่มีใครตอบสนองคำขอของเขา มันเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไปที่จะให้หานเซิ่นยืมวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ ใครจะรับประกันได้ว่าหลังจากที่เขาได้ไปแล้ว เขาจะไม่วิ่งหนีไปพร้อมกับวิญญาณอสูร?
ต่อให้เขาไม่วิ่งหนีไป ก็คงไม่มีใครอยากให้เขาเป็นคนฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอยู่ดี
"เนื่องจากพวกเราเอาชนะมันไม่ได้ งั้นฉันไปก่อนละ"
ในตอนที่เวลาเปลี่ยนร่างของเขาใกล้หมด หานเซิ่นตัดสินใจหนีออกจากเกาะลึกลับทันที
เมื่อพวกเขาเห็นหานเซิ่นหนีไป พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก แค่พวกเขา 3 คนไม่มีทางเอาชนะมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิได้ พวกเขาให้นิ้วโป้งถ่วงเวลามอนสเตอร์ไว้ และหนีออกจากเกาะไปเช่นกัน
โดยปรกติแล้วมอนสเตอร์ที่เฝ้าเกาะจะไม่ออกมาจากเกาะ พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่ามันจะตามมาไล่ฆ่า หลังจากที่พวกเขาออกไปแล้ว มันก็กลับไปที่อยู่ภูเขาลูกเดิม
แผนการล่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง หลังจากปรึกษากัน พวกเขาทั้ง 3 ก็ตัดสินใจกลับเมืองก่อน ยังไงพวกเขาก็ไม่เชื่อว่าดอลลาร์จะกล้าไปสู้กับมันคนเดียวอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแย่งฆ่ามันก่อน
'ยิ่งมันแข็งแกร่งมากเท่าไรก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะวิญญาณอสูรของมันต้องทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น' ในยามค่ำคืน หานเซิ่นแอบกลับไปที่เกาะลึกลับคนเดียว
เขาต้องการฆ่ามันให้ได้ ไม่งั้นดาบของชูร่า และอาวุธกลายพันธ์อีก 2 ชิ้นจะต้องถูกทำลายอย่างสูญเปล่า
จริงๆแล้วเขามีอาวุธเลือดศักดิ์สิทธิอยู่ แต่เป็นแบบใช้ได้ครั้งเดียว มันคือบูมเมอร์แรงของโกสบัตเตอร์ฟรายเลือดศักดิ์สิทธิ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเขาก็ไม่อยากใช้มัน