ตอนที่ 205 คลื่นหยินหยาง
หานเซิ่นมองนาลานเฉิงนั่ว ซึ่งเขาดูน่าจะอายุมากกว่าหานเซิ่นประมาน 1-2 ปี เขารูปร่างหน้าตาดี แม้จะไม่ได้หล่อมากมาย แต่ก็ถือว่าดูดีเลยทีเดียว
ตาของนาลานเฉิงนั่วเหมือนกับน้ำที่สามารถสะท้อนได้ทุกอย่าง ลึกลงไปในม่านตาสีดำของเขาฉายแววแห่งสติปัญญาที่เหนือกว่าผู้อื่นออกมา
แค่ได้เห็น หานเซิ่นก็รู้ว่าคราวนี้เขาต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่หินจริงๆ
หานเซิ่นถนัดการลอบโจมตี ซึ่งในเกมที่ต้องพึ่งการวิเคราะห์และการคาดเดาแบบนี้ ง่ายมากที่หานเซิ่นจะใช้เทคนิคในการตบตา และเขายังสามารถหลอกล่อคู่ต่อสู้ด้วยการใช้จุดอ่อนในจิตใจให้เป็นประโยชน์ ซึ่งทำให้เขาได้เปรียบมาก
แต่แววตาของนาลานเฉิงนั่วนั้นดูใสบริสุทธิ์มาก หานเซิ่นมองไม่เห็นจุดอ่อนของเขาเลย
ไม่มีความสุขหรือกังวล ไม่เศร้าหรือโกรธ เขาเหมือนไม่มีความต้องการอะไรเลย
ทุกคนกำลังจับตามองไปที่หานเซิ่น และรอดูการโจมตีอันเฉียบขาดของเขา แม้หานเซิ่นจะเอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้แล้ว 4 คน แต่เมื่อต้องมาสู้กับนาลานเฉิงนั่ว ทำให้หัวใจของพวกผู้ชมเต้นรัว
ในเน็ตมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังดูการแข่งระหว่างหานเซิ่นกับนาลานเฉิงนั่ว
ชายคนนี้ชื่อ ไป๋อี้ซาน เขาคือผู้เป็นเลิศที่ยังอายุน้อย
ไป๋อี้ซานเป็นคนที่มีชื่อเสียงในหมู่ผู้เป็นเลิศ ไม่ใช่เพราะว่าเขามีจีโนพ้อยจำนวนมาก แต่เพราะว่าเขาถูกเรียกว่าเป็นสุดยอดฝีมือด้านศิลปะการต่อสู้แห่งยุคคนหนึ่งเลยทีเดียว
ไป๋อี้ซานมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียง ตั้งแต่เด็กๆเขาคลุกคลีอยู่กับศิลปะการต่อสู้ เขาทุ่มเทกับการทำวิจัยเกี่ยวกับไฮเปอร์จีโน จนเขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญของสถาบันเซนท์ วิชาไฮเปอร์จีโนระดับsหลายวิชา เขาเป็นคนคิดค้นขึ้นมา ในเวลาเดียวกันเขาก็เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่โรงเรียนทหารส่วนกลางของกาแล็กซี่ด้วย
ทั้งๆที่ตารางงานของเขาน่าจะยุ่งมาก เหตุผลที่เขาดูการแข่งขัน ไม่ใช่เพราะว่าเขาชื่นชอบมวยขาวและดำ ในสายตาของผู้เป็นเลิศอย่างเขา เกมประเภทนี้ก็เป็นแค่เกมที่พวกเด็กๆเล่นกันเท่านั้น สิ่งที่เขาสนใจก็คือนาลานเฉิงนั่ว
ตอนนี้ไป๋อี้ซานกำลังคิดค้นวิชาไฮเปอร์จีโนที่มีชื่อว่า 'คลื่นหยินหยาง' ซึ่งเป็นวิชาที่มีแนวคิดซับซ้อน แต่โดยหลักการแล้วมันคล้ายกับมวยขาวและดำ มันเกี่ยวข้องกับหลักการของหยินและหยาง
ก่อนที่วิชาไฮเปอร์จีโนแต่ละวิชาจะถูกคิดขึ้นมาได้ ต้องผ่านการศึกษาค้นคว้าและทดลองมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่งั้นก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้วางขายที่สถาบันเซนท์
ถ้าวิชาไฮเปอร์จีโนมีความเสี่ยงสูงเกิน มันจะถูกแบน และไม่สามารถนำมาวางขายได้
คลื่นหยินหยาง ที่ไป๋อี้ซานกำลังคิดค้นอยู่ เป็นหนึ่งในวิชาไฮเปอร์จีโนที่ต้องการผู้ฝึกมาเป็นผู้ช่วยในการทดลองและค้นคว้า เพราะการฝึกวิชาไฮเปอร์จีโนอาจมีความเสี่ยง จึงจำเป็นต้องเลือกคนที่มีศักยภาพสูง เพื่อลดความเสี่ยงในการทดลอง
ไป๋อี้ซานลงทุนลงแรงกับคลื่นหยินหยาง มาเกือบ 10 ปีแล้ว ถ้าเขาไม่บังเอิญไปพบบันทึกโบราณ ศาสตร์เเห่งหยินเเละหยาง เขาจะไม่มีทางสร้างวิชาคลื่นหยินหยางขึ้นมาได้ มันเป็นวิชาที่พิเศษและทรงพลัง จุดอ่อนเดียวของมันคือต้องการผู้ฝึกที่มีคุณสมบัติสูงมาก
มีคนที่กองทัพส่งมาเพื่อทดลองฝึกคลื่นหยินหยาง แต่พวกเขาก็ทำไม่สำเร็จ คนหนึ่งจบด้วยความตาย ขณะที่อีกคนพิการ ทำให้คลื่นหยินหยางถูกแบนจากสถาบันเซนท์ พวกเขายกเลิกการสนับสนุนไป๋อี้ซานทุกอย่างในการคิดค้นคลื่นหยินหยาง
แต่ไป๋อี้ซานไม่ต้องการให้คลื่นหยินหยางต้องล้มเลิกไปกลางคัน เขาต้องพยายามอย่างหนักเพื่อจะได้มีโอกาสทดลองต่อ
เพื่อจะทำให้ผลของการทดลองสำเร็จ ไป๋อี้ซานต้องเลือกคนที่มีความสามารถพอที่จะควบคุมคลื่นหยินหยางได้ หลังจากที่เสาะหาอยู่นาน เขาก็คิดว่านาลานเฉิงนั่วเป็นตัวเลือกที่ดี
แต่ไป๋อี้ซานก็ยังไม่มั่นใจ เขาเพียงแค่ให้นาลานเฉิงนั่วเป็นหนึ่งในคนที่อาจจะมีคุณสมบัติ ในครั้งนี้เขาตั้งใจจะตัดสินว่านาลานเฉิงนั่วเหมาะหรือไม่ โดยดูจากการแข่งมวยขาวและดำ ซึ่งใช้หลักการของหยินและหยางเหมือนกับคลื่นหยินหยาง
แต่ก่อนที่นาลานเฉิงนั่วจะออกมา ฟอร์มของหานเซิ่นเองก็ทำให้ไป๋อี้ซานประหลาดใจเหมือนกัน
ไม่ใช่เพราะว่าหานเซิ่นมีความเข้าใจในหลักการของหยินหยาง แต่ด้วยความสามารถในการอ่านความคิดคู่ต่อสู้ การหลอกล่อและการคาดเดา ทำให้ไป๋อี้ซานรู้สึกเสียใจที่ไม่เจอหนุ่มคนนี้เร็วกว่านี้
"ความสามารถที่เขามีก็นับว่าหาได้ยาก และเขาอาจจะฝึกคลื่นหยินหยางได้เหมือนกัน น่าจะต้องจับตาดูเขาอีกคน" ไป๋อี้ซานรู้ดีถึงคุณค่าของความสามารถที่หานเซิ่นมี
ความสามารถแบบนี้ต้องอาศัยทั้งความพยายามและพรสวรรค์ที่สูง ซึ่งในบรรดาคนที่เขาเจอมาด้วยอายุเท่านี้ หานเซิ่นถือว่ามีทักษะด้านนี้โดดเด่นที่สุด
ไป๋อี้ซานสนใจนาลานเฉิงนั่ว เพราะเขามีความสามารถในการอ่านความคิดคู่ต่อสู้ แต่ตอนนี้เขาสามารถบอกได้ว่าความสามารถแบบนั้นหานเซิ่นเองก็มีเช่นเดียกัน และอาจจะดีกว่าด้วย
"แสดงให้ฉันดูหน่อยว่าพวกเธอทั้ง 2 คนมีความสามารถถึงขั้นไหน" ไป๋อี้ซานรอดูการแข่งอย่างใจจดใจจ่อ
กลับมาที่การแข่งมวยขาวและดำ หลังจากที่หานเซิ่นสังเกตนาลานเฉิงนั่วอย่างละเอียดแล้ว เขาก็ออกหมัดที่ดุร้ายราวกับเสือที่หลุดออกมาจากกรง
ภายในแววตาที่ใสราวกับน้ำของนาลานเฉิงนั่ว ปรากฏความประหลาดใจ
เขาฝึกฝนจิตใจมาตั้งแต่เด็กๆ จิตใจของเขาเหมือนกับกระจก แม้จะเป็นฝุ่นก็ไม่สามารถหลุดรอดจากการสังเกตของเขาได้
แม้ว่าเขาจะอายุน้อย แต่ด้วยพรสวรรค์ที่สูงของเขา ทำให้เขาสามารถฝึกวิชาไฮเปอร์จีโน อคาลาเเมนตร้าได้ ซึ่งเป็นวิชาที่ใช้หลักการของศาสนาพุทธนิกายเซน และเขาได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งของวิชานี้
ไม่ว่าจิตใจของคนจะคิดอะไรอยู่จะต้องมีสิ่งที่ขุ่นมัวหรือสิ่งรบกวนอยู่ ซึ่งเขาสามารถมองเห็นพวกมันได้ แต่หลังจากที่หานเซิ่นปล่อยหมัดออกมา เขาไม่สามารถบอกได้เลยว่าคู่ต่อสู้กำลังคิดอะไรอยู่ จิตใจของหานเซิ่นดูเป็นธรรมชาติมาก มันทำให้เขาประหลาดใจ