BNH บทที่ 8 : แย่ยิ่งกว่าภรรยาน้อยอีก ?
บทที่ 8 : แย่ยิ่งกว่าภรรยาน้อยอีก ?
“สามเดือน ?!” เซ่า เหมงทำตาโตด้วยท่าทางตกใจ
“เฉียว อันหาว, นี่เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเป็นภรรยาน้อยของเขากันแน่ ?
ไม่สิ ฉันว่าเธอยังแย่กว่าภรรยาน้อยอีก ภรรยาน้อยอย่างน้อยก็ได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ แต่เธอเคยได้อะไรจากเขาบ้าง ?
ดูเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่สิ มีชิ้นไหนราคามากกว่าห้าดอลลาร์บ้าง ?
และจากอำนาจหน้าที่ของเขานั้น เขาสามารถทำให้เธอขึ้นไปเป็นนักแสดงแถวหน้าได้สบายๆ แต่บทบาทที่เธอได้รับในหนังเรื่อง “ตราบชั่วนิจนิรันดร์” ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย
เฉียว อันหาวยังคงไร้ซึ่งคำพูดใดๆ หัวใจของเธอสั่นไหวไปกับทุกคำพูดที่แทงใจของเซ่า เหมง
ทุกคำที่พูดมาเป็นความจริง, เธอดูแย่ยิ่งกว่าภรรยาน้อยอีก ภรรยาน้อยจะได้รับการเอาใจใส่จากผู้ชายที่หลับนอนด้วย
แต่ลู่ จินเหนียนกลับโกรธและเกลียดเธอ หลังจากที่เธอหลับนอนกับเขาในคืนนั้น..
เฉียว อันหาวยกกาแฟของเธอขึ้นดื่มอึกใหญ่ พร้อมกับกลืนก้อนสะอื้นลงไป ขณะนึกถึงใครคนนั้น
“เธอก็รู้ ฉันและเขาแต่งงานกันเพราะถูกบังคับจากครอบครัว เราไม่ได้มีความรู้สึกใดๆให้แก่กัน ก็ถูกแล้วที่เราจะไม่ได้ติดต่อหากันเลย”
เฉียว อันหาวและเซ่า เหมงรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีความสนใจในเรื่องต่างๆแตกต่างกัน แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมาก
ด้วยเหตุนี้, เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เซ่า เหมงก็เข้าใจเรื่องราวเป็นอย่างดี
เธอตกอยู่ในความเงียบไปพักใหญ่ มองไปที่เฉียว อันหาว ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
“เฉียวเฉียว, ตอนช่วงมัธยม ไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถพูดคุยกับเขาได้เลยยกเว้นเธอ
เขาดูแลเธออย่างดีและพวกเธอก็มักจะออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันเป็นประจำ เหตุใดความสัมพันธ์ของพวกเธอถึงสิ้นสุดลงช่วงมหาลัยล่ะ ? ทำไมพวกเธอถึงทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ?
หลายครั้งที่เขามักจะอารมณ์ร้อนและพูดจาเสียๆหายๆกับเธอ ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนั้นได้ล่ะ ?”
เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นเหรอ ? เฉียว อันหาวตกอยู่ในอาการมึนงง จ้องมองไปที่แก้วกาแฟของเธอเนิ่นนานก่อนจะส่ายหน้าช้าๆ
เธอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า
“ฉันก็ไม่รู้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฉันพยายามคิดหาเหตุผลให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ฉันก็จนปัญญาจริงๆ”
เลขาฯของลู่ จินเหนียนได้จอดรถรอเขาอยู่ที่ประตูทางออก เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาเดินออกมาจากโรงแรมจิงเฉงพอดี
เมื่อเลขาฯของเขาเห็นดังนั้นก็รีบลงจากรถเพื่อเปิดประตูให้กับเจ้านายของตน
เมื่อลู่ จินเหนียนเข้ามาในรถก็เกิดความเงียบขึ้น หลังจากเลขาฯนั่งประจำที่นั่งคนขับแล้ว ก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้านายของตนผ่านกระจกมองหลัง
เขาสังเกตเห็นว่าใบหน้าของลู่ จินเหนียนนั้นเรียบตึงและเขาก็เม้มปากเน่นเป็นเส้นตรง
เลขาฯของเขารู้ดีว่าไม่ควรเอ่ยถามใดๆในตอนนี้ จึงรีบสตาร์ทเครื่องยนต์และขับออกไป..