ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 159 ฟางหยวนผู้นี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 161 เต็มใจถูกใช้ประโยชน์

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 160 ปรบมือสรรเสริญ


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 160 ปรบมือสรรเสริญ

หมาป่าสายฟ้าคลั่งล้มลงราวกับช้างล้ม

มันเปิดปากกว้างขณะที่ดวงตาสูญเสียเป้าหมายราวกับชีวิตกำลังหลุดออกจากร่าง

บนร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดของมันไหลออกมาอย่างไม่หยุดยั้งทำให้พื้นที่บริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นบ่อเลือด

แต่ด้วยฝนที่ตกลงอย่างอย่างไม่ขาดสาย มันจึงช่วยเจือจางบ่อเลือดให้กระจายออกไป

บนพื้นโคลน ผู้อาวุโสบางคนยืนอยู่ข้างศพและกำลังสูดหายใจลึกด้วยสภาพที่ดูไม่ต่างจากขอทาน

"ในที่สุดมันก็ตาย"

"หมาป่าสายฟ้าคลั่งตัวนี้มีวิญญาณป้องกันอยู่ในร่างกาย มันจึงจัดการได้ยาก..."

"โชคดีที่พวกเรามีวิญญาณจันทร์สีเลือดของผู้อาวุโสฟางหยวนที่สามารถสร้างบาดแผลเลือดไหลให้มันอย่างต่อเนื่อง มิฉะนั้นมันคงเป็นเรื่องยากที่จะฆ่ามันได้"

เมื่อชายชราเหล่านี้กล่าว พวกเขาก็มองไปยังฟางหยวน

ครั้งแรกที่พวกเขาได้ยินว่าฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณจันทร์สีเลือด พวกเขารู้สึกไม่พอใจ แต่ตอนนี้มันกลับเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยกำจัดหมาป่าสายฟ้าคลั่ง

"ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับคำยกย่องจากผู้อาวุโสที่น่านับถือ แต่หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทุกท่าน ข้าคงไม่สามารถโจมตีได้อย่างอิสระ" ฟางหยวนเช็ดน้ำฝนบนใบหน้าก่อนกล่าวอย่างอ่อนน้อม

"อย่าได้กล่าวเช่นนั้น นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว"

"พวกเราแก่แล้ว เดิมทีพวกเรายังไม่รู้สึกตัว แต่เมื่อได้ต่อสู้ร่วมกับผู้อาวุโสฟางหยวน พวกเราต้องยอมรับว่าพวกเราแก่แล้วจริงๆ"

"ถูกต้อง ถูกต้อง"

เหล่าผู้อาวุโสส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน

ในการต่อสู้ก่อนหน้า ฟางหยวนเผยให้เห็นถึงศักยภาพของเขา เขาสามารถโจมตีและล่าถอยได้อย่างเหมาะสม รูปแบบการต่อสู้ของเขายังมีประสิทธิภาพเหนือกว่าชายชราเหล่านี้อยู่มากนัก นี่เป็นสาเหตุที่ผู้อาวุโสเหล่านี้มองฟางหยวนด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากเดิม

โดยเฉพาะอย่างยิ่งทัศนคติที่สุภาพอ่อนน้อมของเขาที่ไม่ปรากฏความหยิ่งยโสอยู่แม้แต่น้อยเป็นบางสิ่งที่แตกต่างจากข่าวลือก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นชายชราเหล่านี้จึงรู้สึกประทับใจในตัวเขาเป็นอย่างมาก

"ข้ายังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากทุกท่าน" ฟางหยวนกล่าวด้วยความเคารพ แต่ในดวงตาของเขากลับส่องประกายแสงสีดำมืด

วิญญาณจันทร์สีเลือดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

หลังจากใช้งานมาหลายครั้ง เขาจึงตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง

วิญญาณจันทร์สีเลือดเป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ มันสามารถสร้างบาดแผลเลือดไหลโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยง เมื่อเวลาผ่านไป บาดแผลของศัตรูจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

แต่นี่เป็นความจริงกับศัตรูที่ไม่มีวิญญาณสายรักษาเท่านั้น

ธรรมชาติจะรักษาสมดุลเอาไว้เสมอ ไม่มีวิญญาณดวงใดที่แข็งแกร่งที่สุด พวกมันล้วนมีจุดอ่อนและจุดแข็งที่แตกต่างกันไป

'ข้อเสียร้ายแรงที่สุดของวิญญาณจันทร์สีเลือดคือมันจะอ่อนแอลงในช่วงเวลาสองสามวันของแต่ละเดือนที่จะมีเลือดไหลซึมออกมาจากร่างของมัน วิญญาณจันทร์สีเลือดเป็นอาวุธหลักของข้า นี่จึงทำให้มันไร้เสถียรภาพ หากข้าสามารถจับตะขาบทองคำทำลายล้างที่อยู่ในถ้ำลับใต้ดินของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ ข้าจะสามารถปิดจุดอ่อนนี้'

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาวิกฤตของหมู่บ้านเมื่อพวกเขาถูกฝูงหมาป่าสายฟ้าบุกโจมตีอย่างต่อเนื่อง นี่ทำให้ฟางหยวนยังไม่มีโอกาสลงไปในถ้ำลับของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้

"เร็วเข้า! ช่วยเหลือสมาชิกตระกูล"

"เก็บกวาดสนามรบ อย่าให้วิญญาณดวงใดหลุดรอดไปได้"

เมื่อเห็นหมาป่าสายฟ้าคลั่งล้มลง กลุ่มผู้ใช้วิญญาณสายรักษาจึงเร่งออกมาปฏิบัติหน้าที่

"ผู้อาวุโส พวกท่านทุ่มเทอย่างมากเพื่อหมู่บ้าน ดังนั้นโปรดรับการดูแลเป็นพิเศษจากห้องโถงพยาบาลของเรา" หัวหน้ากลุ่มห้องโถงพยาบาลกล่าวอย่างสุภาพกับฟางหยวนและกลุ่มผู้อาวุโส

"อืม หัวหน้าหน่วย หลี่เฉิน" ผู้อาวุโสหลายคนจำคนผู้นี้ได้และเริ่มพยักหน้าด้วยการแสดงออกที่เปลี่ยนแปลงไป

พวกเขาสุภาพกับฟางหยวนและปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า แต่ต่อหน้าคนผู้นี้ พวกเขากลับสงวนท่าทีและวางอำนาจ

นี่คือความแตกต่างของสถานะ

ทั้งหมดก็คือหลี่เฉินเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง

"ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ ข้าไม่จำเป็นต้องรับการรักษา ผู้อาวุโสทุกท่าน เอาไว้พูดคุยกันอีกครั้งในคราวหน้า" ฟางหยวนก้มศีรษะลงเล็กน้อยให้กับชายชราเหล่านั้น

"ผู้อาวุโสฟางหยวนช่างโดดเด่นนัก เขาไม่ได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ครั้งนี้แม้แต่น้อย"

"เห้อ...เปรียบเทียบกับผู้อาวุโสฟางหยวน พวกเราแก่แล้วจริงๆ"

ผู้อาวุโสหลายคนหัวเราะ

"ผู้อาวุโสฟางหยวน โปรดอภัยให้แก่ความหยาบคายของข้าด้วย แต่โปรดอนุญาตให้ห้องโถงพยาบาลตรวจร่างกายของท่านเล็กน้อย" หลี่เฉินยังคงยืนยัน

เขาเป็นสมาชิกห้องโถงพยาบาล เดิมทีหลังจากฟางหยวนทำให้เหยาจี้ร่วงหล่น เป็นธรรมชาติที่หลี่เฉินจะรู้สึกเกลียดชังฟางหยวน แต่ด้วยหน้าที่ความรับผิดชอบ ในฐานะหัวหน้าหน่วย เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อฟางหยวน

"ขอบคุณสำหรับความปรารถนาดีของเจ้า แต่ข้าไม่เป็นไร ทุกท่าน แล้วพบกันใหม่" ฟางหยวนตบไหล่หลี่เฉินก่อนจะเดินจากไป

กลุ่มผู้อาวุโสเผยรอยยิ้มและพยักหน้าให้กับฟางหยวน

แต่เพียงเมื่อฟางหยวนจากไป ใบหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมไปในพริบตา

ฟางหยวนมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่กลับเติบโตมาถึงจุดนี้ การต่อสู้ร่วมกับเขา กลุ่มชายชรารู้สึกได้ถึงความเหี้ยมโหดไร้ปรานีจากฟางหยวน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ มันทำให้พวกเขารู้สึกราวกับถูกคุกคาม ทั้งหมดก็คือเมื่อพวกเขาอายุสิบเจ็ด พวกเขามีความสำเร็จใดบ้าง?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นรอยยิ้มของฟางหยวนขณะที่ยกมือขึ้นตบไหล่หลี่เฉิน นี่ถือเป็นพรสวรรค์ทางการเมืองที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง

"ท่านฟางหยวน ท่านจำข้าได้หรือไม่?" บนถนน คนผู้หนึ่งทำความเคารพและทักทายฟางหยวน

"เจ้าคือ..." ฟางหยวนหรี่ตามองและตระหนักว่าคนผู้นี้เป็นสหายร่วมชั้นเรียนของเขา เพียงแต่เขาไม่สามารถจดจำชื่อของคนผู้นี้ได้ ในช่วงเวลาที่ฟางหยวนกรรโชกหินวิญญาณ คนผู้นี้ก็มอบมันให้กับเขาอย่างอ่อนน้อมเสมอ

"ท่านฟางหยวน ข้าก็คือติงซ่ง เป็นสหายร่วมชั้นเรียนของท่านและนั่นถือเป็นเกียรติต่อตัวข้าเป็นอย่างยิ่ง แท้จริงแล้วหลังจากได้ข่าวว่าท่านกลายเป็นผู้อาวุโส สหายหลายคนทั้งชื่นชมและอิจฉาท่าน นอกจากนั้นพวกเรายังต้องการขอแบ่งปันประสบการณ์ในการบ่มเพาะจากท่าน ไม่ทราบว่าคืนนี้ท่านฟางหยวนพอจะมีเวลาว่างบ้างหรือไม่?" ติงซ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม

"โอ้ เป็นเช่นนั้น..." คิ้วของฟางหยวนยกขึ้นข้างหนึ่ง "ตกลง แต่ข้าต้องไปเปลี่ยนชุดก่อน เครื่องแบบที่เปียกโชกทำให้ข้ารู้สึกไม่สะดวกสบายนัก"

"ข้าได้จัดเตรียมน้ำอุ่น เสื้อผ้าชุดใหม่ และสาวใช้ที่งดงามไว้คอยดูแลท่านไว้เรียบร้อยแล้ว ท่านฟางหยวน" ติงซ่งกล่าวอย่างกระตือรือร้น

แต่ฟางหยวนส่ายศีรษะ "ไม่ ก่อนหน้านั้นข้าจะเข้าไปในถ้ำใต้ดินของหมู่บ้าน"

"อา...ข้าเข้าใจแล้ว" การแสดงออกของติงซ่งเปลี่ยนแปลงไป ถ้ำใต้ดินของหมู่บ้านมีเพียงผู้อาวุโสเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้

หลังจากนั้นรอยยิ้มจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าของติงซ่งอีกครั้งและกล่าวบางคำออกมาด้วยการแสดงออกที่ให้ความรู้สึกราวกับคนรับใช้ "ท่านฟางหยวนเชิญทำธุระตามแต่ท่านปรารถนา ผู้ต่ำต้อยย่อมไม่ทำให้ท่านเสียเวลา การได้รอคอยท่านถือเป็นเกียรติสำหรับข้าเช่นกัน"

ฟางหยวนพยักหน้าแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดก่อนจะก้าวเท้าออกไป

ติงซ่งเร่งเปิดเส้นทางและโค้งตัวเพื่อส่งฟางหยวนอย่างสุภาพอ่อนน้อมกระทั่งฟางหยวนลับตาไป

ฟางหยวนเข้าไปในถ้ำใต้ดินของหมู่บ้านอีกครั้ง

นี่คือห้องโถงวิญญาณของหมู่บ้าน มันเป็นห้องลับที่เก็บรวบรวมวิญญาณล้ำค่าเอาไว้ มันมีขนาดใหญ่โตแทบจะเท่ากับลานกว้างกลางหมู่บ้าน แต่ภายในกลับมีวิญญาณอยู่ไม่มากนัก

มันมีวิญญาณที่หลากหลายตั้งแต่ระดับสองถึงระดับสี่

อย่างไรก็ตามวิญญาณระดับสองมีอยู่เพียงเล็กน้อยและรวมถึงวิญญาณอำลารักซึ่งเป็นวิญญาณพิษอับดับหนึ่งในกลุ่มวิญญาณระดับสอง มันเป็นวิญญาณที่พวกเขายึดมาจากหวังต้า

วิญญาณส่วนใหญ่ในห้องนี้เป็นวิญญาณระดับสามและมีวิญญาณระดับสี่เพียงหยิบมือ

ฟางหยวนไม่ได้คาดหวังมากนัก แม้ตระกูลจะมีสมบัติมากมาย แต่มันก็เป็นเพียงตระกูลขนาดกลางและยังต้องแข่งขันกับอีกสองตระกูลภายใต้แรงกดดันจากคลื่นหมาป่า

แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น เขาก็ยังพบวิญญาณที่น่าพึงพอใจบางดวง

วิญญาณบุปผาสวรรค์!

มันเป็นวิญญาณระดับสามที่อยู่ในรูปลักษณ์ของโคมไฟดอกไม้สีแดงและมีใบไม้สีเขียวรอบๆ

วิญญาณบุปผาสวรรค์คล้ายกับวิญญาณดอกไม้เก็บสมบัติ ่ไม่เพียงมันจะสามารถเก็บอาหาร มันยังสามารถเก็บหินวิญญาณและเป็นวิญญาณที่ตรงตามมาตรฐานในใจของเขา

"ไม่คิดว่าตระกูลแสงจันทร์จะมีวิญญาณบุปผาสวรรค์ ด้วยสิ่งนี้ มันสามารถปิดช่องว่างเรื่องการจัดเก็บของข้าได้" ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขและเลือกมันทันที

"แท้จริงแล้ว หมู่บ้านยังมีวิญญาณระดับห้าเก็บไว้ มีผู้ใช้วิญญาณระดับห้าสองคนในประวัติศาสตร์ของตระกูลและพวกเขาก็ทิ้งวิญญาณบางดวงไว้เบื้องหลัง แต่มันไม่ได้อยู่ที่นี่ วิญญาณระดับห้าเป็นไพ่ตายของหมู่บ้านและได้รับการดูแลปรนนิบัติอย่างดี"

เมื่อฟางหยวนขึ้นมาจากถ้ำใต้ดิน ฝนก็หยุดตกแล้วแต่สภาพอากาศยังคงมืดมนและมีกลิ่นคาวเลือดลอยมาเป็นระยะ

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า ฟางหยวนจึงเดินทางไปยังจุดนัดหมาย

"ท่านฟางหยวน ท่านมาแล้ว เป็นเกียรติสำหรับพวกเราอย่างยิ่งที่ได้พบท่านอีกครั้ง" ติงซ่งยืนต้อนรับอยู่หน้าประตูพร้อมรอยยิ้มด้วยความกระตือรืนร้น

เขานำฟางหยวนเข้าไปในอาคารไม้ไผ่ มีผู้คนมากมายและงานเลี้ยงที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้

เมื่อเห็นฟางหยวน ทุกคนเร่งลุกขึ้น

ไม่นานหลังจากนั้นการประจบสอพลอทุกชนิดจึงเริ่มต้นขึ้น

"ทักทายท่านฟางหยวน"

"ยิ่งนานวัน ท่านฟางหยวนก็ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ต่ำต้อยผู้นี้รู้สึกนับถือท่านนัก"

"ได้เป็นสหายร่วมชั้นเรียนกับท่านฟางหยวนถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของข้า เพียงแค่คิดเกี่ยวกับมัน ข้าก็รู้สึกราวกับฝันไป"

สายตาของฟางหยวกวาดผ่านผู้คนทั้งหมดและพบว่ามันต่างเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยเพราะพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นบุคคลที่เขาเคยกรรโชกทรัพย์ทั้งสิ้น

"ด้วยความยินดี" ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางก่อนจะนั่งลงในตำแหน่งสูงสุด

"นำสุราอาหารที่ดีที่สุดมาให้ท่านฟางหยวน" ติงซ่งตะโกนสั่งคนรับใช้

ทุกจานที่นำออกมาให้กับฟางหยวนล้วนเป็นอาหารชั้นหนึ่ง ชัดเจนว่าครอบครัวของติงซ่งมีความร่ำรวยบางอย่าง โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่หมู่บ้านอยู่ในสถานการณ์วิกฤต มันแสดงให้เห็นว่าเขาต้องใช้จ่ายเงินไปเป็นจำนวนมาก

"ท่านฟางหยวน ผู้ต่ำต้อยของดื่มให้กับท่าน"

"ท่านฟางหยวน ข้าขอดื่มให้ท่านก่อน"

ฟางหยวนจิบสุราในถ้วยเล็กน้อยตามมารยาท

หลังจากดื่มให้กับทุกคน เขาจึงยกถ้วยสุรายืนขึ้นและหัวเราะ "ในอดีตข้าเคยทำเรื่องแย่ๆกับพวกเจ้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะอภัยให้แก่ความโง่เขลาของข้าและลืมมันไปซะ"

เมื่อฟางหยวนยืน มันจึงไม่มีผู้ใดกล้านั่ง

ทุกคนรู้ดีว่าฟางหยวนหมายถึงการกรรโชกทรัพย์

พวกเขาจึงเร่งตะโกนออกไป "ไม่เลย มันไม่ใช่สิ่งใดเลย"

"ผู้อาวุโสฟางหยวนเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง"

"สามารถมอบหินวิญญาณให้แก่ท่านฟางหยวน นั่นถือเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเรา!"

"ถูกต้อง นั่นถูกต้องแล้ว ความกล้าหาญของท่านฟางหยวนยังอยู่ในใจของพวกเราเสมอ"

ฟางหยวนยกถ้วยสุราขึ้นดื่มขณะที่ทุกคนปรบมือสรรเสริญ