เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 159 ฟางหยวนผู้นี้
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 159 ฟางหยวนผู้นี้
"อะวู้..."
หมาป่าสายฟ้าคลั่งสี่ตัวเงยศีรษะเห่าหอนขึ้นสู่ท้องฟ้า
"แปะ แปะ แปะ แปะ"
ฝนเริ่มตกลงมาจากท้องฟ้าที่มืดมิดและปิดบังมุมมองสายตาของผู้คนทั้งหมด
"เร็วเข้า! ประตูหมู่บ้านทางทิศเหนือเกิดรอยร้าวขึ้นแล้ว กลุ่มของเฉิงม่านรีบไปที่นั่น"
"ผู้ใช้วิญญาณสายรักษา! มีคนได้รับบาดเจ็บอยู่ที่นี่!"
"ฆ่าพวกหมาป่าให้หมด!"
เสียงตะโกนของมนุษย์สอดผสานกับเสียงเห่าหอนของหมาป่า
ร่างกายของผู้ใช้วิญญาณแทบทุกคนถูกอาบย้อมไปด้วยเลือดขณะที่พวกเขาอุทิศตนต่อสู้อย่างดุเดือด
หมาป่าสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้งก่อนจะกลายเป็นซากศพนอนซ้อนทับกันอยู่หน้ากำแพงหมู่บ้าน แต่ด้วยความร่วมมือของฝูงหมาป่าและหมาป่าสายฟ้าเดือด พวกมันยังสามารถสร้างแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง
ผู้ใช้วิญญาณระดับสองและระดับหนึ่งต่อสู้อยู่ในแนวหน้าอย่างกล้าหาญ ดาบแสงจันทร์จำนวนมากโบยบินออกไปอย่างไม่รู้สิ้นสุด
ขณะเดียวกันฝูงหมาป่าสายฟ้าก็ส่งบอลสายฟ้าพุ่งเข้าทำลายกำแพงและสร้างความเสียหายให้กับหมู่บ้านอย่างไร้ปรานี
"ท่านฟางหยวน นี่เป็นรายงานผู้เสียชีวิต โปรดตรวจสอบ" เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบถ่ายทอดข้อมูลอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม ในฐานะผู้อาวุโส เขาจึงได้รับมอบหมายให้มาดูแลการต่อสู้ที่ประตูหมู่บ้านทางทิศตะวันตก
ฟางหยวนถอนความสนใจจากสนามรบก่อนกล่าว " เจ้าออกไปได้"
ผู้ใช้วิญญาณผู้นั้นทำความเคารพก่อนจะเร่งจากไป
ด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณ เขาสามารถเข้าออกจากสนามรบได้ด้วยความเร็วสูง
ผู้ใช้วิญญาณที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการส่งข้อมูลส่วนใหญ่จะครอบครองวิญญาณที่ช่วยเหลือในการเคลื่อนไหวอย่างน้อยหนึ่งหรือสองดวง
เมื่อฟางหยวนก้มหน้าลงอ่านรายงาน จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดกลับทำให้เขารู้สึกตกใจ
จนถึงปัจจุบันฝูงหมาป่าบุกโจมตีหมู่บ้านมาแล้วมากกว่าสิบครั้ง การบาดเจ็บและเสียชีวิตของผู้ใช้วิญญาณเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของหมู่บ้าน นี่ทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลรวมถึงผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาลคนใหม่ซื่อซ่งรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก เวลาเพียงไม่กี่วันแต่มันกลับทำให้เส้นผมบนศีรษะของซื่อซ่งเริ่มเปลี่ยนเป็นขาวหงอก
แต่ฟางหยวนมีความทรงจำในชีวิตก่อนหน้า ดังนั้นเขาจึงเตรียมใจไว้แล้ว
'คลื่นหมาป่าครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลแสงจันทร์ ดังนั้นการบาดเจ็บล้มตายย่อมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง'
หลังจากคิดถึงเรื่องนี้ แสงจันทร์จึงส่องสว่างขึ้นบนฝ่ามือของฟางหยวนก่อนที่กระดาษรายงานจะถูกตัดทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
รายงานฉบับนี้มีเพียงผู้อาวุโสของตระกูลที่สามารถเห็น เพราะหากมันถูกเผยแพร่ออกไป สมาชิกตระกูลจะตื่นตระหนกและจะทำให้เกิดความโกลาหลขึ้นทันที เพราะกระทั่งผู้อาวุโสของตระกูลยังไม่สามารถสงบจิตใจและรู้สึกวิตกมากขึ้นทุกขณะ
เมื่อมาถึงจุดนี้ แสงจันทร์บนฝ่ามือของฟางหยวนไม่ได้เป็นสีฟ้าอีกต่อไป แต่มันเป็นสีเลือด
นี่คือวิญญาณระดับสาม วิญญาณจันทร์สีเลือด
เกี่ยวกับการหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ ฟางหยวนล้มเหลวในครั้งแรกแต่สามารถประสบความสำเร็จในครั้งต่อมา
สำหรับวัตถุดิบที่ใช้หลอมสร้าง ฟางหยวนกรรโชกมาจากซื่อเหลียงอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อฟางหยวนหลับตาลงและเพ่งจิตเข้าไปยังทะเลวิญญาณ มันเป็นสีขาวบริสุทธิ์และปราศจากสิ่งปนเปื้อนอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่านี่คือผลลัพธ์จากการชำระล้างด้วยวิญญาณวารีพิสุทธิ์ ดังนั้นเวลานี้ทะเลวิญญาณของเขาจึงเป็นสีขาวประกายเงินของผู้ใช้วิญญาณระดับสามขั้นต้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ใช่บางสิ่งที่ไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทน
เพราะระดับทะเลวิญญาณของฟางหยวนลดลงจากสี่สิบสี่ส่วนเหลือเพียงสี่สิบสองส่วน มันหมายถึงพรสวรรค์ที่ลดลง แต่นี่คือราคาที่ฟางหยวนเตรียมใจไว้แล้ว
ในความเป็นจริงฟางหยวนต้องขอบคุณซื่อเหลียงที่ส่งมอบวิญญาณวารีพิสุทธิ์ให้กับเขา มิฉะนั้นด้วยสิ่งปนเปื้อนจากวิญญาณงานฝังศพอสูรจะลดทอนพรสวรรค์ของเขาลงไปเรื่อยๆ
เต่าทองสีขาวจุดดำบินอยู่เหนือทะเลวิญญาณ นี่คือวิญญาณเกราะนภา
วิญญาณเกร็ดลี้ลับที่อยู่ในรูปลักษณ์ของปลาคราฟสีเทาแหวกว่ายอยู่ในน้ำ
หนอนสุราสี่ฤดูยังคงเล่นน้ำอยู่อย่างสะดวกสบาย
สำหรับวิญญาณจันทร์สีเลือด มันคล้ายกับวิญญาณจันทร์กระจ่างที่กลายเป็นรอยสักรูปจันทร์เสี้ยวสีเลือดอยู่บนฝ่ามือของฟางหยวน
วิญญาณปีกสายฟ้า มันอยู่ในสภาพรอยสักรูปปีกสายฟ้าคู่หนึ่งบนแผ่นหลังของเขา
หากกล่าวถึงวิญญาณกาลเวลา
สภาพของมันเริ่มดูดีขึ้นและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สถานการณ์เช่นนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็ยังกังวลเกี่ยวกับมัน
วิญญาณกาลเวลาเป็นวิญญาณระดับหก แต่ตอนนี้ฟางหยวนเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสาม ทะเลวิญญาณของเขายังไม่สามารถเลี้ยงดูมันในสภาพสมบูรณ์พร้อม
หากเปรียบเทียบ ทะเลวิญญาณของเขาก็เหมือนกระดาษ มันไม่สามารถห่อหุ้มไฟเอาไว้ภายใน
"หากไม่มีทางเลือก ข้าคงทำได้เพียงให้มันออกมาอยู่นอกร่างกาย" ฟางหยวนถอนหายใจ
วิญญาณระดับหกมีความสัมพันธ์กับพลังงานแห่งสวรรค์พิภพของโลกใบนี้อย่างใกล้ชิด หากให้มันอยู่ภายนอกนานเกินไป มันจะส่งผลกระทบต่อกฎธรรมชาติ เว้นเพียงว่าวิญญาณดวงนั้นจะนอนหลับอยู่ มิฉะนั้นมันอาจก่อให้เกิดเหตุวุ่นวายและดึงดูดความสนใจจากผู้ใช้วิญญาณที่เต็มไปด้วยความโล�
แต่นี่เป็นทางออกเดียว หากจำเป็น ฟางหยวนก็ไม่มีทางเลือด
"อะวู้..."
เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงเห่าหอนที่ทรงพลังดังเข้าหูของผู้ใช้วิญญาณทุกคน
ฟางหยวนรวบรวมสติและเฝ้าระวัง
"ผู้อาวุโสฟางหยวน หมาป่าสายฟ้าคลั่งเข้าสู่สนามรบแล้ว ผู้ใช้วิญญาณเจียงเจี้ยนและผู้อาวุโสอีกสองคนกำลังต่อสู้กับมันอยู่ที่ประตูหมู่บ้านทิศตะวันออก พวกเขาหวังว่าท่านจะสามารถให้ความช่วยเหลือ" ผู้ใช้วิญญาณผู้หนึ่งเร่งเข้ามารายงาน
"เปรี้ยง!"
ปีกสายฟ้าสะบัดตัวขึ้นบนแผ่นหลังของฟางหยวนและนำร่างของเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าตรงไปยังประตูหมู่บ้านทิศตะวันออกอย่างรวดเร็ว
ด้วยการบินเป็นเส้นตรงอยู่กลางอากาศ ฟางหยวนสามารถเข้าสู่สนามรบได้ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ
หมาป่าสายฟ้าคลั่งกำลังใช้ความพยายามทะลวงกำแพงหมู่บ้านโดยมีผู้อาวุโสบางกลุ่มคอยขัดขวางอยู่
ในจังหวะนี้หมาป่าสายฟ้าคลั่งตัวหนึ่งสะบัดหางของมันไปยังผู้ใช้วิญญาณหญิงระดับหนึ่งที่โชคร้ายผู้หนึ่ง ทำให้ใบหน้าของเธอกลายเป็นซีดขาวด้วยความหวาดกลัว 'ข้าถึงที่ตายแล้ว'
อาศัยเพียงความสามารถของเธอ ชัดเจนว่าเธอไม่สามารถหลบหนี
แต่ในช่วงเวลาสำคัญ เงาสายฟ้ากลับพุ่งลงมาโอบกอดเธอเอาไว้
หญิงสาวรู้สึกมึนงงอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะตระหนักว่าเธอกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า ในเวลาเดียวกัน หางหมาป่าก็กวาดผ่านอาคารไม้ไผ่ที่เธอพึ่งจากมาและทำลายล้างมันลงอย่างสิ้นเชิง
ใบหน้าของเธอยิ่งซีดเผือดเมื่อมองเห็นเหตุการณ์นี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเธอเผชิญหน้ากับการโจมตีครั้งนี้ เธอจะกลายเป็นเศษเลือดเศษเนื้ออย่างแน่นอน
แต่เป็นผู้ใดที่ช่วยเธอไว้?
เธอหันหน้ามองไปยังบุคคลผู้นี้ก่อนที่เธอจะกลายเป็นตกตะลึง
'เป็นเขา?'
'ฟางหยวน!'
ในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อนที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูด
เธอกับฟางหยวนเป็นสหายร่วมชั้นเรียน ฟางหยวนเคยกรรโชกทรัพย์เธอมาก่อน ดังนั้นเธอจึงรู้สึกเกลียดชังคนผู้นี้เป็นอย่างมาก
แต่เธอก็ต้องประหลาดใจกับความสำเร็จของฟางหยวนเมื่อเขากลายเป็นผู้อาวุโส นี่ทำให้เธอทั้งรู้สึกตกใจและชื่นชมในเวลาเดียวกัน
เมื่อเปรียบเทียบกับฟางหยวน เธอเองก็มีพรสวรรค์นภาที่สามเช่นเขา แต่เธอยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งเท่านั้น
และตอนนี้เธอยังได้รับความช่วยเหลือจากเขา นี่ยิ่งทำให้ความรู้สึกของเธอซับซ้อนมากขึ้นไปอีก
เขาเป็นผู้ช่วยชีวิตเธอจริงๆ!
"สนามรบแห่งนี้ค่อนข้างอันตราย หนีไปให้ไกล" ฟางหยวนกระพือปีกลงจอดบนพื้นและวางเธอลงอย่างนุ่มนวล
เขามีความประทับใจที่ดีต่อหญิงสาวผู้นี้เล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขายังไม่สามารถจดจำชื่อของเธอได้
หลังจากกล่าวจบคำ เขาไม่ได้มองเธอและไม่ได้บินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีก ตรงข้ามเขาวิ่งตรงเข้าไปในสนามรบทันที
ปีกสายฟ้ามอบความเร็วให้แก่เขา แต่มันก็ดูดกลืนพลังวิญญาณของเขาเป็นจำนวนมากเช่นกัน ฟางหยวนมีพรสวรรค์นภาที่สาม ด้วยการเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสามขั้นต้น เขาจึงค่อนข้างเสียเปรียบและต้องสงวนพลังวิญญาณเอาไว้มากกว่าผู้ใช้วิญญาณระดับสามคนอื่นๆ
วิญญาณจันทร์สีเลือด!
ดาบแสงจันทร์สีเลือดถูกส่งออกไป
เมื่อมันกรีดเฉือนร่างกายของหมาป่าสายฟ้าคลั่ง มันจึงสร้างบาดแผลเลือดไหลที่ไหลไม่หยุด
สายตาของหญิงสาวยังอยู่ที่ฟางหยวนและค่อยๆส่องประกายขึ้นอย่างช้าๆ
อายุสิบเจ็ดหรือสิบแปด นี่เป็นช่วงวัยผู้เยาว์จะเติบโตขึ้นเป็นคนหนุ่มสาว
"ฟางหยวนผู้นี้ เจ้าคิดอย่างไรกับเขา?" ไกลออกไป อวี๋โป้มองดูฉากนี้อย่างใกล้ชิดก่อนจะเปิดปากถามผู้ช่วยของเขา
ผู้ช่วยเร่งตอบ "ข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสฟางหยวนตอบรับคำสั่งจากห้องโถงพยายบาลและส่งมอบวิญญาณโสมเก้าชีวิตให้กับผู้อาวูโสซื่อซ่ง หลังจากเขาได้รับเงินสนับสนุนครั้งแรก เขานำเงินทั้งหมดมอบให้แก่ลุงกับป้าของเขา หลายวันที่ผ่านมา เขาช่วยสังหารหมาป่าสายฟ้าอย่างกล้าหาญทำให้เขาได้รับคะแนนผลงานจำนวนมาก ไม่เพียงเท่านั้น หลังจากช่วยเหลือสมาชิกของตระกูลเอาไว้มากมาย ชื่อเสียงของเขายิ่งโด่งดังและพลิกตลบข่าวลือแย่ๆก่อนหน้าไปอย่างสมบูรณ์ เขากลายเป็นดาวดวงใหม่ของตระกูลอย่างแท้จริง"
"ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้คิดว่าแม้เขาจะมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่เขามีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เขาได้รับโอกาสที่ดี แรกเริ่มเขาได้รับมรดกจากบิดามารดา โสมเก้าชีวิตเป็นแหล่งรายได้ของเขา อาศัยวิญญาณรากพฤกษาทองแดงสองดวงและความโชคดีอีกเล็กน้อย เขาจึงสามารถก้าวเข้าสู่ระดับสาม"
กล่าวถึงจุดนี้ ดวงตาของคนผู้นี้จึงเผยให้เห็นถึงความรู้สึกอิจฉาอย่างช่วยไม่ได้
เพราะเขาก็เป็นผู้มีพรสวรรค์นภาที่สามเช่นกัน แต่ยังเป็นเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสอง แม้จะผ่านมาแล้วมากกว่าครึ่งชีวิต อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับสามารถเป็นผู้อาวุโสในวัยเพียงสิบเจ็ด
นี่ทำให้ทุกคนจะรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย
อวี๋โป้พยักหน้าแต่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
คำพูดของผู้ช่วยคนนี้เป็นเช่นเดียวกับความคิดของสมาชิกตระกูลส่วนใหญ่ แต่อวี๋โป้เป็นผู้นำตระกูลมาหลายปี มันจึงทำให้เขามองได้ลึกมากกว่า
ฟางหยวนส่งมอบโสมเก้าชีวิต เห็นได้ชัดว่าเขามีข้อตกลงบางอย่างกับซื่อซ่ง การมอบเงินให้ลุงกับป้า มันไม่ใช่ความปรารถนาดี แต่เป็นการแสดงออกทางการเมือง
เพราะผู้ที่เผยแพร่ข่าวนี้ออกมาคือซื่อซ่ง
สำหรับการช่วยเหลือผู้คน ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงใจหรือไม่ มันยังน่าเคลือบแคลงใจอยู่ไม่น้อย
แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ฟางหยวนก็ไม่ได้แยกตัวออกจากตระกูลอีก การกระทำทั้งหมดของเขาเรียกได้ว่าควรค่าแก่การสรรเสริญและตระกูลก็ต้องการบุคลากรเช่นนี้
หลังจากเงียบอยู่ชั่วครู่ อวี๋โป้ก็เปิดปากพูดอีกครั้ง "ในหอตำราไม่กี่วันมานี้ พวกเขาก็ไม่พบสิ่งผิดปกติจากฟางหยวน เอาล่ะ ลืมมันไปซะ ถอนคำสั่งตรวจสอบฟางหยวนได้"
"รับทราบ ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้จะแจ้งเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบทันที" หลังจากรับคำสั่ง คนผู้นั้นจึงเร่งจากไป
อวี๋โป้จ้องมองออกไปและเริ่มคิด 'ไม่ว่าสิ่งใดคือเหตุผลที่ทำให้ระดับการบ่มเพาะของฟางหยวนก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ฟางหยวนผู้นี้ก็เก็บซ่อนความลับเอาไว้มากมาย อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้ ด้วยความรุนแรงของภัยพิบัติคลื่นหมาป่า การสูญเสียฟางหยวนจะทำให้ตระกูลอ่อนแอลง การตรวจสอบยังไม่ใช่สิ่งจำเป็น เรื่องนี้สามารถรอกระทั่งภัยพิบัติคลื่นหมาป่าผ่านพ้นไป'