ตอนที่แล้วTXV – 142 ธุรกิจและจิตใจที่แน่วแน่ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTXV – 144 จำอะไรไม่ได้เลยหรอ ?

TXV – 143 เพื่อน !


TXV – 143 เพื่อน !

 

         ชายสองคนมีคนหนึ่งอยู่บนฝั่งและคนนึ่งอยู่ในน้ำกำลังมองหน้าซึ่งกันและกัน

 

         ชายสองคนนี้มีความคิดต่างกัน ภายในจิตใต้สำนึกของพวกเขา 2 คนไม่รู้จิตนาการไปไหนถึงไหนแล้ว........

 

         ในขณะนั้นชางเซินเอื้อมมือออกไปเพื่อที่จะจับกับเซี่ยเหล่ย แล้วพูดว่า "ดึงผมขึ้นสิ"

 

         เซี่ยเหล่ยหรี่ตาเล็กน้อยดวงตาของเขาเผยเล่ห์เหลี่ยม ข้างๆกันนั้นมีบันไดและ ชางเซินก็จับมันอยู่ ‘แล้วทำไมเข้าไม่จับบันไดแล้วปีนขึ้นมาเองล่ะ ?’

 

         เซี่ยเหล่ยรีบไปคว้ามือของชางเซินแล้วพูดว่า "คุณชาง ความรู้สึกอึดอัดเมื่อสักครู่นี่ ผมรู้สึกแย่จริงๆ "

 

         ชางเซินได้ยิ้มว่าแล้วพูด "พวกคุณทำพฤติกรรมกับลูกค้าแบบนี้หรอ? ไม่เหมาะเลยจริงๆ "

 

         เซี่ยเหล่ยยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบอะไรกลับไป

 

         ขณะนี้หลางซือเหยาและลู่เชิงวิ่งจากห้องโถงออกไปพวกเขามองไปที่ชางเซิน ที่กำลังเปียกปอนไปทั้งตัว.......

 

         ชางเซินมองที่หลางซือเหยา ใบหน้าของเขายิ้มแบบมีเล่ห์นัย " คุณหลาง ผมได้ยินชื่อคุณมาซักพักแล้ว คุณไม่น่ามาเห็นสภาพน่าเวทนาของผมตอนนี้เลย "

 

         "คุณชาง สวัสดีค่ะ ฉันเป็นผู้ช่วยของเซี่ยเหล่ย " หลางซือเหยากล่าว

 

         "ผมรู้ว่าคุณและเขาทำงานร่วมกันอยู่มาซักพักแล้ว" ชางเซินพูดด้วยร้อยยิ้ม "อืม...เราไปที่ห้องนั่งเล่นเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องต่างๆและเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดเมื่อครู่นี้ "

 

         ชางเซินพูดกับเซี่ยเหล่ยว่า มันไม่ดีสักเท่าไหร่ที่จะคุยกันสองต่อสองกับคุณ ผมควรมีบอดี้การ์ดคุ้มครองตัวผมตลอดเวลา !

 

         จากนั้นเซี่ยเหล่ยเริ่มเล่าเรื่องราวคร่าวๆที่เกิดขึ้นให้หลางซือเหยาฟัง......

 

         "หา?" หลางซือเหยารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วพูดต่อว่า "คุณ ...... "

 

         เซี่ยเหล่ยยิ้มพร้อมยักไหล่ของเขาขึ้น เรื่องนี้ผมขอใช้เวลาไตร่ตรองอีกสักหน่อยเพื่อความแน่ใจ........

 

         หลางซือเหยาหัวเราะในลำคอ เธอยกมือไปแตะที่เซี่ยเหล่ยแล้วกระซิบเบาๆว่า " คุณไม่ต้องบอกฉันก็รู้คุณเป็คนที่เหวี่ยงเขาลงไปในสระน้ำล่ะสิ ! "

 

         เซี่ยเหล่ยเริ่มที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่ไม่ทันพูดจบ ลู่เชิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้นก็กระแอมเป็นสัญญาณให้เขารู้ตัวว่า ‘เขาควรไปได้แล้ว’

 

         "อืม...ดี" หลางซือเหยามีความสุขมาก ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม พวกเขาเดินไปด้วยกันแล้วกระโดดเบาๆสลับกันไปมา มันให้ความรู้สึกเหมือนวัยรุ่นอายุราว17 หรือ 18 ปีกำลังหยอกล้อกันอย่างมีความสุข

 

         ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยคิดว่าธุรกิจนี้คุ้มค่าที่จะลงทุน.......

 

         ในโลกนี้มีหลายอย่างที่เงินไม่สามารถซื้อได้

 

         ในห้องวิลล่า ชางเซินเปลือยกายอยู่ในห้อง มีผู้หญิงผมสั้นถือเสื้อผ้าจะนำไปให้เขา เธอมีรูปร่างค่อนข้างสูงหน้าตาดีบวกกับผมสั้นของเธอนั้นทำให้เธอดูมีเสน่ห์อย่างมาก

 

         ชางเซิน พูดว่า "เฉิงหนาน คุณเห็นจริงหรือว่าเขาผลักผมลงไปในสระว่ายน้ำเมื่อกี้นี้?”

 

         ผู้หญิงคนนี้ชื่อ เฉิงหนาน นามสกุล ‘กวน’

 

         สิบปีที่แล้วเธอเป็นคนเร่ร่อนอยู่ตามถนน ชางเซินมาเจอเธอและรับเธอไปเลี้ยงทั้งยังให้เข้าไปอยู่ในครอบครัว ให้ข้าว ให้น้ำ ให้ไปเรียนหนักสือ ส่งไปเรียนต่างประเทศ สอนการต่อสู้ให้เธอจนเก่งกาจ เฉิงหนานมีความซื่อสัตย์ต่อครอบครัวของชางเป็นอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เป็นเพียงผู้คุ้มให้กับ ชางเซิน เท่านั้นแต่เธอยังมีส่วนร่วมในการเป็นที่ปรึกษาและตัดสินใจให้กับ ชางเซิน ด้วย

 

         "ฉันเห็นภาพจากมอนิเตอร์ "เฉิงหนานกวนพูดอย่างไตร่ตรองมาแล้วว่า" ฉันว่าไม่ใช่เขาหรอก”

 

         ชางเซิน ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้ว

 

         "เขาเป็นคนที่สุภาพมากเลยนะ "เฉิงหนานกวนพูด

 

         ชางเซิน ฟังที่เฉิงหนานกวนพูดเขาจึงถามเธอว่า "คุณพูดเหมือนว่าคุณรู้อะไรมายังงั้นแหละ?”

 

         "มันก็แค่ความรู้สึกของผู้หญิงหน่ะ” เฉิงหนานกวนพูด

 

         เวลาผ่านไปเฉิงหนานกวนก็เล่าอะไรหลายๆอย่างให้ชางเซินฟัง

 

         " อะไรนะ? "ชางเซินรู้สึกแปลกใจ

 

         "อะไรแปลก? ฉันอยากจะบอกคุณว่ากู๋เค่อเหวินไม่ได้เป็นคนดีมากหรอกนะ เคยมีเรื่องเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ สิทธิบัตรกระดานโต้คลื่นอัตโนมัติของหลิวหยิง กู๋เค่อเหวินเป็นคนแย่งของเธอมาโดยใช้วิธีสกปรก !”

 

         "หา? "ชางเซิน อุทานเหมือนไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน

 

         "นี่มันไม่น่าจะเป็นไปได้กู๋เค่อเหวินเป็นคนที่ดีมาก แม้ว่าภายนอกอาจจะดูเป็นคนไม่ดี แต่ไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นเหมือนกับที่คนอื่นดูภายนอกซะหน่อย”

 

         เฉิงหนานกวนพูดว่า "กู๋เค่อเหวิน ไม่กล้าที่จะทำอะไรอีกแน่ มั่นใจได้ว่าตอนนี้เธอจะอยู่เฉยๆ ฉันไม่รู้ว่าเหตุผลจริงๆเธอคืออะไร ฉันได้ยินมาแค่ว่าเขามีคนที่คอยหนุนหลังอยู่ในเมืองนี้ นอกจากนี้บริษัทของเธอค่อนข้างมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมของจีนมาก”

 

         ชางเซินกำลังคิดไตร่ตรองแล้วพูดว่า "คุณจะบอกว่าผมควรที่จะเป็นเพื่อนกับเขาอย่างนั้นเหรอ?”

 

         "การเป็นเพื่อนกันก็ถือว่าดี หากคุณยอมเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ "เฉิงหนานกวน กล่าว

 

         ชางเซินพูดว่า "นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการพูดแบบขอไปทีใช่มั้ย?”

 

         เฉิงหนานกวนกล่าวว่า "การมีเพื่อนหรือการมีคนรู้จักมากขึ้นมันถือว่าเป็นการลงทุนที่ดี ในอนาคตเพื่อนหรือคนเหล่านี้อาจช่วยคุณได้ ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง”

 

         "การเป็นคนที่มากความสามารถในเมืองหลวงนี้จะค่อนข้างได้รับความเคารพนับถือ เธอมีอำนาญในวงการอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ เธอเปรียบเสมือนม้ามืดในวงการ ในอนาคตที่จะมาถึงนี้เธอจะกลายเป็นคนที่ยากจะคาดเดา ดังนั้นหากตอนนี้คุณได้เป็นเพื่อนกับเขาแล้ว คงไม่ต้องบอกหรอกนะว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง

 

         ในหลายๆความหมายหากตอนนี้คุณไม่ได้เป็นเพื่อนกับเธอ แล้วเธอเกิดเป็นเพื่อนกับเซี่ยเหล่ยขึ้นมา ต่อไปหากมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแทนที่จะได้เธอมาช่วยอาจจะต้องเป็นศัตรูกับเธอแทนก็ได้

 

         มุมของปากของชางเซินแสดงการยิ้มแบบแปลกๆ "กู๋เค่อเหวิน? อืม ...... จริงๆเมื่อมาคิดดูแล้วก็เป็นเรื่องยากที่ผมและเขาจะตกลงกันได้ตระกูลกู๋ เป็นตระกูลใหญ่ ส่วนตระกูลชางของผมก็ไม่เหมาะที่จะแข่งขันกับตระกูลกู๋ แต่ยังไงผมก็เลือกที่จะสู้ ตระกูลชางของผมก็ไม่ใช่ว่าจะยอมให้ใครมากดขี่ได้หรอกนะ"

 

         "คุณตัดสินใจดีแล้วใช่มั้ย?" เฉิงหนานกวนถาม

 

         ชางเซิน พูดด้วยรอยยิ้มว่า "ตระกูลชาง กำลังดำเนินอยู่ในเมืองหลวงนี้ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องยากสำหรับพวกเรา พ่อของผมเคยพูดไว้กับผมว่า ความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับรายได้มหาศาล สำหรับเซี่ยเหล่ยคนนี้ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเป็นเพื่อนกับเขา"

 

         "มันอาจจะทำให้ กู๋เค่อเหวิน ไม่พอใจก็ได้นะ?"

 

         "ผมไม่รู้เรื่องราวระหว่างพวกเขาหรอก แต่ตอนนี้ผมจะช่วยเซี่ยเหล่ย มันจะเป็นเรื่องที่ดีถ้าเรามีเพื่อนเพิ่มอีกสักคน !"

 

         "ดี...สวมเสื้อผ้าเถอะ ฉันจะคอยดูเขากับคุณเอง" เฉิงหนานกวนพูดเสร็จแล้วก็ส่งกางเกงในไปให้กับชางเซิน

 

         ในห้องนั่งเล่นเซี่ยเหล่ยและหลางซือเหยา กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

 

         "เขาจะตอบตกลงข้อเสนอของเรามั้ยนะ?" หลางซือเหยากระซิบข้างหู

 

         เซี่ยเหล่ยกระซิบข้างหูของหลางซือเหยาว่า "มีโอกาสที่จะเป็นไปได้"

 

         "รอซักครู่นะ” เป็นเสียงที่ลอยมาก่อนที่เขาจะเดินมาถึง

 

         เซี่ยเหล่ยถอนหายใจเบาๆ "รอต่อไป"

 

         หลางซือเหยาเผยรอยยิ้มออกมาแล้วพูดไปว่า "คุณเสียใจหรือไม่?"

 

         เซี่ยเหล่ยคอตกเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ผมไม่เสียใจ"

 

         "ในใจคุณ ฉันสำคัญหรือป่าว?" เสียงของหลางซือเหยาถามเบาลง เซี่ยเหล่ยไม่ได้ตอบอะไรออกมา

 

         ลู่เชิงซึ่งอยู่บริเวณนั้นไม่สามารถที่จะทนดูต่อไปได้ เขาได้แต่หันหน้าไปทางอื่น เขาชอบหลางซือเหยาแต่หลางซือเหยาดูท่าจะชอบเซี่ยเหล่ย อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้โกรธหรือเกลียดเซี่ยเหล่ย เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเซี่ยเหล่ย เรื่องของอารมณ์ความรู้สึกไม่สามารถห้ามกันได้......

 

         เฉิงหนานกวนเห็นปฏิกิริยาของเซี่ยเหล่ยเธอจึงพูดขึ้นว่า"ต้องขออภัยทั้งสองคนด้วยที่ต้องทำให้รอนาน"

 

         เซี่ยเหล่ยและหลางซือเหยา ได้ยืนขึ้นจากโซฟา

 

         "นั่งเถอะ...ไม่เป็นไรหรอก นี่คือผู้ช่วยของผม คุณเฉิงหนานกวน "ชางเซิน แนะนำเฉิงหนานกวนให้พวกเขารู้จัก

 

         "สวัสดีครับ คุณเฉิงหนานกวน” ทักทายอย่างสุภาพ

 

         "สวัสดีคุณ เฉิงหนานกวน " หลางซือเหยา พูดทักทาย

 

         "เชิญนั่ง...เดี๋ยวฉันจะไปเอากาแฟมาให้พวกคุณ "เฉิงหนานกวนพูดเสร็จจึงไปหาลู่เชิงและบอดี้การ์ดคนไทยแล้วพาออกไปจากห้องพร้อมกัน.....

 

         ในตอนที่ เฉิงหนานกวน ออกไปจากห้องแล้วแต่ในใจของเซี่ยเหล่ยคิดว่า’เธอช่างเป็นคนที่วางตัวดีและมีสง่าราศีเหลือเกิน.......’

 

         เฉิงหนานกวนทำกาแฟอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็เอาไปเสริฟแล้วกลับไปนั่งข้างชางเซิน เธอสังเกตุไปที่เซี่ยเหล่ยที่กำลังใจเย็นและมองไปที่ซือเหยาที่ค่อนข้างลุกลี้ลุกลนอยู่

 

         ก่อนหน้านี้อาจจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแต่บรรยากาศในห้องตอนนี้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว พวกเขาทั้งหมดดื่มมกาแฟแล้วกำลังจะคุยกัน

 

         หลังจากดื่มกาแฟไปแล้วครึ่งแก้วเซี่ยเหล่ยก็เปิดประเด็นว่า "คุณชางครั้งนี้ที่ผมมา..... "

 

         "คุณเหล่ย "ชางเซิน ได้ขัดจังหวะคำพูดของเซี่ยเหล่ยด้วยรอยยิ้มแล้วพูดต่อว่า" ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไรมันไม่ใช่ปัญหา ต่อไปผมจะให้ฝ่ายจัดซื้อของจิงดง ผมจะโทรศัพท์ไปเพื่อบอกให้พวกเขาตรวจสอบสินค้าของบริษัทคุณ แล้วดำเนินการวางขายสินค้าให้กับพวกคุณ !"

 

         เซี่ยเหล่ยและ หลางซือเหยามีท่าทีแปลกใจ

 

         "มีอะไรผิดพลาดงั้นเหรอ? หรือคุณไม่เชื่อที่ผมพูดไปเมื่อกี้นี้? " ชางเซินถาม

 

         "ไม่ไม่ไม่ ผมเชื่อคุณอยู่แล้ว " เซี่ยเหล่ยพูดอย่างงุ่มง่าม "ผมแค่คิดว่าจากเรื่องเมื่อกี้มันอาจจะทำให้คุณไม่ตกลงข้อเสนอของพวกเรา "

 

         ชางเซิน หัวเราะเสียงดังแล้วพูดว่า "ผมไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยหรอก ครั้งนี้ไม่เป็นไรแต่ก็อย่าทำแบบนี้อีก ! "

 

         เซี่ยเหล่นยังแสดงใบหน้ายิ้มแล้วพูดว่า "ไม่ทำแล้ว"

 

         หลางซือเหยาเริ่มถาม "คุณชาง คุณจะหักเปอร์เซ็นต์การขายอย่างไร? ขึ้นอยู่กับจำนวนของที่จะเอามาขายงั้นหรอ หรือว่ายังไง?"

 

         ชางเซินขมวดคิ้วแล้วพูดว่า "ผมช่วยพวกคุณเพื่อหวังเงินอย่างนั้นเหรอ?"

 

         "นี่ ...... "เซี่ยเหล่ยหันไปดุหลางซือเหยาจากนั้นก็หันไปบอก ชางเซินว่า “หลางซือเหยา ไม่ได้หมายความแบบนั้นหรอกเพียงแต่เธอไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี”

 

         ชางเซิน ก็พูดด้วยรอยยิ้มไปว่า "ผมถือว่าพวกคุณเป็นเพื่อนจึงช่วย ยังไงความจริงก็คือความจริง ผมชอบพวกคุณสองคน ผมต้องการเป็นเพื่อนกับพวกคุณ มันจะเป็นไปได้มั้ยที่เราจะเป็นเพื่อนกัน?"

 

         เซี่ยเหล่ยและหลางซือเหยา มองหน้ากัน

 

         จากนั้นเซี่ยเหล่ยก็ตอบไปว่า "พวกเราจะเป็นเพื่อนกัน !"

 

         "ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...... " ชางเซินมองไปที่เซี่ยเหล่ยที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุข

 

ติดตามตอนต่อไป.........

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด