TXV – 145 โลกใบใหม่ !
TXV – 145 โลกใบใหม่ !
ฝ่ายจัดซื้อของบริษัทจิงดง ได้ส่งสินค้าสองชิ้นมาให้อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าและมีการกำหนดราคาเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม้เซลฟี่ 80 หยวน รถเข็นสินค้า 91 หยวน เงื่อนไขเพิ่มเติมคือพวกเขาต้องการจะให้ ไม้เซลฟี่นี้หมุนได้หลายองศายกตัวอย่างเช่น 7 85 324 จนไปถึง 360 องศา และสินค้านี้จะถูกขายโดยบริษัทจิงดงเท่านั้น นอกจากนี้แล้วจิงดงยังกำหนดให้ อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า มีกำลังการผลิต 30% ภายในเวลา 6 เดือน ถ้าภายในระยะเวลา 6 เดือนนี้ อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า สามารถผลิตไม้เซลฟี่ได้ถึง 200,000 ชิ้น จิงดงก็จะจ่ายเงินค่าสินค้าจำนวน 4.8 ล้านหยวนให้กับอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าทันที
สินค้าที่ผูกขาดไว้กับจิงดง ทำยอดขายได้มากกว่า 4.8 ล้าน จึงไม่ต้องเป็นกังวลเลยว่าสินค้าชนิดนี้จะขายไม่ได้ นี่เป็นการทำธุรกิจที่ฉลาดมากและสำหรับอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า แล้วมันก็เป็นการทำธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากเช่นเดียวกัน ดังนั้นหลังจากที่ตัวแทนของจิงดงได้เสนอถึงแผนงาน เซี่ยเล่ยจึงพูดคุยกับหลางซือเหยาเพียงเล็กน้อยเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจนี้
กำลังการผลิต 30% กำหนดเวลาการผลิตภายในหกเดือน นี่มันค่อนข้างเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากสำหรับอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าที่จะแก้ปัญหานี้ แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากต้องการหาช่องทางการตลาดใหม่พวกเขาก็ยังเหลือกำลังการผลิตอยู่อีก 70% และนี่ก็เป็นหน้าที่ฝ่ายขายของบริษัท ดูเหมือนว่าฝ่ายนี้จะต้องทำงานกันหนักมาก แต่ฝ่ายขายของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้ากลับไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องงนี้มากนัก นั่นเป็นเพราะสินค้าประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมากใน จิงดง ลูกค้าจากทั่วทั้งประเทศจะต้องโทรมาสั่งสินค้าจากพวกเขาอย่างล้นหลามแน่นอน
ดูเหมือนว่าคราวนี้ชางเซินจะช่วยพวกเขาเอาไว้ซะแล้ว
หลังจากได้เซ็นสัญญากับตัวแทนของ จิงดง แล้ว เซี่ยเล่ยก็กลับไปที่ห้องทำงานส่วนตัวเพื่อสร้างเครื่องจักรอัจฉริยะแต่ในครั้งนี้เขาไม่ได้ทำงานจนล่วงเวลาอีกแล้ว เมื่อชั่วโมงเร่งด่วนมาถึงเขาก็ออกมาจากห้องทำงาน
“ทำไมวันนี้ออกมาแต่เช้าได้ล่ะ?” หลางซือเหยาที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงาน เมื่อเห็นเซี่ยเล่ยเดินออกมาก็ค่อนข้างจะแปลกใจ หลายวันมานี้เธอต้องไปคนไปตามเขาออกมาจากห้องทำงานเพราะเขามักจะทำงานจนล่วงเวลาเสมอ แต่วันนี้เขากลับออกมาจากห้องทำงานได้ด้วยตัวเอง
“จริงๆแล้วระหว่างนี้ผมยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก แต่ผมคิดว่า ชางเซินได้ช่วยเราเอาไว้มาก เราควรจะตอบแทนเขาหน่อยนะ”
“คุณจะทำยังไง?”
“คุณคิดว่าเราควรเชิญเขาไปกินอาหารสักมื้อดีไหม?”
หลางซือเหยา ส่ายหน้า “คนที่รวยเป็นพันๆล้านแบบนั้น อาหารแบบไหนที่จะอร่อยสำหรับเขาล่ะ เราสามารถชวนเขาไปกินอาหารพร่ำเพรื่อได้ยังไง?”
“หรือว่าเราควรซื้อของขวัญมูลค่าหลายหมื่นบาทให้เขาดี?”
“ของขวัญอะไร?”
เซี่ยเล่ยคิดและตอบว่า “พวกเสื้อผ้าหรือนาฬิกาดูเหมือนว่าเขาจะมีมากพอแล้ว เครื่องประดับก็คงจะดูจะแปลกเกินไป ของโบราณหายากสักชิ้นหนึ่งก็เข้าท่าดีนะ ราคาต่อตัวนึงเป็นหมื่นเลยล่ะ”
“เป็นความคิดที่ดี แต่ใครจะเป็นคนซื้อล่ะ?”
“ผมจะให้หลงบิงซื้อ เธอมีเพื่อนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับของโบราณโดยเฉพาะ ดังนั้นมั่นใจได้เราไม่มีทางได้ของปลอมแน่นอน ถ้าใครรู้ว่าเราจ่ายเงินเป็นหมื่นๆเพื่อซื้อของปลอมคงจะขายหน้าเขาแน่ๆ” เซี่ยเล่ยพูด
หลางซือเหยา ยิ้มมุมปาก “หลงบิงเป็นแม่คุณหรือไง? เรื่องอะไรก็ต้องไปเกี่ยวข้องกับเธอตลอด”
“…”
เขาให้หลงบิงเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เมื่อเทียบกับเขามีเรื่องวุ่นวายมากมายให้จัดการแล้ว การให้คนๆเดียวมีหน้าที่ในการจัดซื้อของโบราณไปเลยนั้นดีกว่า แม้ว่าการซื้อกาน้ำชาโบราณจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่เรื่องบางอย่างเขาก็ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ ถ้าเขาพูดออกไปมันจะเป็นการเปิดเผยความลับทันที แต่เขาก็ได้ทิ้งประเด็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว สำหรับหลางซือเหยา ไม่สำคัญว่าใครจะเป็นคนซื้อ กาน้ำชาล้ำค่าน้ำได้ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั่นก็คือเธอกำลังรู้สึกอิจฉาที่หลงบิงใกล้ชิดกับเซี่ยเหล่ย
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเซี่ยเล่ยก็ดังขึ้น
เบอร์ที่โทรเข้ามาเป็นเบอร์แปลก เขากดรับสายและเสียงสูงของชางเซิน ก็ดังออกมา
“เพื่อนเซี่ย คุณอยู่ไหน?”
เมื่อวานเรียกว่าคุณเซี่ยวันนี้เรียกเพื่อนเซี่ยความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาไปอย่างรวดเร็วราวกับวิ่งร้อยเมตร
“ผมยังอยู่ที่บริษัท” เซี่ยเล่ยพูด “ขอบคุณมากนะครับพี่ชาง ตัวแทนผ่ายจัดซื้อจากจิงดงได้เซ็นสัญญากับเราแล้ว ผมอยากจะเลี้ยงอาหารสักมื้อเพื่อเป็นการขอบคุณ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าคุณจะโทรมา”
การเรียกเขาว่าเพื่อนเซี่ยก็เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าพวกเขาดูเหินห่างกันมากนัก การที่เขาเรียกว่าพี่ชายนั้นก็ทำให้เขารู้สึกว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันจริงๆ
“คุณไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ พูดแบบธรรมดากับผมเถอะ”
“ก็ได้ครับ” เซี่ยเล่ยยิ้มและหันไปทางหลางซือเหยา
“นี่” ชางเซิน พูด “ผมชวนเพื่อนๆหลายคนมาร้องเพลงด้วยกัน คุณมาสนุกกับพวกเราหน่อยมั้ย”
“เอ่อ…” เซี่ยเล่ยค่อนข้างลังเล เขาไม่ค่อยได้ไปคาราโอเกะบ่อยนัก แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าการร้องเพลงจะเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจ
“เพื่อนของผมเขาขายสินค้าปลีกส่ง ผมคุยเรื่อง ไม้เซลฟี่กับเขาแล้ว และเขาก็บอกว่านี่มันน่าสนใจมาก บางทีนี่อาจจะเป็นการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจที่ค่อนข้างดี” ชางเซิน พูด
“ดีเลย งั้นผมจะไป ที่ไหนล่ะ?” เซี่ยเล่ยถามอย่างตื่นเต้น
“ไนท์ฟาร์โกวูดส์คาราโอเกะ ผมจะให้ลู่เชิงออกไปรอรับคุณด้านหน้านะ”
“ได้ครับ สวัสดีครับ” เขาพูดและวางสาย
“ชางเซิน เขาให้คุณทำอะไรงั้นหรอ?” หลางซือเหยา ถาม
เซี่ยเล่ยตอบ “เขาแค่ชวนผมไปร้องเพลง จริงๆผมก็ไม่อยากไปหรอกนะ แต่เขาบอกว่ามีเพื่อนที่ขายสินค้าปลีกสนใจไม้เซลฟี่ของบริษัทเรามาก เขาแนะนำว่านี่อาจจะเป็นการตกลงทางธุรกิจที่ดี ผมว่าพวกเราควรจะไปนะ”
“ฉัน…” หลางซือเหยา อยากจะเห็นด้วยแต่เธอก็เปลี่ยนความคิดและพูดว่า “ฉันไปไม่ได้หรอก คุณไปเถอะ ตั้งแต่ที่คุณกับชางเซินเข้าใจกัน เรื่องนี้มันก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้วนี่ ฉันไปก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้หรอก”
“ไปนะ ไปเป็นเพื่อนผมหน่อย รู้ไหมว่าถ้าผมไปคาราโอเกะแล้วไม่ได้ร้องเพลงมันจะอึดอัดมาก” เซี่ยเล่ยพูด
“ฉันเองก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน” หลางซือเหยาพูด
“ทำไมล่ะ?” เซี่ยเล่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
ใบหน้าของ หลางซือเหยา แดงขึ้นเล็กน้อย “คุณนี่โง่เง่าจริงๆ ชางเซินเป็นเพลย์บอย เขาไปคาราโอเกะเพื่อร้องเพลงและดื่มกับผู้หญิง คุณเป็นสุภาพบุรุษเพราะฉะนั้นอย่าดื่มและปล่อยตัวไปกับผู้หญิงพวกนั้นนะ เข้าใจใช่มั้ย?”
“ผมทำไม่ได้งั้นหรอ?”
“ทำไม? ชางเซินเองก็รู้ความสัมพันธ์ของคุณกับฉันดี เขาไม่ได้เชิญฉัน ฉันไม่ไปน่ะดีแล้ว” หลางซือเหยาเป็นผู้หญิงที่ตรงไปตรงมาแต่บางครั้งเธอก็โลกแคบมาก.........
เซี่ยเล่ยยกมือขึ้นถูจมูก “ผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะเป็นสุภาพบุรุษไปได้จนจบหรอกนะ”
หลางซือเหยาหันไปมองเซี่ยเล่ย “แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีนะ”
เซี่ยเล่ยฝืนยิ้มและพูดว่า “ศิษย์พี่ ผมไปคุยเรื่องธุรกิจนะ คุณก็รู้นี่ว่าผมไม่ใช่คนแบบนั้น”
“เมื่อเย็นวานนี้คุณทำไม่ดีกับฉัน คุณยังไม่กล้ายอมรับอีกงั้นหรอ?”
เซี่ยเล่ยคิดว่าแม้ว่าจะกระโดดลงไปในเยลโล่รีฟเว่อร์ก็คงไม่สามารถล้างความผิดจากเขาไปได้...........
“เอาล่ะ ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น คุณก็แค่ไปคุยเรื่องธุรกิจ ถ้ามีผู้หญิงเข้าหาคุณก็บอกเขาไปว่า…คุณป่วยอยู่ก็แล้วกัน”
“…”
หลางซือเหยา หน้าแดงแต่ปากของเธอก็ยังไม่หยุดพูด “ผู้หญิงพวกนั้นสกปรก อย่าเข้าไปยุ่งเชียวล่ะ ถ้าคุณไปยุ่งฉันจะไม่สนใจคุณอีกเลย”
“แล้วทำไมคุณไม่ไปกับผมซะเลยล่ะ คุณจะได้มั่นใจไงว่าไม่มีใครมายุ่งกับผม” เซี่ยเล่ยพูด
ใบหน้าของหลางซือเหยาแดงยิ่งขึ้น “ฉันเป็นคนของคุณนะ คุณต้องรับปากฉันสิ”
เซี่ยเล่ยค่อนข้างที่จะกระอักกระอ่วนใจเป็นอย่างมาก
หลางซือเหยายื่นมือออกมาช่วยจัดระเบียบและผูกเนคไทให้เขาใหม่ “คุณรีบไปเถอะ อย่าปล่อยให้คนอื่นรอนาน ฉันจะออกไปเรียกรถ”
“ระวังตัวด้วย” เซี่ยเล่ยพูดกำชับและเดินไปยังประตูเข้าสำนักงาน
หลางซือเหยา หยุดเดินและตอบกลับมาว่า “คุณมีเวลาพอจะแวะซื้อถุงน่องคู่ใหม่มาให้ฉันได้มั้ย?”
“ฮะ?” เซี่ยเล่ยหันไปมอง หลางซือเหยา ท่าทางของเขาดูประหลาดใจและหวาดกลัวเล็กน้อย
หลางซือเหยา พูดด้วยความเขินอายว่า “ถุงน่องฉันเปียกฉี่น่ะ ซื้อมาให้หน่อยได้มั้ยล่ะ? ทำไมต้องให้พูดอะไรแบบนี้ด้วย! มันน่าอายมากนะ”
เซี่ยเล่ยนิ่งไปหลายวินาทีและยอมพยักหน้าในที่สุด เซี่ยเล่ยอยากจะอธิบายโดยเฉพาะเรื่องที่ชุดชั้นในของเธอเปื้อนแต่ก็ล้มเลิกความคิดไป แล้วเขาก็เข้าใจความคิดของเธอดีด้วย สาเหตุที่เธอให้เขาซื้อถุงน่องให้ก็เพราะอยากจะให้เขาออกมาจากคาราโอเกะเร็วขึ้นเท่านั้น เรื่องนี้ควรยกโทษให้เธอดีมั้ย?
หลังจากเซี่ยเล่ยออกไปแล้ว หลางซือเหยา ก็บ่นเล็กๆน้อยๆว่า “งี่เง่าจริงๆ คุณเป็นคนเก่งมากแต่ทำไมถึงโง่เรื่องของผู้หญิงนะ?”
นี่เป็นเรื่องจริง เซี่ยเล่ยสามารถเรียนรู้หลายๆอย่างได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักเขาจะกลายเป็นคนโง่เง่ามาก
เซี่ยเล่ยขับรถมาจากบริษัทและมาถึงไนท์ฟาร์โกวูดส์คาราโอเกะ เขาขับเช้าไปจอดใกล้ๆรถของลู่เชิงและเดินลงไปหาเขา
เขาพูดทักทายพร้อมกับรอยยิ้ม “ศิษย์พี่ลู่ สบายดีนะครับ”
ลู่เชิงยิ้มและตอบว่า “ศิษย์น้อง เจ้านายของผมอยู่ข้างใน เดี๋ยวผมจะพาคุณเข้าไปเอง”
เซี่ยเล่ยเดินตามลู่เชิงเข้าไปในไนท์ฟาร์โกวูดส์คาราโอเกะและถามว่า “เจ้านายของคุณต้องสนใจแดนซ์ฟอเรสแน่ๆ คุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
ลู่เชิงรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ยังมีท่าทางปกติ “ผมไม่รู้เรื่องสำคัญแบบนี้หรอกครับ อย่าพูดเรื่องของเจ้านายเลย ผมยังอยากจะมีงานทำอยู่”
“ผมไม่มีเวลา ถ้าไม่อย่างนั้นผมก็คงไปกับเขาแล้ว ศิษย์พี่ลู่คุณทำหน้าที่ได้ดีแล้ว แต่ถ้าชางเซินทำให้คุณทำงานพลาดล่ะ?” เซี่ยเล่ยพูด
ลู่เชิงพูดว่า “คุณอยากให้ผมลาออกงั้นหรอ? ผมไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายนี่ การทำงานเป็นบอดี้การ์ดไม่มีใครเห็นคุณค่านักหรอก” เขาพูดด้วยรอยยิ้มและตบไหล่เซี่ยเล่ย “ถ้าผมไม่ได้ทำงานที่นี่ ผมจะไปที่บริษัทคุณ คุณจะให้ผมทำงานที่แผนกไหน ?ในฐานะอะไร?”
เซี่ยเล่ยยิ้ม “ตราบใดที่คุณมาหาผม ตำแหน่งอะไรก็ได้ทั้งนั้น”
“สิ่งที่คุณพูดหลอกผมไม่ได้หรอกนะ!” ท่าทางของลู่เชิงเปลี่ยนไปเป็นจริงจัง
“ผมไม่ได้หลอกคุณ”
“ฮ่าๆๆ! เหมือนกันไม่มีผิด! ไม่แปลกใจเลยที่สือเหยาจะชอบคุณ”
“พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“คนทั้งโลกรู้ มีแต่คนโง่แหละที่ไม่รู้ ช่างมันเถอะ” เรื่องที่ลู่เชิงแอบชอบหลางซือเหยา นั้นไม่ใช่ความลับ เมื่อรู้ว่าหลางซือเหยาชอบคนๆหนึ่งอยู่เขาก็ไม่สบายใจ เหตุผลหลักที่ทำให้เขาอยากไปทำงานที่บริษัทของเซี่ยเล่ยก็คือหลางซือเหยา
การแอบชอบคนๆหนึ่งแม้ว่าจะไม่ได้ครอบครอง แต่ตราบใดที่ได้มองเห็นเธอทุกๆวันนั่นก็ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
เซี่ยเล่ยยังคงคิดถึงคำพูดของลู่เชิงก่อนหน้านี้
คำพูดเหล่านั้นเหมือนกับหินก้อนใหญ่ที่ถูกโยนลงในทะเลสาบในใจของเขา ทำให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่ และในเวลาต่อมามันก็กลับมาสงบลงอีกครั้ง
ติดตามตอนต่อไป.............