ตอนที่แล้วตอนที่ 9 : การแสดงผลแรกเริ่มของพลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 11 : เมืองหลิงเสี่ยวเชิ่น

ตอนที่ 10 : ไล่ล่า


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

ตอนที่ 10 : ไล่ล่า

เมื่อรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายแห่งความโกรธของเจ้าอ้วน กานซิงผู้โง่เขลาคนนั้นกำลังรู้สึกหวาดกลัว ยิ่งเมื่อเขามองเห็นเก้าอี้ตัวนั้นสมองของเขาก็เริ่มคิดอยากจะอ้อนวอนขอความปราณี แต่ทว่าตอนนี้ ซ่งจงผู้ที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดกลับมิได้สนใจที่กานซิงนั้นร้องขอแม้เพียงนิด เสี้ยวนาทีนั้นเองซ่งจงระเบิดพลังของเขาออกมา คลื่นพลังปะทะกับร่างกายของกานซิง ซึ่งนั่นทำให้ขาของกานซิงหักลงทันที แต่เรื่องราวทั้งหมดยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมานี่เจ้าพวกคนเลวเหล่านี้กมลสันดานของพวกมันไม่ต่างกันนัก ซ่งจงคิดว่าเขาจะต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม เมื่อคิดได้เขาจึงหมุนเก้าอี้ในมือไปยังสี่คนที่นอนอยู่บนพื้น

แน่นอนว่าเจ้าอ้วนมิอาจทำการฆ่าพวกเขาได้ เขาคงมิอาจจะทนเห็นภาพสะท้อนที่แสดงแต่ความต่ำช้าของเขาวนเวียนไปมา แต่การทำให้พวกมันพิกลพิการก็จะมีผลกระทบมาถึงตัวเขา ในฐานะของศิษย์นอกเขานั้นจะต้องพบเจอกับความโดดเดี่ยว เมื่อคิดแล้วซ่งจงจึงตัดสินใจทันทีว่าเขาจะออกไปอยู่ภายนอกนิกาย ไม่ว่าจะภายนอกนั้นจะมีอันตรายใด ๆ เขาก็พร้อมยอมรับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้น

มีเพียงผู้ชมที่อยู่ในอณาบริเวณโดยรอบที่ได้ยิน ‘ปัก! ปัก! ปัก!’ มีคลื่นเสียงวูบหนึ่ง พร้อมกับตามด้วยเสียงอะไรแตกหัก หลังจากที่ทุบตีพวกเขามาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง จนตอนนี้เก้าอี้ในมือของเขาได้แหลกสลายลงไปแล้ว เจ้าอ้วนจึงหยุดมือลง ณ ตอนนั้นเอง

“เหอะ เจ้าพวกสุนัขรับใช้! ข้าเบื่อเต็มทนที่จะปกปิดความแข็งแกร่งนี้ เอาเป็นว่าพวกเจ้าจงเลิกคิดว่าข้าเป็นแค่แมวป่วยเสียที!” เจ้าอ้วนร้องตะโกนออกมาหลังจากที่เขาได้ปลดปล่อยความโกรธไปจนหมดสิ้น เขาโยนเศษเก้าอี้ที่แตกหักออกไปอย่างไม่สนใจคำขู่ของไอ้คนเลวทั้งห้านี้ เจ้าอ้วนเดินไปอุ้มเจ้าลิงเพื่อที่จะออกไปจากที่แห่งนี้ เพราะเขารู้ว่าการที่เขาได้ลงไม้ลงมือกับกานซิงนั้นมันเป็นการกระทำผิดต่อลูกพี่ลูกน้องของมัน เมื่อรู้ดังนั้นแล้ว เขาจึงไม่กล้าที่จะอยู่ตรงนี้นานนัก

ขณะที่ซ่งจงกำลังเดินผ่านกานซิง เจ้าคนโง่เขลาผู้นั้นได้ตะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล “เจ้าอ้วนแกอย่าทำตัวโง่ไปหน่อยเลย หากวันนี้เจ้าไม่ฆ่าข้าคนนี้ ในภายภาคหน้าเนิ่นนานจนเจ้ามีลูกมีหลาน เรื่องที่เจ้าทำไว้ในวันนี้มันก็ไม่มีวันจบ ลูกพี่ลูกน้องของข้าพวกเขาจะต้องกลับมาล้างแค้นให้ข้าอย่างแน่นอน!!”

“ไอ้สารเลว นี่เป็นของขวัญสำหรับปู่ของแก!” เจ้าอ้วนยกขาของเขาและประเคนลูกเตะอย่างโหดร้ายให้กับกานซิง การระบายความโกรธครั้งนี้ทำให้กานซิงเปรียบเสมือนว่าบินขึ้นไป การรับลูกเตะนี้ในสถานการณ์แบบนี้แน่นอนว่าจะต้องแบกรับความเจ็บปวดไว้อย่างสุดกลั้น กานซิงไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง ก่อนที่เขาจะกระเด็นออกไปข้างนอกด้วยความเจ็บปวด

เจ้าอ้วนกลับสู่อารมณ์ปกติและไม่หยิบเรื่องหยุมหยิมมาใส่ใจ ขณะที่เขากำลังอุ้มเจ้าลิงและจะเดินออกไปจากนี่แห่งนี้ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขากำลังมีปัญหาแล้ว นั่นก็คืออาหารสำหรับอนาคตอย่างไรล่ะ

เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาตรงดิ่งไปยังห้องครัว เขาเลือกหยิบข้าว เส้นบะหมี่และพวกเนื้อสัตว์ เรียกได้ว่าเขาหยิบแทบทุกสิ่งที่ถูกเก็บไว้ที่นั่นโยนลงมิติใบเล็กของเขา แม้ว่ามิตินี้จะเล็กแค่ห้าสิบฟุต แต่มันก็ยังคงว่างอยู่และมันก็เพียงพอสำหรับเก็บอาหารพวกนี้เพื่อให้เขาอยู่กินได้ตลอดทั้งเดือน

หลังจากที่ทำการรื้อของในห้องครัวอยู่พักใหญ่ เขาก็นึกขึ้นว่าเขาไม่ควรที่จะเดินออกไปจากที่นี่ด้วยประตูหน้า เขาเลยใช้ประตูหลังเป็นทางออกแทนและเร่งรีบกลับไปยังภูเขาทันที แต่ทว่าในตอนนี้เขายังมิได้กลับไปยังกระท่อมน้อยของเขา ตราบใดที่เหล่าพี่น้องของเขามิได้โง่เง่า พวกเขาต้องมาหาเขาที่กระท่อมอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาควรจะหลบหนีไปที่ภูเขา

เหตุการณ์ทั้งหมดในลานกว้างได้ถูกกระจายข่าวออกไปอย่างรวดเร็ว ณ ขณะนี้เหล่าคนรับใช้ทุกคนต่างตื่นตระหนกกับฉากเลือดตรงหน้า แม้ว่าพวกเขาจะชื่นชอบฉากต่อสู้มากเพียงใด แต่อาการของนักสู้เหล่านั้นก็เพียงแค่บาดเจ็บ ฟกช้ำดำเขียวเท่านั้น ถ้าหากมีการแตกหักเมื่อใดนั่นถือว่าอาการสาหัส และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้นั้นถือว่ารุนแรงเกินกว่าจะรับได้ไหว คนรับใช้ทั้งห้าคนนั้นแม้ว่าจะยังมีชีวิตรอดมาได้ แต่การที่แขนขานั้นหักจนสิ้นจนทำให้พวกเขาอยู่ในสภาพที่เรียกว่าทุพลภาพตลอดกาล หากว่าเป็นศิษย์นอกได้รับบาดเจ็บถึงขั้นนี้ เหล่านิกายยังจะพอชายตามาแล ยอมจ่ายค่ายาวิเศษเพื่อช่วยให้กระดูกของพวกเขากลับมาเชื่อมกันใหม่ได้ แต่ในเมื่อพวกเขาเหล่านี้เป็นเพียงทาสรับใช้ แม้ว่าจะกลายเป็นง่อยตลอดไป คงมิได้ทำให้ผู้ใดรู้สึกทุกข์ร้อนอย่างแน่นอน สิ่งที่รอพวกเขาทั้งห้าอยู่ในภายภาคหน้าตอนนี้มีเพียงแค่ถูกส่งตัวกลับบ้านเกิดเพียงเท่านั้น

แม้ว่าเหล่าคนรับใช้ที่แขนขาหักเหล่านี้จะได้กลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนแล้ว แต่ว่าพวกเขาจะทำประโยชน์อันใดได้อีกอย่างงั้นหรือ ? พูดง่าย ๆ ก็คือทั้งชีวิตของพวกเขาได้ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ

“ข้ามิเคยคิดเลย ว่าข้าจะมองเจ้าซ่งจงผิดไป ใบหน้าของมันที่มักจะยิ้มแย้มอยู่เสมอ เป็นทาสที่ซื่อบื้อและซื่อสัตย์คนนั้น จะสามารถกระทำเรื่องป่าเถื่อนแบบนี้ได้!”

“เจ้ามิเคยได้ยินหรอกรึ ? บุรุษที่เต็มไปด้วยความจริงใจ จะโหดร้ายอย่างถึงที่สุดเมื่อเขาโกรธ !”

“ถูกต้อง สุนัขที่กัดมักจะไม่เห่า!”

“ดูคล้ายว่าเจ้าอ้วนคงจะจบสิ้นลงในครานี้แหละ กานซิงนั้นมีลูกพี่ลูกน้องที่เป็นถึงศิษย์นอก แถมยังมีพรรสวรรค์โดดเด่นที่สุดในบรรดาศิษย์นอกอีก และด้วยการที่เขามีเจ้านายที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เหล่าผู้คนจะไปชื่นชมในตัวเจ้าอ้วนได้อย่างไรกันเล่า? ในเมื่อเจ้านั้นทั้งไร้คนสนับสนุน แถมไร้พรสวรรค์ใด ๆ ในวันนี้เขาสามารถทำให้กานซิงนั้นกลายเป็นคนพิกลพิการ แต่วันพรุ่งนี้เขาอาจจะถูกฆ่าให้ตายตกไปโดยผู้อื่นก็ย่อมได้”

“ใช่ ใช่แล้ว เจ้าอ้วนต้องตายตกไปก็คราวนี้เป็นแน่” เหล่าทาสรับใช้ที่อยู่รอบ ๆ เริ่มสนทนาเรื่องนี้กัน

หลังจากที่เจ้าอ้วนได้ออกจากลานกว้างไปได้เพียงไม่นาน ก็มีชายหนุ่มผู้ยิ่งใหญ่กำลังรุดหน้าเข้ามาด้วยดาบบินของจักรพรรดิ ชื่อของเขาคือหวาง ซุง เป็นลูกพี่ลูกน้องกับกานซิง เขาได้รับสารมาจากใครบางคนว่าลูกพี่ลูกน้องของเขากำลังตกอยู่ในอันตรายซึ่งอาจนำมาซึ่งการสูญเสีย เขาจึงรีบมาที่นี่ด้วยความร้อนรุ่ม แต่ช่างน่าเสียดายที่แม้แต่ความเร็วของดาบจักรพรรดินั้นถึงแม้จะเร็วเพียงพอแล้ว แต่บุคคลที่ไปส่งข่าวให้เขานั้นมิได้ใช้ดาบจักรพรรดิแต่อย่างใด บุคคลนั้นเพียงแค่วิ่งไปเท่านั้น ซึ่งตรงนั้นทำให้เขาต้องเสียเวลาไปอย่างมาก ตอนนี้เขามาถึงที่ลานกว้างแห่งนี้ก็เหลือแต่เพียงชายห้าคนที่พิการนอนกองอยู่บนพื้นเท่านั้น แต่ว่าเจ้าฆาตรกรซ่งจงได้จากไปเสียแล้ว

เมื่อหวางซุงเดินเข้ามาในลาน เขากวาดตามองไปที่พื้นและพบกับกลุ่มคนทั้งสี่แขนขาบิดเบี้ยว เนื้อหนังขาดวิ่น เขารู้สึกว่าไม่สามารถจะเชื่อได้ลงว่านี่คือฝีมือของเด็กที่อายุน้อยกว่าลูกพี่ลูกน้องของเขา พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน อยู่ร่วมกันตั้งแต่เริ่มหัดใส่กางเกง นับได้ว่านี่เป็นความสัมพันธ์ที่สุดแสนจะแน่นแฟ้น แม้ว่าในคราที่เขามาถึงนิกายศักสิทธิ์ เขาได้ออกไปสู่สนามด้านนอกก่อนเพียงเพราะเขามีพรสวรรค์ กานซิงนั้นเป็นเพียงหมูน้อยที่กว่าได้เข้าสู่ระดับเซียนเทียนก็ใช้เวลาไปสองปี ในคราแรกหวาง ซุงกำลังเตรียมของขวัญเมื่อนำมาให้แก่เขาสำหรับความก้าวหน้านี้ แต่เขาก็มิคาดคิดว่าเหตุการ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นได้!

“พี่น้องข้า!” หวางซุงตะโกนออกมาอย่างเศร้าโศก เขาช่วยจับกานซิงขึ้นมาพร้อมกับถามออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา “เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”

“พี่น้องข้า” หวางซุงตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงสุดเศร้าโศก เขาพยุงกานซิงขึ้นมาพร้อมกับกล่าวด้วยใบหน้าที่ปนเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา “มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้เยี่ยงไร !?”

ช่างน่าเสียดายที่ในตอนนี้กานซิงนั้นอยู่ในสภาวะโคม่าไปแล้ว จึงไม่สามารถที่จะตอบกลับใด ๆ ได้ ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ในตอนนี้หวาง ซุงจึงใช้ยาจำนวนมากเพื่อมารักษากานซิง แต่ทว่าหนทางที่จะรักษาได้นั้นก็ช่างมืดมนเหลือเกิน เขารักษากานซิงเพียงต้องการให้เขานั้นลุกขึ้นมาบอกเขาว่าในวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

และในที่สุดเขาก็รู้สาเหตุของปัญหาว่ามันเกิดจากขนมปังชิ้นนึงในโรงครัว ซึ่งเจ้าขนมปังอันนี้อยู่ในความดูแลของเจ้าลิง และเจ้านั่นชอบเอาขนมปังนั้นไปซ่อนเพื่อเก็บไว้ให้กับซ่งจง

วันนี้กานซิงนั้นมาถึงโรงครัวช้าไปนิดหน่อย นั่นทำให้ไม่มีขนมปังนึ่งสำหรับเขา เขามองไปยังเจ้าลิงน้อยเพื่อบอกความต้องการของเขา เป็นธรรมดาที่เจ้าลิงน้อยนั้นไม่เต็มใจที่จะหยิบยื่นขนมปังที่เขาเก็บไว้ให้กับกานซิง เจ้าลิงพูดออกมาเพียงว่าไม่มี แน่นอนกว่าเหล่าลูกน้องของกานซิงนั้นรู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าลิงนั้นเก็บขนมปังไว้อย่างแน่นอน เขาบอกกานซิงถึงจุดที่เจ้าลิงนั้นนำขนมปังไปแอบซ่อนไว้

แน่นอนว่าหลังจากนั้นกานซิงรู้สึกโกรธอย่างมากที่เจ้าลิงนั้นกล้าที่จะโกหกเขา เขาจึงรู้สึกอยากจะสั่งสอนเจ้าลิงน้อยสักเล็กน้อย แต่เจ้าลิงนั้นไม่สามารถแบกรับความเจ็บปวดพวกนี้ไว้ได้ มันจึงใช้ซ่งจงเป็นโล่กำบังตน แม้ว่าซ่งจงนั้นเป็นถึงศิษย์นอกแต่ในสายตาของเขา ซ่งจงก็เป็นเพียงคนรับใช้เท่านั้น ซึ่งมันไม่ควรจะเสนอหน้าออกมาอีก

แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าความคิดของเขานั้นจะทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แรกเริ่มเดิมทีกานซิงคิดว่าการที่เขานั้นมีพรสวรรค์เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ และอีกอย่างระดับของเขาในตอนนี้อยู่ในช่วงปลายซึ่งกำลังจะได้เลื่อนระดับขึ้นไปอีก ซึ่งในความคิดของเขา เขาจักต้องได้เป็นศิษย์นอกคนแรก ดังนั้นเขาจึงหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่าจู่ ๆ เจ้าซ่งจงซึ่งไม่ทราบว่าออกมาจากที่ใด ทำให้เขารู้สึกเสียหน้าในบรรดาหมู่เพื่อน ๆ ของเขาทั้งหมด เสียหน้ากับทุก ๆ คน เจ้าลิงนั่นใช้เจ้าอ้วนเพื่อข่มเหงเขา โดยธรรมชาติแล้วเขาต้องรู้สึกโกรธอย่างแน่นอน และผลที่ตามมาก็คือเรื่องราวของกานซิงและเหล่าลูกน้องทั้งสี่คนได้กลายเป็นโศกนาฏกรรม !

หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้ว หวาง ซุงรู้สึกโกรธจนแทบจะจุกอกตายอยู่ตรงนั้น เพียงแค่ขนมปังงั้นรึที่ทำให้ทั้งห้าคนนี้กลายเป็นคนพิการ แถมกานซิงน้อยก็ยังถูกหักไม่เหลือรอด กานซิงกำลังจะได้ออกไปสู่สนามด้านนอก แต่ในตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิง นี่มันเรื่องอะไรกัน ? ในตอนนี้กานซิงยังคงไม่รู้สึกตัวมาก เขายังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า เขาต้องการใครสักคนช่วยมาพยุงตัวเขาไว้

หวาง ซุงทุบโต๊ะและประกาศออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “ซ่งจง ! เจ้ากับข้า เราจักเป็นศัตรูกันนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!” หลังจากพูดจบ เขาก็วิ่งหายไปในความมืดเพื่อที่จะไปสะสางปัญหาลูกผู้ชายกับซ่งจง

น่าเสียดาย เจ้าอ้วนนั้นไม่ได้โง่เขลา เหตุใดเล่าที่เขาจะต้องอยู่เฉยเพื่อให้หวาง ซุงนั้นตามมาล่าหัวเขาด้วย ? ดังนั้นเมื่อหวาง ซุงพาเหล่าลูกน้องไปยังกระท่อมน้อยของซ่งจง หวาง ซุงนั้นพบเพียงแต่กระท่อมร้าง เขาไม่พบสิ่งมีชีวิตอยู่แม้สักคน !

หวางซุงไม่ยอมให้เรื่องราวจบลงเพียงแค่นี้แน่นอน เขาส่งคนของเขาออกไปเพื่อค้นหาซ่งจงทุกทิศทาง ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็กล่าวกับลูกน้องทั้งหลายว่า “ผู้ใดที่สามารถค้นหาตัวเจ้าซ่งจงได้ ข้าจะมอบรางวัลให้ เป็นหินจิตวิญญาณระดับต่ำ 10 ก้อน !”

ไม่รู้ว่าหวางซุงนั้นใช้อะไรคิดออกมา การที่เขาจะใช้หินจิตวิญญาณระดับต่ำสิบก้อนเป็นรางวัล ? ซึ่งนั้นมันคือของที่นิกายแจกจ่ายให้อย่างน้อยหนึ่งปีเต็ม แต่เขาจะเอามันมาใช้เพียงเพื่อตามหาเจ้าคนรับใช้คนเดียว ? รางวัลนี้นั้นสามารถดึงดูดศิษย์นอกบางคนที่มีฐานะยากจนแสนเข็ญได้ ครั้นที่ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไป ศิษย์นอกหลายคนถึงกับอยู่ในสภาวะตื่นตระหนก ดวงตาของพวกเขาเป็นประกายขึ้นมาและออกไปตามหาเจ้าอ้วนกับเจ้าลิงทันที.

ถึงอย่างไรก็ตาม เทือกเขานั้นเปรียบเสมือนว่าไร้พรมแดนและมันก็ดูช่างกว้างใหญ่เสียเหลือเกิน เพียงแค่อณาเขตของสำนักเสวียนเทียนนั้นก็กินพื้นที่ไปกว่าพันไมล์ การซ่อนใครสักคนภายในนี้นั้นกลายเป็นเรื่องง่ายดาย แม้ว่าจะระดมพลมาค้นหาถึงพันคน มันก็ยังคงคล้ายกับการขมเข็มในมหาสมุทรเช่นเดิม

ณ ตอนนี้ เจ้าอ้วนนั้นได้หลบซ่อนตัวอยู่ในถ้ำที่หุบเหวเทียนโกว ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ ๆ เขาได้ค้นพบมันเมื่อตอนที่เขากำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ที่นี่เมื่อสามเดือนที่แล้ว

ปากถ้ำนั้นมิได้ใหญ่มากนัก มันกว้างเพียงพอแค่เพียงหนึ่งคนเดินผ่านเท่านั้น ทางเข้าของมันนั้นถูกขยะปิดกั้นจนแทบไม่เหลือช่องว่าง ถ้าหากซ่งจงไม่ได้พบว่าชิ้นส่วนที่เขาต้องการนั้นอยู่ในถ้ำแล้วล่ะก็ เขาก็คงมิสามารถที่จะพบเจอสถานที่แห่งนี้ได้ แม้ว่าถ้ำแห่งนี้จะไม่ได้ดูใหญ่โตมากนักแต่ความจริงแล้วมันลึกมาก และภายในก็ดูกว้างขวางใช้ได้ ครั้งสุดท้ายที่เขาสำรวจนั้นเดินไปได้เพียงไม่กี่ไมล์นั้น เขายังไม่พบเจอจุดสิ้นสุดของถ้ำเลย เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยจึงไม่ได้เดินต่อเข้าไปอีก ในครานี้เขาต้องการที่หลบซ่อนเพื่อจะอยู่กับเจ้าลิงและเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมาที่นี่

ด้านในลึกเข้ามาหนึ่งไมล์ เจ้าอ้วนพบสถานที่ที่เหมาะสมกับการหลบซ่อนพร้อมรู้สึกว่าตรงนี้ปลอดภัย ซ่งจงวางเจ้าลิงลงและทำการตรวจดูอาการบาดเจ็บของเขา พบว่ามือซ้ายของเจ้าลิงนั้นร้าวและมีกระดูกสามชิ้นที่แตกหัก อาการเหล่านี้บอกได้ว่าเจ้าลิงนั้นได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสเลยทีเดียว

แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็มิใช่บุคคลที่อ่อนปวกเปียกตลอดการสิบปีที่ใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะพลัง เขานั้นมาถึงขอบของระดับโฮ่วเทียนด้วยพรสวรรค์ของเขาเอง มิได้ใช้ยาวิเศษใด ๆ ในระยะเวลาสิบปีเลย ดังนั้นเขาควรจะเข้าสู่ระดับเซียนเทียนได้ ในตอนนี้กระดูกและเส้นเอ็นของเจ้าลิงนั้นแข็งแรงกว่าคนปรกติทั่วไป ดังนั้นแม้จะมีการบาดเจ็บอย่างสาหัสแต่ว่าจิตใต้สำนึกของเขาก็ยังคงรับรู้เหตุการณ์ทุกอย่างได้ทั้งหมด

“พี่น้องอ้วน การที่ท่านมาช่วยข้าในเหตุการณ์นี้ มันจะทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่!” เจ้าลิงกล่าวออกมาพร้อมกับหลั่งน้ำตาไปด้วย เขาพูดต่อ “แท้จริงแล้วท่านไม่จำเป็นที่จะต้องทำตัวป่าเถื่อนเช่นนี้ การที่พวกเขาทุบตีข้านั้นเป็นเพียงการระบายความโกรธเท่านั้น ในตอนนี้เหล่าพี่น้องของกานซิงคงกำลังค้นหาพี่อยู่และพวกมันก็คงไม่ปล่อยท่านไปอย่างแน่นอน!”

“ฮึ!” เจ้าอ้วนปล่อยลมหายใจออกมาแรงๆหนึ่งครั้งก่อนจะพึมพำออกมา “บิดาผู้นี้ก็จะไม่มีวันปล่อยมันไป”

ในขณะที่เจ้าอ้วนกำลังพูดนั้น เขาก็กำลังจัดการกับบาดแผลของเจ้าลิงน้อยอย่างระมัดระวัง เมื่อตอนที่เขายังเยาว์วัย กระดูกของเขาก็ถูกทำลายอยู่บ่อย ๆ เจ้าอ้วนกำลังเชื่อมกระดูกของเจ้าลิงเข้าด้วยกันอย่างเบามือด้วยยาที่เขาผสมขึ้นมาเอง ในเวลานั้นเขาก็ขมวดคิ้วพร้อมพูดขึ้นมา “ครั้งนี้เจ้าอาการบาดเจ็บของเจ้านั้นมากเกินไป ข้าเกรงว่ายานี่จะไม่ได้ผล ข้าอยากให้เจ้าได้รับยาที่มีคุณภาพสูงยิ่งกว่านี้!”

“พี่น้องอ้วน ตลอดชีวิตน้อย ๆ ของข้านี้มิเคยรู้จักมักจี่กับยาดี ๆ เลย ท่านไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอก ท่านควรคิดถึงสิ่งที่เราควรทำในอนาคตมากกว่า” เจ้าลิงน้อยรู้สึกเบื่อหน่ายกับความเจ็บปวดของเขา จึงกล่าวต่อว่า “ท่านไม่ได้สามารถซ่อนตัวอยู่ในนี้ได้ตลอดไป เหตุใดเราจึงไม่ออกไปข้างนอกนั้นให้พวกเขาทุบตีเราเพื่อระบายความโกรธกันเล่า ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด