ตอนที่แล้วตอนที่ 4 : ศิษย์นอกสำนัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 : ดาบบิน

ตอนที่ 5 : อาวุโสผู้สร้างแต่ความยุ่งยาก


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

บทที่ 5: อาวุโสผู้สร้างแต่ความยุ่งยาก

ผ่านไปชั่วครู่ ซ่งจงเดินตามเด็กชายเข้าไปในลานเพื่อพบอาวุโส พอถึงที่หมายลี่เผิงโบกมือเป็นนัยว่าให้เด็กชายออกไปก่อน พร้อมกับมองซ่งจงอย่างไม่วางตา

เจ้าอ้วนรู้สึกอึดอัดที่เขากำลังถูกจ้องมองตั้งแต่หัวจรดเท้า เพื่อทำลายความอึดอัดนั้นเขาจึงกระแอมขึ้นมาเบาๆพร้อมกล่าวออกไปว่า “อาวุโสลี่ เหตุใดท่านจึงจ้องมองข้าเช่นนั้นล่ะ?”

“เอ๊ะ” ลี่เผิงรู้สึกตัวขึ้นมาได้จึงหลุดปากออกมา พร้อมกล่าวต่ออย่างรวดเร็ว “ซ่งจง โอ้ ข้าไม่อยากเชื่อเลยน้องซ่งจง ข้าขออภัยที่ข้าได้กระทำการหยาบคายเช่นนั้นลงไป ข้าไม่คิดฝันมาก่อนว่าเลยว่าเจ้าจะเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้ว นี่เจ้าคงได้ประสบพบเจอกับการผจญภัยที่วิเศษมาเป็นแน่แท้ หรือไม่ใช่?”

“ไม่เลย ข้าไม่เคยผ่านเหตุการณ์ใดมา” เจ้าอ้วนส่ายหัวของเขาอย่างเชื่องช้า “ข้าเป็นเพียงทาสรับใช้ที่วัน ๆ เอาแต่วิ่งเก็บขยะเท่านั้น ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะย่างก้าวออกไปจากภูเขาแม้เพียงครึ่งก้าว แล้วข้าจะไปผจญภัยเพื่อฝึกฝนได้อย่างไรกันเล่า?”

“แต่ว่า!” ลี่เผิงเผลอตะคอกอย่างลืมตัว พร้อมกล่าวต่อ “ในตอนนี้การบ่มเพาะของเจ้ารุดหน้าไปตั้งเท่าใดเล่า เจ้าจะบอกว่าไม่ได้ฝึกฝนเลยกระนั้นรึ?”

“ประการแรกคือข้าได้รับประทานอาหารดี ๆ เมื่อยังเยาว์ ควบคู่กับการบ่มเพาะพลังที่เป็นเลิศ แล้วคงเพราะทุกวันนี้ข้าทำงานอย่างหนัก แถมในตอนนี้ข้ายังอยู่ในสมาธิได้ถึงสิบหกชั่วโมงต่อวัน” ซ่งจงไม่กล้าที่จะเอ่ยถึงไข่มุกดำ เพราะนั่นจะทำให้เขาโดดเด่นเกินไป ดึงนั้นเขาจึงรีบล้างข้อกังขาของตนให้หมดสิ้นโดยเร็วที่สุด

“โอ้ เจ้าคิดว่านี่คือเหตุผลงั้นรึ!” ลี่เผิงตบหน้าผากของตนอย่างช่วยไม่ได้ แล้วพูดต่อว่า “ข้าคอยพูดเสมอว่าทั้งบิดามารดาของเจ้านั้นเป็นเลิศอย่างแท้จริง” เห็นได้ชัดว่าเขาให้ความเชื่อมั่นในตัวพ่อแม่ของซ่งจงมากกว่าเหตุผลไร้สาระของเจ้าอ้วน

เจ้าอ้วนกรอกตาไปมาและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงรำคาญเล็กน้อย “ท่านอาวุโส ขณะนี้ข้าได้อยู่ในระดับเซียนเทียนและท่านก็ได้ประจักษ์กับตาตนเองแล้ว ตามกฎของนิกายนั้นข้ายังไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการอย่างนั้นหรือ?”

“โอ้ แน่นอน ๆ!” ลี่เผิงตอบตกลงอย่างรวดเร็ว “กฎของนิกายได้ถูกบัญญัติไว้แล้ว ไม่มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากนี้แน่นอน ขอให้เจ้าจงตามข้ามา!”

แม้ว่าลี่เผิงจะดูแคลนว่าซ่งจงต้อยต่ำสักเพียงใด แต่เขาก็ไม่อาจที่จะฝืนกฎของนิกายได้ เขาพาซ่งจงเข้ามาในห้องพร้อมหยิบป้ายหยกออกมา “ซ่งจงใช่ไหม? ชื่อนี้มันช่างดูต่ำต้อยเสียจริง!”

เขากล่าวไปพลางกับทำการปล่อยพลังเพื่อแกะสลักป้ายหยกเป็นชื่อ ซ่งจง หลังจากนั้นเขาก็มอบมันให้แก่เจ้าอ้วนพร้อมกล่าวมา “นี่คือป้ายหยกของเจ้า ณ ตอนนี้เจ้าคือศิษย์อย่างเป็นทางการ!”

“ขอบคุณมากท่านอาวุโส” ซ่งจงยกยิ้มพร้อมตอบกลับ

ขณะที่เขากำลังมองป้ายหยกอย่างมีความสุข เขารู้สึกได้ถึงสายตาที่ลี่เผิงมองมายังเขาอย่างโง่เขลาและไม่มีท่าทีว่าจะดำเนินการใด ๆ ต่อ ซ่งจงจึงโพล่งออกไปว่า “ท่านอาวุโส มิใช่ว่าศิษย์นอกจะได้รับดาบบินและอุปกรณ์วิเศษพร้อมมิติเก็บของมิใช่หรือ แล้วของเหล่านั้นมันก็ถูกเก็บไว้ที่นี่ไม่ใช่รึ?”

เมื่อลี่เผิงได้ยินดังนั้นแล้ว เขาโกรธจนอยากจะกลั้นใจตายพร้อมคิดในใจ ‘เหตุใดบนโลกนี้จึงมีคนงี่เง่าเช่นนี้ด้วย อยากได้ของบางอย่างจากข้า แต่กลับไม่หาอันใดมาตอบแทนข้าแม้แต่น้อย ถ้าทุกคนเป็นอย่างเจ้า ข้าคงจะไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่หิวไม่อิ่มแล้วกระมัง?’ เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้ว เขาจึงกัดฟันพูดออกมาอย่างไร้ยางอาย “ศิษย์น้องซงเจ้ารู้เรื่องเหล่านี้ด้วยงั้นรึ แล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่รู้ธรรมเนียมของที่นี่ล่ะ ?”

เจ้าอ้วนรู้สึกตกใจเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้ามาภายในที่แห่งนี้ “ธรรมเนียม? ธรรมเนียมอันใดรึ ข้าไม่รู้!”

“เจ้า!” ลี่เผิงตัวสั่นสะท้านด้วยความโกรธ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอันใดได้ เขาไม่สามารถที่จะมาเอาชนะศิษย์น้องคนนี้ด้วยเรื่องเล็ก ๆ แค่นี้ แต่หากอีกฝ่ายเป็นแค่ทาสรับใช้ล่ะก็คงไม่พ้นการถูกตำหนิพร้อมทุบตีเป็นแน่แท้ แต่เจ้านี่เป็นศิษย์นอก ดังนั้นเขาต้องรักษาชื่อแซ่ของตนเองบ้าง ‘หึ เจ้าเด็กเหลือขอ! อย่าหวังเลยว่าเจ้าจะได้รับประโยชน์ใดจากข้า!”

เมื่อคิดได้ดังนั้น ลี่เผิงที่กำลังโกรธจัดก็กล่าวออกมาว่า “หากเจ้าไม่ทราบก็จงลืมมันไปเสีย เอ้า นี่คือดาบบินพร้อมมิติเก็บของ เอาล่ะ จบเรื่องแล้ว เจ้าไปได้” ลี่เผิงกล่าวพร้อมกับหยิบของต่าง ๆ ใส่ถุงซึ่งคล้ายถุงขยะ พร้อมกับโยนลงบนโต๊ะ

เจ้าอ้วนรีบเก็บของอย่างรวดเร็วพร้อมถามต่อว่า “ท่านอาวุโส อุปกรณ์เหล่านี้นี่มันอะไรกัน ? ข้าไม่คิดเลยว่านิกายจะมอบอุปกรณ์ที่ชั้นต่ำถึงเพียงนี้”

“ตามหลักแล้วมีอุปกรณ์วิเศษ เพียงแต่ในตอนนี้ที่นี่ไม่มีสิ่งนั้น เจ้าจึงต้องรอต่อไปอีกสักหน่อย เมื่อมีของแล้วข้าจะทำการส่งให้เจ้าเอง!” ลี่เผิงกล่าวพร้อมกับแสดงหน้าตาบิดเบี้ยวเพราะความโกรธอย่างถึงขีดสุด  และได้ตะโกนออกมาดังลั่น “ส่งแขก!!!!”

“ขอรับ” เด็กชายวิ่งกลับเข้ามาอีกครั้งนึง

เจ้าอ้วนรู้อยู่แก่ใจว่าภายหลังไม้อัดพวกนั้น… ในขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าศิษย์พี่ต้องการอุปกรณ์วิเศษของเขา และแม้เขาจะรู้สึกเปียกปอนไปทั้งใจ เขาก็ฝืนยิ้มออกมาพร้อมหัวเราะเบา ๆ พูดต่อว่า “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็ขอลา” พอพูดจบ เขาก็ก้าวเท้าตามเด็กชายไป

เมื่อมองไปยังซ่งจงที่กำลังเดินออกไป ลี่เผิงกล่าวออกมาด้วยความรังเกียจ “เป็นแค่ขยะที่ทั้งโง่และยังไม่มีพรสวรรค์ ข้าไม่มีทางลดตัวไปใส่ใจกับคนแบบนี้ได้!”

ถ้าหากเจ้าอ้วนมีความสามารถมากกว่านี้ คงจะมีความหวังที่จะได้ก้าวขึ้นไป ลี่เผิงคงไม่กระทำแบบนั้นกับเขาแน่นอน แต่ปัญหาคือเจ้าอ้วนทั้งอ่อนแอ และลี่เผิงได้ตัดสินเขาไปแล้วว่าเขาจะไม่มีวันประสบความสำเร็จใด ๆ แน่นอนในชั่วชีวิตนี้ อีกอย่างเขาช่างไม่มีจริยธรรมเอาเสียเลย!

แน่นอนว่าเจ้าอ้วนที่ยังไปไหนได้ไม่ไกล เขาได้ยินที่ลี่เผิงเปรยออกมา ความโกรธเข้าครอบงำเขาทันที แต่เขาก็ทำได้เพียงก่นด่าในใจ ‘ข้าบิดาเจ้า รอข้าก่อนเถอะ เมื่อไหร่ที่บิดาผู้นี้ของเจ้าร่ำรวย ข้าจะกลับมาเล่นกับเจ้าอย่างแน่นอน มั่นใจได้เลยว่าวันนั้นเจ้าต้องหลั่งน้ำตาให้กับบิดาผู้นี้!!’

ขณะที่เขาเดินกลับไปยังกระท่อมน้อย เจ้าอ้วนก็เข้าไปยังมิติเก็บของเพื่อหยิบของออกมาสองชิ้น เขามองไปที่ดาบบินก่อนอันดับแรก ดาบนี้มีความยาวพอสมควร สีดำขลับ ถูกตีขึ้นมาจากเหล็กสีดำ ผิวของมันเต็มไปด้วยบาดแผล น่าแปลกที่ดาบนี้ไม่มีปลายดาบ แถมรูปแกะสลักบนดาบก็ได้รับความเสียดาย เหมือนดาบเล่มนี้พร้อมที่จะพังลงได้ตลอดเวลา

เจ้าอ้วนได้แต่โกรธพร้อมกับสาปแช่งอยู่ในใจ “สารเลว! ลี่เผิงความสามารถในการหาดาบของแกมีแค่นี้เองหรือ นี่คงเป็นของโบราณอายุไม่น้อยกว่าร้อยปี แกยังมีหน้าเอามาให้ข้าอีกงั้นเรอะ!!!”

หลังจากเขาได้ระบายความหงุดหงิดออกไป เจ้าอ้วนก็เกือบโยนดาบลงไปในกองหินสีดำ แต่หลังจากไตร่ตรองเพียงครู่ เขาคงไม่สามารถทำแบบนั้นได้ นี่เป็นดาบแรกในชีวิตของเขาแล้วมันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย!

เวลานี้เจ้าอ้วนนั้นมีสมบัติอยู่มากมาย เขารู้สึกขอบคุณพระเจ้าขึ้นมา พร้อมกับเลิกเสียเวลากับเรื่องเพียงเล็กน้อย พอคิดได้เขาก็โยนดาบบินออกไปข้างๆ และจัดการหยิบมิติเก็บของขึ้นมา เขาสำรวจมันทันทีพร้อมรู้สึกถึงพลังวิญญาณ เขาจึงรู้ทันทีว่ามิติเล็ก ๆ อันนี้มันมีพื้นที่เพียงห้าสิบฟุตเท่านั้น!

“ไอ้บัดซบเอ๊ย นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน อย่างน้อยมันต้องมีสักร้อยห้าสิบฟุตสิ!” ซ่งจงก่นด่าขึ้นมาอีกครั้ง “ในมิตินี้ก็คงไม่พ้นถูกใช้งานมาแล้วนับร้อยปีเป็นแน่! ให้ตายเถอะ! เพราะข้าไม่หยิบยื่นผลประโยชน์อันใดให้แก่เจ้าสินะ เจ้าจึงโยนขยะพวกนี้มาให้ข้า แล้วอุปกรณ์วิเศษที่เจ้าเอาไปอีก! บัดซบ! ไอ้แก่! ไอ้ขยะ! เรื่องมันไม่จบเพียงเท่านี้แน่นอน ต่อให้แกตายตกไป ข้าก็จะไม่มีวันปล่อยแกไป!”

ด้วยความโกรธจัด ซ่งจงโยนมันลงไปในกองดินสีดำ แต่เพียงครู่เขาก็รีบหยิบมันขึ้นมาพร้อมกับพึมพำ “ไม่ได้ ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท หากข้าไม่ใช้เจ้าขยะพวกนี้ ข้าจะไปบอกผู้อื่นอย่างไร อืม นั่นสินะ ข้าจะใช้เจ้าพวกนี้เป็นสิ่งอำพรางแล้วกัน!”

เมื่อคิดได้แล้ว เจ้าอ้วนก็อับจนหนทาง เขาเก็บของเหล่านั้นพร้อมกับบ่นในใจ “ลืมสนิทเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ขยะพวกนี้ตลอดไปหรอก แต่ประการแรก ข้าต้องเก็บของพวกนี้ไว้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกังขาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง หลังจากนั้นข้าค่อยไปรับการฝึกและรวบรวมสมบัติใหม่ รอจนข่าวของข้าเงียบหูไป ข้าจึงจะเปลี่ยนเจ้าขยะนี้เป็นสมบัติบางอย่างได้ สิ่งเดียวที่ข้าต้องทำในตอนนี้ก็คือการฝึกฝน และเมื่อวันนั้นมาถึงการบ่มเพาะพลังของข้าจักต้องสำเร็จอย่างแน่นอน!”

เมื่อคิดได้แล้ว ซ่งจงปรับอารมณ์ของเขาให้กลับมาเป็นปกติ เขาก้าวออกจากกระท่อมหลังน้อยเพื่อจะไปพบอาวุโสเพื่อที่จะมาเป็นอาจารย์ของเขา

โดยทั่วไป ศิษย์นอกสำนักทุกคนจะอยู่เหนือคนทั่วไปอยู่สามอย่าง นั่นคือสามารถได้รับวิธีบ่มเพาะพลังขั้นพื้นฐานและเทคนิคการปรุงยารักษาโรค พร้อมได้รับอาวุธวิเศษและอุปกรณ์วิเศษ นี่คือกฎที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้ศิษย์เหล่านี้เข้ามามีบทบาทในนิกาย

และแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้คือพื้นฐาน เป็นคู่มือสำหรับพวกขยะ หากต้องการได้รับสิ่งของที่ดีกว่านี้ก็จำเป็นจะต้องมีหินจิตวิญญาณเป็นการแลกเปลี่ยน

วิธีที่จะได้หินจิตวิญญาณที่ง่ายที่สุดคือไปทำงานให้กับนิกาย เช่น ช่วยนิกายปรับแต่งยันต์ ปรุงยารักษาโรคหรือสร้างอาวุธ เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็จะทำให้ได้รับของรางวัลจำนวนหนึ่งได้

หลังจากนั้นรางวัลเหล่านี้สามารถทำไปแลกวิธีบ่มเพาะพลังที่มีคุณภาพสูง หรือยารักษาโรค ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่ามันคือความยากที่เหล่าสาวกทุกคนจะต้องพบเจอ หลังจากเป็นศิษย์ในแล้วเท่านั้นจึงจะได้รับของโดยไม่ต้องค้นหาสิ่งใดไปแลกเปลี่ยน

มีเพียงสองทางเท่านั้นที่จะได้เข้าเป็นศิษย์ใน ทางแรกคือต้องมีพรสวรรค์ เพราะผู้เชี่ยวชาญระดับสูงจะลงมาชักชวนเข้าเป็นศิษย์ในด้วยตนเอง พร้อมให้ความคุ้มครองอย่างเต็มที่ และด้วยสิ่งเหล่านั้นเขาจะไม่รู้สึกขาดเหลืออันใด ทำให้สามารถมุ่งฝึกฝนไปที่การบ่มเพาะพลังเพียงอย่างเดียว

สำหรับศิษย์นอก พวกเขาสามารถพึ่งพาตนเองในการบ่มเพาะพลังได้เพียงแค่หลังจากบ่มเพาะไปถึงระดับสิบสามของเซียนเทียนเท่านั้น นั่นจะทำให้เขาประสบความสำเร็จในการสร้างรากฐานให้มั่นคง และมีคุณสมบัติที่จะเข้าเป็นศิษย์ใน

รากฐานนี้เป็นเป้าหมายต่อไปในอนาคตของเจ้าอ้วน เพื่อให้บรรลุแก่จุดหมาย เขาต้องจัดการอารมณ์ของตนเองใหม่ เพราะลี่เผิงคนนั้น เขาต้องการที่จะโลดแล่นออกไปเพื่อมอบของชำร่วยให้กับตาแก่นั่น นี่เป็นอีกคราที่เหล่าผู้อาวุโสสร้างความยุ่งยากให้กับซ่งจง

หากเขารู้ว่าผู้ใดไม่มีประโยชน์อันใดให้แก่เขา พวกเขาจะก่นด่าเปรียบเสมือนกับถังขยะ เป็นได้เพียงที่ระบายความเกลียดชังจนกว่าจะพอใจแล้วจึงขับไล่ออกไป

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ ซ่งจงยังคงปรากฏรอยยิ้มประดับไว้บนหน้าของเขาเสมอ

หลังจากที่ได้ผ่านประสบการณ์ที่ว่ามาจนนับไม่ถ้วน สภาพจิตใจของเขาได้รับการฝึกให้อดทนกับสิ่งเหล่านี้มามากพอสมควร และขณะนี้เขาจะไม่ต่อสู้กับคนเหล่านี้ด้วยวิธีการที่โง่เขลาอย่างแน่นอน สิ่งที่เขาจะทำคือจดจำใบหน้าของพวกมันไว้ให้หมด นำความโกรธที่มีไปมุ่งมั่นฝึกฝนวิชา และเมื่อวันที่เขาบรรลุเป้าหมาย เขาจะกลับมาแก้แค้นให้สาสม!

“สุภาพบุรุษ! แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย!!”

ใบหน้าของเขาแสดงถึงความขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ต้องการอาหารเย็นแล้วในวันนี้ จึงเดินกลับไปที่กระท่อมน้อยของเขา ซึ่งถือว่าโชคดีเพราะการเข้าสู่ระดับเซียนเทียนแล้วนั้นความอยากอาหารของผู้มีพลังจะไม่มากเท่ากับคนปกติ ถึงแม้เขาจะอยู่ในสภาวะไม่ต้องการอาหารแต่ว่าเขาก็ขาดอาหารได้เพียงไม่กี่วันเท่านั้น

หลังจากกลับมาแล้ว ซ่งจงโยนถังขยะออกมาพร้อมเข้าสู่สมาธิทันที เขาไม่ใช่ทาสอีกต่อไปแล้ว จากนี้ไม่ต้องไปเก็บขยะทุกวันอีกต่อไป หลังจากนี้เวลาที่เหลือของเขาทั้งหมดจะใช้มันเพื่อบ่มเพาะพลังเท่านั้น

แต่หลังจากที่เขามาถึงระดับเซียนเทียนแล้ว และเขาต้องการที่จะบ่มเพาะพลังต่อไปเขาจะต้องได้รับการช่วยเหลือจากภายนอก แค่อาศัยพลังวิญญาณจากภายในนิกายศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่เพียงพออีกแล้ว

เขาต้องนำสิ่งของเหล่านี้มารวมกัน ซึ่งประกอบไปด้วย ยา หินวิญญาณ และวิธีการบ่มเพาะพลังที่เหมาะกับเขา น่าเสียดายในตอนนี้เขาไม่มีสิ่งของเหล่านั้น อย่างไรก็ตามซ่งจงก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจนัก นับตั้งแต่เขามีมิติส่วนตัว สิ่งที่เขาต้องทำในตอนนี้คือรอเวลาเพียงแค่นั้น

การบ่มเพาะพลังในมิติของเขาผ่านไปหนึ่งคืนเต็ม เจ้าอ้วนตื่นขึ้นมารีบทำการซักล้างอย่างรวดเร็ว พร้อมกับหยิบดาบหัก ๆ ออกมา วันนี้แหละที่เขาจะเริ่มฝึกวิธีการใช้ดาบบิน!

ดาบบินนั้นถือว่าเป็นความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ระหว่างผู้มีพลังกับมนุษย์ธรรมดา ของสิ่งนี้ผู้ที่มีพลังเท่านั้นจึงจะได้ครอบครองมัน แต่หากไม่รู้วิธีการบิน ก็ไม่มีบุคคลคนไหนที่จะชายตามาแล

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด