ตอนที่แล้วTWO Chapter 163 แผนการสำหรับเมืองขนาดกลาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 165 การระเบิด

TWO Chapter 164 กรมกิจการภายใน


TWO Chapter 164 กรมกิจการภายใน

ในช่วงบ่าย เซิ่นจุ้ยได้เข้ามาในสำนักงานของโอหยางโชว เขายังไม่รู้ว่าโอหยางโชวเรียกเขามาพบทำไม

การสนทนาระหว่างโอหยางโชวและเทียนเหวินจิงก่อนหน้านี้ถูกเก็บเป็นความลับ นอกเหนือจากคนทั้ง 2 แล้ว ยังไม่มีใครรู้ เทียนเหวินจิงเองก็ไม่ใช่คนที่ชอบพูดมากอยู่แล้ว และก่อนที่โอหยางโชวจะประกาศ เขาก็ไม่คิดที่จะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป

โอหยางโชวยิ้ม ขณะที่เขาพลักถ้วยน้ำชาไปให้เซิ่นจุ้ย ก่อนจะกล่าวว่า “ผ่อนคลายไว้ มันเป็นข่าวดี” แม้ว่าเซิ่นจุ้ยจะได้รับเลือกและพัฒนาโดยโอหยางโชว แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้สนทนากัน มันจึงเป็นธรรมดาที่เขาจะกังวลใจ

เซิ่นจุ้ยถอนหายใจและสงบลง

“ข้าสังเกตเห็นการดำเนินงานของเจ้าในฝ่ายนาเกลือ และเจ้าทำได้ดีมาก ตอนนี้ ข้ามีงานสำคัญให้เจ้า เจ้ายินดีจะออกจากฝ่ายนี้หรือไม่?” โอหยางโชวไม่ลืมที่จะชื่นชมเขา ก่อนจะถาม

เขาตกใจมาก ตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าฝ่าย แล้วหน้าที่อะไรกันที่สำคัญกว่านี้? เขาไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และกล่าวอน่างระมัดระวังว่า “ข้าจะทำตามคำสั่งของนายท่าน”

โอหยางโชวพยักหน้า “ถ้าข้าให้เจ้าเป็นเจ้ากรมคนใหม่ของกรมคลังวัสดุ เจ้ามั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่?”

แม้ว่าเซิ่นจุ้ยจะเป็นคนสงบ แต่เมื่อเขาได้ยินเรื่องดังกล่าว เขาก็ไม่สามารถที่จะเก็บอารมณ์ของเขาไว้ได้

เขาเป็นคนที่ได้รับการชื่นชมจากเทียนเหวินจิง เซิ่นจุ้ยเป็นคนพิเศษอย่างเห็นได้ชัด แต่เรื่องนี้ก็น่าตกใจมาก เขาต้องใช้เวลาอยู่ชั่วครู่ จึงจะรีบรวบรวบสติได้ ก่อนจะกล่าวว่า “ด้วยความสัตย์จริง ข้าไม่กล้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเทียบกับท่านเจ้ากรมทั้ง 4 ในแง่ของทักษะและประสบการณ์ ข้ายังคงขาดอยู่มากนัก”

“เจ้าไม่กล้าหรือ?”

เซิ่นจุ้ยกัดฟันแน่น เขารู้ว่าถ้าเขาปฏิเสธ เขาอาจจะไม่ได้รับโอกาสเช่นนี้อีกในชีวิต แม้ว่ามันจะล่อใจมาก แต่เขาก็ตัดสินใจอย่างมีเหตุผล

คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้ากรมทั้ง 4 ของเมืองซานไห่ ไม่มีใครเลยที่เป็นคนธรรมดาทั่วไป

เจ้ากรมฟ่านและเจ้ากรมเทียนเป็นบุคคลทางประวัติศาสตร์ พวกเขามีความสามารถและประสบการณ์เป็นอย่างมาก

เข้ากรมขุ่ยเป็นน้องสาวของท่านลอร์ด และนางก็เกิดในตระกูลนักธุรกิจ นางมีประสบการณ์มากมาย และอยู่ในดินแดนนี้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง

เจ้ากรมเก่อเป็นคนที่มีประสบการณ์น้อยที่สุดในทั้ง 4 คนนี้ แม้กระนั้น เขาก็ยังสามารถนำผู้อพยพสร้างค่ายขนาดใหญ่ และอยู่รอดในเขตธุรกันดารได้ จึงไม่ต้องพูดถึงความสามารถของเขาเลย

เขามีประสบการณ์มากมายในด้านการทหาร แม้ว่าจะมีข่าวลือเชิงลบเกี่ยวกับเจ้ากรมเก่อและถ้าเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากท่านลอร์ด เขาจะไม่สามารถดำรงตำแหน่งนี้ได้ก็ตาม เขาก็ยังคงไม่ใช่คนที่เซิ่นจุ้ยจะเทียบได้

เจ้ากรมทุกคนเป็นสัตว์ประหลาดในการเป็นผู้นำ พวกเขาไม่ใช่อะไรที่คนทั่วไปจะสามารถเอาชนะได้

เซิ่นจุ้ยรู้ว่าเขาเป็นนักวิชาการ และได้รับการศึกษาบางสิ่งในโรงเรียนได้ไม่กี่ปี การศึกษาต่ออย่างเป็นทางการของเขา เพิ่งจะเริ่มที่วิทยาลัยเหลียนโจว ในดินแดน ไม่ต้องกล่าวถึงผู้มีความสามารถพิเศษ ที่นี่มีนักวิชาการมากกว่า 5 คน ที่ได้ผ่านการสอบของจักรวรรดิ(จูเหริน)

สำหรับประสบการณ์ของเขา เขามีน้อยกว่าหัวหน้าฝ่ายคนอื่นๆในกรมคลังวัสดุเสียอีก

สิ่งเดียวที่เขามีคือ จิตวิญญาณและความปรารถนาที่จะเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติดังกล่าว ไม่สามารถเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับเขาได้มากนัก เมื่อต้องเทียบกับคนอื่นๆ

ดังนั้น เซิ่นจุ้ยจึงไม่ได้เชื่อมั่นว่า เขาจะรับช่วงต่อจากเทียนเหวินจิงได้

เขากัดฟันแล้วกล่าวออกไปว่า “ใช่ ข้าไม่กล้า”

เขาไม่คิดว่า ไม่เพียงแต่โอหยางโชวจะไม่โกรธ แต่เขายังหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนจะกล่าวว่า “ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ”

เซิ่นจุ้ยสับสน “นายท่าน?”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่า เหตุใดข้าจึงชื่นชมเจ้า”

“โปรดไขความโง่เขล่าของข้าด้วยนายท่าน!” เซิ่นจุ้ยกล่าวอย่างสุภาพ

“การเลื่อนเจ้าเป็นเจ้ากรม เป็นการตัดสินใจที่อันตราย สิ่งที่เจ้ากังวล ข้าเองก็กังวลเช่นกัน ถ้าเจ้ายอมรับในทันที ข้าคงจะคิดว่าการเลื่อนเจ้าให้มารับตำแหน่งดังกล่าวคงจะไม่เหมาะสมนัก แต่สำหรับคนที่รู้ทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวเองและป้องกันสิ่งล่อตาล่าใจได้ ข้าคิดว่า เขาก็สมควรจะได้รับโอกาส ก่อนหน้านี้ในทางทหาร มันได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า เราสามารถพัฒนาความสามารถและประสบการณ์ได้ และเราก็จะใช้วิธีเดียวกันนี้ในที่นี่เช่นกัน”

“ข้ายอมรับว่าเวลานี้ไม่ค่อยเหมาะสมที่จะส่งเสริมเจ้ามากนัก แต่ตอนนี้ เราไม่มีทางเลือก เจ้ากรมเทียนมีหน้าที่ที่สำคัญมากกว่าให้ทำ กรมคลังวัสดุต้องการคนเข้าควบคุม และจากคำแนะนำของเขา ้เจ้าเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด ในระหว่างการประชุมวันที่ 25 นี้ ข้าจะประกาศการเลื่อนตำแหน่งของเจ้า ก่อนหน้านี้ข้าก็กังวล จึงได้ลองทดสอบเจ้าดู”

“จากผลที่ออกมา เห็นได้ชัดว่าการตัดสินใจของเราถูกต้อง และเจ้าเป็นคนที่มีความสามารถ เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ความกดดันเป็นสิ่งที่ดี เจ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนความคิดของเจ้า ข้าจะพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า เมืองซานไห่ของเรามีความสามารถในการพัฒนาเจ้ากรมได้ อย่าได้กังวลและจงพยายามให้สุดความสามารถ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะปกป้องเจ้าเอง จำไว้ว่าข้าจะเป็นโล่ชั้นสุดท้ายให้กับเจ้า”

คำกล่าวของโอหยางโชวคือสิ่งที่เขาต้องการจะได้ยิน แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับทะเลแห่งเปลวเพลิง หากมันเป็นคำสั่งของโอหยางโชว เขาก็จะพร้อมกระโดดลงไปอย่างไม่ลัง

เซิ่นจุ้ยยืนขึ้น แล้วคุกเข่ากับพื้นเพื่อคำนับโอหยางโชว

ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา และเขากล่าวด้วยอารมณ์ว่า “นายท่านอย่าได้กังวล ข้าจะไม่ทำใหท่านผิดหวัง!” เขาตัดสินใจที่ระรับงานนี้ และรับแรงกดดันทั้งหมด

โอหยางโชวพยุงเขาขึ้น “เจ้าเป็นบุรุษ ควรแล้วหรือที่เจ้าจะร้องไห้ ตั้งใจทำมันให้ดี ข้าจะรอดูผลลัพธ์”

เซิ่นจุ้ยพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่ร้องไห้ และตะโกนออกมาว่า “ขอรับนายท่าน!”

……………………………………………………………………………

ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 5 วันที่ 25 ณ ห้องโถงประชุม เมืองซานไห่

การประชุมผู้บริหารประจำเดือนได้เริ่มต้นขึ้น และนอกเหนือจากเจ้ากรมและหัวหน้าฝ่ายแล้ว ยังมีผู้ดูแลเมืองสาขาทั้ง 3 เข้าร่วมด้วย

ภายใต้การดูแลของฝ่ายการศึกษาและวัฒนธรรม ห้องโถงประชุมได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด

ในห้องโถงประชุม มีการทำเวทีและแบ่งออกเป็น 2 พื้นที่ พื้นที่ที่สูงกว่าปูด้วยพรมสีแดง มีโต๊ะสูงครึ่งเมตรตั้งอยู่ตรงนั้น ตรงกลางของมันแบนราบ และค่อยๆโค้งขึ้นในด้านข้าง ด้านบนมีกระดาษ หมึก และพู่กัน

ด้านหลังโต๊ะเป็นเก้าอี้ เก้าอี้นี้มีที่พิงรูปไข่อยู่ด้านหลัง และด้านข้างมีที่พักแขน ออกแบบอย่างเรียบง่าย

ที่พื้นด้านล่าง ในแต่ละด้านจะมีโต๊ะสั้นๆ 3 ตัว มีชาและผลไม้วางอยู่ด้านบนโต๊ะเหล่านั้น ด้านหลังของพวกมันปูด้วยพรมเหมือนพื้นที่ด้านบน เพียงแต่ไม่มีเก้าอี้

เจ้ากรมทั้ง 4 นั่งอยู่ทั้ง 2 ข้างของโต๊ะ โดยนั่งบนพื้นที่มีที่พิงหลัง และด้านหลังของพวกเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายต่างๆ ด้านข้างฝั่งซ้ายนั่งด้วยผู้ดูแลเมืองทั้ง 3 ด้านขวานั่งด้วยหน้าฝ่ายการตรวจสอบบัญชี, ฝ่ายรักษากฎหมายและระเบียบ และฝ่ายอัยการ

โอหยางโชวนั่งอยู่บนเก้าอี้ในพื้นที่ด้านบน เขามองลงมา ก่อนจะกล่าวว่า “ก่อนที่เราจะเริ่มการประชุมอย่างเป็นทางการ ข้าจะขอประกาศเกี่ยวกับการจัดการบางอย่างก่อน”

เจ้ากรมและหัวหน้าฝ่ายต่างๆไม่ได้คาดหวังอะไรกับการจัดการนี้มากนัก

“ข้าตัดสินใจที่จะจัดตั้งกรมกิจการภายใน เพื่อรับผิดชอบ การรักษากฎหมาย, เรือนจำ, การตรวจสอบบัญชี และควบคุมประชาชน โดยฝ่านการตรวจสอบบัญชี, ฝ่ายอัยการ และฝ่ายรักษากฎหมายและระเบียบ จะอยู่ภายใต้กรมใหม่นี้ นอกจากนี้ ยังจะย้ายฝ่ายจะเบียนมาอยู่ภายใต้กรมใหม่อีกด้วย”

โอหยางโชวทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ มันเกินความคาดหมายของทุกคน กรมกิจการภายในได้รับผิดชอบในส่วนที่สำคัญทั้งหมด และความสำคัญของมัน เทียบได้กับกรมการบริหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากย้ายฝ่ายทะเบียนเข้าไป อาจกล่าวได้ว่า ในขณะนี้ กรมทั้ง 4 มีความสำคัญใกล้เคียงกันแล้ว

การจัดตั้งกรมกิจการภายใน ได้ดำเนินการตามรูปแบบของสังคมสมัยใหม่ เพื่อเป็นแนวทางสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันของเมืองซานไห่ บทบาทหลักของพวกเขา คือ การรักษากฎหมายและกฎระเบียบ

ข้อยกเว้นเดียวก็คือ ฝ่ายการตรวจสอบบัญชี

วิธีเพิ่มความสามารถของพวกเขามักมีปัญหาตามมาเสมอ โอหยางโชวจึงคิดถึงเรื่องนี้

ถ้าเขาให้พวกเขาทำงานในกรม มันอาจจะทำให้พวกเขาดูจืดจางเกินไปและไม่สำคัญพอ แต่ถ้าปล่อยให้พวกเขาทำงานได้อย่างอิสระ พวกเขาก็จะขาดอำนาจ ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานของพวกเขา หลังจากพิจารณาอย่างหนักแล้ว โอหยางโชวจึงเลือกใช้กลยุทธ์นี้

เมื่อเขาประกาศการจัดตั้งกรมกิจการภายใน เทียนเหวินจิงก็เข้าใจทุกอย่าง โอหยางโชวคงจะให้เขารับผิดชอบกรมนี้ เมื่อเทียบกับกรมคลังวัสดุ มันน่าสนใจมากกว่ามาก และมันเป็นสถานที่ที่ดีในการแสดงความสามารถของเขา

ตามที่คาด โอหยางโชวเริ่มประกาศตำแหน่ง “เทียนเหวินจิงจะเป็นเจ้ากรมนี้ ในขณะเดียวกัน เขาจะถูกปลดออกจากตำแหน่งเจ้ากรมคลังวัสดุ”

เทียนเหวินจิงลุกขึ้น เดินมากลางห้องโถง ก่อนจะคำนับ แล้วกล่าวว่า “ขอบคุณนายท่าน สำหรับความไว้วางใจของท่าน ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง!”

สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่น่าตกใจและไม่มีใครคาดคิด

ในดินแดน คนที่สามารถจัดการกับงานดังกล่าวได้ มีเพียงฟ่านจงหยานและเทียนเหวินจิงเท่านั้น แต่ฟ่านจงหยานก็เป็นเจ้ากรมการบริหารไปแล้ว เทียนเหวินจิงจึงได้เป็นเจ้ากรมกิจการภายใน ส่งผลให้ตอนนี้ ทั้ง 2 คน ได้กลับไปสู่หน้าที่เดิมในอดีตกันทั้งคู่แล้ว

สิ่งเดียวที่ทุกคนคาดหวังก็คือ ใครจะมาแทนเขา ตำแหน่งเจ้ากรมคลังวัสดุ เป็นที่สนใจอย่างมาก

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด