Chapter 164: ร้องขอความช่วยเหลือ
เชนไฮ่เป็นเมืองที่ใหญ่มากในประเทศ ซึ่งมีจำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ถึง25ล้านคน ถ้าคนจำนวน25ล้านคนนั้นจับแขนด้วยกันละก็ พวกเขาก็จะล้อมรอบโลกได้หนึ่งรอบ และก็สามารถจินตนาการได้ถึงสภาพอันเลวร้ายภายในเมืองหลังจากวันโลกาวินาศได้เลย
มันถูกพิจารณาว่าเป็นพื้นที่ต้องห้าม
ด้วยเหตุนี้เจียงลู่ฉีนั้นไม่ต้องการพาทีมของเขาเข้าไปในตัวเมืองเชนไฮ่เลย เมื่อพวกเขาไปถึงชานเมือง พวกเขาก็สามารถที่จะรู้สึกได้ว่าผมของพวกเขานั้นเสียวซ่านกับฉากที่พวกเขาเห็น เลือดนั้นย้อมไปทั้งถนน กำแพง รถ และอื่นๆและก็มีกระดูกของมนุษย์นั้นกระจัดกระจายไปทั่วพื้นดิน
“พวกเราจะต้องอ้อมตัวเมือง! พวกเราจะขับรถวนรอบๆชานเมืองเพื่อที่จะไปยังเกาะเชนไฮ่” เฉินเต๋าปรากฏด้านข้างรถมินิบัสพร้อมกับรถบรรทุกทหารของเขาและพูดขึ้น
สิ่งที่เรียกว่าเกาะเชนไฮ่นั้นอยู่ทางเหนือของเขตเมือง ซึ่งเป็นพื้นที่ใหม่ที่ถูกวางแผนและก่อสร้างขึ้นก่อนวันโลกาวินาศ เมื่อพวกเขาวางแผนที่จะสร้างเมืองขึ้นเช่นเมืองดาวเทียมแต่ใหญ่กว่า การรวมตัวของการค้า ที่พักอาศัย การศึกษาและด้านธุรกิจ
ด้วยเหตุนี้นี่เอง หลังจากวันโลกาวินาศ รัฐบาลก็ได้เลือเกาะปลอดภัยขึ้น ความจริงก็ได้ถูกบอกตั้งแต่ที่รัฐบาลนั้นเรียนรู้เกี่ยวกับหายนะที่กำลังใกล้เข้ามา พวกเขามีเวลาเพียงไม่กี่วันที่เตรียมป้องกันเกาะปลอดภัย ดังนั้นเกาะเชนไฮ่นั้นจึงเกิดขึ้นมาพร้อมกับข้อบกพร่องมากมาย
ส่วนเขตแรกในเกาะเชนไฮ่นั้นตามเดิมแล้วมันเป็นหมู่บ้านที่ถูกเรียกว่าเซี่ยเซี่ยง มันถูกสร้างขึ้นมาเพราะว่าความจุของเกาะเชนไฮ่นั้นมีขีดจำกัด ดังนั้น สภาพพื้นฐานภายในจึงเลวร้ายกว่าเกาะเชนไฮ่ซะอีก
เฉินเต๋าให้ข้อมูลทั้งหมดกับเจียงลู่ฉีที่เขารู้เกี่ยวกับเกาะเชนไฮ่และเจียงลู่ฉีก็วิเคราะห์มันในความคิดของเขา ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้ว่ามันมีเกาะปลอดภัยมากกว่าหนึ่งเกาะทั่วทั้งประเภทที่อยู่ภายใต้การก่อสร้าง
มันสมเหตุสมผลเนื่องจากเป็นประเทศที่ใหญ่ มันจึงเป็นงานที่เป็นไปไม่ได้ที่จะรวบรวมชนชั้นยอดนั้นไว้บนเกาะเพียงเกาะเดียว ในความเป็นจริงคนที่ถูกเรียกว่าชนชั้นยอดที่สามารถหาที่กำบังบนเกาะปลอดภัยได้นั้นก็รวมไปถึงนักการเมืองบางคน ชนชั้นยอดเกี่ยวกับทางด้านเทคนิค รวมไปทั้งพวกศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัย วิศวกร และแม้กระทั่งกรรมกรที่มีความสามารถ ช่างไม้ ช่างปั้น และชาวนาที่รู้เกี่ยวกับการเพาะปลุกที่ไม่ใช่ดินและอย่างอื่น
โชคดีที่หลังจากวันโลกาวินาศ คนธรรมดานั้นได้รับการอนุญาตให้เข้าไปในเกาะเชนไฮ่ได้ คนมากมายก็สามารถที่จะทำหน้าที่สำคัญในการก่อสร้างต่อได้
[อาชีพอะไรที่พ่อแม่ของหลี่ยู่ซินมี? เอ่อ...] เจียงลู่ฉีกำลังคิดอยู่ อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น...
“บูมมม!”เสียงระเบิดดังขึ้น
เจียงลู่ฉีมองขึ้นไปผและเห็นตึกสูงที่ห่างไกลไปนับร้อยเมตรอยู่ๆก็ระเบิดขึ้นและก็มีร่างกายหลายร่างล่วงลงมาจากตึกสูงเหมือนกับมด พวกเขาพยายามอย่างไร้ประโยชน์และสุดท้ายก็ตกลงกระแทกกับพื้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างไกล เจียงลู่ฉีก็สามารถได้ยินเสียงกรีดร้องอันน่าโหยหวนได้ พวกเขามีชะตาที่ต้องตาย!
“ยังมีผู้รอดอยู่ป่าวนะ?”เจียงลู่ฉีรู้สึกสับสนแต่ก็ไม่ต้องการที่จะเข้าไปหาอันตราย
“ในกลุ่มพวกนั้น มีสองคนที่ยังคงเป็นมนุษย์และที่เหลือเป็นซอมบี้”ในเวลาเดียวกันด้านข้างเจียงลู่ฉี หลันซิหยู่ก็อุทานขึ้น
สำหรับคนธรรมดาทั่วไป หนึ่งหรือสองร้อยเมตรก็เป็นระยะการมองเห็นที่เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะระบุว่าเป็นคนหรือซอมบี้ หลันซิหยู่นั้นเป็นข้อยกเว้น เนื่องจากเธอมีความสามารถทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งซึ่งพัฒนาสายตาของเธอ
“เธอสามารถเห็นสถานการณ์ข้างในตึกได้ชัดไหม?”เจียงลู่ฉีถาม
หลันซิหยู่ส่ายหัวและพูด “ขอโทษ ถ้าพวกเราขับเข้าไปใกล้ ฉันจะเห็นข้างในได้ กำแพงคอนกรีตนั้นทำให้พลังจิตวิญญาณของฉันนั้นต่ำลง”
“มันโอเคแล้ว”เจียงลู่ฉีส่ายหัว ในสิ่งแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นนี้แล้วเจียงลู่ฉีก็ต้องการที่จะช่วยแต่ไม่สามารถที่จะทำได้ ความสามารถและพลังงานของเขานั้นมีจำกัด
อย่างไรก็ตามก่อนที่เจียงลู่ฉีจะเหยียบคันเร่ง หลันซิหยู่ก็พูดอีกครั้ง “มีใครบางคนกำลังมา”
“หื้อ?”เจียงลู่ฉีเห็นว่าไม่ไกลจากพวกเขา มีกลุ่มเล็กๆกำลังพุ่งมาหาพวกเขาเพื่อที่จะเป็นที่กำบัง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีปืนกันทั้งหมด พวกมันก็ยังเป็นของระดับต่ำ แต่ก็มีพวกมีพลังเหนือธรรมชาติอยู่ในทีมนี้ด้วย...
เจียงลู่ฉีสังเกตเห็นว่าผู้นำนั้นเป็นชายอ้วนวัยกลางวัน เขามีหัวล้านครึ่งหนึ่งแต่เขาก็รวบมันไว้ตรงกลาง มันเป็นอะไรที่หายากและน่ายกย่องมากที่มีใครบางคนสนใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์แบบนี้ในวันโลกาวินาศ
“ความแข็งแกร่งของฉันมีขีดจำกัด”เจียงลู่ฉีคิด เขาไม่สามารถที่จะเชื่อได้ว่าชายอ้วนคนนี้มีความสามารถพิเศษ
ชายอ้วนพุ่งหน้าไปหาทีมเจียงลู่ฉีอย่างไม่ระมัดระวัง และกระพริบตาของเขารัวๆเมื่อเขาเห็นตรากองทัพบนรถกองทัพแล้วเขาก็โล่งอกและขยับเสื้อของเขา เดินมาอย่างช้าๆ
รถมินิบัสของเจียงลู่ฉีนั้นจอดอยู่ด้านหน้าสุด ดังนั้นเขาจึงหยุดอยู่ด้านหน้ากระจกรถพร้อมกับรอยยิ้มและพูด “นายเกี่ยวข้องกับกองทัพ ใช่ไหม? ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นบริเวณนี้ ฉันคิดว่านายจะต้องมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือพวกเรา ขอบคุณมาก ฉันคิดเสมอว่ารัฐบาลกลางนั้นจะช่วยผู้คนที่เดินไปข้างหน้าพร้อมกับกฎระเบียบอันเคร่งครัด…”
ชายวัยกลางคนนั้นตื่นเต้นมาก แต่คำพูดของเขานั้นทำให้เจียงลู่ฉีรำคาญและเขาก็ดูถูกคนอื่น เป็นพวกชอบเลียรองเท้า
เจียงจู้อิงก็หัวเราะอย่าบ้าคลั่ง “ลุง ลุงพูดว่าอะไรนะ?”เจียงจู้อิงนั้นยืนพิงกระจกหน้ารถมินิบัสอย่างไม่ระมัดระสังและพูดอย่างดีใจ ในความเป็นจริงเธอไม่ได้สนใจเกี่ยวกับคนพวกนี้เลย
อย่างไรก็ตาม ชายวัยกลางคนช็อคเนื่องจากก่อนวันโลกาวินาศไม่มีใครที่จะกล้าพูดกับเขาแบบนี้เลย
เด็กผู้หญิงคนนี้คือใครกัน? ก่อนวันโลกาวินาศ เขานั้นปฏิบัติกับทหารด้วยความนับถือมาตลอด...
“ใครคือผู้นำของนาย และฉันต้องการที่จะเห็นเขา”ชายวัยกลางคนพูดด้วยความโกรธ
“เกิดอะไรขึ้น?”เจียงลู่ฉีมองไปที่ชายวัยกลางคนที่มุทะลุคนนี้ เนื่องจากว่าชายคนนี้พูดด้วยน้ำเสียงอันหยิ่งยโสมาโดยตลอดการสนทนาของพวกเขา
ในสายตาของชายวัยกลางคน เจียงลู่ฉีก็เป็นเพียงแค่คนขับรถคนใหม่ของทหาร ดังนั้นเขาไออีกครั้งและพูด “ฉันเป็นผู้นำของเขตนี้และฉันต้องการที่จะเห็นผู้นำของนาย”เขาพูดทีละคำ
เจียงลู่ฉีนั้นรำคาญชายคนนี้และเจียงจู้อิงก็จะขับชนเขาแล้วด้วย
“มีอะไรผิดปกติขึ้น?”เฉินเต๋าเข้ามาหาและถาม
ชายวัยกลางคนมองไปที่ไหล่ของเฉินเต๋าทันทีและสังเกตเห็นเฉินเต๋าเป็นเจ้าหน้าที่ ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปพูดกับเขาในทันที “สหาย งานช่วยเหลือมันยากจริงๆ ฉันเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น...”
ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะพูดเสร็จ เฉินเต๋าก็ขัดเขา “ฉันขอโทษ นายคิดผิดแล้ว พวกเราอยู่ในภารกิจการช่วยเหลือก็จริงแต่ไม่ใช่ช่วยเหลือนาย ถ้านายไม่มีเรื่องสำคัญอย่างอื่นแล้ว ได้โปรดปล่อยพวกเราไปในทันที”เฉินเต๋าโบกมืออย่างไม่รีรอ กองทัพนั้นมาช่วยเหลือเพียงแค่นักวิทยาศาสตร์
ในการช่วยเหลือศาสตราจารย์จางแล้วพี่น้องของเฉินเต๋าจำนวนมากนั้นเสียสละชีวิตลง ดังนั้นเฉินเต๋าไม่ต้องการที่จะทำให้เกิดเหตุอะไรเพิ่มเติมขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ เขาคิดว่าชายคนนี้มีท่าทางอันเลวร้าย ดังนั้นเขาต้องการที่จะจากไปในทันที
ชายวัยกลางคนมึนงง เขาขยับแว่นของเขาและพูดอย่างเย็นชา “นายจะต้องช่วยพวกเรา สหาย นายควรที่จะพูดกับฉันให้สุภาพกว่านี้....มันมีผู้นำหลายคนในตึก ถ้านายช่วยพวกเรา พวกเราจะช่วยนายเลื่อนขั้นหลายขั้น ฉันคิดว่านี่คือโอกาสอันดีของนาย ฉันอยากให้นายหยุดเดินทางในเส้นทางที่ผิด”