ตอนที่ 3 : วิธีใช้งานอุปกรณ์วิเศษ
ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ
ตอนที่ 3 วิธีใช้งานอุปกรณ์วิเศษ
เจ้าอ้วนที่ยังคงสับสนอยู่นั้น เลือกจะวางคำถามนั้นลง กลับลงมือขุดดินสีดำอีก เขาพบยันต์ที่เหมือนกันอีกสามใบ หลังจากซ่งจงนำมันออกมา และใช้จิตวิญญาณสำรวจดินอีกครั้ง กลับพบว่ามันหยุดปล่อยปราณจิตวิญญาณและกลับสู่สภาพเดิมแล้ว
ดังนั้นเจ้าอ้วนรีบฝังยันต์ที่ขาดรุ่งริ่งนั้นกลับลงดินและพบว่าดินสีดำกลับปล่อยปราณจิตวิญญาณอีกครั้ง “ฮ่า ๆ! ในที่สุด ข้าก็เข้าใจแล้ว” เจ้าอ้วนราวกับค้นพบทางสว่าง กล่าวกับตัวเองอย่างตื่นเต้นว่า “ดินสีดำนี้สามารถย่อยสลายยันต์แล้วปล่อยปราณจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ภายในออกมาได้ ฮ่า ๆ เมื่อยันต์นี้สลายจนหมดสิ้น ไม่ใช่ว่าความหนาแน่นของปราณจิตวิญญาณในที่แห่งนี้ดีกว่าการฝึกในสำนักหรอกหรือ? ใช่หมายความว่าข้าสมควรเริ่มฝึกตนอีกครั้งหรือไม่?”
เจ้าอ้วนกระโดดไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น ดีใจจนน้ำตาไหล คืนวานทำให้เขาหดหู่ แต่วันนี้กลับทำให้เขามีความหวัง นับว่าเป็นเรื่องราวที่ไม่คาดคิดโหมเข้าใส่เจ้าอ้วนจนไม่อาจแบกรับได้
หลังจากดีใจได้ชั่วขณะ ซ่งจงพลันคิดขึ้นมาได้ว่า “หากดินสีดำสามารถย่อยสลายยันต์ได้ ก็ต้องย่อยสลายสิ่งอื่นได้ด้วยใช่หรือไม่?”
เจ้าอ้วนมองหายาอายุวัฒนะที่กลั่นล้มเหลวจากกองขยะด้านข้าง การดื่มยาอายุวัฒนะโดยตรงนั้นหาได้มีประโยชน์ใดกับเขาไม่ แต่เมื่อมันถูกกลั่นจากหญ้าจิตวิญญาณมันจะต้องมีปราณจิตวิญญาณแฝงอยู่แน่นอน
เมื่อเจ้าอ้วนฝังยาอายุวัฒนะลงไปภายในดินสีดำ คลื่นปราณจิตวิญญาณก็เริ่มกระจายออกมาจากดินสีดำด้วยความเร็วที่มากกว่า และมีความหนาแน่นมากกว่าขณะฝังยันต์ลงไป
“ฮ่าๆ ยาอายุวัฒนะที่ใช้การไม่ได้ก็ยังคงเป็นยาอายุวัฒนะ เต็มเปี่ยมด้วยปราณจิตวิญญาณ เมื่อเปรียบกับยันต์แล้ว ยาอายุวัฒนะกลับปล่อยปราณจิตวิญญาณออกมามากกว่า โอ้... ข้าใช่สมควรย่อยสลายมีดบินพวกนั้นด้วยหรือไม่ ภายในของมันคือหินจิตวิญญาณ ใช่ย่อยสลายได้หรือไม่” เมื่อเจ้าอ้วนกล่าวจบ เขาหยิบมีดบินที่ทิ้งแล้วปักลงไปในดินสีดำ หลังจากนั้นเขาจึงใช้จิตวิญญาณค้นหาความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ด้วยการเชื่อมต่อกับมิติลึกลับ เจ้าอ้วนกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีดบินเล่มนั้นกำลังสลาย แต่เพราะมีดบินนั้นยากต่อการแตกหักและการเสื่อมสลาย จึงนับว่าใช้เวลาในการย่อยสลายมากกว่าถึงสองเท่าเมื่อเปรียบกับยาอายุวัฒนะและยันต์ กล่าวได้ว่า ปราณจิตวิญญาณที่ออกมาจากมีดบินนั้นรวดเร็วอย่างยิ่งหากเทียบกับการสลายปราณจิตวิญญาณตามธรรมชาติ นับว่าความเร็วและความหนาแน่นของปราณจิตวิญญาณยังเหนือชั้นกว่ายาอายุวัฒนะ เพราะมีดบินล้วนประกอบด้วยหินจิตวิญญาณ ปราณจิตวิญญาณที่อยู่ภายในย่อมต้องมากกว่ายาอายุวัฒนะอย่างแน่นอน
ซ่งจงรู้สึกตื่นเต้นยินดีจากการค้นพบนี้ เขารีบเร่งนำขยะทั้งหมดจากห้องฝึกอาวุธฝังลงไป เขาฝังมีดบิน อาวุธเวทย์ แม้แต่มิติเก็บของที่ถูกทิ้งแล้วก็ฝังลงไปด้วย ทั้งหมดนี้ถูกฝังลงไปจนอัดแน่นเต็มพื้นที่ดินสีดำ
ดินสีดำก็หาได้ทำให้เขาผิดหวังไม่ มันย่อยสลายอย่างเชื่องช้าโดยหาได้คำนึงถึงจำนวนที่มี ความหนาแน่นของคลื่นปราณจิตวิญญาณที่ถูกปล่อยออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า กลับมีอยู่ทั่วมิติเล็ก ๆ แห่งนี้ ภายในไม่กี่ชั่วยาม ความหนาแน่นของปราณจิตวิญญาณที่อยู่ภายในกลับเป็นเช่นเดียวกับปราณจิตวิญญาณภายนอกมิติ
สถานที่เช่นสำนักเสวียนเทียนเมื่อถูกเลือกเพื่อก่อตั้งสำนักขึ้นมานั้นหาได้สุ่มเลือกขึ้นมาไม่ มันอยู่ท่ามกลางภูเขา อันเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณ เหมาะแก่การฝึกตน แม้ว่าสถานที่ที่เจ้าอ้วนอยู่อาศัยนั้น จะมีปราณจิตวิญญาณอยู่บางเบาที่สุดในสำนัก แต่หากเปรียบกับสถานที่อื่นนับว่ายังมีมากกว่าอยู่หลายเท่า
เมื่อดินสีดำสามารถทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่สำหรับฝึกตนภายในไม่กี่ชั่วยาม สมควรเรียกได้ว่า “สมบัติหายาก”
เจ้าอ้วนเข้าใจเรื่องทั้งหมดนี้ และตระหนักได้เสียทีว่าเขามีสมบัติล้ำค่าอยู่ในมือแล้ว เจ้าอ้วนรู้สึกตื่นเต้นยินดีจนไม่อาจข่มตาหลับได้ตลอดค่ำคืน
ผ่านไปหนึ่งวัน อุปกรณ์วิเศษของเจ้าอ้วนนับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมาก ความหนาแน่นของปราณจิตวิญญาณกลับมีมากเกินกว่าปราณจิตวิญญาณในกระท่อมของเขาเสียอีก เจ้าอ้วนจึงเริ่มต้นฝึกตนอยู่ภายในนั้น
พลบค่ำ เจ้าอ้วนจำใจออกจากมิติลึกลับและเริ่มต้นทำงานของเขา เขารีบเก็บขยะจากทั้งสามห้องลงในมิติลึกลับและรุดไปยังห้องอาหาร หลังจากเขารับประทานอาหารอย่างเต็มที่ เขาก็รีบกลับมายังกระท่อม
เมื่อเขากลับมาถึงกระท่อม เจ้าอ้วนก็กลับเข้าไปภายในมิติลึกลับ ทันทีที่เขาเข้าไป เขาก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เขาค้นพบอีกสองสิ่ง
สิ่งแรก ขนาดของมิติภายในมิติลึกลับกลับมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่เพียงแค่กว้างขึ้นเพียงหนึ่งหลาเท่านั้น นับเป็นสิ่งที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน หลังจากพิจารณาแล้ว สิ่งที่เจ้าอ้วนคิดคือ การย่อยสลายมิติเก็บของที่ใช้การไม่ได้นั้น มีโอกาสอยู่แปดส่วนจากสิบส่วนที่มิติเก็บของนั้นประกอบด้วยหินซวีหมี และวัตถุดิบอื่นที่พิเศษ วัตถุดิบเหล่านั้นสามารถขยายขนาดมิติของเขาได้ เจ้าอ้วนผู้ผิดหวังในขนาดของมิติกลับรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตราบใดที่เขาสามารถหามิติเก็บของที่ใช้การไม่ได้มาย่อยสลาย มิติของเขาก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นไปจนสามารถกลายเป็นเอกภพได้ นับเป็นเรื่องที่วิเศษมากสำหรับเขา
หากแต่สิ่งที่สองที่เจ้าอ้วนค้นพบนั้นพาลทำให้เจ้าอ้วนหมดสติจากความดีใจเกินเหตุ ที่เจ้าอ้วนสมควรรู้สึกเช่นนั้นคือ เขาค้นพบว่าที่บริเวณดินสีดำกลับมีภูเขาสีดำสูงครึ่งหลา ข้างภูเขามีแร่เงินขนาดเท่ากำปั้นและไข่มุกสิบเม็ดขนาดเล็กบ้างใหญ่บ้าง
หลังจากที่เจ้าอ้วนเพ่งพิจารณาต่อไป เขาพบว่าภูเขาสีดำนั้นคือ เหล็กสีดำ อันเป็นวัตถุดิบที่หาง่ายที่สุดที่ใช้ในการสร้างมีดบิน หากแต่มีวัตถุดิบอื่นเช่น เงิน ทองแดง และ แร่หายาก ทั้งหมดนี้คือวัตถุดิบที่ใช้ในการสร้างมีดบิน หรือ อาวุธเวทย์
เจ้าอ้วนเข้าใจในฉับพลัน ดินสีดำย่อยสลายสิ่งของที่ใช้การไม่ได้รวมถึงหินจิตวิญญาณ จนสลายกลายเป็นปราณจิตวิญญาณและวัตถุดิบ เช่น เหล็กดำ โดยทั้งหมดนี้จะถูกแยกออกเป็นกองที่แตกต่างกัน นับว่าขยะของผู้อื่นเมื่ออยู่ในมือของเจ้าอ้วน กลับคืนสู่วัตถุดิบตั้งต้นได้
“ข้ารวยแล้ว!!!” เมื่อเจ้าอ้วนค้นพบวิธีใช้งานมิติลึกลับ เขาก็พลันมองเห็นหนทางที่จะทำให้เขาร่ำรวยมั่งคั่งขึ้นมาได้
เมื่อหลอมสร้างอาวุธเวทหรือมีดบิน วัตถุดิบทั้งหมดจะหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ หากกระบวนการหลอมล้มเหลว วัตถุดิบที่หลอมรวมกันย่อมกลายเป็นขยะหากแต่ผู้คนไม่สามารถสกัดแยกมันออกจากกันได้ ดังนั้นสิ่งที่ทำได้มีเพียงทิ้งขยะเหล่านี้ไป แต่เจ้าอ้วนกลับสามารถย่อยสลายมันเพื่อให้มันกลับคืนสู่วัตถุดิบตั้งต้นอันเป็นวัตถุดิบมีราคา และนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง หากคนผู้หนึ่งคิดใช้วิธีนี้กับขยะภายใต้เหวเทียนโกว นับว่ามีเพียงเจ้าอ้วนเท่านั้นที่สามารถครอบครองความมั่งคั่งอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ได้
“ขุมทรัพย์!! มันคือขุมทรัพย์!!!” เจ้าอ้วนกระโดดไปรอบ ๆ อย่างลิงโลดอยู่ภายในมิติ เขาถึงกับน้ำตาไหลด้วยความยินดีเป็นอย่างมาก ตั้งแต่บิดามารดาจากไป นับเป็นครั้งแรกที่เจ้าอ้วนร้องไห้ แม้ตอนที่ผู้คนทำให้เขาเปียกโชกราวกับตัวตลก เขายังคงมีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอยู่เสมอ แม้ตอนที่เกือบหัวขาดเพราะคมวายุ แม้ตอนที่ได้รับประทานเพียงเศษอาหารในทุกวัน เขายังคงมีรอยยิ้ม เขาฝังความเกลียดชังลึกลงไปภายในจิตใจและข่มน้ำตาไว้ ขณะนี้เขาทราบแล้วว่าเขามีความหวังเพื่อความสำเร็จ เขาหลั่งน้ำตาที่กล้ำกลืนมาตลอดสิบปี!!!
กลับมาสู่โลกแห่งความจริง เจ้าอ้วนปาดน้ำตาบนใบหน้าออกไปด้วยความรุนแรงพลางด่าทอว่า “รอก่อนเถอะ เจ้าพวกสวะที่เคยรังแกข้า สักวันบิดาเจ้าจะกลับไปทวงหนี้แค้นให้สาสม!!!”
เจ้าอ้วนในขณะนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แม้ว่าเขายังคงมีพรสวรรค์อันย่ำแย่ แต่เขาหาได้กังวลไม่ ในยุทธภพเกิดปาฏิหาริย์ได้เสมอ มีผู้คนมากมายที่หาได้มีพรสวรรค์ไม่ แต่กลับสามารถขึ้นไปสู่ดินแดนแห่งอมตะได้ มีคำกล่าวว่า “ไร้ซึ่งพรสวรรค์ แต่ยังมียาวิเศษ!” หมายความว่า หากพรสวรรค์ของคนผู้หนึ่งนั้นย่ำแย่ เพียงต้องใช้ยาอายุวัฒนะหลายขนานแทน
มีคนผู้หนึ่งที่นับว่าเป็นขยะของสำนักเสวียนเทียน พรสวรรค์ของเขานับว่าเล็กน้อยแต่ยังเหนือกว่าเจ้าอ้วน หากแต่คนผู้นั้นกลับมีความเป็นอยู่ที่ดี บิดามารดาของเขา ปู่ของเขา ทั้งหมดเป็นผู้อาวุโสของสำนัก ในอดีตตอนที่เขาถือกำเนิด ทันทีที่ทราบว่ามีพรสวรรค์ที่ย่ำแย่ เขากลับได้รับยาวิเศษในทันใด เขาผ่านระยะเซียนเทียนตั้งแต่อายุแปดขวบ นับว่าได้ผลเช่นเดียวกับผู้คนที่ได้รับการขนานนามว่า “ผู้มีพรสวรรค์อันโดดเด่น” กลับกันแม้ซ่งจงจะมีความเพียรพยายามอันแรงกล้า แต่เขาเพียงผ่านระยะเซียนเทียนเมื่ออายุสิบหกปี นับว่าเป็นความห่างชั้นของการฝึกตนที่มากเกินไปนัก ตราบใดที่เจ้าอ้วนดื่มยาอายุวัฒนะมากพอ มีสมบัติที่เพิ่มความเร็วในการฝึกตนของเขา และวิธีการฝึกตนที่เหมาะสมสำหรับเขา การก้าวหน้าอย่างรวดเร็วหาใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป
ห้าปีแห่งความทุกข์ผ่านพ้น เจ้าอ้วนไม่อาจปล่อยให้มันรบกวนจิตใจเขาต่อ เขาแม้ดูผิวเผินแล้วช่างโง่เง่าเต่าตุ่น แท้จริงแล้วกลับฉลาดหัวไว หาไม่แล้วเขาคงไม่อาจมีชีวิตอยู่จนถึงขณะนี้ เจ้าอ้วนเข้าใจชัดแจ้งว่าความลับเรื่องสมบัตินี้ไม่อาจแพร่งพราย หากมันรั่วไหลออกไป สิ่งที่รอคอยเขาคงมีเพียงต้องหายตัวไปอย่างเงียบงัน ในทุกปีของสำนักเสวียนเทียนมักจะมีผู้ฝึกยุทธที่ตายอย่างผิดธรรมชาติอยู่นับไม่ถ้วน ยังมีศิษย์สำนักผู้หายตัวไปอย่างไร้เหตุผล และการฆ่าผู้คนเพื่อปล้นชิงทรัพย์ก็หาใช่สิ่งผิดปกติไม่ เพื่อจะยืดอายุขัยของคนผู้หนึ่ง พวกเขาหาได้สนใจสิ่งใดไม่ กระทั่งพี่น้องของตนก็ไม่ เจ้าอ้วนไม่ได้พึงปรารถนาการตายที่ผิดธรรมชาติเหล่านั้น
ด้วยสมบัติที่เจ้าอ้วนมีอยู่ทำให้เขาไม่อาจโอ้อวดผู้อื่นได้ ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับซ่งจงในขณะนี้คือ เขาสมควรใช้งานมันเช่นใดโดยไม่ดึงดูดสายตาผู้อื่น
“สิ่งแรก ข้าสมควรเข้าเป็นศิษย์ของสำนักอย่างเต็มตัวเสียที” เจ้าอ้วนกลับได้บทสรุปแล้ว
ในสำนักเสวียนเทียน มีศิษย์อยู่สามประเภท ศิษย์รับใช้ ศิษย์นอก และศิษย์ใน ขณะนี้เจ้าอ้วนเป็นเพียงศิษย์รับใช้ที่เป็นดั่งคนรับใช้ กลับมีศิษย์รับใช้จำนวนมากที่ไม่อาจถูกเลือกมาเป็นศิษย์เต็มตัวของสำนักได้ พวกเขาไม่แม้แต่อนุญาตให้ออกไปจากภูเขา เป็นดังเช่นคนรับใช้ของสำนัก
แต่คนรับใช้เหล่านี้ได้รับอนุญาตให้ฝึกตนด้วยหลักการฝึกตนขั้นต้นตามกฎของสำนักได้ ทันใดที่พวกเขาเข้าสู่ระยะเซียนเทียนได้ โดยไม่คำนึงถึงอายุ พวกเขาจะได้รับการขนานนามว่าศิษย์นอกในทันที นับเป็นศิษย์ของสำนักเสวียนเทียนอย่างเต็มตัวแล้ว จึงมีผู้คนทั่วไปที่ต้องการฝึกตนยอมทำทุกวิถีทางเพื่อเข้ามาเป็นศิษย์รับใช้ของสำนัก
ศิษย์นอกนับเป็นศิษย์ของสำนักอย่างแท้จริง และไม่ต้องทำงานชั้นต่ำอีกต่อไป พวกเขาจะได้รับหินจิตวิญญาณชั้นต่ำหนึ่งก้อนในทุกเดือน พวกเขากระทั่งได้รับอนุญาตให้เขียนยันต์คาถา กลั่นยาอายุวัฒนะและหลอมสร้างอาวุธ ศิษย์นอกนับว่ามีอิสระอยู่บ้าง พวกเขาได้รับอนุญาตให้ลงจากภูเขาและไปทำสิ่งที่ต้องการได้ เช่นที่กล่าวมา ทำให้ซ่งจงตัดสินใจเข้าร่วมเป็นศิษย์นอกเสียที
แม้ว่าศิษย์นอกดูราวกับมีความเป็นอยู่ที่ดี แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ศิษย์นอกที่ยากจนจะไม่ได้รับยาอายุวัฒนะ แม้แต่หินจิตวิญญาณชั้นต่ำสักก้อนที่สมควรได้รับทุกเดือนก็หามีไม่ พวกเขาจึงนับว่าถูกบังคับให้ทำภารกิจของสำนักเพื่อแลกมาด้วยยาอายุวัฒนะและหินจิตวิญญาณสำหรับฝึกตน
ศิษย์นอกจะได้รับการสนับสนุนให้สร้างอุปกรณ์ทางจิตวิญญาณ แม้ว่าพวกเขาจะไร้ความหวังในการก้าวหน้าในด้านการฝึกตนหากแต่พวกเขายังคงได้รับอนุญาตให้เป็นศิษย์นอก ยันต์ทุกใบ ยาอายุวัฒนะทุกขวด และอาวุธทุกชิ้น ทุกอย่างที่พวกเขาสร้างขึ้นมาจะถูกใช้สำหรับศิษย์เอก เพราะมีเพียงศิษย์เอกเท่านั้นที่นับว่าเป็นกำลังสำคัญของสำนัก