ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 161 เต็มใจถูกใช้ประโยชน์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 163 ราชาหมาป่ามุงกุฎสายฟ้า

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 162 บัวสมบัติสวรรค์


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 162 บัวสมบัติสวรรค์

แม้ฟางหยวนต้องการเข้าไปสำรวจมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ แต่เขายังไม่สามารถหาเวลาที่เหมาะสมได้ ในฐานะผู้อาวุโส มีหลายคนกำลังจับตามองเขา ขณะเดียวกันเขาก็ต้องช่วยต่อต้านคลื่นหมาป่าและไม่มีโอกาสแยกตัวออกมา

ในเวลาที่เขาสามารถกลับมายังถ้ำลับใต้ดินอีกครั้ง มันก็เป็นเวลามากกว่าสิบวันหลังจากนั้น

ค่ำคืนในช่วงท้ายของฤดูร้อน

ฝนพึ่งหยุดตกและเริ่มเผยให้เห็นสัญญาณของฤดูใบไม้ร่วง

ดวงจันทร์ยังแขวนสูงอยู่บนท้องฟ้า

เสียงเห่าหอนของหมาป่าผสานกับเสียงกรีดร้องของจิ้งหรีด ฟางหยวนยืนอยู่บนหน้าผาและสังเกตการณ์

แสงจากโคมไฟจำนวนมากส่องสว่างไปทั่วหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล กำแพงหมู่บ้านถูกซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลาทำให้ความสงบเงียบในยามค่ำคืนสูญสิ้น

"หลังจากการกำเนิดใหม่ของข้า สถานการณ์ภัยพิบัติคลื่นหมาป่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ในความทรงจำของข้า ราชาหมาป่ามงกุฎสายฟ้าจะต้องมาถึงเมื่อสามวันก่อน แต่ตอนนี้มันกลับยังไม่ปรากฏ"

ฟางหยวนถอนหายใจ คืนนี้เขามีเวลาว่างเล็กน้อย ดังนั้นจึงต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์

ครู่ต่อมาเขาจึงเข้าไปในถ้ำลับอีกครั้ง

ทางเข้าถ้ำยังเต็มไปด้วยเศษฝุ่นทรายสีเทาที่เขาทิ้งเอาไว้โดยปราศจากรอยเท้า นี่หมายความว่ายังไม่มีผู้ใดค้นพบสถานที่แห่งนี้

แม้มันจะเป็นวิธีการตรวจสอบแบบหยาบๆที่ไม่สามารถเรียกได้ว่าผู้เชี่ยวชาญ แต่จากประสบการณ์ของฟางหยวน มันยังใช้งานได้ดี

แน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงเท่านี้ หลังจากการตรวจสอบกลไกป้องกันที่เขาวางเอาไว้หลายชั้น เขาจึงมั่นใจว่าถ้ำแห่งนี้ยังปลอดภัย

ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทั้งหมดก็คือหลังจากการเกิดใหม่ของเขา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์คลื่นหมาป่า อาจมีบางคนค้นพบสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ

เขาเดินเข้าไปในห้องลับที่สองก่อนจะผลักประตูหินและตรงไปยังป่าหินใต้พิภพ

เส้นทางที่เขาคุ้นเคยถูกเติมเต็มด้วยวานรหินตาหยกอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางหยวนเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม แม้วิญญาณจันทร์สีเลือดจะมีพลังโจมตีไม่สูงนักเมื่อเทียบกับวิญญาณระดับสามทั่วไป แต่มันยังถือว่าห่างไกลจากวิญญาณจันทร์กระจ่าง

ฟางหยวนใช้เวลาสามชั่วโมงในการเปิดเส้นทางทั้งหมด

เขาเดินลงไปตามบันไดหินก่อนจะพบกับประตูหินที่เขายังไม่เคยเปิด

แต่ครั้งนี้เขากลับเปิดประตูหินโดยปราศจากความลังเล

เขาทิ้งคบเพลิงเอาไว้ทุกๆสิบก้าว ถ้ำตะขาบแห่งนี้ค่อนข้างยาวไกล มันมีความสูงสามเมตร กว้างสองเมตร และเต็มไปด้วยทางแยก ทุกก้าวที่ฟางหยวนเดินหน้า เขาจะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของบางสิ่งดังมาจากทุกทาง

ที่จุดสิ้นสุดของแสงสว่าง ฟางหยวนสามารถมองเห็นตะขาบจำนวนมาก มันเป็นเพียงเพราะแสงสว่างจากคบเพลิงที่ทำให้ฝูงตะขาบยังไม่ได้พุ่งเข้าโจมตีเขา แต่ฟางหยวนรู้ว่าพวกมันจะรวมตัวกันเป็นฝูงใหญ่ก่อนที่จะเริ่มลงมือ

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่สนใจพวกมันแม้แต่น้อย

หากเขายังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง วิญญาณหยกขาวจะไม่สามารถปกป้องเขา แต่มันไม่ใช่สำหรับวิญญาณเกราะนภาของผู้ใช้วิญญาณระดับสาม ความกังวลเดียวของเขามีเพียงราชาตะขาบ ตะขาบทองคำทำลายล้าง

และมันก็ปรากฏตัวในที่สุด!

ฟางหยวนจงใจปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้ใช้วิญญาณระดับสามออกไป

กลิ่นอายชนิดนี้ทำให้ตะขาบทองคำทำลายล้างรู้สึกถูกคุกคาม สำหรับมัน ฟางหยวนคือสัตว์ป่าที่เข้ามาในอาณาเขตของมันและต้องถูกกำจัดทันที

แต่ฟางหยวนก็เตรียมตัวรับมือเอาไว้แล้ว

ตะขาบทองคำทำลายล้างยาวหนึ่งเมตรกว้างเท่ากำปั้นมนุษย์ขดตัวอยู่รอบนอกแสงสว่างราวกับอสรพิษกำลังซุ่มโจมตีเหยื่อของมัน

เป็นวินาทีถัดมาที่มันเริ่มเคลื่อนที่เข้ามาหาฟางหยวน

กลิ่นอายของผู้ใช้วิญญาณระดับสามทำให้มันตื่นตัวแต่ไม่หวาดกลัว หากเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่ มันจะไม่กดดันฟางหยวนเช่นนี้ แต่หากเป็นกลิ่นอายแม้เพียงน้อยนิดของผู้ใช้วิญญาณระดับห้า มันจะวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต

ฟางหยวนยกคบเพลิงในมือขึ้นส่องสว่างเพื่อตรวจสอบการเคลื่อนไหวของศัตรู

ภายใต้แสงไฟ ร่างของมันสะท้อนแสงสีทองออกมาขณะที่มันเริ่มส่งเสียงคำรามเพื่อออกคำสั่งบริวารของมัน

ตะขาบจำนวนมากเข้าปิดล้อมฟางหยวนจากทุกทิศทุกทางทั้งบนพื้น ผนัง หรือเพดานถ้ำ

ฟางหยวนไม่สนใจพวกมันแต่กระตุ้นใช้งานวิญญาณเกราะนภา แสงสีขาวส่องประกายระยิบระยับขึ้นบนร่างกายของฟางหยวนและทำให้เขาดูเหมือนสวมเกราะคริสตัลเอาไว้ทั้งหมด

ตะขาบเหล่านั้นไม่สามารถทำสิ่งใดเกราะคริสตัลนี้ได้

พวกมันคลืบคลานอยู่บนร่างกายของฟางหยวนไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือใบหู กล่าวได้ว่ามันดูน่าสยดสยองเล็กน้อย แต่พลังป้องกันของฟางหยวนเป็นบางสิ่งที่เหนือกว่าความสามารถของพวกมันที่จะทำลาย

ในชีวิตก่อนหน้าฟางหยวนต้องกินทุกสิ่งทุกอย่างที่หาได้ในถิ่นทุรกันดาร ไม่ว่าจะเป็นงูพิษ ตะขาบ หรือแมงป่อง ความจริงรสชาดของพวกมันก็ไม่เลวร้ายนัก ฟางหยวนยังรู้สึกคุ้นชินอยู่พักใหญ่ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกขยะแขยงตะขาบเหล่านี้ ตรงข้าม ความสนใจของเขาอยู่ที่ตะขาบทองคำทำลายล้างเท่านั้น

ตะขาบสีทองค่อยๆเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ฟางหยวน

เมื่อมันอยู่ห่างจากเขาในระยะสามหรือสี่ก้าว ฟางหยวนหยุดปลดปล่อยกลิ่นอายของตนอย่างกะทันหัน

ตะขาบทองคำทำลายล้างตระหนักถึงเรื่องนี้ มันจึงพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนทันที

"ฟิ้ว..."

มันขดตัวรัดพันร่างกายของฟางหยวนเอาไว้ในพริบตา แต่ในจังหวะนี้ฟางหยวนกลับยกมือทั้งสองข้างคว้าจับไปที่ศีรษะของมัน

ตะขาบทองคำทำลายล้างดิ้นรนต่อสู้กับฟางหยวน ขณะที่ฟางหยวนรู้สึกว่าพละกำลังของหมูป่าสองตัวยังไม่เพียงพอที่จะต่อต้านมัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อขาใบมีดของมันเริ่มเคลื่อนไหว

"เคล้ง เคล้ง เคล้ง เคล้ง เคล้ง..."

ราวกับเลื่อยไฟฟ้าปะทะกับผลึกคริสตัลและส่งเสียงบดขยี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ฟางหยวนเร่งส่งพลังวิญญาณให้กับวิญญาณเกราะนภาเป็นเหตุให้เกราะคริสตัลส่องแสงสว่างไสวมากขึ้นไปอีก ขณะเดียวกันมันก็เกิดประกายไฟปะทุขึ้นอย่างรุนแรง

พลังวิญญาณของฟางหยวนมีอยู่เพียงสี่สิบสองส่วน ดังนั้นมันจึงไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนวิญญาณเกราะนภาได้นานนัก

แต่ฟางหยวนไม่รู้สึกท้อแท้ แม้เขาจะไม่สามารถหลุดรอดไปจากพันธนาการของตะขาบทองคำทำลายล้าง แต่เขายังมีไพ่ตายอยู่ในมือ

วิญญาณกาลเวลา!

เพียงหนึ่งความคิด จั๊กจั่นไม้บินขึ้นมากจากทะเลวิญญาณของเขาทันที

เวลานี้มันฟื้นตัวขึ้นแล้วถึงยี่สิบส่วน ดังนั้นกลิ่นอายของมันจึงทรงพลังมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน

เมื่อกลิ่นอายชนิดนี้รั่วไหลออกมา ตะขาบสีทองที่กำลังโจมตีอย่างหนักหน่วงกลับยอมจำนนทันที

มันเป็นเพียงวิญญาณระดับสาม ต่อหน้าวิญญาณระดับหก มันไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัว

ฟางหยวนสัมผัสได้อย่างชัดเจน ก่อนหน้านี้เขาพยายามหยุดมันราวกับกำลังจับศีรษะงูพิษเอาไว้และทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้มันกัด แต่ในเวลาต่อมา มันกลับกลายเป็นเชือกนุ่มๆที่ไม่มีอันตราย

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางก่อนจะส่งพลังวิญญาณเข้าไปในร่างตะขาบสีทองโดยปราศจากอุปสรรค

ในช่วงเวลาเพียงสองหรือสามลมหายใจ เขาก็สามารถปรับแต่งมันได้อย่างสมบูรณ์

ฟางหยวนปล่อยมือทั้งสองข้าง ขณะที่ตะขาบทองคำทำลายล้างเคลื่อนที่จากรอบเอวของฟางหยวนไปรัดพันอยู่บนแขนของเขา

ฝูงตะขาบที่อยู่รอบๆเร่งหลบหนีไปราวกับน้ำหลาก

ด้วยกลิ่นอายโดยธรรมชาติของตะขาบทองคำทำลายล้าง มันจึงสามารถควบคุมตะขาบเหล่านั้น แต่เมื่อฟางหยวนกลายเป็นเจ้านายมัน มันจึงสูญเสียการสื่อสารกับฝูงตะขาบตัวเล็กตัวน้อย

ฟางหยวนไม่สนใจที่จะกำจัดตะขาบเหล่านั้น อย่างไรก็ตามการปล่อยให้พวกมันหลบหนีไปมีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่กี่ปีตะขาบทองคำทำลายล้างตัวใหม่จะถือกำเนิดขึ้น แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟางหยวนอีกต่อไป

เป็นเพียงหลังจากนั้นที่ฟางหยวนเดินสำรวจลึกเข้าไปในถ้ำ

อุโมงค์แห่งนี้มีทางแยกอยู่มากมาย เมื่อเดินไปได้ระยะหนึ่ง เขาก็พบทางสามแยกอีกครั้ง

ฟางหยวนใช้หญ้าใบหูปฐพีติดต่อกับพื้นพิภพก่อนจะตัดเส้นทางสายกลางทิ้งและเลือกเดินเข้าไปในเส้นทางด้านขวา ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาพบกับทางตัน ดังนั้นเขาจึงเดินย้อนกลับและเปลี่ยนเป็นเส้นทางด้านซ้าย

เขาสามารถขับไล่ฝูงตะขาบให้ออกห่างจากเขาในรัศมีการโจมตีของตะขาบทองคำทำลายล้าง

ด้วยเหตุนี้ มันจึงกลายเป็นเรื่องง่ายในการสำรวจเส้นทางของฟางหยวน

ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็พบเงื่อนงำบางอย่าง

"นี่เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือมนุษย์!" มันทำให้หัวใจของฟางหยวนเกิดระลอกคลื่นขึ้นทันที

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเส้นทางที่ถูกสร้างขึ้นโดยแมงมุมปฐพีของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้

ฟางหยวนเดินไปตามเส้นทางสายนี้ด้วยความระมัดระวังตัวมากขึ้น บนเส้นทางสายนี้เต็มไปด้วยตะขาบ แต่มันกลับกลายเป็นข้อได้เปรียบของเขาและทำให้เขาสามารถกำจัดกับดักที่ถูกวางไว้ออกไปได้อย่างง่ายดาย

อุโมงค์สายนี้ยาวกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้ ฟางหยวนต้องใช้เวลาอีกสองสามชั่วโมงเพื่อข้ามผ่านระยะทางที่นำลงสู่ใต้พิภพอย่างต่อเนื่อง

เขาหยุดเท้าและใช้หญ้าใบหูปฐพีติดต่อกับพื้นพิภพทุกระยะเพื่อป้องกันสิ่งไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้น

"ซู่...ซู่..."

"มันคือสิ่งใด?" ฟางหยวนได้ยินเสียงแปลกๆดังขึ้นอย่างกะทันหัน

พริบตาหลังจากนั้นเขาจึงตระหนักถึงสิ่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว

"เสียงน้ำ...หรือว่า..." ความคิดของเขาโลดแล่นไปอย่างรวดเร็ว

ในที่สุดเขาก็พบกับกำแพงคริสตัลอยู่ที่ปลายทางสายนี้

ด้านหลังกำแพงคริสตัลเป็นน้ำ...

"ข้าคิดว่ามันเป็นน้ำพุจิตวิญญาณธรรมชาติ" ฟางหยวนหรี่ตามอง

ไม่นานหลังจากนั้นเขาจึงสังเกตเห็นบางสิ่งที่อยู่ด้านหลังกำแพงคริสตัล

มันเป็นดอกบัวสีฟ้าอ่อนที่ลอยอยู่ในน้ำ

"นี่...นี่คือบัวสมบัติสวรรค์!" ฟางหยวนตะลึง