ตอนที่ 9 : การแสดงผลแรกเริ่มของพลัง
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
ตอนที่ 9 : การแสดงผลแรกเริ่มของพลัง
ในขณะที่เจ้าอ้วนกำลังภาคภูมิใจในตัวเองอยู่นั้น จมูกของเขาก็คล้ายว่าจะได้กลิ่นอะไรเหม็น ๆ เขาจึงมองออกไปรอบ ๆ และได้พบว่ากลิ่นนั้นมันออกมาจากตัวเขานั่นเอง ทันทีที่รู้สึกตัวเขาก็คันยุบยิบเหนียวตัวขึ้นมาราวกับว่าตัวเองแช่อยู่ในโคลน เขารู้ทันทีว่านี่คือผลของการฝึกวิชา มันคือการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายเพื่อที่จะขับสิ่งสกปรกออกมาจากอวัยวะภายใน เหมือนว่าในตอนนี้เขาได้รับประโยชน์จากเจ้าพลังนี้อย่างเหลือเชื่อ นั่นทำให้เขารู้สึกสดชื่นมาก
แต่นี่มันทำให้เขารู้สึกว่ามันสกปรกเกินไป เขาอึดอัดแล้วก้าวออกจากกระท่อมเพื่อไปยังทะเลสาบที่อยู่ใกล้ ๆ คงถึงเวลาที่เขาจะต้องอาบน้ำเพื่อชำระล้างเสียที ขณะที่เขากำลังถูตัวอยู่นั้นเขารู้สึกว่าผิวของเขาขรุขระ ไม่เรียบเนียน มีสีทองแดงจาง ๆ คล้ายกับผิวของระฆังทองแดงอย่างไรอย่างนั้น
มันทำให้เขารู้สึกหดหู่อย่างมาก คล้ายว่าเขาเคยรู้มาว่าผู้ที่ฝึกจนสำเร็จแล้ว สีผิวของคนผู้นั้นจะกลายเป็นสีทองและผิวหนังก็จะมีออร่าจาง ๆ เปล่งประกายออกมา นั่นจะทำให้ดูราวกับว่าอ่อนเยาว์ลง หากเป็นหญิงสาวก็จะดูมีสง่าราศีมากขึ้น แต่ผิวของเขาในตอนนี้นั้นผิดจากที่เคยได้รู้มาอย่างตรงกันข้าม ราวกับว่าเขาทำอะไรผิดไป
โดยทุนเดิมของเขาซึ่งอ้วนอยู่แล้ว มาพบเจอสถานการณ์เช่นนี้อีกพูดได้เลยว่าตอนนี้เขานั้นไม่ต่างจากสุกรแช่โคลนอีกต่อไป เมื่อพิจารณาไปที่เอวนั้นยิ่งทำให้เขาหดหู่มากขึ้นไปอีก เพราะสัดส่วนของเขามันคล้ายกับถังใบใหญ่เคลื่อนที่อย่างไรอย่างนั้น
แต่ตอนนี้เขาก็เริ่มต้นการบ่มเพาะพลังแล้ว และหยุดคิดเรื่องที่จะละทิ้งมันไปได้เลย เขาไม่มีทางจะทำเช่นนั้น เขาจะต้องเดินต่อไปในเส้นทางนี้เท่านั้น เพราะอย่างน้อยวิธีการบ่มเพาะพลังที่เขาได้รับมานั้นมันก็มิได้เลวร้าย และที่สำคัญไปกว่านั้นวิธีนี้มันเหมาะกับเขา ซึ่งมันจะสามารถช่วยให้เขาประหยัดเวลาในการค้นหาวิธีบ่มเพาะไปได้มากโข
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เจ้าอ้วนก็หยิบผ้ามาคลุมบางส่วนของตัวเขา พร้อมตอนนี้เขารู้สึกว่าความหิวโหยกำลังเล่นงานเขาอย่างหนัก ราวกับว่าเขาไม่ได้กินอะไรลงท้องเลยเป็นเวลาสิบวัน พอนึกขึ้นได้เขาก็รู้สึกละอายใจเพราะเขาเพิ่งทานอาหารไปเมื่อวานนี้เองและไม่ควรจะรู้สึกหิวในวันนี้ด้วยซ้ำ สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อเขาเข้าสู่ระดับเซียนเทียน ความอยากอาหารของเขาจะลดลงไปทำให้เขาสามารถอยู่รอดได้ แต่ก็เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น
แม้ว่าเหตุการณ์ตอนนี้มันจะดูแปลกไปสักหน่อย แต่ก่อนอื่นเขาต้องแก้ปัญหาความหิวของเขาก่อน เมื่อเขาเงยหน้ามองท้องฟ้าก็รู้ได้ทันทีว่านี่ใกล้ค่ำแล้ว เวลาตอนนี้มันก็ต้องเป็นอาหารเย็นสินะ ระหว่างนึกอยู่นั้นเขาก็หยิบดาบบินออกมาพร้อมกับบินไปที่โรงครัวทันที
ในสถานการณ์ปรกติทั่วไปสำหรับศิษย์ชั้นนอก ก็จะมีโรงครัวไว้สำหรับศิษย์ชั้นนอกแยกไว้ แต่เขามิได้ทำเช่นนั้น เขากลับไปสถานที่เก่า ที่นั่นที่เขาเคยไปทุกวันในอดีต ทุกคนจับจ้องมาที่เขาด้วยสีหน้ารังเกียจ ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้น่าแปลกใจเท่าใดเพราะสำหรับพวกเขาแล้วซ่งจงก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้น ไม่ว่าเขาจะทำงานหนักถึงเพียงไหน ฝึกฝนตนอีกเท่าใด ทุกคนก็ต่างพากันคิดว่าเจ้าอ้วนนี่ต้องใช้ยาคุณภาพสูงราคาแพงทุกวันเป็นแน่ แต่เรื่องที่พวกเขากำลังคิดกันอยู่นั้น มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยสำหรับเด็กกำพร้าอย่างซ่งจง
เนื่องจากในตอนนี้เขาเพิ่งได้เข้าเป็นศิษย์ชั้นนอก และยังไม่ได้รับการสนับสนุนใด ๆ ทั้งสิ้น แถมยังมีข้อครหาที่ว่าเขาเป็นพวกขยะเปียก อ่อนแอ ไร้พลัง ซึ่งนั่นก็มิผิดไปเท่าใดนัก เพราะเขายังไม่มีความกล้าหาญพอที่จะก้าวออกไปต่อสู้กับใคร ดังนั้นในตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงอดทน และเดินผ่านไปให้เร็วที่สุด ในอนาคตถ้าหากเขาไม่แข็งแรงมากกว่านี้ คงไม่มีหน้ากลับมาที่ตรงนี้แล้ว
เขาไม่ได้ไปที่โรงครัวของศิษย์ชั้นนอก เขาตรงไปที่โรงครัวของเหล่าทาส แม้ว่ารสชาติของอาหารที่นี่ไม่สามารถเทียบโรงครัวของศิษย์นอกได้ แต่เขาก็อยู่ตรงนี้มานับสิบปี ตอนนี้เขาคิดว่าเขาเป็นถึงศิษย์นอกแล้ว คงมิมีผู้ใดมาข่มเหงเขาได้ เหตุนี้แลเจ้าอ้วนจึงยินดีที่จะมาที่นี่
เจ้าอ้วนมาถึงโรงครัวอย่างรวดเร็วเพราะเขาใช้ดาบบินมา เขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ เดินทางผ่านลานกว้างที่รายล้อมไปด้วยวัดนับสิบ และนี่คือสถานที่ที่เหล่าทาสใช้กินอยู่หลับนอน ในอดีตเขาก็คงอยู่ที่นี่ แต่เพราะเขาไม่สามารถอดทนกับการถูกรังแก ข่มเหงได้ เขาจึงย้ายก้นของเขาออกไป
ขณะนี้ซ่งจงมาถึงหน้าประตูแล้ว แต่ขณะที่เขากำลังจะก้าวเท้าเข้าไปเขาได้ยินเสียงคนกำลังกินข้าวกัน พร้อมกับเสียงของเด็ก ๆ ปะปนออกมา เมื่อเขาได้ยินแล้วนั้นประสาทสัมผัสทุกส่วนรับรู้ได้ทันทีว่านั่นคือเสียงของเพื่อนสนิทเขาแน่นอน เจ้าลิงมีนามว่า ฮัว เขาไม่มีชื่อแซ่เพราะเขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกเหล่าศิษย์นอกพากลับมา รูปร่างของเขาผอมแห้ง จึงทำให้ใคร ๆ ต่างพากันเรียกเขาว่า เจ้าลิง
แม้ว่าบุคคลในที่นี้ทุกคนล้วนต่ำต้อย แต่ว่าภายในนั้นมีการตั้งลำดับขั้นกันขึ้นมาเอง ส่วนใหญ่ที่มาจากภายนอกจะมีผู้คอยสนับสนุนอยู่ มีน้อยคนนักที่จะไม่ได้รับการสนับสนุนใด ๆ จากภายนอก และคนเหล่านั้นก็จะตกเป็นเป้าหมายในการถูกรุมรังแกไปโดยปริยาย ซ่งจงเองก็ไม่ต่างจากเจ้าลิงเท่าใด ถือได้ว่าเขานั้นอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดของทาสรับใช้ก็ว่าได้
เมื่อครั้งเจ้าอ้วนได้มาถึงที่แห่งนี้ เขาสองคนถูกบังคับให้ทำงานที่เหลือจากคนอื่นตลอดระยะเวลาสองสามปีแรก นั่นเป็นเหตุให้พวกเขาทั้งสองได้คุยกัน แล้วก็สนิทกันในที่สุด ความทุกข์ในสถานการณ์เดียวกันทำให้พวกเขาเป็นมิตรแท้ต่อกัน แต่ในเวลาต่อมาซ่งจงให้เวลาส่วนใหญ่ของเขาไปที่การบ่มเพาะพลัง เพื่อหลีกหนีจากการที่เขาต้องถูกคุกคามตลอดเวลา เขาย้ายตนเองออกไปอยู่ที่ภูเขา แต่เจ้าลิงกลัวว่าเขาจะสร้างปัญหาเพิ่มให้กับซ่งจง จึงมิได้ตามไปแต่อย่างใด เขาทำได้เพียงอดทนอยู่ในที่แห่งนี้เงียบ ๆ
แม้ว่าหลัง ๆ มานี้เวลาที่เจ้าลิงกับซ่งจงจะได้พบปะกันนั้นน้อยนิดเหลือเกิน อีกทั้งระยะทางก็ช่างห่างไกลนัก แต่ทุกครั้งที่เจ้าอ้วนมากินข้าวที่นี่ เจ้าลิงก็จะนำข่าวมาซุบซิบให้ฟังอยู่เสมอ ซึ่งนั่นก็ทำให้เจ้าอ้วนพอใจ ในความเป็นจริงแล้วหากซ่งจงไม่ได้เจ้าลิงคอยดูแลเขาใต้โต๊ะ รูปแบบอาหารของเขาก็คงไม่ต่างจากขยะเท่าใดนัก กล่าวได้ว่าเจ้าลิงนี่คือมิตรแท้ของเขาจริง ๆ ดังนั้นเมื่อเขาผันตัวไปเป็นศิษย์แล้ว เขายังใช้เวลาทานอาหารเพื่อกลับมาเยี่ยมเยียนเสมอ เพื่อเตือนทุกคนเป็นนัย ๆ ว่าห้ามแตะต้องเจ้าลิงอีก
เมื่อตรองทุกอย่างแล้ว เจ้าอ้วนก็โกรธจัดขึ้นมาทันที เขาเปิดประตูพร้อมตรงดิ่งเข้าไป มีผู้คนจำนวนมากกำลังมุงดูเจ้าลิงถูกทุบตีอยู่โดยเหล่าคนรับใช้ทั้งสี่ถึงห้าคน แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้เรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ใด ๆ แต่ถือได้ว่าเขาก็คือผู้มีพลังคนหนึ่ง ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าคนธรรมดาแน่นอน เหล่าคนรับใช้สี่หรือห้าคนที่กำลังข่มขู่และประเคนฝ่าเท้าให้เจ้าลิง เสียงหนัก ๆ ที่ออกมาจากกำปั้นกระทบหน้าของเจ้าลิง เป็นตัวบอกอย่างชัดเจนว่าพวกเขาไร้ความปราณีอย่างถึงที่สุด
เสื้อผ้าของเจ้าลิงถูกฉีกขาดหลุดรุ่ย เผยให้เห็นผิวของเขาที่อยู่ภายใต้เนื้อผ้าเหล่านั้น มองเห็นรอยฟกช้ำได้อย่างชัดเจน ในตอนนี้เขากำลังขดตัวเป็นลูกบอล เขานั้นไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนอีกแล้ว เขาใช้พลังงานทั้งหมดไปกับการร้องไห้ พร้อมกันนั้นก็มีโลหิตไหลออกมาจากปากของเจ้าลิงเป็นทางยาว
“กระทืบมันอีก เอาให้มันตายไปเลย ! บิดาของแกน่ะหรือ จะมาดูแลแกได้ ! อย่าคิดว่าที่แกมีเจ้าอ้วนตัวเหม็นเป็นศิษย์นอกแล้วข้าจะเกรงใจมัน ! ในสายตาของข้า เจ้านั่นเป็นได้แค่สุกร ! เป็นแค่หมูที่ตายแล้ว !” หนึ่งในห้านั้นตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
ชายคนนั้นมีนามว่า กานซิง เขาคือหัวโจกของที่นี่ ความจริงคือเขามีคนหนุนหลังอยู่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาที่เป็นศิษย์นอกท่าทางมีอนาคต จึงไม่มีใครกล้าที่จะทำอะไรเขา แม้แต่คนเฒ่าคนแก่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรเขาได้ง่าย ๆ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากลูกพี่ลูกน้องเขาได้เข้าไปเป็นศิษย์ใน เมื่อบุคคลนั้นได้เข้าเป็นศิษย์ในเมื่อใด ศิษย์นอกก็เปรียบเสมือนเด็กหยอกกันเพียงแค่นั้น ทุกคนต่างรู้ดีว่าแม้แต่สุนัขของนิกายชั้นในยังมีค่ามากกว่าศิษย์ชั้นนอกเสียอีก
ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านไปความหยิ่งผยองของกานซิงก็ยังมีมากขึ้น ในอดีตนั้นเขารังแกทั้งเจ้าอ้วนและเจ้าลิง ขนาดในตอนนี้ที่ซ่งจงได้เป็นถึงศิษย์นอกแล้ว เขาก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเกรงกลัวใด ๆ พร้อมกับคอยข่มขู่เจ้าลิงอยู่เสมอ ราวกับว่าสิ่งที่ซ่งจงเป็นนั้นไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลย
จากมุมของกานซิงนั้นแม้ว่าเจ้าอ้วนจะกลายเป็นศิษย์ชั้นนอกแล้ว แต่สถานะของเจ้าอ้วนนั้นยังห่างไกลจากญาติของเขามากนัก ถึงแม้เขาจะรังแกเจ้าลิงนี่ เจ้าอ้วนก็คงไม่กล้าที่จะทำตัวมีปัญหากับเขาแน่นอน เมื่อคิดแบบนี้แล้วเหตุใดเขาต้องกลัวด้วย
น่าเสียดายที่ความคิดของกานซิงนั้นกำลังนำพาปัญหาใหญ่มาให้เขา พอเขาพูดจบ เขารู้สึกราวกับว่ามีรังษีฆ่าฟันมาจากด้านหลัง แม้เขาจะไม่ได้อยู่ในระดับเซียนเทียน พร้อมกับยังมีความอ่อนหัด แต่ขนาดของร่างกายเขาก็เทียบเท่ากับคนที่อยู่ในระดับโฮ่เทียน เขารู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังซุ่มโจมตีเขาจากด้านหลัง ขณะนั้นเขาฉีกตัวออกไปทางด้านข้างทันที
แต่มันสายเกินไป เขารู้สึกว่าถูกตบหน้าอย่างแรง หัวของเขาปักลงพื้นพสุธา ในตอนนั้นเองจมูกของเขาหักทันทีพร้อมกับสายโลหิตที่พวยพุ่งออกมา ตาสองข้างของเขามืดบอดในทันที ความรู้สึกตอนนี้คล้ายกับว่าเขาอยู่ท่ามกลางดวงดาว สมองอื้ออึงกลายเป็นโง่เขลาอยู่ตรงนั้น
เหล่าทาสที่ร่วมกันทุบตีเจ้าลิงได้ยินเสียงจึงหันกลับไปมอง ‘เอ๊ะ เหตุใดลูกพี่จึงไปนอนอยู่ตรงนั้น?’ ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจเหตุการณ์ พวกเขามีสิทธิ์ได้เห็นเพียงลำแสงสีดำพุ่งทะยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“บัดซบ นั่นมันเจ้าซ่งจง วิ่งเร็ว!!” ทาสคนหนึ่งร้องตะโกนออกมาพร้อมกับพยายามจะหลบหนี
ช่างน่าเสียดายที่มิทันเสียแล้ว เจ้าอ้วนในตอนนี้คล้ายกับหมีดำที่โกรธจัด ร่างกายของเขาอัดแน่นไปด้วยพลังสีดำ ผู้คนที่ยืนชมการต่อสู้นี้จะเห็นริ้วสีดำเคลื่อนไหวไปมา พร้อมกับได้ยินเสียง ‘ปัก ปัก ปัก ปัก’ ขึ้นมาสี่ครั้ง หลังจากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสยดสยอง เพียงแค่พริบตาเดียวการต่อสู้ทั้งหมดก็จบลง เรียกได้ว่าไร้ซึ่งการขัดขืนใด ๆ
ชายร่างใหญ่ทั้งห้าคนถูกซ่งจงโจมตี โดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะเห็นใบหน้าของซ่งจงแม้แต่นิดเดียว ในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดได้พ่ายแพ้แล้ว แพ้ให้กับเก้าอี้ที่ซ่งจงนั้นใช้เป็นอาวุธ
ม้านั่งของโรงครัวนั้นสามารถนั่งได้ถึงสี่คน มันมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก เนื่องจากทำมาจากไม้เนื้อแข็ง น้ำหนักของมันนั้นหนักหลายสิบจิน แม้ว่าร่างกายของซ่งจงที่อยู่ในระดับเซียนเทียน หรือแม้แต่ไปยืมของพลังคชสารมาใช้ แม้ว่าคนเหล่านี้ทั้งหมดจะได้รับการบ่มเพาะพลังมาก่อน แต่พวกเขาก็มิอาจต้านทานเก้าอี้ตัวนี้ได้ พวกเขาทั้งหมดนอนกองกันอยู่บนพื้น กระดูกของพวกเขาแตกหักหลายชิ้น ความเจ็บปวดนี้ทำให้พวกเขากรีดร้องออกมาอย่างไม่รู้จบ
ม้านั่งนั้นแตกออกเป็นความยาวประมานเพียงหนึ่งนิ้ว ซึ่งเพียงพอที่จะบอกได้ว่ามันแข็งแรงขนาดไหน ผู้ชมที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ต่างรู้สึกหวาดกลัว พวกเขารีบย้ายก้นของตนเองออกไปจากตรงนี้ เพราะกลัวว่าจะถูกดึงเข้ามาร่วมในความยุ่งเหยิงที่กำลังเกิดขึ้น
หลังจากที่ทุบตีพวกเขาเสร็จแล้ว ซ่งจงรีบตรวจดูอาการบาดเจ็บของเจ้าลิง และทันทีที่ได้เห็นว่าเจ้าลิงอาการสาหัสเพียงใด ทำให้ความโกรธของเขามันพุ่งขึ้นมาอีกครา นัยน์ตาของเขากลายเป็นสีแดงเลือด ส่วนเจ้าลิงนั้นสลบไปแล้ว หน้าอกของเจ้าลิงนั้นยุบตัวลง ข้อมือบิดงอ ซึ่งนั่นหมายความว่ากระดูกของเขาหักหลายที่ หากเจ้าอ้วนมาช้ากว่านี้อีกเพียงครู่ เจ้าลิงต้องตายตกไปอย่างแน่นอน
“ซ่งจง ไอ้โง่ เจ้าบังอาจมากที่กล้ามาทำร้ายข้า” หลังจากถูกทุบตีโดยซ่งจง ในเวลานี้กานซิงได้สติกลับคืนมาแล้ว เขารู้สึกเจ็บปวดทรมานอย่างยิ่ง หลังของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่พรั่งพรูออกมา “เจ้าจงรอข้าที่นี่ ข้าจะพาพี่ชายของข้ามาสั่งสอนให้เจ้ารู้สำนึก!” หลังจากพูดจบ เขาก็พยายามลุกขึ้นพร้อมกับจะเดินออกไปข้างนอก
เจ้าอ้วนที่เกรี้ยวกราดราวกับหมีกินผึ้งนั้น พอได้ยินแบบนี้เขาก็ระงับความโกรธต่อไปไม่ไหว และเหมือนว่ามันจะมากขึ้นกว่าในตอนแรกด้วยซ้ำ เขาคิดว่า ‘ความแค้นได้เกิดขึ้นแล้ว คงไม่จำเป็นที่จะต้องปล่อยมันไป มิเช่นนั้นมันต้องไปทำร้ายคนอื่นอีกอย่างแน่นอน ข้าคนนี้จะทำให้มันพิกลพิการไปซะ’
เมื่อคิดเช่นนั้นเจ้าอ้วนก็ระเบิดเสียงร้องออกมา ทำให้เกิดลมกระโชกแรงอยู่ในภายโรงครัว ม้านั่งที่อยู่ในมือของเขานั้นหมุนราวกับว่ามันคือกังหันลม เขาตั้งเป้าไปยังกานซิง ซึ่งในตอนนี้กำลังถูกความกลัวครอบงำจิตใจอย่างสมบูรณ์