ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 160 ปรบมือสรรเสริญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 162 บัวสมบัติสวรรค์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 161 เต็มใจถูกใช้ประโยชน์


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 161 เต็มใจถูกใช้ประโยชน์

ฟางหยวนวางถ้วยสุราที่ว่างเปล่าและนั่งลง

เป็นเพียงหลังจากนั้นที่ทุกคนกล้านั่งอีกครั้ง กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ใช่สหายร่วมชั้นเรียนทั้งหมดของฟางหยวน มันยังมีบางคนที่ขาดหายไป ตัวเอย่างเช่น โม่เป่ย ซื่อเฉิน และคนอื่นๆที่มีเบื้องหลังบางอย่าง

"มันคงถึงเวลาที่ข้าต้องไปกลับแล้ว นี่เป็นการจัดงานพบปะสังสรรที่ดีมาก" ฟางหยวนแสดงเจตนาที่จะจากไป

เมื่อได้ยินคำชื่นชม ช่วยไม่ได้ที่ติงซ่งจะรู้สึกมีความสุข เขาเร่งยืนขึ้นและหยิบถุงเงินออกมา

แน่นอนว่าภายในถุงเงินเต็มไปด้วยหินวิญญาณ

เขาโค้งคำนับด้วยรอยยิ้ม "ได้รับความรู้หลายอย่างจากท่านฟางหยวน ข้ารู้สึกราวกับตรัสรู้บางสิ่งและได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ ดังนั้นท่านฟางหยวนโปรดรับสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความกตัญญูจากข้าด้วย"

ในความเป็นจริง พวกเขาเพียงกล่าวเรื่องราวไร้สาระตั้งแต่ต้นจนจบงานเลี้ยง แล้วเขาจะตรัสรู้สิ่งใด? อย่างไรก็ตามทุกคนกลับแสดงออกราวกับมันเกิดขึ้นจริงและตะโกนเสียงดังเพื่อกระตุ้นให้ฟางหยวนยอมรับสัญลักษณ์แห่งความกตัญญูจากพวกเขา

โดยไม่จำเป็นต้องคาดเดา ฟางหยวนย่อมไม่ปฏิเสธ เขาเผยรอยยิ้มบางและรับถุงเงินเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ

"ขอบใจ ขอบใจ" ฟางหยวนยิ้มขณะรับถุงเงินจากทุกคน

ถุงเงินหลายสิบใบเต็มไปด้วยหินวิญญาณ แล้วฟางหยวนจะสามารถพกพาพวกมันกลับไปได้อย่างไร เห็นดังนี้ ติงซ่งจึงเร่งออกคำสั่งให้คนรับใช้ของเขาช่วยฟางหยวนแบกถุงเงินทั้งหมด

ในเวลาอันสั้น ฟางหยวนได้รับหินวิญญาณนับหมื่นก้อน

ท้ายที่สุดฟางหยวนก็ยกถ้วยสุราขึ้นอีกครั้ง "การพบกันของพวกเราถือเป็นโชคชะตา ความสัมพันธ์ระหว่างสหายร่วมชั้นเรียนของพวกเรา ทั้งพวกเจ้าและข้า พวกเราจะจดจำไว้ในหัวใจและนี่เป็นสิ่งควรค่าแก่การดื่มฉลอง!"

"ถูกต้อง!"

"ท่านฟางหยวนกล่าวได้ดี!"

"นี่เป็นถ้อยคำที่สามารถใช้แทนความรู้สึกในหัวใจของพวกเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่คือพรสวรรค์โดยไม่ต้องสงสัย"

ทุกคนยืนขึ้นและกล่าวสรรเสริญขณะเดียวกันก็ยกถ้วยสุราขึ้นดื่ม

พวกเขาแต่ละคนไม่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง เมื่อฟางหยวนกลายเป็นผู้อาวุโส แม้พวกเขาจะหวาดกลัวการแก้แค้นจากฟางหยวน แต่อีกด้านหนึ่งพวกเขาก็ต้องการสร้างสัมพันธ์อันดีกับฟางหยวน

เมื่อถึงจุดนี้ มันก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว แสงจันทร์ทาบทอลงมายังสวนหย่อม มวลอากาศเย็นผสานกับกลิ่นคาวเลือดลอยมาพร้อมกับความจริงที่โหดร้าย

แต่ในห้องโถงแห่งนี้กลับเต็มไปด้วยแสงไฟ สุรา และโชคลาภ ทุกคนเผยรอยยิ้มราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์

'นี่คือระบบตระกูล' ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายวูบวาบขณะที่จ้องมองสุราในถ้วยและคิดถึงเรื่องนี้

ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เขากรรโชกทรัพย์สหายร่วมชั้นเรียน มันเป็นหินวิญญาณเพียวเล็กๆน้อยๆที่ถูกส่งมอบด้วยความไม่เต็มใจ

แต่ตอนนี้ฟางหยวนไม่แม้แต่จะต้องกล่าวบางคำ ผู้คนเหล่านี้ก็มีความตั้งใจกระทั้งแย่งชิงกันส่งมอบหินวิญญาณคนละมากกว่าร้อยก้อนให้กับเขา

นั่นเป็นเพราะก่อนหน้าเขาแยกตัวออกจากระบบ แต่เวลานี้เขากลายเป็นผู้อาวุโสซึ่งมีสถานะสูงส่ง

ภายใต้ระบบ สมาชิกทุกคนจะเต็มใจถูกใช้ประโยชน์ แม้จะไม่ได้รับสิ่งใดตอบแทน พวกเขาก็ยังเต็มใจที่จะมอบสินน้ำใจให้แก่ฟางหยวน บางคนอาศัยสายสัมพันธ์เพื่อเข้าไปอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา ขณะที่หญิงสาวบางคนใช้เสน่ห์ของพวกเธอเพื่อเข้าใกล้เขา

'ผู้คนบนโลกใบนี้ช่วงน่าขันนัก ถูกกรรโชกทรัพย์เล็กๆน้อยๆ แต่พวกเขากลับต่อต้านและกรีดร้องขอความยุติธรรม ขณะที่พยายามติดสินบนชนชั้นสูง ยินดีส่งมอบร่างกายและความบริสุทธิ์ด้วยความเต็มใจ พวกเขากระทั้งกลัวว่ามันจะไม่เพียงพอ! การได้รับหินวิญญาณมากมายในวันนี้ นี่คือการหยิบยืมพลังอำนาจของระบบ' ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นอยู่ภายในใจและคิดไปถึงฉิงซู โม่เยี่ยน กับซื่อซาน

คนทั้งสามมีพรสวรรค์นภาที่สอง พวกเขามีพรสวรรค์สูงกว่าฟางหยวน แต่พวกเขายังติดอยู่ในระดับสองเป็นเวลานาน

นี่หมายความว่าพวกเขาไม่ได้ทำงานหนักพองั้นหรือ?

ฮ่าฮ่าฮ่า...

ขอหัวเราะเล็กน้อย

เพราะมันคือปัญหาที่เกิดจากระบบ

มันเป็นสิ่งกีดขวางที่คนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นและไม่รู้สึกถึง

ตัวอย่างเช่นสถานการณ์ของฟางหยวน หินวิญญาณจำนวนมากที่ผู้คนมอบเป็นของขวัญแก่เขา หากพวกเขาใช้มันกับตนเอง มันจะผลักดันให้พวกเขาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้นการติดสินบนจึงถือเป็นรูปแบบหนึ่งของสิ่งกีดขวาง

คนระดับล่างแย่งชิงกันติดสินบนชนชั้นสูง นี่คือรูปแบบของการเสริมสร้างอำนาจให้แก่ชนชั้นสูง

นอกจากเงิน มันยังมีสิ่งกีดขวางเกี่ยวกับเวลาที่ถูกใช้ไปอย่างเปล่าประโยชน์

ชนชั้นฉิงซู ไม่จำเป็นต้องติดสินบนผู้อื่น แต่เวลาของเขามักหมดไปกับภารกิจต่างๆของตระกูลเพื่อดึงดูดความสนใจและโปรดปรานจากชนชั้นสูงขึ้นไป

หากเวลาเหล่านั้นถูกใช้เพื่อบ่มเพาะตนเอง ฉิงซูคงสามารถก้าวเข้าสู่ระดับสามนานแล้วและด้วยวิญญาณมนตราพฤกษา เขาจะสามารถสังหารไป่หนิงปิงได้อย่างไม่มีปัญหา

ส่วนที่น่าสนใจก็คือในความเป็นจริงชนชั้นสูงไม่ต้องการให้ฉิงซูก้าวเข้าสู่ระดับสามเร็วเกินไป

คนรับใช้ที่มีประโยชน์เช่นเขา หากก้าวเข้าสู่ระดับสามและกลายเป็นผู้อาวุโส แล้วผู้อาวุโสเหล่านั้นจะใช้ประโยชน์จากเขาได้อย่างไร?

ผู้ใดจะเต็มใจตัดทอนอำนาจของตน?

ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระงับความก้าวหน้าของคนเช่นฉิงซูเอาไว้อย่างเต็มความสามารถด้วยเหตุผลที่ชอบธรรมต่างๆ นี่คือเรื่องน่าเศร้า เพราะแท้จริงแล้วมีเพียงการบ่มเพาะที่จะทำให้คนผู้หนึ่งกลายเป็นหยกแท้

'นี่คือความจริงของระบบ หากไม่สามารถมองลึกเข้าไปในสิ่งที่ซ่อนอยู่ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นอัจฉริยะหรือมีพรสวรรค์สูงส่งเพียงใด พวกเขาก็เป็นเพียงพยัคฆ์หรือมังกรที่ถูกล่ามโซ่เอาไว้เท่านั้น คนเช่นฉิงซูหรือซื่อซ่ง ไม่ว่าพวกเขาจะมีพรสวรรค์สูงส่ง แล้วอย่างไร?'

แม้ฟางหยวนจะคิดถึงเรื่องราวมากมาย แต่ในความเป็นจริงมันเป็นช่วงเวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

"ทุกคนโปรดดื่ม" ฟางหยวนยกถ้วยสุราขึ้นจรดริมฝีปาก

ทุกคนเร่งดื่มสุราในถ้วยของตนเองและไม่กล้าเหลือไว้แม้แต่หยดเดียว

"เอาล่ะ ลาก่อน" ฟางหยวนป้องมือขึ้น ขณะที่คนรับใช้แบกถุงเงินติดตามอยู่ด้านหลัง

ทุกคนเร่งก้าวเท้าออกไป

"ทุกคนโปรดดื่มต่อตามสบาย ไม่จำเป็นต้องไปส่งข้า" ฟางหยวนกล่าว แต่พวกเขากลับไม่ทำเช่นนั้น ตรงข้าม พวกเขายิ่งกล่าวเยินยอและต้องการออกไปส่ง

ฟางหยวนกล่าวต่อ "ข้าชอบที่จะอยู่อย่างสงบมากกว่า"

เมื่อได้ยินถ้อยคำของฟางหยวน ทุกคนจึงไม่กล้าก้าวเท้าออกไปจากห้องโถงอีก

เมื่อร่างของฟางหยวนลับตาไป บางคนเริ่มถอนหายใจ บางคนนิ่งเงียบ ขณะที่บางคนพูดคุย "ผู้อาวุโสฟางหยวนเป็นตำนานที่น่าสรรเสริญจริงๆ..."

พวกเขาล้วนเป็นกบในบ่อน้ำที่สามารถมองเห็นฟางหยวนในด้านที่เขาต้องการให้เห็นเท่านั้น

ในความเป็นจริงไม่ว่าผู้ใด หากพวกเขาเข้าสู่ระบบ พวกเขาก็จะอ่อนแอลงและจะเสียสละผลประโยชน์ของตนด้วยความเต็มใจอีกด้วย

กระทั่งผู้นำตระกูลก็ยังต้องเสียสละ เขาจำเป็นต้องจัดการเรื่องราวต่างๆของตระกูล นี่เป็นการทิ้งเวลาที่มีค่าของตนเองอย่างเห็นได้ชัด

มันเป็นเพียงว่าสมาชิกที่ต่ำชั้นกว่าในห่วงโซ่ของระบบจะต้องเสียสละมากกว่า ขณะที่ชนชั้นสูงจะได้รับประโยชน์มากขึ้น

แรกเริ่มฟางหยวนต่อต้านระบบโดยการแยกตัวและกรรโชกทรัพย์ นี่คือการทำลายสิ่งกีดขวาง ดังนั้นเขาจึงมีเวลาและทรัพยากรเพียงพอในการก้าวเข้าสู่ระดับสามและกลายเป็นผู้อาวุโสให้ผู้อื่นกรีดร้องด้วยความสงสัย

แต่เวลานี้เมื่อเขากลายเป็นผู้อาวุโสของตระกูล การแสดงออกของเขากลับต่างออกไปและเพลิดเพลินไปกับผลประโยชน์ที่ผู้อาวุโสพึงจะได้รับ สิ่งนี้ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกอิจฉา

การแยกตัวและการเข้าร่วมดังกล่าวเป็นการกระทำที่เต็มไปด้วยสติปัญญาและความรอบรู้อันลึกซึ้ง

แต่จะมีกี่คนที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในข้อเท็จจริงเหล่านี้

ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องข่มขู่หรือกรรโชกทรัพย์ แต่เขายังสามารถมีความสุขกับผลประโยชน์ที่ถูกส่งมอบให้ด้วยความเต็มใจ ในสายตาของมนุษย์ธรรมดา นี่คือคนชั้นสูงที่น่ายกย่อง

"เอาล่ะ วางพวกมันบนโต๊ะจากนั้นพวกเขาสามารถกลับไปได้" ฟางหยวนกล่าว

คนรับใช้ทำตามอย่างเคร่งครัดก่อนจะคำนับฟางหยวนและจากไป

นี่ไม่ใช่ห้องเช่าเดิมของฟางหยวน

หลังจากกลายเป็นผู้อาวุโส ฟางหยวนได้รับคฤหาสน์เป็นของตนเอง

มันมีทั้งห้องตำรา ห้องลับสำหรับการบ่มเพาะ และอื่นๆ แต่มันยังไม่มีคนรับใช้ ฟางหยวนต้องหามาด้วยตนเอง

"วิญญาณบุปผาสวรรค์ ออกมา"

ด้วยการส่งพลังวิญญาณเข้าไปในรอยสักรูปดอกไม้บนลิ้นของเขา

โคมไฟดอกไม้สีแดงลอยออกมาจากปากของฟางหยวนและหยุดอยู่กลางอากาศตรงหน้าเขา

ด้วยแสงสีแดงจากโคมไฟ มันส่องสะท้อนให้ทั้งห้องสว่างไสว

เป็นเพียงเวลานี้ที่ถุงเงินทั้งหมดบินหายเข้าไปในโคมไฟดอกไม้สีแดงอย่างน่าอัศจรรย์

ครู่ต่อมาแสงไฟจึงค่อยๆเลือนหายไปขณะที่วิญญาณบุปผาสวรรค์กลับไปเป็นรอยสักอยู่บนลิ้นของฟางหยวนอีกครั้ง

"บุปผาสวรรค์เป็นวิญญาณระดับสาม มันสามารถเก็บหินวิญญาณได้ถึงสามหมื่นก้อน แต่พิจารณาถึงจำนวนหินวิญญาณที่ข้าต้องเก็บไว้ใช้งาน มันเป็นตัวเลขประมาณหนึ่งหมื่นห้าพันก้อน"

แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาใช้งานวิญญาณชนิดนี้ แต่ด้วยประสบการณ์ในชีวิตก่อนหน้า เขาสามารถบอกได้ทันทีว่าบุปผาสวรรค์มีความสามารถเก็บของได้มากน้อยเท่าใด

หินวิญญาณเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในการบ่มเพาะ

โดยเฉพาะนักผจญภัย หินวิญญาณถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สุดในการเดินทาง ปกติแล้วพวกเขามักจะเก็บหินวิญญาณเอาไว้ประมาณหนึ่งหมื่นก้อนเพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถใช้ชีวิตได้ในช่วงระยะเวลาหนึ่งและมันจะถูกเติมเต็มทุกครั้งที่มีโอกาส

แต่สำหรับฟางหยวน หนึ่งหมื่นห้าพันก้อนยังถือว่าน้อยเกินไปแต่ยังอยู่ในจุดที่พอรับได้

"ด้วยหินวิญญาณสามพันก้อนที่กู้ยืมมาจากซื่อเหลียงรวมกับหินวิญญาณที่ได้รับในวันนี้ ข้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมันอีกระยะหนึ่ง ข้ามีวิญญาณจันทร์สีเลือดและวิญญาณเกราะนภาเพื่อใช้ในการโจมตีและป้องกัน ปีกสายฟ้าช่วยในการเคลื่อนไหว บุปผาสวรรค์ใช้เก็บของ หญ้าใบหูปฐพีใช้ตรวจสอบ ตอนนี้ข้าขาดเพียงวิญญาณสายรักษา" ฟางหยวนคำนวณ

ฟางหยวนมอบโสมเก้าชีวิตเพื่อแลกเปลี่ยนกับบุปผาสวรรค์

แต่ด้วยความจริงที่ว่าวิญญาณโสมเก้าชีวิตเป็นวิญญาณระดับสอง แม้เขาจะยังครอบครองมันอยู่ มันก็ยังไม่สามารถเติมเต็มความพึงพอใจของเขา

"วิญญาณสายรักษาระดับสาม มีไม่กี่ชนิดที่น่าสนใจ วิญญาณพลังชีวิตไร้สิ้นสุด สามารถรักษาและช่วยกู้คืนพลังวิญญาณได้เล็กน้อย มันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้วิญญาณที่มีระดับทะเลวิญญาณค่อนข้างต่ำเช่นข้า นอกจากนั้นก็มีวิญญาณหญ้าอมตะ มันสามารถช่วยชีวิตข้าตราบเท่าที่ข้ายังมีลมหายใจ มันเป็นวิญญาณช่วยชีวิตที่ดีที่สุด แต่วิญญาณพลังใจ เป็นวิญญาณที่เหมาะสมที่สุด มันขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้ใช้วิญญาณ ยิ่งผู้ใช้วิญญาณมีความแข็งแกร่งมากเท่าใด มันก็จะรักษาอาการบาดเจ็บได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น"

แต่ฟางหยวนจะหาวิญญาณเหล่านี้มาจากที่ใด?

ในตระกูลแสงจันทร์ กระทั่งห้องโถงวิญญาณใต้พิภพ มันยังไม่ปรากฏ

ความหวังเดียวของเขาจึงอยู่ที่มรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้

แต่ความเป็นไปได้ของมันยังค่อนข้างต่ำ ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถคาดหวังสูงเกินไป อย่างไรก็ตามเขารู้สึกว่าเรื่องการสืบทอดมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้กำลังจะถึงจุดสิ้นสุด แต่มันจะมีสิ่งที่เขาต้องการอยู่หรือไม่?

หากมันสามารถเติมเต็มความปรารถนาของเขา ในกรณีนี้มันออกจะดูสมบูรณ์แบบและเป็นเรื่องในอุดมคติมากเกินไป ทั้งหมดก็คือฟางหยวนรู้ว่าโลกใบนี้โหดร้ายเพียงใด ความเชื่อเช่นนั้นเป็นเพียงเรื่องไร้เดียงสา

'แต่ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องเข้าไปตรวจสอบมรดกของเขา อย่างน้อยที่สุดข้าก็จะจับตะขาบทองคำทำลายล้างกลับออกมา' ฟางหยวนคิดอยู่ในใจ