เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 165 มัจจุราชสีเลือด
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 165 มัจจุราชสีเลือด
ในห้องโถงบรรพชน เงียบสงัด ผู้นำตระกูลและกลุ่มผู้อาวุโสก้มศีรษะจรดพื้นอยู่ที่เดิมราวกับประติมากรรมหินด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
หลังจากผู้ใช้วิญญาณตาย วิญญาณที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังจะยังมีเจตจำนงของเจ้านายเก่าอยู่ในร่างกาย พวกมันไม่ถูกพิจารณาว่าเป็นวิญญาณป่าที่อยู่ในธรรมชาติและสูญเสียความสามารถในการดูดซับพลังงานธรรมชาติไปอย่างสมบูรณ์
อย่างไรก็ตามหัวใจของผู้อาวุโสทุกคนต่างเต็มไปด้วยความกังวล
ผู้นำตระกูลรุ่นแรกตายไปมากกว่าหลายร้อยปี แล้ววิธีการที่เขาทิ้งไว้ยังจะสามารถใช้ได้อีกหรือไม่? ไม่มีผู้ใดรู้
หลังจากทั้งหมดวิกฤตครั้งล่าสุดของตระกูล มันผ่านมาแล้วสองร้อยปี
"เหตุใดพวกเขาจึงล่าถอย?" บนเนินเขา ฟางหยวนเริ่มสงสัยเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
ในชีวิตก่อนหน้า ระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำเกินไปทำให้เขาไม่สามารถเข้าถึงความลับของตระกูล
ทันใดนั้นร่างกายของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้นอย่างกะทันหันเมื่อมองเห็นฝูงวิญญาณบางชนิดบินลงมาจากท้องฟ้า
"นี่คือ..." ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ
ฝูงวิญญาณนับร้อยราวกับเมฆหมอกสีแดงบินลงมายังลานกว้างของหมู่บ้าน
"หวี่...หวี่...หวี่..."
เสียงดังเข้าไปในห้องโถงบรรพชน นี่ทำให้กลุ่มผู้อาวุโสเงยศีรษะขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม
"ขอบคุณบรรพชน ขอบพระคุณบรรพชน" หัวใจของอวี๋โป้รู้สึกผ่อนคลายและเร่งทำความเคารพป้ายวิญญาณ
"ออกไปดู" ผู้นำตระกูลถอนหายใจ ใบหน้าของเขาเวลานี้เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งดีใจและเศร้าโศกผสมกันไป
ออกมาจากห้องโถงบรรพชน ยืนอยู่บนบันไดด้านหน้า พวกเขามองไปยังลานกว้างและเห็นพายุสีแดงกำลังอาละวาด
วิญญาณเหล่านี้มีขนาดเท่ากับปลายนิ้วก้อยเท่านั้น พวกมันมีรูปร่างเหมือนตั๊กแตนสีแดงตัวเล็กตัวน้อย
พวกมันบินเข้าไปในร่างกายของผู้ใช้วิญญาณที่นั่งอยู่ในลานกว้างก่อนจะดูดเลือดและพลังวิญญาณของพวกเขา ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ ตั๊กแตงตัวหนึ่งจะแยกออกเป็นหลายตัว
นี่ทำให้ฝูงตั๊กแตนเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั๊กแตนที่เกิดใหม่บินเข้าไปในร่างของผู้ใช้วิญญาณก่อนจะเพิ่มจำนวนขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง
เสียงกรีดร้องจากผู้ใช้วิญญาณดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถหลบหนีไปจากมัจจุราชเหล่านี้
ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ พวกเขาได้รับการบอกกล่าวจากผู้นำตระกูลล่วงหน้าแล้ว แต่เพื่อความอยู่รอดของตระกูล พวกเขาเต็มใจที่จะเสียสละตนเองเพื่อเป็นอาหารของวิญญาณกลุ่มนี้
"พวกเขาเป็นวีรบุรุษของตระกูลอย่างแท้จริง!" อวี๋โป้กล่าวเสียงต่ำ มือของเขาสั่นเล็กน้อยขณะที่จับราวบันไดเอาไว้
ผู้อาวุโสคนอื่นๆแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
สถานการณ์นี้เหมือนเรื่องราวที่ถูกบันทึกเอาไว้ บรรพชนของพวกเขาทิ้งวิญญาณเหล่านี้ไว้ให้กับลูกหลาน ในเวลาสำคัญ พวกมันจะออกมากัดกินผู้ใช้วิญญาณเป็นอาหาร กระทั่งพวกมันรู้สึกพอใจ พวกมันก็จะให้ความช่วยเหลือและปกป้องตระกูล
หลังจากวิญญาณเหล่านี้เติมเต็มความพึงพอใจ พวกมันจึงบินออกมาจากร่างของผู้ใช้วิญญาณ เพียงไม่นานจำนวนของพวกมันก็เพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า
สิ่งที่เหลืออยู่กลางลานกว้างมีเพียงกองซากศพเหี่ยวแห้งที่มีเพียงหนังหุ้มกระดูกเท่านั้น
เป็นจังหวะนี้ที่ฝูงเมฆหมอกสีแดงบินออกไปนอกหมู่บ้าน
'มันเป็นวิญญาณมัจจุราชสีเลือดจริงๆ' ฟางหยวนที่ยืนอยู่บนเนินเขาเห็นทุกสิ่งและคิดอยู่ในใจ
วิญญาณมัจจุราชสีเลือดเป็นวิญญาณระดับห้า วิธีการใช้งานและอาหารของมันถูกหลอมรวมเป็นหนึ่ง มันถือเป็นวิญญาณที่แตกต่างไปจากวิญญาณทั่วไป
พวกมันจะดูดเลือดและพลังวิญญาณของผู้ใช้วิญญาณ หลังจากงานเลี้ยงฉลอง พวกมันจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
หากพวกมันหิวและไม่สามารถหาอาหาร พวกมันจะกัดกินกันเองเพื่อลดภาระ
แต่เมื่อถึงจุดสูงสุด มัจจุราชสีเลือดจะกระทั่งกลืนกินท้องฟ้าและสามารถทำลายทุกสิ่งบนเส้นทางได้ในพริบตา พวกมันยังถือว่าน่าหวาดกลัวกว่าวิญญาณระดับหกหลายชนิด พวกมันจะอ่อนแอ หากพวกมันอยู่เพียงลำพัง พวกมันแทบจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณระดับสาม แต่พวกมันจะกลายเป็นภัยพิบัติเมื่อได้รวมตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันกลายเป็นวิญญาณระดับหก เทพปีศาจกระหายเลือด มันถูกพิจารณาว่าเป็นอันดับเจ็ดในสิบสุดยอดวิญญาณปีศาจของโลกใบนี้
ในชีวิตก่อนหน้า เมื่อฟางหยวนก่อตั้งนิกายปีศาจกระหายเลือด เขาต้องการหลอมสร้างวิญญาณเทพปีศาจกระหายเลือด ไม่ใช่วิญญาณกาลเวลา แต่เป็นเพราะสถานการณ์และเหตุผลบางอย่างบังคับให้เขาต้องหลอมรวมวิญญาณกาลเวลาแทนที่มัน
ฝูงมัจจุราชสีเลือดนับหมื่นราวกับพายุพัดเข้าสู่สนามรบ ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน เสียงกรีดร้องของหมาป่าจะดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ เลือดในร่างหมาป่าก็ถูกดูดออกไปอย่างสมบูรณ์ แต่เลือดของสัตว์ป่าไม่ทำให้มัจจุราชสีเลือดเพิ่มจำนวนขึ้น มีเพียงเลือดของผู้ใช้วิญญาณที่ประกอบไปด้วยพลังวิญญาณเท่านั้นจึงจะส่งผลกระทบกับพวกมัน
ฝูงหมาป่าสายฟ้ากลายเป็นซากศพเหี่ยวแห้งอยู่บนพื้นทีละตัวทีละตัว
มีเพียงหมาป่าสายฟ้าเดือดและหมาป่าสายฟ้าคลั่งที่พอจะต้านทานฝูงวิญญาณเหล่านี้ได้บ้าง
อย่างไรก็ตามพวกมันก็ทำได้เพียงปลดปล่อยสายฟ้าออกมาทำลายตั๊กแตนไม่กี่ตัวก่อนที่ตั๊กแตนฝูงใหญ่จะรุมกินโต๊ะพวกมันและเปลี่ยนให้พวกมันกลายเป็นซากศพเหี่ยวแห้งไปในที่สุด
"อะวู้..."
เห็นฝูงของมันถูกกัดกินอย่างต่อเนื่อง ราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าจึงส่งเสียงเห่าหอนออกมาด้วยความโกรธ
ขณะเดียวกันฝูงตั๊กแตกสีเลือดก็เริ่มรวมตัวกันก่อนจะพุ่งเข้ากลืนกินร่างกายของราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้า
หางของราชาหมาป่ากวัดแกว่งไปรอบๆพร้อมกับปลดปล่อยสายฟ้าออกมาเผาผลาญตั๊กแตนหลายร้อยตัวทำให้เกิดเสียงระเบิดขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
สายลมกรรโชกมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นไหม้
มัจจุราชสีเลือดเป็นวิญญาณระดับห้า แต่ปราศจากเจ้านาย พวกมันก็ทำได้เพียงโจมตีอย่างตรงไปตรงมาเท่านั้น ด้านราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้า มันมีวิญญาณระดับสี่อยู่ในร่าง วิญญาณบางดวงก็สามารถโจมตีในวงกว้างทำให้มันสามารถตอบโต้ฝูงตั๊กแตนสีเลือด
อย่างไรก็ตามด้วยร่างกายที่ใหญ่โต มันกลายเป็นจุดอ่อน ขณะที่มัจจุราชสีเลือดมีร่างกายเท่ากับปลายนิ้วก้อย นี่ทำให้พวกมันได้เปรียบ
หลังจากการต่อสู้ที่รุนแรง ตั๊กแตนสีเลือดบางตัวสามารถทะลวงการป้องกันเข้าไปในร่างของราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าและเริ่มดูดเลือด
โดยไม่มีทางเลือก ราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าต้องปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไปเผาผลาญพวกมันที่อยู่ในร่างกายของตนเองเท่านั้น
แต่ด้วยวิธีการนี้ ตัวมันเองจึงถูกเผาไหม้เช่นกัน
การโจมตีของฝูงหมาป่าหยุดลง
ภายใต้คำสั่งของราชา ฝูงหมาป่าสายฟ้าทิ้งหมู่บ้านและหันไปโจมตีฝูงตั๊กแตนสีเลือด
กล่าวได้ว่าเวลานี้กลุ่มผู้ใช้วิญญาณสามารถหลบหนีจากความตาย บางคนต้องกลั้นหายใจขณะที่เฝ้ามองการต่อสู้ครั้งใหญ่ด้วยความกังวล
ฝูงตั๊กแตนราวกับโรคระบาดแห่งความตาย หมาป่าสายฟ้าหลายตัวพุ่งเข้าโจมตีพวกมันแต่กลับถูกเปลี่ยนเป็นซากศพเหี่ยวแห้งไปในพริบตา
อย่างไรก็ตามการเสียสละของฝูงหมาป่าสายฟ้ายังทำให้ฝูงแมลงได้รับความเสียหายร้ายแรง
จำนวนตั๊กแตนลดลงอย่างเห็นได้ชัด หมอกทึบกลายเป็นหมอกบาง ไม่นานหลังจากนั้นมันจึงเปลี่ยนเป็นพายุขนาดเล็กบินอยู่กลางอากาศ
เมื่อการต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดนี้ ราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าเลือกใช้กลยุทธ์ล่าถอย มันส่งเสียงเห่าหอนขณะที่ออกวิ่งด้วยความเร็วสูง
เลือดในร่างของมันลดลงครึ่งหนึ่ง ตอนนี้ร่างกายของมันค่อนข้างอ่อนแอ ความเร็วของมันยังไม่แม้แต่จะถึงครึ่งจากก่อนหน้า
ในฐานะผู้นำฝูง เมื่อมันเริ่มหลบหนี หมาป่าสายฟ้าตัวอื่นจึงไม่มีความตั้งใจที่จะอยู่ต่อและวิ่งกระจัดกระจายกันออกไปทุกทิศทุกทาง
"ในที่สุดพวกเราก็ทำได้" ผู้ใช้วิญญาณที่เห็นเหตุการณ์นี้ทิ้งร่างลงไปนั่งกับพื้นและไม่มีความตั้งใจที่จะลุกขึ้นเร็วๆนี้
"ข้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ" การแสดงออกของพวกเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน
หลังจากทั้งหมด หลายคนถูกสังหาร
"หวี่...หวี่...หวี่..."
ฝูงตั๊กแตนสีเลือดบินวนอยู่เหนือหมู่บ้านชั่วขณะก่อนจะสลายตัวหายไปในหมู่่เมฆ
เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายด้วยความคิดอันหลากหลาย
ความพ่ายแพ้ของราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าหมายความว่าหมู่บ้านปลอดภัยแล้ว ในความเป็นจริงหมาป่าส่วนใหญ่ตายหรือได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นมันจึงเหลือหมาป่าสายฟ้าอยู่เพียงไม่มาก
ภัยพิบัติคลื่นหมาป่าครั้งนี้ถือว่าจบสิ้นแล้ว
อย่างไรก็ตามฝูงหมาป่ามีความแค้นฝังลึก ตราบเท่าที่ราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้ายังไม่ตาย มันจะกลับมาอีกครั้งในคราวหน้า หลังจากหลายปีผ่านไป มันจะกระทั่งแข็งแกร่งมากขึ้น
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เมื่อมันอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด การฆ่ามันเพื่อชิงวิญญาณกลับมาจะช่วยเติมเต็มความแข็งแกร่งของตระกูล
"เหยาซ่ง จี้หยาน อยู่ที่นี่ดูสถานการณ์ คนอื่นๆ ตามข้าไปกำจัดราชาหมาป่า!" อวี๋โป้ตะโกนออกคำสั่งผู้อาวุโสเจ็ดคนที่ยังเหลือรอดก่อนจะเริ่มออกไล่ล่าราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้า
ฟางหยวนชั่งน้ำหนักอยู่ในหัวใจ 'ความแข็งแกร่งของตระกูลลดลงมาก สถานการณ์เริ่มสงบ แต่วิญญาณมัจจุราชสีเลือดยังมีแหล่งที่มาที่น่าสงสัย มันจะดีกว่าหากข้าติดตามกลุ่มของอวี๋โป้ไปเพื่อตรวจสอบสถานการณ์'
เมื่อฟางหยวนคิดได้เช่นนี้ เขาจึงเริ่มเร้นกายและปีนลงจากเนินเขา
วิญญาณเกล็ดลี้ลับไม่สามารถใช้งานพร้อมกับวิญญาณปีกสายฟ้า เนื่องจากวิญญาณปีกสายฟ้าเป็นวิญญาณระดับสาม วิญญาณระดับสองเช่นวิญญาณเกล็ดลี้ลับจึงไม่สามารถซ่อนมันได้
ในทำนองเดียวกัน วิญญาณเกล็ดลี้ลับไม่สามารถหลบซ่อนจากสายตาของผู้ใช้วิญญาณระดับสามของตระกูลเช่นกัน
นี่ทำให้ฟางหยวนทำได้เพียงติดตามอยู่ห่างๆเท่านั้น
ช่วงเวลาที่ราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าบุกโจมตีหมู่บ้าน ฟางหยวนยังอยู่ในถ้ำลับและไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้ หากเขาปรากฏตัวออกไปตอนนี้ มันจะดึงดูดความโกรธของผู้นำตระกูลและกลุ่มผู้อาวุโส หากพวกเขาตั้งคำถาม ฟางหยวนจะไม่สามารถอธิบาย
อาการบาดเจ็บของราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้ารุนแรงมาก ดังนั้นมันจึงไม่สามารถวิ่งได้เร็วนัก หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง ฟางหยวนก็ได้ยินเสียงการต่อสู้อีกครั้ง
เขาหลบอยู่บนเนินเขาและลอบสังเกตการณ์
ราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้ายืนอยู่ด้วยร่างที่อาบย้อมไปด้วยเลือดขณะที่สูดหายใจถี่ ชัดเจนว่ามันกำลังจะตาย
"เจ้าแก่ตระกูลไป่ ไร้ยางอายนัก พวกเขากระทั่งมาที่นี่เพื่อฉกฉวยประโยชน์"
"ฮ่าฮ่าฮ่า อวี๋โป้ นั่นไม่ถูกต้อง ราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าตัวนี้ชัดเจนว่าถูกหยุดโดยพวกเรา"
อวี๋โป้กับผู้นำตระกูลไป่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่ที่นี่
ในรังหมาป่ามีหมาป่ามงกุฎสายฟ้าอยู่สามตัว แต่ละตัวมีฝูงอยู่นับหมื่น อย่างไรก็ตามพวกมันกลับไม่เคยให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
หมาป่ามงกุฎสายฟ้าแน่นอนว่ามีสติปัญญาสูงกว่าหมาป่าสายฟ้าทั่วไป พวกมันทั้งสามจึงแยกกันออกล่าเป้าหมายของตนเอง
ในสายตาพวกมัน มนุษย์เป็นเพียงสัตว์ป่าและเป็นเหยื่อ
ในความเข้าใจของพวกมัน ฝูงหมาป่าเป็นนักล่าชั้นบนสุด
บนภูเขาชิงเหมา ตระกูลแสงจันทร์ ตระกูลไป่ และตระกูลซ่งดำรงอยู่มานานหลายร้อยปี เป็นธรรมชาติที่พวกเขาจะมีไพ่ตายของตนเอง
ตระกูลซ่งเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด ตอนนี้พวกเขายังอยู่ในการต่อสู้กับฝูงหมาป่าอย่างยากลำบาก ความแข็งแกร่งของตระกูลไป่เพิ่มสูงขึ้นในหลายปีที่ผ่านมา พวกเขากระทั่งก้าวข้ามตระกูลแสงจันทร์ หลังจากสังหารราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าและบังคับให้ฝูงหมาป่าสายฟ้าล่าถอยกลับไป ผู้นำตระกูลไป่จึงนำกลุ่มผู้อาวุโสเดินทางมายังหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลเพื่อหาผลประโยชน์บางอย่าง
และนี่ก็คือโอกาสที่ดีที่สุดที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ดังนั้นพวกเขาจึงออกมาปิดกั้นเส้นทางของราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าที่ใกล้จะตายอยู่ที่นี่
ในร่างของราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้ามีวิญญาณสถิตอยู่หลายดวง บางดวงกระทั่งเป็นวิญญาณระดับสี่ นอกจากนั้นไม่ว่าจะเป็นเลือด กระดูก ดวงตา หรือขน พวกมันล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าที่สามารถใช้ในการหลอมรวมวิญญาณดังนั้นตระกูลแสงจันทร์จึงไม่ยินดีปล่อยมันไป
"ฮ่าฮ่าฮ่า ฟางหยวน เจ้ามาที่นี่จริงๆ ข้ารอเจ้ามานานแล้ว!"
บนเนินเขาที่สูงขึ้นไป เสียงหัวเราะสายหนึ่งดังขึ้นอย่างกะทันหัน
แต่เมื่อฟางหยวนเงยหน้า เขาสามารถมองเห็นเพียงชุดสีขาวที่กำลังทิ้งตัวลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับดาบน้ำแข็งที่ตรงมายังใบหน้าของเขาเท่านั้น