TXV – 150 หนอนบ่อนไส้ !
TXV – 150 หนอนบ่อนไส้ !
หลีเหวินและติงหยุนได้ทำตามข้อตกลงเรียบร้อย วันต่อมาเขาสองคนไปเซ็นสัญญาสินค้าและข้อตกลงทางการตลาด ก่อนหน้านั้นไม่นานพวกเขาต่างโทรศัพท์หาเซี่ยเหล่ยเพื่อทักทายตามประสาเพื่อน
หลีเหวินและติงหยุนได้ลงทุนกับอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าไปคนละ 30% ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เซี่ยเหล่ยไม่จำเป็นต้องไปจัดการกับ 40% ที่เหลือ ฝ่ายจัดจำหน่ายของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าจะจัดการเอง ดังนั้นอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าได้เปิดช่องทางการตลาด แล้วยังพัฒนาต่อไปอีกขั้นหนึ่ง เซี่ยเหล่ยก็จะได้ทุ่มเทพลังงานทั้งหมดเพื่อจัดการเรื่องเครื่องจักรอัจฉริยะ
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าห้องเวิร์คช็อปส่วนตัวและเจียงหยูหยี่พิมพ์ข้อความส่งมา
โดยเนื้อหาเขียนว่า ‘อย่าสนใจเรื่องฉัน อย่าสนใจเรื่องฉัน อย่าสนใจเรื่องฉัน ‘ เขียนยาวไปเรื่อยๆ
ทั้งหน้าจอโทรศัพท์มีแต่คำว่า ‘อย่าสนใจเรื่องฉัน เซี่ยเหล่ยอ่านต่อแล้วเจอที่เขียนว่า ป้าคุณมาหรือเปล่า ไม่ต้องสนใจเรื่องฉันนะ ฉันไม่มีเหตุผลเลย ฉันเป็นคนสนใจเรื่องคุณใช่ไหม ?’
เจียงหยูหยี่ส่งข้อความมาอีกว่า คุณกับหลางซื่อเหยาไปนอนเถอะ อย่าใส่ใจเรื่องฉันเลย’
เซี่ยเหล่ยตกใจกับข้อความ นี่เธอรู้ด้วยหรอ.....
เจียงหยู่หยี่ส่งข้อความที่สามมาว่า ‘เธอเป็นศิษย์พี่ของคุณแล้วเวลาไปนอนด้วยกัน.......... คุณช่างไร้เหตุผล คุณมันน่ารังเกียจ’
เซี่ยเหล่ยคิดอะไรไม่ออกจึงพิมพ์แค่ ‘......’ กลับไป
เจียงหยูหยี่พิมพ์ตอบกลับมา ‘นี่คุณรู้ใช่ไหม’
เซี่ยเหล่ยพิมพ์ไปว่า ‘รู้สิ มันไม่ใช่แบบที่คุณคิด เมื่อคืนผมกับลูกค้าคุยงานกัน ผมเมาแล้วเธอจึงเป็นคนไปส่งผม’
เจียงหยูหยี่พิมพ์มาอีกว่า “บ่ายนี้ ไปซื้ออาหารให้หน่อย ในตู้เย็นไม่มีอะไรเลย แล้วก็ซื้อครีมอาบน้ำกับผ้าอนามัยมาด้วย !”
เจียงหยูหยี่พิมพ์กลับมาว่า ‘ฮ่าๆ แม่ตัวร้ายหลอกฉันสินะ’
เซี่ยเหล่ยพิมพ์ตอบว่าประสาทหรือไงผมทำงานแล้วก็แค่คุยๆกัน
เซี่ยเหล่ยนิ่งไม่ได้พิมพ์อะไรตอบ ทันใดนั้นเธอเดินมาพอดีแต่ประเด็นคือเขาจะต้องไปซื้อผ้าอนามัยให้เธอใช่ไหม มันควรเป็นเรื่องของเธอนะ
เซี่ยเหล่ยฝืนยิ้มให้กับเจียงหยู่หยี่โดยคิดหาทางออกไม่ได้เลย เซี่ยเหล่ยลืมไปเลยว่าเขาต้องโฟกัสกับเรื่องเครื่องจักรอัจฉริยะ
ในขณะเดียวกันที่สำนักงานใหญ่ของบูรพาอุตสาหกรรม
“ประธานหนิง” สือจิงชิววางรายงานบนโต๊ะของหนิงเหยี่ยซาน แล้วเขาทำหน้ามีความลับก่อนพูดว่า “เรื่องนี้...คงต้องหาหนทางอื่นจัดการ”
หนิงเหยี่ยซานเปิดรายงานอ่านแล้วขมวดคิ้ว “เด็กเมื่อวานซืนนี่ มันเก่งขนาดนี้เชียวหรือ ผมให้คุณไปแย่งลูกค้ามันมา มันเก่งกว่าที่เราเห็น ไม่ช้าก็เร็วมันจะแย่งลูกค้าเราไปจนหมด”
สือจิงชิวพูดตอบว่า “คนที่ช่วยมันคือชางเซ็นเป็นเพลย์บอยในห่ายจู คนนี้มันถนัดการลงทุน โดยเฉพาะการร่วมลงทุน”
“ผมรู้จักเขาและพ่อของเขาชางฉือหลงซึ่งเป็นเพื่อนที่โชกโชน แต่ชางเซ็นอ่อนหัด ไม่ต้องคิดก็รู้กันหมด เขาควรรู้ว่าผมไม่ต้องการไปช่วยให้อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเติบโตไปอีก แล้วทำไมถึงจะช่วยเซี่ยเหล่ย ไม่มีเหตุผลเลย” หนิงเหยี่ยซานรู้สึกไม่สบายใจ การที่ชางเซ็นทำแบบนี้ไม่เป็นการไว้หน้าเขาบ้างเลย
สือจิงชิวพูดต่ออีกว่า “ประธานหนิง หรือจะให้พ่อของชางเซ็นโทรไปเตือนลูกดีไหม”
หนิงเหยี่ยซานส่ายหัวช้าๆแล้วพูดว่า “เด็กนี่จะฟังพ่อมันหรือ ถึงผมจะเป็นเพื่อนกับชางซือหลง ก็ไม่อาจไปเทียบกับความสันพันธ์พ่อลูกได้หรอก หากผมโทรไปหาเขาแล้วถูกปฏิเสธ แล้วจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“ประธานหนิงพูดถูก งั้นเราควรทำอย่างไรดี ?”
“ทำ?” หนิงเหยี่ยซานมองหน้าสือจิงชิวแล้วพูดว่า “ผลิตภัณฑ์ของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าขายดีที่จิงดง แล้วคุณจะทำให้จิงดงเลิกขายงั้นหรอ ?
สือจิงชิวยิ้ม “ทำไม่ได้ค่ะ !”
“ไปทำงานไป หยุดเรื่องนี้ไว้ก่อน !” หนิงเหยี่ยซานถอนหาบใจ เขาจะพ่ายแพ้ต่อบริษัทเล็กๆ มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์……
สือจิงชิวเดินไปได้สองก้าวก็หันกลับมาด้วยสีหน้าลังเล
หนิงเหยี่ยซานเดินเข้าไปหาเธอ “ยังมีเรื่องอะไรอีก ?”
สือจิงชิวพูดขึ้นว่า “ประธานหนิง ผู้บุญธรรมของฉันมีความคิดสร้างสรรค์มาก เขาต้องการช่างระดับสูงสองคนและก็ห้องเวิร์คช็อปควบคุมโปรแกรมเชิงตัวเลข คุณอนุมัติไหม ?”
หนิงเหยี่ยซานพูดอย่างไม่พอใจว่า “ตอนนี้บริษัทเรากำลังทำงานล่วงเวลาตามคำสั่งของบริษัทเหวี้ยนเทียน การค้นคว้าของพ่อบุญธรรมคุณมันมีจุดสำคัญอะไรหรอ ไว้ค่อยเริ่มมันทีหลังดีกว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดี”
สือจิงชิวทำหน้ายิ้มประจบประแจงเต็มที่ “ประธานหนิง คุณก็ทราบดีว่าพ่อบุญธรรมฉันนิสัยเป็นอย่างไร หากฉันไม่ช่วยพูดให้เขา เขาคงอารมณ์ดสียใส่ฉันแน่ๆ”
“ไม่ดีเลย” หนิงเหยี่ยซานพูดต่อว่า “โปรแกรมควบคุมเชิงตัวเลขในห้องเวิร์คช็อปนั้นใช้สำหรับการสร้างอุปกรณ์ทางทหาร แม้อาจจะไม่แม่นยำมาก แต่ส่วนใหญ่ก็ออกมาประสิทธิภาพดี เมื่อเครื่องจักรเหล่านี้ไม่ได้ใช้งานก็ต้องถูกเก็บบำรุงรักษา”
“แต่เราก็ไม่ได้ใช้ทั้งหมด หากท่านจะลองพิจารณาดู”
“ไม่ได้ ไม่ได้ !” หนิงเหยี่ยซานยืนกรานไม่อนุมัติ
สือจิงชิวพูดเบาๆว่า “ประธานหนิง ตอนนี้ผู้คนก็เปรียบเทียบเรากับที่อื่นๆ หลายคนชอบทางฝั่งอเมริกาและยุโรปมากกว่า แล้วถ้าเรามีเครื่องจักรอัจฉริยะที่ล้ำอยู่ในมือล่ะ !”
“เธอเปรียบเทียบทางฝั่งยุโรปและอเมริกากับเครื่องจักรอัจฉริยะหรอ ?” หนิงเหยี่ยซานทำหน้าประหลาดใจก่อนยิ้มให้เธอ “พูดอะไรของคุณ พวกเขาไม่อยากจะขายอุปกรณ์ให้กับเรา แล้วจะขายเครื่องจักรอัจฉริยะนี่นะ คุณกำลังเล่นตลกอยู่หรอ ?”
“ก็ผลิตมันไปขายไง” สือจิงชิวพูด
“คุณพูดให้ชัดเจนซิ ว่าจะขายอะไร” หนิงเหยี่ยนซานเริ่มทำหน้ารำคาญ
“ฉันได้ความลับของเครื่องจักรอัจฉริยะมา จ่ายมาด้วยราคาแพง...” สือจิงชิวไม่กล้าเล่าต่อ
หนิงเหยี่ยซานจ้องมองไปที่ใบหน้าของเธอ “พูดออกมาอีกครั้ง !”
“เครื่องจักรอัจฉริยะจะถูกผลิตอย่างรวดเร็ว คุณจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนสร้าง” สือจิงชิวพยายามพูดเกลี้ยกล่อม
“คุณอยากให้ผมตอบว่าใช่หรือว่าไม่ล่ะ” หนิงเหยี่ยซานพูดดูเชิง
สือจิงชิวพูดไม่ออกได้แต่ยืนนิ่งๆ
หนิงเหยี่ยซานทำเหมือนว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่เธอต้องการ เขาหยิบสมุดโน๊ตขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างพร้อมเซ็นชื่อกำกับ
“ขอบคุณค่ะ ประธานหนิง” สือจิงชิวหยิบกระดาษมาด้วยความดีใจ
“คุณก็พูดได้แล้วว่าคุณฉลาดทางธุรกิจ....” หนิงเหยี่ยซานพูดติดตลก
สือจิงชิวมองประตูสำนักงานแล้วทำหน้าลึกลับ เธอเผยว่า “เซี่ยเหล่ยกำลังสร้างเครื่องจักรอัจฉริยะ”
หนิงเหยี่ยซานตกใจมาก เขาพูดอุทานว่า “เป็นไปไม่ได้”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ เขาสามารถจัดการกับเครื่องจักรอื่นๆให้เรียบร้อยได้ แล้วทำไมเขาจะสร้างเครื่องจักรอัจฉริยะไม่ได้ล่ะ” สือจิงชิวตอบ
“การสร้างเครื่องจักรอัจฉริยะต้องใช้ความแม่นยำสูง ซึ่งต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในหลายด้าน โดยเฉพาะวิศวกรรมไฟฟ้า เด็กมัธยมอย่างมันเป็นคนสร้างเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ”
“มันเป็นกระบวนการพิเศษที่ฉันก็ไม่รู้ ฉันรู้แค่ว่าเขาสร้างมันในห้องเวิร์คช็อปส่วนตัว”
หนิงเหยี่ยซานจ้องตาใส่สือจิงชิว “คุณรู้ได้ไง ?”
สือจิงชิงยิ้มให้แล้วตอบว่า “เซี่ยเหล่ยรู้จักกับพนักงานวัยรุ่น ฉันรู้จักอยู่คนนึง เขาสังเกตเซี่ยเหล่ยทุกวัน เวลาเซี่ยเหล่ยทำอะไรฉันจะรู้หมด ไม่งั้นฉันไม่กล้ารายงานให้คุณฟังหรอก”
“คุณนี่มีความสามารถจริงๆ” หนิงเหยี่ยซานถามต่อว่า “คุณได้ถ่ายรูปมาไหม ผมอยากรู้ว่ามันมีหน้าตาเป็นอย่างไร”
สือจิงชิงส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่มีหรอก เขาปิดประตูตลอด คนของฉันได้แอบดูประมาณสองครั้ง ตอนเดินผ่านเซี่ยเหล่ยที่กำลังเดินเข้าห้องและตอนที่เขายืนคุยกับหลางซือเหยาในห้อง”
หนิงเหยี่ยซานทำหน้าเสียดายมาก สือจิงชิวเล่าต่อว่า “บางทีเซี่ยเหล่ยก็ชอบหายไปไหนก็ไม่รู้ แต่คิดว่าต้องเกี่ยวกับเรื่องเครื่องจักรอัจฉริยะแน่นอน”
หนิงเหยี่ยซานพูดเบาๆว่า “ตอนนี้อย่าพูดเรื่องนี้กับใครนะ แล้วไปหาภาพมายืนยันให้ได้ หากคุณหาพิมพ์เขียวและโปรแกรมเลขควบคุมตัวเลขได้ ผมจะให้โบนัส 1ล้านหยวน”
สือจิงชิวยิ้มอย่างมีความสุขให้กับสิ่งที่เธอเพิ่งฟังไป
หนิงเหยี่ยซานต่อรองว่า “งั้นผมจะเลื่อนขั้นคุณเป็นผู้จัดการ แล้วตบเงินให้คุณ 5ล้านหยวน”
“ได้เลยค่ะ ประธานหนิง” สือจิงชิวพูดอย่างมั่นใจ
“ไปเถอะๆ อย่าลืมเรื่องนี้ล่ะ” หนิงเหยี่ยซานพูดทิ้งท้าย
“รับทราบค่ะ ประธานหนิง ขอตัวนะคะ” สือจิงชิวเดินออกไป
จากนั้นเธอเดินไปที่ห้องเวิร์คชอปทันที โดยมีชายวัยกลางคนเดินตามอยู่
ชายคนนี้ได้สะกอดรอยตามเซี่ยเหลี่ยมาสักพักแล้ว.....
“จัดการหรือยัง” ชายคนนี้ถามสือจิงชิว
เธอยิ้มอย่างร่าเริงแล้วตอบว่า “ฉีนไปจัดการมาเรียบร้อย ฉันได้รับอนุญาติให้เข้าห้องเวิร์คช็อป และมีสิทธิ์เคลื่อนย้ายช่างระดับสูงมา 2 คน พวกเขาจะผลิตสิ่งที่คุณต้องการ แล้วฉันจะใช้ให้พวกเขาทำงานล่วงเวลาเพื่อคุณ เเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้ !”
“อืม หลังจากทำตรงนี้เสร็จ ผมจะจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้” ชายวัยกลางคนพูดด้วยเสียงต่ำและทุ้มมาก
“ไม่มีปัญหา” สือจิงชิวถามต่อว่า “แต่ถามหน่อยได้ไหมว่าคุณจะนำชิ้นส่วนพวกนี้ไปทำอะไร เห็นคุณจ่ายเงินไปจำนวนมาก”
เขาตอบว่า “ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก ผมให้เงินคุณ คุณทำงานไปก็พอแล้ว”
“ฮ่าๆ งั้นถือว่าฉันไม่ได้พูดอะไรไปแล้วกัน” สือจิงชิวไม่ถามอะไรต่อ
ติดตามตอนต่อไป...........