ตอนที่ 208 เกาะลึกลับ
ในยามค่ำคืน ใต้ต้นหลิวข้างทะเลสาบ มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังยืนอยู่ด้วยกัน
"หลับตาก่อนสิ"
"ทำไมผมต้องหลับด้วยล่ะ?"
"ได้โปรด"
"ไม่"
"ถ้านายไม่หลับตา ฉันจะไปแล้วนะ"
"งั้นเธอจะผิดคำพูดงั้นหรอ?"
"งั้นก็หลับตาสิ"
"ก็ได้"
"อย่าแอบมองนะ"
"โอเค โอเค"
เมื่อหานเซิ่นหลับตาลง จีเหยียนหรันที่กำลังหน้าแดงก็เขย่งเท้า และยื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าของหานเซิ่น
แต่ทว่าก่อนที่ริมผีปากสีชมพูของเธอจะสัมผัสกับริมผีปากของหานเซิ่น เธอก็เห็นเขาลืมตาอยู่และมองที่เธอพร้อมกับยิ้ม ด้วยความอายจีเหยียนหรันต้องการหันหลังหนี
แต่ครั้งนี้เธอก็หนีไม่รอดอีกตามเคย มือของหานเซิ่นจับไปเอวของเธอ จากนั้นเขาก็ประกบปากกับเธอทันที
"อืมม"
ในตอนที่หานเซิ่นกำลังมีความสุข คอมพกพาของเขาก็ดังขึ้นมาทันที
หานเซิ่นต้องการกดวางสาย แต่จีเหยียนหรันกดรับสายทันที ทันใดนั้นภาพโฮโลแกรมของผู้หญิงรูปร่างเซ็กซี่ในสภาพใส่ชุดชั้นในสีขาวก็ปรากฏขึ้นมา
"ขอโทษนะเซิ่น ดูเหมือนว่าฉันจะโทรไปขัดจังหวะนาย งั้นเดี๋ยวฉันวางสายก่อน" ผู้หญิงรูปร่างเซ็กซี่แสดงใบหน้ามืดมน และวางสายไป
"ไอ้บ้าเอ้ย..." จีเหยียนหรันเหยียบเท้าของหานเซิ่นอย่างแรง และหันหลังหนี
"ผมสามารถอธิบายได้นะ" หานเซิ่นตามจีเหยียนหรันไป
"ฉันไม่ต้องการฟัง" จีเหยียนหรันไม่ได้วิ่งหนีไปไหน แต่เธอหันหน้าหนีเขาเหมือนกับเด็กๆ
ขณะเดินตามจีเหยียนหรัน หานเซิ่นก็ตำหนิหวงฟูผิงชิงในใจ เขาเชื่อว่าเธอจงใจโทรมากลั่นแกล้งเขาแน่นอน
ในหอพัก หวงฟูผิงชิงกำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี แน่นอนว่าเธอตั้งใจทำแบบนั้น เธอข่าวมาจากใครบางคนว่าหานเซิ่นกับจีเหยียนหรันเดินไปที่ทะเลสาบ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงโทรไปขัดจังหวะเขาได้อย่างเหมาะเจาะ
"นายไม่มีทางหนีจากฉันไปได้" หวงฟูผิงชิงพูด ขณะอาบน้ำในอ่างอย่างมีความสุข
....
คู่ต่อสู้ในรอบต่อไปของเหยี่ยวดำก็เป็นทีมที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกัน ถึงหานเซิ่นกับโอวหยางเสี่ยวซานเอาชนะได้คนละรอบ แต่ก็ไม่พอที่จะทำให้ทีมผ่านเข้ารอบได้ เนื่องจากอีก 3 คนต่างก็แพ้ราบคาบ ระดับโดยรวมของทีมเหยี่ยวดำยังต่ำเกินไปที่จะหวังแชมป์
หานเซิ่นไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับมัน เขาทำเท่าที่ทำได้แล้ว ซึ่งผู้ชมจำนวนมากก็รู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมของการเปลี่ยนกฎกะทันหัน และพยายามจะประท้วง แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถทำอะไรได้
เนื่องจากเหยี่ยวดำและเซนท์แชร์กแมงต่างก็ตกรอบ และโรงเรียนทหารส่วนกลางก็ไม่ได้ส่งทีมเข้าแข่ง ทำให้ความนิยมของรายการลดลงไปทันที สปอนเซอร์จัดการแข่งขันรู้สึกแย่มาก
หลังจากที่เหยี่ยวดำตกรอบไป คนดูก็ประท้วงด้วยการไม่ดูรายการ ทำให้เรทติ่งตกต่ำถึงขีดสุด
แต่กระนั้น วิดีโอการแข่งของหานเซิ่นก็แพร่กระจายไปทั่วกาแล็กซี่ และชื่อไอดีจักรพรรดิก็ถูกนำไปใช้ในการเล่นมวยขาวและดำในเน็ตจำนวนมาก
หานเซิ่นไม่สนใจเกี่ยวกับมันมาก ถึงมวยขาวและดำจะช่วยในการฝึกตามหลักหยินหยาง และยังฝึกคาดเดาการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้ แต่กระนั้นหานเซิ่นก็ไม่ได้คิดจะจริงจังกับมัน เขาลงแข่งเพียงก็เพราะมีเพื่อนในโรงเรียนมาขอให้ช่วย เขาไม่ได้ต้องการเป็นนักกีฬาอาชีพ
หานเซิ่นไปร่วมงานประมูลที่หวงฟูผิงชิงพูดถึง แต่วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิทั้ง 2 ดวงก็ถูกประมูลไปในราคาสูงเสียดฟ้า หานเซิ่นไม่มีปัญญาจะแข่งกับพวกเขา
วิญญาณประเภทบิน ผู้ชนะการประมูลคือ หลินเป้ยเฟิงด้วยราคา 178 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ฉมวก 3 แฉกกับได้รับความนิยมสูงกว่า และคนที่ชนะการประมูลคือ เซินเทียนจื่อด้วยราคา 230 ล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้หานเซิ่นไม่อยากจะเชื่อ
แม้เขาจะขายSKTS บวกกับเงินเก็บที่เขามีทั้งหมดก็ยังมีเงินไม่พอซื้ออยู่ดี
ด้วยราคาที่บ้าระห่ำขนาดนี้ ทำให้หานเซิ่นต้องการขายวิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิสักดวงเหมือนกัน และเขาจะกลายเป็นเศรษฐี 100 ล้านทันที แต่กระนั้นด้วยจำนวนเงินแค่นี้ก็ยังไม่เพียงพอจะซื้อของแพงอย่างยานอวกาศได้ ซึ่งยังไม่สามารถเทียบกับพวกมหาเศรษฐีอย่างหลินเป้ยเฟิงและเซินเทียนจื่อได้
หลังจบการประมูล ขณะที่หานเซิ่นกำลังคิดอยู่ว่าจะล่ามอนสเตอร์ที่ไหนดี ท้องฟ้าก็กลายเป็นมืดทันที
"นี่มันตอนบ่ายนะ ทำไมอยู่ๆมืดแบบนี้? หรือว่าฝนจะตก?"
หานเซิ่นรู้สึกแปลกๆ เพราะก่อนหน้านี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งมาก
เมื่อเขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เขาก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็น ไม่มีเมฆสักก้อนอยู่บนท้องฟ้า แต่กลับมีเกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือสตีลอาเมอร์ และบดบังแสงอาทิตย์จนหมด ทำให้สตีลอาเมอร์และบริเวณโดนรอบตกอยู่ในเงามืด
"เกาะลึกลับ มันคือเกาะลึกลับ!" เสียงร้องของใครบางคน
หานเซิ่นเองก็จำมันได้ดี มันคือเกาะลึกลับ เขาเคยเห็นมันในเน็ตมาก่อน ซึ่งนี้ครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้เห็นของจริง
เกาะลึกลับคือเกาะลอยฟ้าที่จะปรากฏออกมาเป็นบางครั้ง เกาะลึกลับแต่ละเกาะจะมีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิคอยปกป้องดูแลอยู่ และจากคำบอกเล่าของผู้มีประสบการณ์ ถ้าใครสามารถฆ่ามอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิบนเกาะลึกลับได้จะได้รับวิญญาณอสูรแบบ 100%
ดังนั้นการที่มีเกาะลอยฟ้ามาปรากฏต่อหน้า ก็หมายความว่ามีโอกาสได้วิญญาณอสูรเลือดศักดิ์สิทธิ แต่กระนั้นมันก็ไม่ง่ายที่จะบินขึ้นไปบนเกราะลึกลับที่อยู่สูงขนาดนั้น
ไม่ว่าปีกระดับโบราณหรือกลายพันธ์ก็ไม่สามารถบินขึ้นสูงขนาดนั้น มีเพียงแค่ปีกเลือดศักดิ์สิทธิเท่านั้นที่สามารถบินขึ้นไปได้
หานเซิ่นรู้สึกระทึกใจขึ้นมาทันที สตีลอาเมอร์ไม่ค่อยมีมอนสเตอร์ประเภทบิน ทำให้ไม่ค่อยมีวิญญาณอสูรประเภทบินขาย และยิ่งไม่ต้องพูดถึงปีกระดับเลือดศักดิ์สิทธิ นอกจากมังกรปีกม่วงแล้วก็ไม่น่าจะมีตัวอื่นอีก
แต่วิญญาณประเภทบินอีกดวงที่อยู่ในสตีลอาเมอร์เพิ่งจะถูกประมูลไป และตอนนี้มันตกอยู่ในมือของหลินเป้ยเฟิง
หานเซิ่นรู้สึกขำ "หวงฟูผิงชิงคงต้องรู้สึกเสียใจแน่ ถ้าเธอรอนานกว่านี้หน่อย ราคาของปีกเลือดศักดิ์สิทธิจะต้องพุ่งกระฉูดแน่ และเซินเทียนจื่อเองก็ต้องหัวร้อนที่เลือกทุ่มประมูลฉมวก แทนที่จะทุ่มกับปีกเลือดศักดิ์สิทธิ"
หานเซิ่นรีบวิ่งออกไปหาที่ลับตาคน และเรียกเกราะด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิกับปีกของมังกรปีกม่วงออกมา จากนั้นเขาก็รีบบินขึ้นไปบนเกาะโดยไม่รอช้า
เมื่อเขาบินขึ้นมาบนอากาศ เขาก็เห็นจากระยะไกลว่ามีใครบางคนกำลังบินขึ้นมาจากอีกทางหนึ่ง
'หลินเป้ยเฟิงเร็วเหมือนกันแหะ' หานเซิ่นบินเข้าไปใกล้ๆเขา แต่เมื่อเข้าไปใกล้ เขาก็เห็นว่าคนๆนั้นไม่ใช่หลินเป้ยเฟิง แต่เป็นเซินเทียนจื่อ