BNH บทที่ 3 : สิบสามปี
บทที่ 3 : สิบสามปี
ลู่ จินเหนียนจ้องเขม็งไปที่เฉียว อันหาวด้วยใบหน้ามุ่งร้าย พลางกัดฟันแน่น
เขาพ่นท้อยคำประโยคสุดท้ายออกไปก่อนที่จะปล่อยมือที่กำรอบคอของเธอออกอย่างไร้ซึ่งความปรานี
แล้วเขาก็เดินจากไป โดยไม่ชายตาแลเธออีกแม้แต่น้อย
เล่นเกมส์จนกว่าจะมีใครตายไปข้างนึง.. ขนตางอนยาวของเฉียว อันหาวสั่นไหวเบาๆ รับกับใบหน้าอันซีดเผือด
ตัวของเธอยังคงติดอยู่กับผนังคล้ายมีกาวเหนียวยึดเธอไว้ จนกระทั่งเสียงปิดประตูดังสนั่นนั้นเงียบลง
เธอค่อยๆกลืนน้ำลายที่ข้นเหนียวลงคอภายใต้ริมฝีปากที่แห้งผาก
เธอหมดสิ้นเรี่ยวแรง ทรุดตัวลงไปกับพื้นห้องน้ำที่เย็นเฉียบ แล้วน้ำตาก็ค่อยๆไหลออกมาบดบังสิ่งรอบตัว
ที่เธอนอนกับเขา เพราะต้องการเป็นหนึ่งในนักแสดงในหนังเรื่อง ตราบชั่วนิจนิรันดร์
เปล่าเลย เธอแค่ใช้มันเป็นข้ออ้างในการซ่อนความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ
ความรู้สึกลึกๆที่เธอซ่อนไว้ “เธอรักเขา” . . .
เธอแอบรักเขามานานกว่าสิบสามปี และเธอก็ไม่ต้องการให้เขารับรู้ความรู้สึกนี้ของเธอด้วย
เธอคิดว่า การเก็บซ่อนความรู้สึกนี้ไว้ จะทำให้อะไรๆดำเนินไปได้ด้วยดี
แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าแค่การดื่มเหล้าจนเมามายเมื่อคืนนี้นั้นจะส่งผลให้ความลับในใจที่เธอเก็บซ่อนไว้ถูกเผยออกมา เห็นได้ชัดว่าเธอประเมินความสามารถในการกุมความลับของเธอสูงไป
ถึงแม้ว่าการกระทำของเฉียว อันหาวจะทำให้ ลู่ จินเหนียนโกรธเธอมาก
แต่หลังจากนั้นสามวัน เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากทีมงานของหนังเรื่อง ตราบชั่วนิจนิรันดร์ เพื่อแจ้งว่า เธอได้ผ่านเข้าสู่การออดิชั่นแล้ว
เธอไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าการออดิชั่นของเธอครั้งนี้เป็นการตัดสินใจของผู้กำกับหรือคำสั่งของลู่ จินเหนียนกันแน่ ?
เนื่องจากผลงานการแสดงที่ผ่านมาของเธอยังมีไม่มากนัก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงเป็นตัวละครหลักของเรื่องแต่เธอก็ไม่ใช่ตัวประกอบทั่วไป แต่นี่จะเป็นโอกาสที่เธอจะได้รับบทบาทที่ดีกว่าหลายๆครั้งที่ผ่านมา
ตั้งแต่ที่มีนักแสดงหลายคนสวมบทบาทที่ได้รับไม่ดีพอ ทำให้ต้องมีการออดิชั่นก่อนการคัดเลือกนักแสดงทุกครั้ง และหากผ่านการออดิชั่นแล้วก็จะได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นนักแสดงในหนังเรื่องนั้นๆทันที
สามวันหลังจากนั้น เฉียว อันหาวได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในนักแสดงของหนังเรื่อง ตราบชั่วนิจนิรันดร์, เป็นช่วงเวลาหลังจากลู่ จินเหนียนบินไปถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่กรุงโรมได้เพียงแค่หนึ่งวัน
หลังจากผ่านค่ำคืนนั้นมา ทั้งคู่ก็ไม่ได้พบหน้ากันอีกเลย
สามเดือนผ่านไป ..
หลังจากเวลาผ่านมากว่าสามเดือน การถ่ายทำของหนังเรื่อง ตราบชั่วนิจนิรันดร์ ก็ประสบความสำเร็จและสามารถทำรายได้ไปกว่าสามสิบล้านดอลลาร์
ทีมงานทุกฝ่ายต่างปลาบปลื้มใจ, โดยเฉพาะผู้กำกับ เขาได้ทำการจองห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรมจิงเฉง เพื่อเลี้ยงฉลองให้กับทีมงานทุกๆฝ่าย
หนังเรื่อง ตราบชั่วนิจนิรันดร์ จะถ่ายทำเสร็จประมาณบ่ายสามโมง ทีมงานฝ่ายเทคนิคจำเป็นต้องเก็บอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ นักแสดงก็ต้องลบเครื่องสำอางค์และเปลี่ยนเสื้อผ้าของตน เนื่องจากงานเลี้ยงฉลองจะเริ่มขึ้นราวสองทุ่มของคืนนี้
ลู่ จินเหนียนพักอยู่ที่กรุงโรมตลอดการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา ซึ่งเขามีเวลาว่างแค่สองวันจากตารางงานทั้งหมด และเขาจำเป็นต้องบินกลับมาเพื่อจัดการกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในบริษัทของเขา
เนื่องจากมีเวลาจำกัด ลู่ จินเหนียนแทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนหลังจากการเดินทางที่ยาวนาน เมื่อเครื่องบินลงสู่สนามบินนานาชาติปักกิ่ง เขาก็รีบตรงไปที่บริษัททันที
เขาไม่มีเวลาได้พักเลยแม้แต่น้อย การประชุมเริ่มขึ้นทันทีหลังจากเขาเข้ามายังบริษัท เนื่องจากคณะกรรมการทุกคนมาพร้อมหน้าและรอการมาถึงของเขาอยู่ก่อนแล้ว
การประชุมดำเนินไปตั้งแต่เวลาบ่ายสามโมงและสิ้นสุดลงช่วงเวลาประมาณหกโมงเย็น
หลังจากนั้น เลขาฯของลู่ จินเหนียนก็ได้ตามเขาไปยังห้องทำงาน
“คุณลู่ครับ ผมได้ทำการจองเที่ยวบินเพื่อกลับกรุงโรมในช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันนี้เรียบร้อยแล้วนะครับ และหลังจากกลับไปถึง คุณจะมีเวลาพักผ่อนประมาณสิบห้าชั่วโมง ก่อนการถ่ายทำฉากต่อไปครับ”