ตอนที่ 6 : ดาบบิน
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
ตอนที่ 6 : ดาบบิน
การแปรเปลี่ยนให้ดาบนั้นบินได้ เป็นความสามารถอันเป็นที่นิยม มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายและผู้คนต่างรู้จักอย่างแพร่หลาย ถึงแม้จะไม่ได้มีการติดสินบนเขายังได้รับของเลียนแบบนี้มา เมื่อคืนซ่งจงได้พิจารณารูปลักษณ์อักษรบนดาบด้วยความตื่นเต้น วันนี้เขาพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นบินครั้งแรกด้วยดาบเล่มนี้
มองกลับไปที่ร่างอ้วนเทิ้มของเจ้าอ้วน คงกล่าวได้ว่ารูปร่างแบบนี้คงไม่ช่วยให้เขาควบคุมการบินได้ดีนักและความจริงคือเจ้าอ้วนนี่แหละคือเจ้าของดาบเล่มนี้ ไม่หนำซ้ำดาบของเขาทั้งเก่าและมีรอยหักเพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าดาบนั้นใหญ่เกินไปสำหรับการบิน หรือเพราะดาบมันไม่ดีกันแน่ หลังของเขางองุ้มและสั่นคลอน ทำให้รู้สึกไม่มั่นคงเมื่อเขากำลังขึ้นบินอยู่ในอากาศ เหตุการณ์เหล่านี้บอกได้ว่ามันอันตรายมาก ซึ่งไม่ต่างกับการสำรวจสะพานที่เป็นเพียงแผ่นไม้บาง ๆ เลย
แต่นับว่าโชคยังเข้าข้างเขาอยู่บ้าง เจ้าอ้วนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ระยะทางที่เขาเคยวิ่งเก็บขยะนั้นไม่ได้เสียเปล่า ด้วยเหตุผลเหล่านี้เขาจึงสามารถควบคุมทุกอย่างได้ภายในสี่ชั่วโมง ถึงมันจะยากลำบากไปหน่อยก็เถอะ ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมให้ดาบนั้นบินได้อย่างคล่องแคล่ว ภาพของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากสุกรที่ถูกแขวนไว้บนกิ่งไม้อย่างไรอย่างนั้น ถึงตอนนี้ยังไม่สามารถเทียบกับผู้ที่ชำนาญแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็รู้สึกว่านี่มันก็ไม่เลวเลยทีเดียว
ต้องขอบคุณดาบเล่มนี้เช่นกัน ไม่งั้นคงจะดูไม่เป็นธรรมกับมันสักเท่าไหร่ ดาบบินของสาวกคนอื่น ๆ อย่างน้อยก็บินได้แค่สามร้อยถึงสี่ร้อยลี้ต่อชั่วโมง แต่ดาบของซ่งจงนั้นทำได้เพียงครึ่งของดาบเหล่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องรู้ความเร็วของดาบและที่ยากยิ่งกว่าคือการควบคุมมันให้ได้ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นซ่งจงสามารถควบคุมมันได้อย่างง่ายดาย เขาใช้เวลาเพียงสั้น ๆ กับการเรียนรู้วิธีควบคุมมัน
ความรู้สึกที่ได้ขึ้นบินในอากาศครั้งแรกไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ชั่วชีวิตที่ผ่านมาซ่งจงไม่เคยมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกับเหตุการณ์นี้แม้แต่น้อย เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา ต่อไปคือการบินไปในที่ ๆ เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี นั่นก็คือเหวเทียนโกว
เจ้าอ้วนมองเห็นเหวเทียนโกวภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาหยิบดาบบินขึ้นมาพร้อมมองลงไปที่กองขยะด้านล่าง และพูดออกมาอย่างมีอารมณ์ “ในอดีตกว่าข้าจะมาถึงสถานที่แห่งนี้ ข้าใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง แต่ดูตอนนี้สิ ข้าใช้เวลาแค่หนึ่งในสามเท่านั้น นี่สินะความพิเศษของดาบบิน ถ้าข้าสามารถบินเร็วกว่านี้ได้ล่ะ ข้าสามารถทำอะไรกับเจ้าดาบบินเล่มนี้ได้บ้างไหมนะ มันต้องทำให้ข้าบินได้เร็วกว่านี้แน่ ๆ!”
หลังจากรำลึกความหลังเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าอ้วนหยิบดาบขึ้นมาอีกครั้งพร้อมขึ้นบินไปยังเหวเทียนโกว เหตุผลที่มาที่แห่งนี้ มิใช่เพียงจะมารำลึกความหลังเท่านั้น เขามีจุดมุ่งหมายซ่อนเร้นอยู่ภายใน
ซ่งจงเริ่มมีความเข้าใจพื้นฐานของมิติลึกลับของเขาแล้ว สังเกตได้ในสองวันที่ผ่านมาคือการย่อยสลายชิ้นส่วนของสมบัติเป็นเรื่องที่อันตราย ไม่ว่าจะเป็นยันต์ ยาวิเศษ หรืออุปกรณ์วิเศษต่าง ๆ ดินสีดำนั้นสามารถย่อยสลายทุกสิ่งอย่างได้
แตกต่างแค่เวลาที่ใช้ในการย่อยสลายเท่านั้น ถ้าสิ่งของระดับสูงก็จะทำการย่อยได้ช้าลง แต่สิ่งของระดับสูงนั้นเป็นวัสดุที่มีค่ามาก จึงคุ้มค่าแก่การรอคอย ดังนั้นพอไตร่ตรองถึงข้อดีข้อเสียในการย่อยสลายแล้ว ก็ยังคงคุ้มค่าอยู่ดี เพราะไม่เพียงแต่เพิ่มจิตวิญญาณเข้าไปในมิติ ยังได้รับวัสดุที่มีคุณภาพสูงอีกด้วย
แต่ดินสีดำในมิติลึกลับนั้นมีเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น และสิ่งที่จะย่อยสลายได้ ต้องโยนลงไปในดินสีดำจึงจะทำการย่อยสลายได้ ดังนั้นความสามารถของมันก็ค่อนข้างจะจำกัด ไม่สามารถแยกชิ้นส่วนหลายชิ้นส่วนได้ในหนึ่งครั้ง แน่นอนว่ารายการที่เป็นวัสดุคุณภาพสูงนั้นสำคัญอย่างมากภายใต้สถานการณ์เช่นนี้
อย่างไรก็ตามซ่งจงยังไม่มีวัสดุคุณภาพสูงไว้ในครอบครอง ขยะที่เขาได้ทำการเก็บมาทั้งหมดเป็นอุปกรณ์คุณภาพต่ำทั้งสิ้น หากเขาต้องการอุปกรณ์คุณภาพสูง พิจารณาจากความสามารถของเขาในตอนนี้แล้วคงไม่พ้นทำได้แค่มาที่เหวเทียนโกวเท่านั้น
แม้ว่าซ่งจงไม่เคยเรียนวิธีการหลอมอาวุธ แต่หลังจากที่เขาใช้เวลามานานหลายปีเพื่อฟังสาวกในนิกายเล่าเรียนกัน ความรู้ของเขาย่อมต้องตกผลึกมาบ้าง
อุปกรณ์ระดับสูงนั้นปกติแล้วจะเป็นอุปกรณ์วิเศษ นอกจากนี้พวกยาอายุวัฒนะและเครื่องรางต่าง ๆ มากกว่าแปดในสิบที่ถูกโยนเข้ามาในหุบเหวแห่งนี้ ล้วนแต่เป็นของที่ถูกใช้แล้วและไม่มีใครมาเหลียวแล แต่ตอนนี้ซ่งจงกำลังง่วนอยู่กับการหาอุปกรณ์ดี ๆ และดาบบินที่ไม่สามารถใช้งานได้แล้ว
วัสดุเกรดต่ำที่สุดที่พบเจอได้ง่ายคือเหล็กสีดำ ในหมู่ดาบบินและอุปกรณ์วิเศษ มันเป็นวัสดุของดาบบินที่ซ่งจงครอบครองอยู่ ราคาหินอ่อนเกรดต่ำมีค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซ่งจงไม่ต้องการที่จะขายสิ่งของพวกนี้ ฉะนั้นแล้วเมื่อเขาพบเจอเหล็กสีดำเขาจะไม่เหลียวแลมัน มุ่งเน้นไปที่สิ่งของที่มีสี หรืออุปกรณ์วิเศษเท่านั้น
หลังจากบินไปรอบเหวเทียนโกวอยู่ไม่กี่ชั่วโมง เจ้าอ้วนก็จัดการสมบัติที่มีอยู่เพียงไม่กี่อย่าง มีดาบบินสองเล่ม มีชุดเกราะที่แทบจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ และอุปกรณ์วิเศษจำนวนมากที่แตกต่างกันออกไป กระทั่งว่าเป็นอุปกรณ์ที่มี
พึงทราบว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีไว้สำหรับศิษย์รุ่นเยาว์ และอุปกรณ์วิเศษพวกนี้ถูกใช้โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับจินตันหรือมากกว่านั้น วัสดุที่จำเป็นสำหรับสร้างอุปกรณ์วิเศษนั้นกล่าวได้ว่าหาได้ยากยิ่ง จึงทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่อาจสร้างอุปกรณ์วิเศษขึ้นมาได้ อีกทั้งยังไม่อาจรับรองได้ว่าเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะใช้งานได้หรือไม่
ดังนั้นสำหรับซ่งจงแล้วการได้พบอุปกรณ์วิเศษพวกนี้ที่ถูกทิ้งจำนวนหนึ่ง มันเป็นเรื่องโชคดีอย่างน่าเหลือเชื่อ เมื่อนำสิ่งของพวกนี้ไปย่อยสลายแล้ว มันจะสามารถแลกเปลี่ยนเป็นหินจิตวิญญาณได้กี่ก้อนกัน? ซ่งจงเพียงแค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาดี ๆ มักจะไม่อยู่กับเรานาน ขณะที่เขากำลังล่องลอยไปกับความคิดของตน เขารู้สึกถึงมิติลึกลับของเขาที่อยู่ภายในตันเถียน ซึ่งนั่นทำให้เขาหงุดหงิดขึ้นมา
ความรู้สึกมึนงงและไม่สบายตัวนี่มันแย่จริง ๆ ราวกับว่าตอนนี้กำลังมีใครบางคนพยายามยัดไข่ไก่เข้าไปในก้นของเขา ความรู้สึกนี้มันทำให้เขาเกร็งที่ก้นและขาของเขาก็สั่นไหวไม่มั่นคง ทำให้เขาตกลงมาจากดาบบิน
นับว่ายังโชคดีอยู่ที่ซ่งจงกำลังค้นหาอุปกรณ์ ระดับเพดานบินจึงไม่มากนัก ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงตายตกอยู่ที่หุบเขานี้เป็นแน่ ตอนนี้เขารู้สึกถึงความรุนแรงภายในร่างกาย เขารู้สึกว่าแม้ใช้เวลาครึ่งวันก็คงไม่สามารถยืนหยัดขึ้นมาอีกครั้งได้
เจ้าอ้วนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย มิติของเขายังคงสั่นไม่หยุด ราวกับว่ามันกำลังกระโดดไปมาภายในตันเถียนของเขา เสมือนว่ามันกำลังหยอกล้อเจ้าอ้วนเพียงผู้เดียวแต่ก็ทำให้รู้สึกสั่นสะเทือนมากขึ้นไปอีก
“บัดซบ เหตุใดมิตินั่นถึงได้สั่นรุนแรงแบบนี้ หรือว่ามันจะพังเสียแล้ว?” ซ่งจงผู้ที่ตกลงมาจากที่สูงไม่สามารถทำอันใดได้ นอกจากตะโกนสาปแช่งอยู่อย่างนั้น
มิติลึกลับนั้นไม่สามารถพูดได้ มันจึงสั่นมากขึ้นอีกเหมือนว่ากำลังประท้วงสิ่งใดสักอย่าง เจ้าอ้วนทรมานจนมิอาจรับไหวอีกต่อไป จึงอดไม่ได้ที่จะขอร้อง “มันจะดีมากถ้าหากเจ้าหยุดสั่นในตอนนี้ เพราะหากเจ้ายังทำแบบนี้ข้าคงไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าก็ยังยากสืบสายเลือดของข้าอยู่นะ!”
ไข่มุกดำไม่สนใจคำอ้อนวอนของเจ้าอ้วน ยังคงสั่นต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน ซ่งจงไต่เขาขึ้นมาพร้อมหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น “ได้ ได้ ข้ายอมเจ้าแล้ว เหตุใดเขาจึงสั่นเยี่ยงนี้ เจ้ามีเหตุผลใด เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใดหรือ หรือเจ้าอยากได้สิ่งของในที่แห่งนี้กัน?”
ไข่มุกดำหยุดสั่นไปชั่วขณะ และเริ่มสั่นอีกครั้งแต่เป็นการสั่นด้วยความตื่นเต้นอย่างมาก ซ่งจงเข้าใจทันทีว่ามันกำลังดีใจอย่างแน่นอน ราวคาดเดาได้ถูก เขาจึงพูดต่ออย่างรวดเร็ว “ได้ ได้ เจ้าช่วยหยุดสั่นก่อนได้หรือไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะหาของบางอย่าง ข้าจะช่วยเจ้าหาทันที เจ้าคิดว่าอย่างไร? แต่ถ้ายังสั่นอยู่แบบนี้ ข้าไม่สามารถแม้แต่จะยืนได้ แล้วจะไปค้นหาสิ่งของให้เจ้าได้อย่างไรกันเล่า?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ไข่มุกดำก็หยุดสั่นทันที แต่ก็ยังแอบสั่นบ้างเป็นระยะ มันคงกลัวว่าซ่งจงจะลืมมันไป
พอได้เห็นไข่มุกดำเงียบลงไป เจ้าอ้วนก็ได้แต่ถอนใจแล้วเดินต่อไปข้างหน้า แต่ไข่มุกกลับกระวนกระวายใจจึงสั่นออกมาอีกครา แล้วนั่นก็ทำให้ซ่งจงลงไปกองกับพื้นอีกรอบ
เจ้าอ้วนร้องไห้ออกมาทันที “เฮ้ เจ้าตัวน้อย เจ้าสามารถสั่นเบา ๆ ได้หรือไม่? นี่ข้าจะตายเพราะการสั่นของเจ้าแล้วรู้บ้างไหม!”
ในเมื่อตอนนี้มันยังคงสั่นอยู่ ซ่งจงจึงรีบพูดอย่างรวดเร็ว “ข้าคงกำลังไปผิดทางสินะ ใช่ไหม?” ไข่มุกได้แต่ส่ายไปส่ายมาอย่างไร้ความปราณีอยู่หลายครั้ง
“ได้ ข้าจะเปลี่ยนเส้นทาง!” เจ้าอ้วนพูดออกมาพร้อมกับเลี้ยวซ้าย ไม่ทันก้าวขาไข่มุกก็กระโดดขึ้นมาอีกครั้ง เจ้าอ้วนเข้าใจเรื่องราวได้อย่างรวดเร็ว เขารีบหันกลับมาจุดเดิมและไข่มุกก็หยุดสั่นลงอย่างว่าง่าย
พอซ่งจงรู้ทิศทางแล้วเขาจึงรีบรุดไปด้านหน้า แต่ก็ทำได้เพียงเดินไปเท่านั้น หากเขาใช้ดาบบินเขาเกรงว่าไข่มุกจะสั่นสะเทือนขึ้นมาอีก มันจะทำให้เขาได้รับบาดเจ็บหรืออาจตายตกไป เขาเดินอยู่ในกองขยะสูงใหญ่มาครึ่งค่อนวันโดยไม่ได้รับสัญญาณใด ๆ จากไข่มุกดำอีก ‘ทำไมไม่เคลื่อนไหวแล้วนะ หรือข้าจะถูกเจ้าตัวเล็กนี่หลอกเอาเสียแล้ว?’ ซ่งจงคิดภายในใจ
และเพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยนั้น เขาจึงหันหลังกลับ แต่ยังไม่ทันก้าวขาไข่มุกก็สั่นสะเทือนด้วยความโกรธทันที ทำให้ท้องของเขาปั่นป่วนไปหมด เขาจึงรีบอ้อนวอนด้วยความกลัว “โอ้ เจ้าเด็กดี ได้โปรดหยุดกระโดดเถอะ ข้าแค่อยากรู้ว่าข้าต้องเดินอีกไกลแค่ไหนกัน” ไข่มุกเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง แล้วสั่นเป็นจำนวนสิบครั้ง
ซ่งจงรู้สึกหดหู่ขึ้นมาทันทีพร้อมกล่าวออกมาด้วยความขมขื่น “เจ้าตัวน้อย ข้ารู้สิ่งที่เจ้าต้องการจะบอก แต่ทำไมเราไม่บินไปด้วยดาบหละ และเมื่อเราไปถึงเจ้าก็สามารถบอกข้าได้ แต่เจ้าห้ามเขย่าแรงจนเกินไป ถ้าหากข้าตกลงไปอีกคราละก็รับรองได้ว่าข้าต้องตายอย่างแน่นอน!”
ไข่มุกสั่นสามครั้งเบา ๆ ซึ่งแปลว่า ตกลง! ซ่งจงเริ่มบินอย่างระมัดระวังพร้อมถามออกไป “นี่ เจ้าเข้าใจที่ข้าพูดด้วยงั้นหรือ?”
ในเวลานั้นไข่มุกดำไม่ได้ตอบกลับมาแต่อย่างใด และอยู่เงียบราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่ซ่งจงพูด นั่นทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เขาพึมพำกับตัวเอง “แม้ว่ามันจะไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าพูด แต่การกระทำของมันที่แสดงออกมาทำให้ข้าเห็นแล้วว่า มันเป็นอุปกรณ์วิญญาณ! อา อุปกรณ์ที่มีวิญญาณ? โอ้ ข้ารวยแล้ว! ไม่แปลกใจเลยทำไมท่านพ่อท่านแม่ถึงให้ความสำคัญกับเจ้าสิ่งเหล่านี้อย่างมาก และแน่นอนว่าปัญญามาพร้อมกับอายุ ดูเหมือนว่าในถ้ำของผู้มีพลังสมัยโบราณนั้นทุกสิ่งล้วนมีค่าสินะ”
ควรทราบว่าอุปกรณ์วิญญาณนั้นมีระดับที่สูงกว่าอุปกรณ์วิเศษ มีเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญระดับที่สูงกว่าเฟิ่นเสินเท่านั้นถึงจะมีในครอบครองเพียงแค่หนึ่งหรือสองชิ้น นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับหยวนหยินยังมีตัวตนอยู่เพียงน้อยนิด ส่วนระดับเฟิ่นเสินนั้นทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นตำนาน แม้แต่บรรพบุรุษของสำนักเสวียนเทียนยังเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญหยวนหยินเพียงเท่านั้น
คงไม่ต้องสงสัย หากไข่มุกดำนี้เป็นอุปกรณ์วิญญาณจริง ก็หมายความว่าเจ้าอ้วนได้รับสิ่งของชั้นเลิศภายใต้ความสามารถของเจ้าไข่มุกดำนี้ ก็คงไม่แปลก เพราะมันเป็นถึงอุปกรณ์ที่มีวิญญาณ
ไข่มุกดำที่เงียบมานานเริ่มสั่นสะเทือนอีกครั้ง ถึงเจ้าอ้วนจะกำลังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความสุข เขาก็มิกล้าที่จะชักช้า รีบทำการลงจากดาบบินทันที เขามองไปรอบ ๆ พร้อมรู้ทันทีว่านี่คือหุบเหวกองขยะอย่างแท้จริง
มันเป็นกองขยะที่เก่าแก่มาก อาวุธส่วนใหญ่ที่แตกหักล้วนมีสนิมเกาะ ก่อนอื่นต้องรู้ว่าอุปกรณ์วิเศษนั้นเป็นเครื่องมือของผู้ที่มีพลังระดับสูง แต่เหล็กสีดำเกรดต่ำที่สุดจะไม่เป็นสนิมแม้ผ่านเวลาล่วงเลยมานับพันปี นี่คือสิ่งที่บอกได้ว่าที่แห่งนี้คือกองขยะโบราณอย่างแท้จริง
ในขณะที่ไข่มุกเริ่มกระโดดอีกครั้ง การกระโดดนี้ส่งผลให้ซ่งจงไม่อาจชักช้า เขารีบก้าวไปข้างหน้าตามที่ไข่มุกแนะนำ เมื่อมาถึงตำแหน่งหนึ่ง ไม่ว่าจะหันทางใด ไข่มุกดำก็จะสั่นสะเทือนทุกทิศทางที่เขาจะก้าวไป
ไม่ว่าซ่งจงนั้นจะโง่เขลาเพียงใด แต่ในขณะนี้เขาก็รับรู้ได้ว่าของสิ่งนั้นอยู่ใต้เท้าของเขานั่นเอง เขารีบก้มลงเก็บขยะที่อยู่ใต้เท้าของเขาอย่างรวดเร็ว ที่มีมีแต่ขยะจริง ๆ แม้หลังจากที่เขาลงมือขุดมาตลอดทั้งวัน จนกระทั่งอาทิตย์ตกดิน เขาก็มิอาจขุดลงไปจนถึงพื้นได้ เวลานี้เขาขุดมาหนึ่งร้อยฟุตแล้ว ซึ่งมันก็มากพอที่จะเป็นหลุมฝังตัวเขาได้