เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 160 ปรบมือสรรเสริญ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 160 ปรบมือสรรเสริญ
หมาป่าสายฟ้าคลั่งล้มลงราวกับช้างล้ม
มันเปิดปากกว้างขณะที่ดวงตาสูญเสียเป้าหมายราวกับชีวิตกำลังหลุดออกจากร่าง
บนร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดของมันไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นบ่อเลือด
แต่ด้วยฝนที่ตกลงอย่างอย่างไม่ขาดสาย มันจึงช่วยเจือจางบ่อเลือดให้กระจายออกไป
บนพื้นโคลน ผู้อาวุโสบางคนยืนอยู่ข้างศพและกำลังสูดหายใจลึกด้วยสภาพที่ดูไม่ต่างจากขอทาน
"ในที่สุดมันก็ตาย"
"หมาป่าสายฟ้าคลั่งตัวนี้มีวิญญาณป้องกันอยู่ในร่างกาย มันจึงจัดการได้ยาก..."
"โชคดีที่พวกเรามีวิญญาณจันทร์สีเลือดของผู้อาวุโสฟางหยวนที่สามารถสร้างบาดแผลเลือดไหลให้มันอย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นมันคงเป็นเรื่องยากที่จะฆ่ามันได้"
เมื่อชายชราเหล่านี้กล่าว พวกเขาก็มองไปยังฟางหยวน
ครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินว่าฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณจันทร์สีเลือด พวกเขารู้สึกไม่พอใจ แต่ตอนนี้มันกลับเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยกำจัดหมาป่าสายฟ้าคลั่ง
"ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับคำยกย่องจากผู้อาวุโสที่น่านับถือ แต่หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทุกท่าน ข้าคงไม่สามารถโจมตีได้อย่างอิสระ" ฟางหยวนเช็ดน้ำฝนบนใบหน้าก่อนกล่าวอย่างอ่อนน้อม
"อย่าได้กล่าวเช่นนั้น นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว"
"พวกเราแก่แล้ว เดิมทีพวกเรายังไม่รู้สึกตัว แต่เมื่อได้ต่อสู้ร่วมกับผู้อาวุโสฟางหยวน พวกเราต้องยอมรับว่าพวกเราแก่แล้วจริงๆ"
"ถูกต้อง ถูกต้อง"
เหล่าผู้อาวุโสส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ในการต่อสู้ก่อนหน้า ฟางหยวนเผยให้เห็นถึงศักยภาพของเขา เขาสามารถโจมตีและล่าถอยได้อย่างเหมาะสม รูปแบบการต่อสู้ของเขายังมีประสิทธิภาพเหนือกว่าชายชราเหล่านี้อยู่มากนัก นี่เป็นสาเหตุที่ผู้อาวุโสเหล่านี้มองฟางหยวนด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติที่สุภาพอ่อนน้อมของเขาที่ไม่ปรากฏความหยิ่งยโสอยู่แม้แต่น้อยเป็นบางสิ่งที่แตกต่างจากข่าวลือก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นชายชราเหล่านี้จึงรู้สึกประทับใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก
"ข้ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากทุกท่าน" ฟางหยวนกล่าวด้วยความเคารพ แต่ในดวงตาของเขากลับส่องประกายแสงสีดำมืด
วิญญาณจันทร์สีเลือดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
หลังจากใช้งานมาหลายครั้ง เขาจึงตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง
วิญญาณจันทร์สีเลือดเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ มันสามารถสร้างบาดแผลเลือดไหลโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยง เมื่อเวลาผ่านไป บาดแผลของศัตรูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
แต่นี่เป็นความจริงกับศัตรูที่ไม่มีวิญญาณสายรักษาเท่านั้น
ธรรมชาติจะรักษาสมดุลเอาไว้เสมอ ไม่มีวิญญาณดวงใดที่แข็งแกร่งที่สุด พวกมันล้วนมีจุดอ่อนและจุดแข็งที่แตกต่างกันไป
'ข้อเสียร้ายแรงที่สุดของวิญญาณจันทร์สีเลือดคือมันจะอ่อนแอลงในช่วงเวลาสองสามวันของแต่ละเดือนที่จะมีเลือดไหลซึมออกมาจากร่างของมัน วิญญาณจันทร์สีเลือดเป็นอาวุธหลักของข้า นี่จึงทำให้มันไร้เสถียรภาพ หากข้าสามารถจับตะขาบทองคำทำลายล้างที่อยู่ในถ้ำลับใต้ดินของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ ข้าจะสามารถปิดจุดอ่อนนี้'
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาวิกฤตของหมู่บ้านเมื่อพวกเขาถูกฝูงหมาป่าสายฟ้าบุกโจมตีอย่างต่อเนื่อง นี่ทำให้ฟางหยวนยังไม่มีโอกาสลงไปในถ้ำลับของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้
"เร็วเข้า! ช่วยเหลือสมาชิกตระกูล"
"เก็บกวาดสนามรบ อย่าให้วิญญาณดวงใดหลุดรอดไปได้"
เมื่อเห็นหมาป่าสายฟ้าคลั่งล้มลง กลุ่มผู้ใช้วิญญาณสายรักษาจึงเร่งออกมาปฏิบัติหน้าที่
"ผู้อาวุโส พวกท่านทุ่มเทอย่างมากเพื่อหมู่บ้าน ดังนั้นโปรดรับการดูแลเป็นพิเศษจากห้องโถงพยาบาลของเรา" หัวหน้ากลุ่มห้องโถงพยาบาลกล่าวอย่างสุภาพกับฟางหยวนและกลุ่มผู้อาวุโส
"อืม หัวหน้าหน่วย หลี่เฉิน" ผู้อาวุโสหลายคนจำคนผู้นี้ได้และเริ่มพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไป
พวกเขาสุภาพกับฟางหยวนและปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า แต่ต่อหน้าคนผู้นี้ พวกเขากลับสงวนท่าทีและวางอำนาจ
นี่คือความแตกต่างของสถานะ
ทั้งหมดก็คือหลี่เฉินเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง
"ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ ข้าไม่จำเป็นต้องรับการรักษา ผู้อาวุโสทุกท่าน เอาไว้พูดคุยกันอีกครั้งในคราวหน้า" ฟางหยวนก้มศีรษะลงเล็กน้อยให้กับชายชราเหล่านั้น
"ผู้อาวุโสฟางหยวนช่างโดดเด่นนัก เขาไม่ได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ครั้งนี้แม้แต่น้อย"
"เห้อ...เปรียบเทียบกับผู้อาวุโสฟางหยวน พวกเราแก่แล้วจริงๆ"
ผู้อาวุโสหลายคนหัวเราะ
"ผู้อาวุโสฟางหยวน โปรดอภัยให้แก่ความหยาบคายของข้าด้วย แต่โปรดอนุญาตให้ห้องโถงพยาบาลตรวจร่างกายของท่านเล็กน้อย" หลี่เฉินยังคงยืนยัน
เขาเป็นสมาชิกห้องโถงพยาบาล เดิมทีหลังจากฟางหยวนทำให้เหยาจี้ร่วงหล่น เป็นธรรมชาติที่หลี่เฉินจะรู้สึกเกลียดชังฟางหยวน แต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบ ในฐานะหัวหน้าหน่วย เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อฟางหยวน
"ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีของเจ้า แต่ข้าไม่เป็นไร ทุกท่าน แล้วพบกันใหม่" ฟางหยวนตบไหล่หลี่เฉินก่อนจะเดินจากไป
กลุ่มผู้อาวุโสเผยรอยยิ้มและพยักหน้าให้กับฟางหยวน
แต่เพียงเมื่อฟางหยวนจากไป ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมไปในพริบตา
ฟางหยวนมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่กลับเติบโตมาถึงจุดนี้ การต่อสู้ร่วมกับเขา กลุ่มชายชรารู้สึกได้ถึงความเหี้ยมโหดไร้ปรานีจากฟางหยวน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มันทำให้พวกเขารู้สึกราวกับถูกคุกคาม ทั้งหมดก็คือเมื่อพวกเขาอายุสิบเจ็ด พวกเขามีความสำเร็จใดบ้าง?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นรอยยิ้มของฟางหยวนขณะที่ยกมือขึ้นตบไหล่หลี่เฉิน นี่ถือเป็นพรสวรรค์ทางการเมืองที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง
"ท่านฟางหยวน ท่านจำข้าได้หรือไม่?" บนถนน คนผู้หนึ่งทำความเคารพและทักทายฟางหยวน
"เจ้าคือ..." ฟางหยวนหรี่ตามองและตระหนักว่าคนผู้นี้เป็นสหายร่วมชั้นเรียนของเขา เพียงแต่เขาไม่สามารถจดจำชื่อของคนผู้นี้ได้ ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนกรรโชกหินวิญญาณ คนผู้นี้ก็มอบมันให้กับเขาอย่างอ่อนน้อมเสมอ
"ท่านฟางหยวน ข้าก็คือติงซ่ง เป็นสหายร่วมชั้นเรียนของท่านและนั่นถือเป็นเกียรติต่อตัวข้าเป็นอย่างยิ่ง แท้จริงแล้วหลังจากได้ข่าวว่าท่านกลายเป็นผู้อาวุโส สหายหลายคนทั้งชื่นชมและอิจฉาท่าน นอกจากนั้นพวกเรายังต้องการขอแบ่งปันประสบการณ์ในการบ่มเพาะจากท่าน ไม่ทราบว่าคืนนี้ท่านฟางหยวนพอจะมีเวลาว่างบ้างหรือไม่?" ติงซ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"โอ้ เป็นเช่นนั้น..." คิ้วของฟางหยวนยกขึ้นข้างหนึ่ง "ตกลง แต่ข้าต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน เครื่องแบบที่เปียกโชกทำให้ข้ารู้สึกไม่สะดวกสบายนัก"
"ข้าได้จัดเตรียมน้ำอุ่น เสื้อผ้าชุดใหม่ และสาวใช้ที่งดงามไว้คอยดูแลท่านไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านฟางหยวน" ติงซ่งกล่าวอย่างกระตือรือร้น
แต่ฟางหยวนส่ายศีรษะ "ไม่ ก่อนหน้านั้นข้าจะเข้าไปในถ้ำใต้ดินของหมู่บ้าน"
"อา...ข้าเข้าใจแล้ว" การแสดงออกของติงซ่งเปลี่ยนแปลงไป ถ้ำใต้ดินของหมู่บ้านมีเพียงผู้อาวุโสเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
หลังจากนั้นรอยยิ้มจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของติงซ่งอีกครั้งและกล่าวบางคำออกมาด้วยการแสดงออกที่ให้ความรู้สึกราวกับคนรับใช้ "ท่านฟางหยวนเชิญทำธุระตามแต่ท่านปรารถนา ผู้ต่ำต้อยย่อมไม่ทำให้ท่านเสียเวลา การได้รอคอยท่านถือเป็นเกียรติสำหรับข้าเช่นกัน"
ฟางหยวนพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดก่อนจะก้าวเท้าออกไป
ติงซ่งเร่งเปิดเส้นทางและโค้งตัวเพื่อส่งฟางหยวนอย่างสุภาพอ่อนน้อมกระทั่งฟางหยวนลับตาไป
ฟางหยวนเข้าไปในถ้ำใต้ดินของหมู่บ้านอีกครั้ง
นี่คือห้องโถงวิญญาณของหมู่บ้าน มันเป็นห้องลับที่เก็บรวบรวมวิญญาณล้ำค่าเอาไว้ มันมีขนาดใหญ่โตแทบจะเท่ากับลานกว้างกลางหมู่บ้าน แต่ภายในกลับมีวิญญาณอยู่ไม่มากนัก
มันมีวิญญาณที่หลากหลายตั้งแต่ระดับสองถึงระดับสี่
อย่างไรก็ตามวิญญาณระดับสองมีอยู่เพียงเล็กน้อยและรวมถึงวิญญาณอำลารักซึ่งเป็นวิญญาณพิษอับดับหนึ่งในกลุ่มวิญญาณระดับสอง มันเป็นวิญญาณที่พวกเขายึดมาจากหวังต้า
วิญญาณส่วนใหญ่ในห้องนี้เป็นวิญญาณระดับสามและมีวิญญาณระดับสี่เพียงหยิบมือ
ฟางหยวนไม่ได้คาดหวังมากนัก แม้ตระกูลจะมีสมบัติมากมาย แต่มันก็เป็นเพียงตระกูลขนาดกลางและยังต้องแข่งขันกับอีกสองตระกูลภายใต้แรงกดดันจากคลื่นหมาป่า
แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังพบวิญญาณที่น่าพึงพอใจบางดวง
วิญญาณบุปผาสวรรค์!
มันเป็นวิญญาณระดับสามที่อยู่ในรูปลักษณ์ของโคมไฟดอกไม้สีแดงและมีใบไม้สีเขียวรอบๆ
วิญญาณบุปผาสวรรค์คล้ายกับวิญญาณดอกไม้เก็บสมบัติ ่ไม่เพียงมันจะสามารถเก็บอาหาร มันยังสามารถเก็บหินวิญญาณและเป็นวิญญาณที่ตรงตามมาตรฐานในใจของเขา
"ไม่คิดว่าตระกูลแสงจันทร์จะมีวิญญาณบุปผาสวรรค์ ด้วยสิ่งนี้ มันสามารถปิดช่องว่างเรื่องการจัดเก็บของข้าได้" ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขและเลือกมันทันที
"แท้จริงแล้ว หมู่บ้านยังมีวิญญาณระดับห้าเก็บไว้ มีผู้ใช้วิญญาณระดับห้าสองคนในประวัติศาสตร์ของตระกูลและพวกเขาก็ทิ้งวิญญาณบางดวงไว้เบื้องหลัง แต่มันไม่ได้อยู่ที่นี่ วิญญาณระดับห้าเป็นไพ่ตายของหมู่บ้านและได้รับการดูแลปรนนิบัติอย่างดี"
เมื่อฟางหยวนขึ้นมาจากถ้ำใต้ดิน ฝนก็หยุดตกแล้วแต่สภาพอากาศยังคงมืดมนและมีกลิ่นคาวเลือดลอยมาเป็นระยะ
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า ฟางหยวนจึงเดินทางไปยังจุดนัดหมาย
"ท่านฟางหยวน ท่านมาแล้ว เป็นเกียรติสำหรับพวกเราอย่างยิ่งที่ได้พบท่านอีกครั้ง" ติงซ่งยืนต้อนรับอยู่หน้าประตูพร้อมรอยยิ้มด้วยความกระตือรืนร้น
เขานำฟางหยวนเข้าไปในอาคารไม้ไผ่ มีผู้คนมากมายและงานเลี้ยงที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้
เมื่อเห็นฟางหยวน ทุกคนเร่งลุกขึ้น
ไม่นานหลังจากนั้นการประจบสอพลอทุกชนิดจึงเริ่มต้นขึ้น
"ทักทายท่านฟางหยวน"
"ยิ่งนานวัน ท่านฟางหยวนก็ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ต่ำต้อยผู้นี้รู้สึกนับถือท่านนัก"
"ได้เป็นสหายร่วมชั้นเรียนกับท่านฟางหยวนถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของข้า เพียงแค่คิดเกี่ยวกับมัน ข้าก็รู้สึกราวกับฝันไป"
สายตาของฟางหยวกวาดผ่านผู้คนทั้งหมดและพบว่ามันต่างเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยเพราะพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นบุคคลที่เขาเคยกรรโชกทรัพย์ทั้งสิ้น
"ด้วยความยินดี" ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางก่อนจะนั่งลงในตำแหน่งสูงสุด
"นำสุราอาหารที่ดีที่สุดมาให้ท่านฟางหยวน" ติงซ่งตะโกนสั่งคนรับใช้
ทุกจานที่นำออกมาให้กับฟางหยวนล้วนเป็นอาหารชั้นหนึ่ง ชัดเจนว่าครอบครัวของติงซ่งมีความร่ำรวยบางอย่าง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่หมู่บ้านอยู่ในสถานการณ์วิกฤต มันแสดงให้เห็นว่าเขาต้องใช้จ่ายเงินไปเป็นจำนวนมาก
"ท่านฟางหยวน ผู้ต่ำต้อยของดื่มให้กับท่าน"
"ท่านฟางหยวน ข้าขอดื่มให้ท่านก่อน"
ฟางหยวนจิบสุราในถ้วยเล็กน้อยตามมารยาท
หลังจากดื่มให้กับทุกคน เขาจึงยกถ้วยสุรายืนขึ้นและหัวเราะ "ในอดีตข้าเคยทำเรื่องแย่ๆกับพวกเจ้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะอภัยให้แก่ความโง่เขลาของข้าและลืมมันไปซะ"
เมื่อฟางหยวนยืน มันจึงไม่มีผู้ใดกล้านั่ง
ทุกคนรู้ดีว่าฟางหยวนหมายถึงการกรรโชกทรัพย์
พวกเขาจึงเร่งตะโกนออกไป "ไม่เลย มันไม่ใช่สิ่งใดเลย"
"ผู้อาวุโสฟางหยวนเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง"
"สามารถมอบหินวิญญาณให้แก่ท่านฟางหยวน นั่นถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเรา!"
"ถูกต้อง นั่นถูกต้องแล้ว ความกล้าหาญของท่านฟางหยวนยังอยู่ในใจของพวกเราเสมอ"
ฟางหยวนยกถ้วยสุราขึ้นดื่มขณะที่ทุกคนปรบมือสรรเสริญ