ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 158 ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 160 ปรบมือสรรเสริญ

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 159 ฟางหยวนผู้นี้


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 159 ฟางหยวนผู้นี้

"อะวู้..."

หมาป่าสายฟ้าคลั่งสี่ตัวเงยศีรษะเห่าหอนขึ้นสู่ท้องฟ้า

"แปะ แปะ แปะ แปะ"

ฝนเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้าที่มืดมิดและปิดบังมุมมองสายตาของผู้คนทั้งหมด

"เร็วเข้า! ประตูหมู่บ้านทางทิศเหนือเกิดรอยร้าวขึ้นแล้ว กลุ่มของเฉิงม่านรีบไปที่นั่น"

"ผู้ใช้วิญญาณสายรักษา! มีคนได้รับบาดเจ็บอยู่ที่นี่!"

"ฆ่าพวกหมาป่าให้หมด!"

เสียงตะโกนของมนุษย์สอดผสานกับเสียงเห่าหอนของหมาป่า

ร่างกายของผู้ใช้วิญญาณแทบทุกคนถูกอาบย้อมไปด้วยเลือดขณะที่พวกเขาอุทิศตนต่อสู้อย่างดุเดือด

หมาป่าสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งก่อนจะกลายเป็นซากศพนอนซ้อนทับกันอยู่หน้ากำแพงหมู่บ้าน แต่ด้วยความร่วมมือของฝูงหมาป่าและหมาป่าสายฟ้าเดือด พวกมันยังสามารถสร้างแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง

ผู้ใช้วิญญาณระดับสองและระดับหนึ่งต่อสู้อยู่ในแนวหน้าอย่างกล้าหาญ ดาบแสงจันทร์จำนวนมากโบยบินออกไปอย่างไม่รู้สิ้นสุด

ขณะเดียวกันฝูงหมาป่าสายฟ้าก็ส่งบอลสายฟ้าพุ่งเข้าทำลายกำแพงและสร้างความเสียหายให้กับหมู่บ้านอย่างไร้ปรานี

"ท่านฟางหยวน นี่เป็นรายงานผู้เสียชีวิต โปรดตรวจสอบ" เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบถ่ายทอดข้อมูลอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม ในฐานะผู้อาวุโส เขาจึงได้รับมอบหมายให้มาดูแลการต่อสู้ที่ประตูหมู่บ้านทางทิศตะวันตก

ฟางหยวนถอนความสนใจจากสนามรบก่อนกล่าว " เจ้าออกไปได้"

ผู้ใช้วิญญาณผู้นั้นทำความเคารพก่อนจะเร่งจากไป

ด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณ เขาสามารถเข้าออกจากสนามรบได้ด้วยความเร็วสูง

ผู้ใช้วิญญาณที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งข้อมูลส่วนใหญ่จะครอบครองวิญญาณที่ช่วยเหลือในการเคลื่อนไหวอย่างน้อยหนึ่งหรือสองดวง

เมื่อฟางหยวนก้มหน้าลงอ่านรายงาน จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดกลับทำให้เขารู้สึกตกใจ

จนถึงปัจจุบันฝูงหมาป่าบุกโจมตีหมู่บ้านมาแล้วมากกว่าสิบครั้ง การบาดเจ็บและเสียชีวิตของผู้ใช้วิญญาณเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของหมู่บ้าน นี่ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลรวมถึงผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาลคนใหม่ซื่อซ่งรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เวลาเพียงไม่กี่วันแต่มันกลับทำให้เส้นผมบนศีรษะของซื่อซ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นขาวหงอก

แต่ฟางหยวนมีความทรงจำในชีวิตก่อนหน้า ดังนั้นเขาจึงเตรียมใจไว้แล้ว

'คลื่นหมาป่าครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลแสงจันทร์ ดังนั้นการบาดเจ็บล้มตายย่อมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง'

หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ แสงจันทร์จึงส่องสว่างขึ้นบนฝ่ามือของฟางหยวนก่อนที่กระดาษรายงานจะถูกตัดทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

รายงานฉบับนี้มีเพียงผู้อาวุโสของตระกูลที่สามารถเห็น เพราะหากมันถูกเผยแพร่ออกไป สมาชิกตระกูลจะตื่นตระหนกและจะทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที เพราะกระทั่งผู้อาวุโสของตระกูลยังไม่สามารถสงบจิตใจและรู้สึกวิตกมากขึ้นทุกขณะ

เมื่อมาถึงจุดนี้ แสงจันทร์บนฝ่ามือของฟางหยวนไม่ได้เป็นสีฟ้าอีกต่อไป แต่มันเป็นสีเลือด

นี่คือวิญญาณระดับสาม วิญญาณจันทร์สีเลือด

เกี่ยวกับการหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ ฟางหยวนล้มเหลวในครั้งแรกแต่สามารถประสบความสำเร็จในครั้งต่อมา

สำหรับวัตถุดิบที่ใช้หลอมสร้าง ฟางหยวนกรรโชกมาจากซื่อเหลียงอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อฟางหยวนหลับตาลงและเพ่งจิตเข้าไปยังทะเลวิญญาณ มันเป็นสีขาวบริสุทธิ์และปราศจากสิ่งปนเปื้อนอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่านี่คือผลลัพธ์จากการชำระล้างด้วยวิญญาณวารีพิสุทธิ์ ดังนั้นเวลานี้ทะเลวิญญาณของเขาจึงเป็นสีขาวประกายเงินของผู้ใช้วิญญาณระดับสามขั้นต้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ใช่บางสิ่งที่ไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน

เพราะระดับทะเลวิญญาณของฟางหยวนลดลงจากสี่สิบสี่ส่วนเหลือเพียงสี่สิบสองส่วน มันหมายถึงพรสวรรค์ที่ลดลง แต่นี่คือราคาที่ฟางหยวนเตรียมใจไว้แล้ว

ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องขอบคุณซื่อเหลียงที่ส่งมอบวิญญาณวารีพิสุทธิ์ให้กับเขา มิฉะนั้นด้วยสิ่งปนเปื้อนจากวิญญาณงานฝังศพอสูรจะลดทอนพรสวรรค์ของเขาลงไปเรื่อยๆ

เต่าทองสีขาวจุดดำบินอยู่เหนือทะเลวิญญาณ นี่คือวิญญาณเกราะนภา

วิญญาณเกร็ดลี้ลับที่อยู่ในรูปลักษณ์ของปลาคราฟสีเทาแหวกว่ายอยู่ในน้ำ

หนอนสุราสี่ฤดูยังคงเล่นน้ำอยู่อย่างสะดวกสบาย

สำหรับวิญญาณจันทร์สีเลือด มันคล้ายกับวิญญาณจันทร์กระจ่างที่กลายเป็นรอยสักรูปจันทร์เสี้ยวสีเลือดอยู่บนฝ่ามือของฟางหยวน

วิญญาณปีกสายฟ้า มันอยู่ในสภาพรอยสักรูปปีกสายฟ้าคู่หนึ่งบนแผ่นหลังของเขา

หากกล่าวถึงวิญญาณกาลเวลา

สภาพของมันเริ่มดูดีขึ้นและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับมัน

วิญญาณกาลเวลาเป็นวิญญาณระดับหก แต่ตอนนี้ฟางหยวนเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสาม ทะเลวิญญาณของเขายังไม่สามารถเลี้ยงดูมันในสภาพสมบูรณ์พร้อม

หากเปรียบเทียบ ทะเลวิญญาณของเขาก็เหมือนกระดาษ มันไม่สามารถห่อหุ้มไฟเอาไว้ภายใน

"หากไม่มีทางเลือก ข้าคงทำได้เพียงให้มันออกมาอยู่นอกร่างกาย" ฟางหยวนถอนหายใจ

วิญญาณระดับหกมีความสัมพันธ์กับพลังงานแห่งสวรรค์พิภพของโลกใบนี้อย่างใกล้ชิด หากให้มันอยู่ภายนอกนานเกินไป มันจะส่งผลกระทบต่อกฎธรรมชาติ เว้นเพียงว่าวิญญาณดวงนั้นจะนอนหลับอยู่ มิฉะนั้นมันอาจก่อให้เกิดเหตุวุ่นวายและดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้วิญญาณที่เต็มไปด้วยความโล�

แต่นี่เป็นทางออกเดียว หากจำเป็น ฟางหยวนก็ไม่มีทางเลือด

"อะวู้..."

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงเห่าหอนที่ทรงพลังดังเข้าหูของผู้ใช้วิญญาณทุกคน

ฟางหยวนรวบรวมสติและเฝ้าระวัง

"ผู้อาวุโสฟางหยวน หมาป่าสายฟ้าคลั่งเข้าสู่สนามรบแล้ว ผู้ใช้วิญญาณเจียงเจี้ยนและผู้อาวุโสอีกสองคนกำลังต่อสู้กับมันอยู่ที่ประตูหมู่บ้านทิศตะวันออก พวกเขาหวังว่าท่านจะสามารถให้ความช่วยเหลือ" ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งเร่งเข้ามารายงาน

"เปรี้ยง!"

ปีกสายฟ้าสะบัดตัวขึ้นบนแผ่นหลังของฟางหยวนและนำร่างของเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าตรงไปยังประตูหมู่บ้านทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว

ด้วยการบินเป็นเส้นตรงอยู่กลางอากาศ ฟางหยวนสามารถเข้าสู่สนามรบได้ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ

หมาป่าสายฟ้าคลั่งกำลังใช้ความพยายามทะลวงกำแพงหมู่บ้านโดยมีผู้อาวุโสบางกลุ่มคอยขัดขวางอยู่

ในจังหวะนี้หมาป่าสายฟ้าคลั่งตัวหนึ่งสะบัดหางของมันไปยังผู้ใช้วิญญาณหญิงระดับหนึ่งที่โชคร้ายผู้หนึ่ง ทำให้ใบหน้าของเธอกลายเป็นซีดขาวด้วยความหวาดกลัว 'ข้าถึงที่ตายแล้ว'

อาศัยเพียงความสามารถของเธอ ชัดเจนว่าเธอไม่สามารถหลบหนี

แต่ในช่วงเวลาสำคัญ เงาสายฟ้ากลับพุ่งลงมาโอบกอดเธอเอาไว้

หญิงสาวรู้สึกมึนงงอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะตระหนักว่าเธอกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ในเวลาเดียวกัน หางหมาป่าก็กวาดผ่านอาคารไม้ไผ่ที่เธอพึ่งจากมาและทำลายล้างมันลงอย่างสิ้นเชิง

ใบหน้าของเธอยิ่งซีดเผือดเมื่อมองเห็นเหตุการณ์นี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเธอเผชิญหน้ากับการโจมตีครั้งนี้ เธอจะกลายเป็นเศษเลือดเศษเนื้ออย่างแน่นอน

แต่เป็นผู้ใดที่ช่วยเธอไว้?

เธอหันหน้ามองไปยังบุคคลผู้นี้ก่อนที่เธอจะกลายเป็นตกตะลึง

'เป็นเขา?'

'ฟางหยวน!'

ในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูด

เธอกับฟางหยวนเป็นสหายร่วมชั้นเรียน ฟางหยวนเคยกรรโชกทรัพย์เธอมาก่อน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเกลียดชังคนผู้นี้เป็นอย่างมาก

แต่เธอก็ต้องประหลาดใจกับความสำเร็จของฟางหยวนเมื่อเขากลายเป็นผู้อาวุโส นี่ทำให้เธอทั้งรู้สึกตกใจและชื่นชมในเวลาเดียวกัน

เมื่อเปรียบเทียบกับฟางหยวน เธอเองก็มีพรสวรรค์นภาที่สามเช่นเขา แต่เธอยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งเท่านั้น

และตอนนี้เธอยังได้รับความช่วยเหลือจากเขา นี่ยิ่งทำให้ความรู้สึกของเธอซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

เขาเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอจริงๆ!

"สนามรบแห่งนี้ค่อนข้างอันตราย หนีไปให้ไกล" ฟางหยวนกระพือปีกลงจอดบนพื้นและวางเธอลงอย่างนุ่มนวล

เขามีความประทับใจที่ดีต่อหญิงสาวผู้นี้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขายังไม่สามารถจดจำชื่อของเธอได้

หลังจากกล่าวจบคำ เขาไม่ได้มองเธอและไม่ได้บินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีก ตรงข้ามเขาวิ่งตรงเข้าไปในสนามรบทันที

ปีกสายฟ้ามอบความเร็วให้แก่เขา แต่มันก็ดูดกลืนพลังวิญญาณของเขาเป็นจำนวนมากเช่นกัน ฟางหยวนมีพรสวรรค์นภาที่สาม ด้วยการเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามขั้นต้น เขาจึงค่อนข้างเสียเปรียบและต้องสงวนพลังวิญญาณเอาไว้มากกว่าผู้ใช้วิญญาณระดับสามคนอื่นๆ

วิญญาณจันทร์สีเลือด!

ดาบแสงจันทร์สีเลือดถูกส่งออกไป

เมื่อมันกรีดเฉือนร่างกายของหมาป่าสายฟ้าคลั่ง มันจึงสร้างบาดแผลเลือดไหลที่ไหลไม่หยุด

สายตาของหญิงสาวยังอยู่ที่ฟางหยวนและค่อยๆส่องประกายขึ้นอย่างช้าๆ

อายุสิบเจ็ดหรือสิบแปด นี่เป็นช่วงวัยผู้เยาว์จะเติบโตขึ้นเป็นคนหนุ่มสาว

"ฟางหยวนผู้นี้ เจ้าคิดอย่างไรกับเขา?" ไกลออกไป อวี๋โป้มองดูฉากนี้อย่างใกล้ชิดก่อนจะเปิดปากถามผู้ช่วยของเขา

ผู้ช่วยเร่งตอบ "ข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสฟางหยวนตอบรับคำสั่งจากห้องโถงพยายบาลและส่งมอบวิญญาณโสมเก้าชีวิตให้กับผู้อาวูโสซื่อซ่ง หลังจากเขาได้รับเงินสนับสนุนครั้งแรก เขานำเงินทั้งหมดมอบให้แก่ลุงกับป้าของเขา หลายวันที่ผ่านมา เขาช่วยสังหารหมาป่าสายฟ้าอย่างกล้าหาญทำให้เขาได้รับคะแนนผลงานจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากช่วยเหลือสมาชิกของตระกูลเอาไว้มากมาย ชื่อเสียงของเขายิ่งโด่งดังและพลิกตลบข่าวลือแย่ๆก่อนหน้าไปอย่างสมบูรณ์ เขากลายเป็นดาวดวงใหม่ของตระกูลอย่างแท้จริง"

"ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้คิดว่าแม้เขาจะมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่เขามีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เขาได้รับโอกาสที่ดี แรกเริ่มเขาได้รับมรดกจากบิดามารดา โสมเก้าชีวิตเป็นแหล่งรายได้ของเขา อาศัยวิญญาณรากพฤกษาทองแดงสองดวงและความโชคดีอีกเล็กน้อย เขาจึงสามารถก้าวเข้าสู่ระดับสาม"

กล่าวถึงจุดนี้ ดวงตาของคนผู้นี้จึงเผยให้เห็นถึงความรู้สึกอิจฉาอย่างช่วยไม่ได้

เพราะเขาก็เป็นผู้มีพรสวรรค์นภาที่สามเช่นกัน แต่ยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสอง แม้จะผ่านมาแล้วมากกว่าครึ่งชีวิต อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับสามารถเป็นผู้อาวุโสในวัยเพียงสิบเจ็ด

นี่ทำให้ทุกคนจะรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย

อวี๋โป้พยักหน้าแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด

คำพูดของผู้ช่วยคนนี้เป็นเช่นเดียวกับความคิดของสมาชิกตระกูลส่วนใหญ่ แต่อวี๋โป้เป็นผู้นำตระกูลมาหลายปี มันจึงทำให้เขามองได้ลึกมากกว่า

ฟางหยวนส่งมอบโสมเก้าชีวิต เห็นได้ชัดว่าเขามีข้อตกลงบางอย่างกับซื่อซ่ง การมอบเงินให้ลุงกับป้า มันไม่ใช่ความปรารถนาดี แต่เป็นการแสดงออกทางการเมือง

เพราะผู้ที่เผยแพร่ข่าวนี้ออกมาคือซื่อซ่ง

สำหรับการช่วยเหลือผู้คน ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงใจหรือไม่ มันยังน่าเคลือบแคลงใจอยู่ไม่น้อย

แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ฟางหยวนก็ไม่ได้แยกตัวออกจากตระกูลอีก การกระทำทั้งหมดของเขาเรียกได้ว่าควรค่าแก่การสรรเสริญและตระกูลก็ต้องการบุคลากรเช่นนี้

หลังจากเงียบอยู่ชั่วครู่ อวี๋โป้ก็เปิดปากพูดอีกครั้ง "ในหอตำราไม่กี่วันมานี้ พวกเขาก็ไม่พบสิ่งผิดปกติจากฟางหยวน เอาล่ะ ลืมมันไปซะ ถอนคำสั่งตรวจสอบฟางหยวนได้"

"รับทราบ ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้จะแจ้งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทันที" หลังจากรับคำสั่ง คนผู้นั้นจึงเร่งจากไป

อวี๋โป้จ้องมองออกไปและเริ่มคิด 'ไม่ว่าสิ่งใดคือเหตุผลที่ทำให้ระดับการบ่มเพาะของฟางหยวนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ฟางหยวนผู้นี้ก็เก็บซ่อนความลับเอาไว้มากมาย อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้ ด้วยความรุนแรงของภัยพิบัติคลื่นหมาป่า การสูญเสียฟางหยวนจะทำให้ตระกูลอ่อนแอลง การตรวจสอบยังไม่ใช่สิ่งจำเป็น เรื่องนี้สามารถรอกระทั่งภัยพิบัติคลื่นหมาป่าผ่านพ้นไป'