TWO Chapter 159 เหรียญกิลด์
TWO Chapter 159 เหรียญกิลด์
หลังจากประกาศจัดตั้งกองร้อยทหารองครักษ์แล้ว โอหยางโชวก็จบการประชุม
หลังจากนั้น เขาก็สั่งให้พวกเขากลับค่ายของตนในทันทีที่เติมเต็มส่วนที่สูญเสียเสร็จแล้ว โดยเฉพาะกองพันแนวหน้า พวกเขาต้องเร่งกลับไปที่ค่ายทิศเหนือให้เร็วที่สุด
จากม้าฉิงฟู่ 300 ตัว ที่ได้รับจากปฏิบัติการรุ่งอรุณ 100 ตัว สูญเสียระหว่างสงครามโจวหลู่ ที่เหลืออีก 200 ตัว โอหยางโชวมอบให้กองร้อยทหารองครักษ์ 150 ตัว และอีก 50 ตัว มอบให้ฝ่ายข่าวกรอง
ตามความจริง ทหารที่ต้องการม้าฉิงฟู่มากที่สุดก็คือ กองพันแนวหน้า แต่เพื่อสร้างความสับสนให้กับเผ่าเทียนเฟิง พวกเขาจึงไม่สามารถใช้ม้าฉิงฟู่เหล่านี้ได้
ดังนั้น กองพันแนวหน้าจึงยังขาดม้าฉิงฟู่อีกถึง 400 ตัว โชคดีที่เผ่าเทียนเฟิงได้ส่งคนมาติดต่อโจวไห่เฉิน เพื่อบอกว่า พวกเขามีความต้องการที่จะซื้อขายอีกครั้ง
เมื่อโอหยางโชวได้รับจดหมายจากโจวไห่เฉิน เขาก็ให้อำนาจกับเมืองมิตรภาพในการซื้อม้าฉิงฟู่ และมอบมันให้กับกองพันแนวหน้าในทันที
ออกจากค่ายทหาร โอหยางโชวตรงไปยังกรมกิจการทหาร
ในห้องประชุมกรมกิจการทหาร โอหยางโชวได้เรียกหัวหน้าทีมทั้ง 3 จากฝ่ายข่าวกรองมาพบ
“นายท่าน มีบางอย่างจะเกิดขึ้นหรือไม่?” ซ่งสานกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ในการประชุมทางทหาร ซ่งสานก็ได้เข้าร่วมด้วย แต่มีเพียงฝ่ายข่าวกรองของเขาเท่านั้น ที่ยังไม่ได้รับคำสั่งใดๆ ซึ่งมันทำให้ซ่งสานเสียใจมาก ตอนนี้ ลอร์ดของเขาได้เรียกพวกเขามาพบ มันทำให้เขาคิดว่ามันเป็นสัญญาณบางอย่าง
แต่น่าเสียดาย โอหยางโชวจัดการกับพวกเขาอย่างเจ็บปวด เขากล่าวด้วยเสียงต่ำว่า “พูดตรงๆ ข้าไม่พอใจกับการทำงานของฝ่ายข่าวกรองในตอนนี้ ข่าวกรองของพวกเจ้าไม่สามารถติดตามศัตรูได้ มันทำให้ข้าผิดหวัง”
ใบหน้าของซ่งสานกลายเป็นซีดขาว เขาคุกเข่าลงกับพื้นในทันที แล้วกล่าวด้วยความหวาดกลัวว่า “ข้าทำหน้าที่ได้ไม่ดี โปรดลงโทษข้าด้วย!” เล้งเฉียนและเล่ยสุ่นมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียใจ และคุกเข่าลงเช่นกัน
การวิพากษ์วิจารณ์ของโอหยางโชว เหมือนแสงสว่างที่ส่องไปยังฝ่ายข่าวกรอง ถ้ามันถูกกระจายออกไป สมาชิกทุกคนจะไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมองได้
เมื่อเห็นว่าทั้ง 3 คน ตำหนิตัวเอง โอหยางโชวก็สั่งให้พวกเขาลุกขึ้น “ลุกขึ้น! ถ้าคนอื่นมองเห็นพวกเจ้า พวกเขาจะคิดเช่นไร?”
“ขอรับนายท่าน!” ซ่งสานและคนอื่นๆลุกขึ้นยืน และกลับไปที่นั่งของพวกเขา ใบหน้าของพวกเขายังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ข้ารู้ว่าพวกเจ้าทั้ง 3 ไม่มีประสบการณ์ และพวกเจ้าก็เรียนรู้ด้วยตัวเองตั้งแต่เริ่มต้น สำหรับพวกเจ้า การได้รับงานนี้ มันเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ แต่ข้าไม่มีทางเลือก เพราะข้าขาดคนที่มีความสามารถด้านนี้ ดังนั้น ข้าจึงต้องใช้พวกเจ้าทั้ง 3 คน” โอหยางโชวกล่าว
“เราเสียใจกับความล้มเหลว!” ซ่งสานกล่าวอย่างเสียใจ ชายหนุ่มคนนี้ เป็นหัวหมู่ของทหารรุ่นแรก ตั้งแต่ยังเป็นเพียงหมู่บ้านซานไห่ เนื่องจากเขาเป็นคนฉลาด เขาจึงได้เป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวกรอง
สวรรค์สงสารเขา ในขณะที่เขามาถึงหมู่บ้าน เขาไม่มีอะไรเลย จากนั้นไม่นาน เขาก็ได้เป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวกรอง
หลังจากนั้น ฝ่ายข่าวกรอง ก็มีเล้งเฉียนและเล่ยสุ่น 2 สายลับนี้มีชื่อเสียงล้ำหน้าเขา โชคดีที่โอหยางโชวไม่ได้สูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเขา และยังคงให้เขาทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองต่อไป
แต่เล้งเฉียนและเล่ยสุ่นเองก็ยังได้รับพิจารณาว่า เป็นเพียงผู้ที่ยังอยู่ในขั้นเรียนรู้เท่านั้น ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ
ดังนั้น พูดตามความจริง สำหรับฝ่ายข่าวกรองในตอนนี้ เพื่อให้ได้ระดับที่น่าพึงพอใจ จึงเป็นเรื่องที่ยากอย่างมาก
น่าเสียดายที่โอหยางโชวมีความหวังมากเกินไป เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ข่าวกรองมีความสำคัญมากในสงคราม นั่นคือเหตุผลที่เขาจัดตั้งฝ่ายข่าวกรองตั้งแต่ยังอยู่ในระดับหมู่บ้าน เขาหวังว่าฝ่ายข่าวกรองจะทำได้ โดยผ่านประสบการณ์ และเติบโต พัฒนาไปทีละขั้น
น่าเศร้าที่การทำงานด้านข่าวกรองเป็นงานเฉพาะ ทักษะนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนนอกจะเข้าใจได้ เพราะฉะนั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ฝ่ายข่าวกรองในตอนนี้ ถึงยังคงบกพร่องอยู่
โอหยางโชวปวดหัว และทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากเขาไม่สามารถเอาชนะเรื่องคุณภาพได้ เขาจึงต้องเอาชนะด้วยปริมาณ เขามองไปยังทั้ง 3 คน ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าตัดสินใจจะขยายฝ่ายข่าวกรอมเพิ่มอีก 200 คน นอกเหนือจากทีมปฏบัติการ 2 ทีมในปัจจุบัน จะมีทีมปฏิบัติการพิเศษ ให้ซ่งซานเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้ ในช่วงเวลานี้ พวกเจ้าต้องพัฒนากลุ่มสายลับที่ยอดเยี่ยม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ข้าจะมอบม้าฉิงฟู่ให้ 50 ตัว”
“ขอบคุณนายท่าน สำหรับความไว้วางใจของท่าน!” ซ่งสานนำคนอื่นๆกล่าวขอบคุณ
โอหยางโชวโบกมือให้พวกเขา แล้วกล่าวต่อว่า “นอกเหนือจากนี้ ข้าจะให้ภารกิจกับพวกเจ้าทั้ง 3 คน ซ่งสานจะนำทีมพิเศษ ไปสำรวจภาคตะวันตก, เล้งเฉียนนำทีมที่ 1 ไปสำรวจภาคตะวันออก รวมที่งชนเผ่าคนเถื่อนภูเขา ส่วนเล่นสุ่น จะนำทีมที่ 2 ดำเนินการสำรวจภาคเหนือต่อไป”
“ขอรับนายท่าน!”
“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 1 เดือน หลังจากนั้น พวกเจ้าจะต้องรายงานรายละเอียดที่แน่นอนของภาคตะวันตกและภาคตะวันออก แล้วสร้างแผนที่ของภูมิภาคสำหรับสงครามที่จะเกิดขึ้น” โอหยางโชวหันหน้าไปมองด้านข้างของดินแดนด้วยเจตนาร้าย
“ขอรับนายท่าน!”
การจัดการของกรมกิจการทหารต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก
โดยเสียค่าใช้จ่ายรวม 1,900 เหรียญทอง ให้กับครอบครัวของทหารที่เสียชีวิต, การจัดตั้งกองพันทหารใหม่ 3 กอง, กองร้อยทหารองครักษ์ 1 กอง และการขยายข่าวข่าวกรอง
ด้วยเหตุนี้ โอหยางโชวจึงเหลือเงินเพียง 200 เหรียญทองเท่านั้น
สุดท้าย เขาก็ใช้เงิน 200 เหรียญทอง เพื่อซื้อเหรียญกิลด์ แล้วส่งมันไปให้เสี่ยวเยว่ เพื่อให้เธอใช้มันสร้างกิลด์ในต้าหลี่
โอหยางโชวกลายเป็นคนยากจน และไม่มีแม้แต่เงินจะซื้อแบบแปลนสิ่งก่อสร้างพื้นฐานของเมืองขนาดกลางระดับ 1 เขาต้องรอให้ถึงสิ้นเดือน เพื่อรับกำไรจากเหมืองแร่หลางซานและนาเกลือเขตเหนือ
…………………………………………………………………………..
ณ ต้าหลี่ เสี่ยวเยว่กับลังช็อปปิงอยู่กับเพื่อนของเธอ เธอได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นที่หูของเธอ
“แจ้งเตือนระบบ : คุณมีพัสดุแบบไม่ระบุชื่อ คุณจะยอมรับหรือไม่?”
เสี่ยวเยว่จำการสนทนาระหว่างเธอกับโอหยางโชวได้ “ยอมรับ!”
แสงสีข่าวเปล่งออกมา แล้วเหรียญกิลด์ก็ปรากฎในถุงเก็บของของเธอ
มันมีลักษณะคล้ายกับเหรียญการสร้างหมู่บ้าน เหรียญกิลด์ถูกแบ่งเป็นระดับสัมฤทธิ์, เหล็กดำ, เงิน และทอง เหรียญกิลด์ที่มีระดับที่แตกต่างกัน มันจะอนุญาติให้ผู้เล่นอยู่ในกิลด์ได้ต่างกัน และจะมีลักษณะพิเศษต่างกัน
เหรียญกิลด์ระดับสัมฤทธิ์ จะมีขีดจำกัด 100 คน และไม่มีลักษณะพิเศษของกิลด์, เหรียญกิลด์ระดับเหล็กดำ มีขีดจำกัดสูงสุด 1,000 คน และมีลักษณะพิเศษของกิลด์ 1 อย่าง, เหรียญกิลด์ระดับเงิน มีขีดจำกัดสูงสุด 10,000 คน และมีลักษณะพิเศษของกิลด์ 2 อย่าง และเหรียญกิลด์ระดับทอง มีขีดจำกัดสูงสุด 100,000 คน และมีลักษณะพิเศษของกิลด์ 3 อย่าง
โดยปกติ กิลด์ที่ใช้เหรียญกิลด์ระดับสัมฤทธิ์ จะเรียกว่ากิลด์ขนาดเล็ก,กิลด์ที่ใช้เหรียญกิลด์ระดับเหล็กดำ จะเรียกว่ากิลด์ขนาดกลาง และกิลด์ที่ใช้เหรียญกิลด์ระดับเงินและทอง จะเรียกว่ากิลด์ขนาดใหญ่
ในทางทฤษฎี กิลด์ขนาดใหญ่จะมีสมาชิกได้มากที่สุด 100,000 คน แต่ในความเป็นจริง มันมีวิธีการต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความขีดจำกัดนั้น
แน่นอนว่า การควบคุมสมาชิกหลักทั้ง 100,000 คน นั้นเป็นไปไม่ได้ หากปราศจากทีมที่แข็งแกร่งและมีประสิทธภาพ
ดังนั้น กิลด์ 10 อันดับแรก จึงมีกลุ่มการเงินหนุนหลังพวกเขา บางคนมีเงินลงทุนจากกสถาบันการเงิน และมีทีมมืออาชีพในการจัดการกิลด์
ผู้เล่นเดี่ยวบางคนใช้เลเวลที่สูงและชื่อเสียงของเขา ในการสร้างกิลด์ขนาดใหญ่ แต่กิลด์ของเขาจะถูกควบคุมโดยกลุ่มการเงิน ไม่อย่างนั้น กิลด์ก็อาจจะเสี่ยงต่อการถูกยุบ
ผู้เล่นในเกมส์นั้นแตกต่างจากชีวิตจริง พวกเขาจะไม่ต้องเข้าร่วมตามชื่อเสียง และเป็นทาสของกิลด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเกมส์มีผลต่อชีวิตจริง มันก็แทบไม่มีโอกาสเกิดเหตุการณ์นั้นเลย
ความแตกต่างของเหรียญการสร้างหมู่บ้านและเหรียญกิลด์ก็คือ เหรียญกิลด์สามารถอัพเกรดได้จากการทำเควส และกิลด์มีสิทธิ์ที่จะเลือกทำหรือไม่ทำก็ได้
สำหรับกิลด์เช่น กลุ่มทหารรบจ้างกุหลาบสงคราม-หิมะ ที่อยู่ใน 10 อันดับแรก พวกเขาเริ่มต้นด้วยเหรียญกิลด์ระดับสัมฤทิ์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด พวกเขาได้ผ่านเควสเพื่ออัพเกรดระดับหลายครั้ง จนตอนนี้ เหรียญกิลด์ของพวกเขามีระดับระดับเงิน
ในตลาดปัจจุบัน เหรียญกิลด์ระดับสัมฤทธิ์มีราคา 10 เหรียญทอง, เหรียญกิลด์ระดับเงินมีราคาที่เหมือนกับที่โอหยางโชวซื้อ มีราคา 200 เหรียญทอง
สำหรับเหรียญกิลด์ระดับเงิน มันมีเพียง 10 เหรียญเท่านั้น ส่วนเหรียญกิลด์ระกับทองนั้นลึกลับอย่างมาก จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีผู้เล่นนักผจญภัยคนไหนได้รับมันมา
การอัพเกรดเหรียญกิลด์จะทำได้ง่ายในช่วงต้นเกมส์ เช่นเดียวกับกิลด์ขนาดใหญ่ทั้ง 10 ผู้เล่นระดับไฮเอนด์จำนวนมาก ใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งปี เพื่ออัพเกรดเหรียญกิลด์จากระดับต่ำสุด เป็นระดับเงิน
อย่างไรก็ตาม การอัพเกรดจากระดับเงิน เป็นระดับทอง ต้องใช้เวลายาวนานและยากลำบากมาก
โอหยางโชวจำได้ว่า กิลด์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน อย่างกลุ่มทหารรับจ้างอสูรโลหิต ได้ใช้เวลาถึง 1 ปีครึ่ง ในการอัพเกรดเหรียญกิลด์เป็นระดับทอง
แน่นอน นอกเหนือจากลักษณะพิเศษของกิลด์แล้ว สำหรับกิลด์ขนาดใหญ่ทั้ง 10 เหรียญกิลด์ระดับเงินยังคงไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถตั้งกิลด์สาขา สำหรับสมาชิกคนอื่นๆได้
สมาชิกหลักยังมีไม่ถึง 10,000 คน โดยผู้ที่เป็นสมาชิกหลักก็คือ สมาชิกที่ซื่อสัตว์และคนที่ได้รับเงินเดือน
แฟนเพจ : TWOแปลไทย