ตอนที่แล้วตอนที่ 1 : เจ้าอ้วนนักบวชเต๋า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3 : วิธีใช้งานอุปกรณ์วิเศษ

ตอนที่ 2 : ของวิเศษ


ติดตามการแจ้งเตือนตอนใหม่ก่อนใครได้ที่แฟนเพจ

Facebook Fanpage กดเลย

ตอนที่2 ของวิเศษ

เจ้าอ้วนหาได้ตระหนกตกใจไม่ กลับกันมันทำให้เขารู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เขาเคยอ่านคัมภีร์เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาทราบว่า มีเพียงวัตถุที่สามารถดูดซับเลือดเท่านั้นที่จะกลายเป็นของวิเศษได้ หากสมบัติที่ไร้ซึ่งคุณสมบตินี้และยังมีคุณภาพต่ำ มีผู้ครอบครองแล้ว สมบัติชิ้นนี้ไม่อาจทำการชำระได้ เฉกเช่นเดียวกันเมื่อวัตถุชิ้นนี้ดูดกลืนเลือดของเขาได้ นับเป็นการพิสูจน์ว่ามันสมควรชำระเป็นของวิเศษได้

เจ้าอ้วนรู้สึกตื่นเต้นลิงโลดจนลืมเลือนบาดแผลที่ข้อมือไป กลับรีบเร่งโคจรปราณจิตวิญญาณขั้นเซียนเทียนจากร่างกายของเขาเพื่อชำระไข่มุก ทันทีที่ปราณจิตวิญญาณเข้าไปในไข่มุก ซ่งจงพลันรู้สึกถึงสายใยที่ก่อตัวขึ้นระหว่างตัวเขาและไข่มุก

สองชั่วยามต่อมา ซ่งจงลืมตาขึ้นและพบว่าไข่มุกในมือหายไป เขาหาได้กังวลกับมันไม่ เพราะเขารับรู้ได้ว่ามันอยู่ในจุดตันเถียน หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายเขา

เพียงเจ้าอ้วนออกคำสั่งในใจ ไข่มุกดำปรากฏที่ฝ่ามือเขา มันหมุนวนอย่างเชื่องช้าและหามีความเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้น เจ้าอ้วนรู้สึกสลดใจที่พบว่าเขายังไม่เข้าใจวิธีใช้ไข่มุก

ด้วยความสิ้นคิด ซ่งจงพยายามเชื่อมต่อจิตวิญญาณลงไปในไข่มุก ทันทีที่สัมผัสกับไข่มุก จิตใจของเขาก็เลือนลางในทันใด ชั่วขณะหนึ่งเขาแตกตื่นตกใจเมื่อพบว่าตัวเขาอยู่ในอีกมิติหนึ่ง

มิติแห่งนี้ไม่ได้กว้างขวางมากนัก กว้างเพียงสิบหลาเท่านั้น มีรูปร่างเป็นวงกลม เหนือขึ้นไปมีแสงระยิบระยับคล้ายดาวที่ส่องแสงในยามค่ำคืน ใต้ฝ่าเท้าของเขาเต็มไปด้วยดินสีเหลือง และทางขวาของจุดกึ่งกลางนั้นมีดินสีดำที่ครองพื้นที่ถึงสองหลา

ขณะที่เจ้าอ้วนกำลังยืนอยู่ในมิติแห่งนี้นั้น เขารู้สึกผิดหวัง ที่แห่งนี้หาได้มีสมบัติเทพไม่ ไม่มีแม้แต่ปราณจิตวิญญาณ ที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่สำหรับฝึกตน ดินสีดำนั้นดูแตกต่างไปจากทั้งหมด ซ่งจงหยิบก้อนดินขึ้นมา เขาตระหนักได้ว่านอกจากสีที่แตกต่างแล้ว หามีอะไรแตกต่างจากสิ่งอื่นไม่ และไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของปราณจิตวิญญาณ

“น่าขำสิ้นดี!!” เจ้าอ้วนหัวเราะกับตัวเองอย่างหดหู่ “มันต้องเป็นเพียงมิติสำหรับเก็บของ แต่เพราะมันมีมากเกินไป ผู้คนจึงทิ้งขว้างมัน บิดามารดาของข้ากลับเก็บมันกลับมาเพราะคิดว่ามันคือสมบัติ ทำให้ข้าหลงโง่งมงายมาเสียนาน ข้าชำระของเช่นขยะเพื่อให้กลายเป็นของวิเศษของข้า ไยข้าจึงโชคร้ายเช่นนี้เล่า?”

หากเจ้าอ้วนรู้สึกหดหู่ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลก มิติเก็บของที่ธรรมดาที่สุดมักจะมีความกว้างตั้งแต่สิบถึงยี่สิบหลา หากเทียบกับของวิเศษของซ่งจง นับว่าไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก หมายความว่าเจ้าอ้วนได้หลอมรวมเข้ากับมิติเก็บของที่หาง่ายที่สุด เป็นขยะที่สุด เป็นเรื่องที่ทำให้เจ้าอ้วนรู้สึกหดหู่อย่างแน่นอน

“เฮ้อ!! มีกระเป๋ามิติก็ยังดีกว่าไม่มีอะไร!” สิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วก็ให้แล้วกันไป เจ้าอ้วนได้แต่กล่าวปลอบใจตัวมันเองอย่างนั้น “อย่างน้อย มิติเก็บของขยะก็ยังคงมีค่ามากกว่าหินจิตวิญญาณพวกนั้น ด้วยความสามารถของข้า ชั่วชีวิตนี้ข้าคงไม่อาจซื้อมันมาได้!”

แม้เจ้าอ้วนจะปลอบใจตัวมันเองแล้ว แต่ความคาดหวังที่ยาวนานนับทศวรรษ ความเจ็บปวดจากการฝึกฝนตลอดแปดชั่วยามต่อวัน เพื่อจะพบว่าตัวมันต้องมาพบพานกับชะตากรรมที่ทำให้เส้นทางแห่งการฝึกฝนถูกตัดขาดอย่างฉับพลัน ความรู้สึกเหล่านี้ยังคงทำให้มันต้องรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างหนัก สูญเสียกำลังใจในการฝึกฝนต่อไป มันจึงเอนกายลงนอนกรนอย่างเสียงดังแทน

เมื่อเจ้าอ้วนตื่นขึ้นมาในวันถัดไป เขาก็ต้องรู้สึกประหลาดใจที่เป็นเวลาพลบค่ำ เขาหลับตลอดวันหาได้ตื่นเพื่อรับประทานข้าวกลางวันไม่ เป็นเพราะเขาไม่ได้จัดการกับแผลที่ข้อมือของเขาเอง

แม้ว่าเส้นทางแห่งการฝึกฝนจะถูกตัดขาดสะบั้นลงไปแล้ว หากแต่เจ้าอ้วนไม่ได้คิดกระทำอัตวินิบาตกรรม เขาต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า หากเขาต้องการมีชีวิตต่อ เขาต้องไม่ยอมแพ้ให้กับงานเก็บขยะ แม้ว่าขณะนี้เขากำลังหิวโหย เขาก็ไม่อาจคิดจะเติมเต็มกระเพาะของเขาได้จนกว่าเขาจะทำงานเสร็จสิ้น ไม่เช่นนั้นแล้ว พ่อบ้านผู้ที่ชังน้ำหน้าเขาอยู่จะได้โอกาสขับไล่เขาออกไปจากภูเขา

แม้ว่าเขาเหนื่อยล้าทั้งทางกายและจิตใจ เจ้าอ้วนยังคงกัดฟันและรีบรุดไปยังห้องฝึกยันต์ เมื่อเขามาถึงห้องฝึกยันต์แล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่า เขาลืมหยิบตะกร้าเปล่าติดมือมาด้วย!!!

ตามกระบวนการของเจ้าอ้วนนั้น เขาจะต้องนำตะกร้าเปล่ามาวางทิ้งไว้ที่ห้องฝึกก่อนนำขยะไปทิ้ง ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาจะต้องนำตะกร้ากลับมาคืนที่เดิมหลังจากทิ้งขยะเสร็จ นับเป็นการเพิ่มระยะทางเกินความจำเป็น การเดินทางที่มีระยะทางมากกว่าหนึ่งร้อยลี้ เมื่อรวมกับอีกสองห้อง หมายถึงระยะทางกว่าสามร้อยลี้!!! หากเจ้าอ้วนทำงานเสร็จสิ้น ก็เป็นเวลาที่มืดค่ำเกินไป และคงไม่มีแม้แต่เศษอาหารในห้องครัวให้เขาได้ทาน   เจ้าอ้วนไม่ต้องการวิ่งเป็นร้อยลี้ และยิ่งไม่ใช่ในขณะที่กำลังหิวโหย เจ้าอ้วนรู้สึกแตกตื่นลนลาน ทันใดนั้นเขากลับตระหนักขึ้นมาได้ว่า ของวิเศษที่เขาเพิ่งชำระได้นั้น มิติภายในไข่มุกหาได้มีขนาดเล็กไม่ เขาสามารถใส่ขยะลงไปได้ถึงสิบตะกร้าโดยไร้ซึ่งปัญหาใด ๆ

เมื่อเขาคิดได้ดังนั้น แววตาของเจ้าอ้วนกลับเป็นประกายขึ้นมา เขาเร่งมือเก็บตะกร้าที่เต็มไปด้วยยันต์ เพียงแค่คิดเท่านั้นตะกร้าในมือเขากลับหายไป และด้วยการเชื่อมต่อระหว่างเขากับของวิเศษ ซ่งจงสัมผัสได้ทันทีว่าตะกร้าขยะนั้นอยู่ภายในมิติแล้ว

“ฮ่า ๆ ข้าทำได้แล้ว!!” เจ้าอ้วนเข้าไปภายในมิติด้วยความตื่นเต้นยินดี เขาเทขยะทั้งหมดลงบนพื้นแล้วกลับออกมาด้วยตะกร้าเปล่า

หลังจากเจ้าอ้วนทิ้งขยะลงไปภายในของวิเศษของเขาแล้ว เจ้าอ้วนรีบออกจากห้องฝึกยันต์รุดไปยังห้องฝึกยาอายุวัฒนะ ระหว่างทางเขาคิดในใจว่า “แม้ว่าของวิเศษชิ้นนี้จะกระจอกงอกง่อยก็ตาม แต่มันยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ในอดีตข้าต้องเดินทางสามรอบจากเหวเทียนโกวไปยังห้องฝึกทั้งสามห้องตามลำดับ แต่ด้วยวิธีนี้ข้าเพียงแค่นำขยะจากทั้งสามห้องนั้น เทลงไปภายในของวิเศษเท่านั้น แล้วค่อยเดินทางไปยังเหวเทียนโกวเพียงครั้งเดียว นับว่าเป็นการย่นระยะการเดินทางของข้าลงไปหนึ่งร้อยลี้”

เจ้าอ้วนจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของเขา ขณะนี้เขาเก็บขยะของทั้งสามห้องเสร็จสิ้นแล้ว และมันเป็นเวลามืดค่ำ เขาสมควรไปยังเหวเทียนโกวเพื่อทิ้งขยะทั้งหมด แต่หากเขาไปยังที่แห่งนั้น คงไม่มีแม้แต่เศษอาหารเหลือไว้ให้เขายามกลับมา แต่เมื่อเขาเก็บขยะของทั้งสามห้องแล้ว เขาสามารถกล่าวได้ว่า งานของเขาเสร็จสิ้น และไปยังเหวเทียนโกวในภายหลังก็ไม่นับว่าเป็นอะไร ผู้ใดจะมาสนใจเรื่องคนรับใช้ออกไปทิ้งขยะกันเล่า

ท้ายที่สุด เมื่อเจ้าอ้วนออกจากห้องฝึกอาวุธ เขากลับไม่ได้ไปเหวเทียนโกว แต่รีบรุดไปยังห้องครัว เขาจัดการกับอาหารมื้อสุดท้ายที่สหายของเขาเหลือไว้ให้ เจ้าอ้วนรับประทานอาหารอย่างตะกละตะกลาม เพราะเขาหิวโหยเป็นอย่างมาก รับประทานจนรู้สึกแน่นกระเพาะ และเพราะเขาวิ่งมา เขาจึงรู้สึกเหนื่อยล้า เขาจึงหาได้ไปเหวเทียนโกวไม่ กลับร่ำลาสหายของเขาเพื่อกลับไปยังกระท่อม ถึงอย่างไรเขาก็เก็บขยะทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว แม้ว่าจะทิ้งอยู่ภายในของวิเศษของเขานานขึ้นอีกก็หาเป็นไรไม่

หลังจากกลับมาถึงกระท่อม เจ้าอ้วนเริ่มต้นทำสมาธิตามความเคยชิน ใช้เวลาไปกว่าหนึ่งชั่วยาม ร่างกายเขากลับเต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณเซียนเทียน และทำให้เขารู้สึกสบายตัวมากขึ้น

ด้วยความเคยชินของเจ้าอ้วนนั้น เขาจะเริ่มต้นฝึกตนต่อ แต่ไยเขาต้องฝึกตน เมื่อเขาทราบว่าไร้ซึ่งความหวังในการฝึกตนที่เป็นเพียงการทำสมาธิอันน่าเบื่อหน่าย  ขณะนี้เขามีเวลาว่างแล้ว แต่เขากลับไม่ทราบวิธีการขจัดความเบื่อหน่ายออกไป สิบปีของการฝึกตนด้วยความโดดเดี่ยว ทำให้เขาเป็นคนสันโดษ เขาไม่มีสหาย ไม่มีแม้แต่สัตว์เลี้ยงเป็นของตนเอง เขาจึงต้องหาบางสิ่งบางอย่างมากระทำเพื่อคลายความเบื่อหน่ายนี้ออกไป

เจ้าอ้วนกลับคิดถึงของวิเศษอีกครั้ง “มันยังคงเป็นขยะอยู่ใช่หรือไม่? บิดามารดาของข้าถูกลวงโดยเศษขยะใช่หรือไม่? อนาคตของข้าถูกทำลายย่อยยับแล้วใช่หรือไม่? ชะตากรรมของข้าต้องถูกผู้คนรังแกตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของข้าอย่างนั้นหรือ?” ทุกครั้งที่เจ้าอ้วนคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าอ้วนรู้สึกไม่ยอมรับในชะตากรรมมากขึ้น

“ไม่ได้! ข้าจะต้องค้นหาอีกครั้ง มันต้องมีบางอย่างซ่อนอยู่ภายในเพียงแต่ข้ายังค้นไม่พบเท่านั้นเอง!” เมื่อเขาคิดเช่นนั้น เขาก็ปรากฎอยู่ภายในมิติอีกครั้ง

ในทันทีที่เจ้าอ้วนปรากฏตัว เขาสัมผัสได้ถึงคลื่นปราณจิตวิญญาณพุ่งผ่านเขาไป หากแต่ปราณจิตวิญญาณหาได้หนาแน่นไม่ ไม่อาจเปรียบกับปราณจิตวิญญาณของเขาในกระท่อมได้ แต่มันย่อมเป็นปราณจิตวิญญาณอย่างแน่นอน

“ช้าก่อน นี่คือปราณจิตวิญญาณใช่หรือไม่?” ซ่งจงรู้สึกประหลาดใจหลังจากสัมผัสกับปราณจิตวิญญาณได้ แต่ครั้งก่อนหน้าที่เขาเข้ามายังที่แห่งนี้ เขากลับไม่รู้สึกถึงปราณจิตวิญญาณ ไม่แม้แต่เศษเสี้ยว เพียงผ่านไปไม่นานกลับปรากฎปราณจิตวิญญาณขึ้นได้ หรือมิติแห่งนี้สามารถสร้างปราณจิตวิญญาณเองได้?!!

เจ้าอ้วนรีบย่อตัวลงทำสมาธิในทันที ปลดปล่อยจิตวิญญาณของเขาเพ่งพิจารณาถึงมิติแปลกประหลาดแห่งนี้ เพราะที่แห่งนี้คือของวิเศษของซ่งจง มันเชื่อมต่อกับจิตใต้สำนึกของเขา ทุกสิ่งทุกอย่างภายในมิติแห่งนี้ ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งสิ้น เขาทำได้แม้กระทั่งแทรกซึมจิตวิญญาณลงไปภายในดินเพื่อรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง

หลังจากการสำรวจมิติเสร็จสิ้นลง กลับปรากฏรูปร่างมิติที่แท้จริงออกมาที่ด้านหน้าของเจ้าอ้วน มันมีรูปร่างเป็นทรงกลม กว้างกว่าสิบหลา หนึ่งในสามของมันประกอบไปด้วยดิน และห่างไปจากจุดกึ่งกลางไปสองหลา กลับพบดินสีดำกว้างสามหลา

เมื่อมิติแห่งนี้เต็มไปด้วยปราณจิตวิญญาณ เจ้าอ้วนก็ส่งจิตวิญญาณผ่านมิติ ทันใดนั้นเขากลับพบว่าปราณจิตวิญญาณกำลังกระจายออกมาจากจุดกึ่งกลางซึ่งมีดินสีดำอยู่

เจ้าอ้วนลืมตาขึ้น มองที่จุดกึ่งกลางของดินสีดำนั้นมันถูกปิดด้วยกองชยะที่เขาทิ้งไว้ก่อนหน้า เมื่อเขารู้ว่าดินสีดำนั้นเป็นสมบัติที่ปล่อยปราณจิตวิญญาณออกมา เหตุใดเขาต้องปล่อยให้กองขยะอยู่ตรงนั้นเล่า?

เจ้าอ้วนกวาดเอาขยะทั้งหมดออกไปที่ด้านข้างอย่างไม่รีรอ ดินสีดำปรากฏขึ้น เจ้าอ้วนส่งจิตวิญญาณของเขาลงไปในดินอีกครั้ง กลับพบว่าภายใต้ดินสีดำนั้นมีวัตถุชิ้นหนึ่งที่กำลังปล่อยปราณจิตวิญญาณออกมาอย่างไม่ขาดสาย เขาไม่อาจห้ามความตื่นเต้นในครั้งนี้ได้ จึงรีบกระโจนลงไปขุดดินด้วยมือเปล่าจนสัมผัสได้ถึงวัตถุที่ทั้งนิ่มและลื่น

เจ้าอ้วนรู้สึกลิงโลดและกล่าวในใจว่า “ฮ่า ๆ มันกลับมีสมบัติอยู่ที่นี่จริง มาดูกันว่าเจ้าจะเป็นของสิ่งใด” เขารีบออกแรงดึงวัตถุนั้น หากแต่เมื่อเพ่งมองดูมัน เขาได้แต่ตกตะลึงเพราะสมบัติในมือนั้นเป็นเพียงยันต์ที่ถูกใช้แล้ว

ยันต์คือหนึ่งในอุปกรณ์สามัญที่เหล่าผู้ฝึกยุทธใช้ สามารถใช้เพื่อเสกคาถาที่ทรงพลังได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านกระบวนการใด นับว่าง่ายต่อการใช้งาน ดังนั้นทุกผู้คนสามารถใช้มันได้ เมื่อใช้ยันต์ ปราณจิตวิญญาณที่แฝงอยู่จะถูกปล่อยออกมา แต่อาจหลงเหลืออยู่ในยันต์เล็กน้อย ซึ่งจะสลายไปตามกาลเวลาเอง

ยันต์ในมือเจ้าอ้วนคือยันต์ที่ใช้งานแล้ว มันมาจากกองขยะของห้องฝึกยันต์ ถูกฝังลงไปในดินเพราะถูกกดทับด้วยขยะที่ตามมา กลับกลายเป็นยันต์นี้ ที่เป็นที่มาของปราณจิตวิญญาณที่รั่วไหลออกมา

ในขณะนี้ เจ้าอ้วนรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก แม้ว่าปราณจิตวิญญาณในยันต์กำลังกระจายออกมาหากแต่เชื่องช้ายิ่ง ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม พลังภายในนั้นจึงหายไปจนเกือบหมดสิ้น หลังจากเจ้าอ้วนพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาพบว่ายันต์ในมือเขานั้นขาดรุ่งริ่งเป็นรูอยู่ทั่วทั้งใบ ราวกับถูกฝังอยู่ใต้ดินมานับร้อยปี มันใช่เป็นขยะที่เขาทิ้งในวันนี้หรือไม่?

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด