ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 157 วิญญาณจันทร์สีเลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 159 ฟางหยวนผู้นี้

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 158 ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 158 ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

เหยาจี้ต้องการตัดแขนตัดขาฟางหยวน ดังนั้นเธอจึงใช้อำนาจออกคำสั่งเพื่อยึดโสมเก้าชีวิตจากฟางหยวน

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนกลายเป็นผู้อาวุโส เขากลับตอบโต้เหยาจี้อย่างรุนแรง เป็นเหตุให้เธอล่วงร่วงลงและเปลี่ยนเป็นซื่อซ่งที่ก้าวขึ้นมาแทนที่ตำแหน่งของเธอ

เมื่อซื่อซ่งเข้ารับตำแหน่ง เขาย่อมต้องการสร้างผลงาน ดังนั้นเขาจึงมาที่นี่เพื่อขอให้ฟางหยวนส่งมอบโสมเก้าชีวิตให้แก่ห้องโถงพยาบาล

"แท้จริงแล้วการส่งมอบโสมเก้าชีวิตไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้" ฟางหยวนกล่าวออกมาหลังจากไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะ

มีคำกล่าวว่า ความจริงในอดีตอาจไม่ใช่ความจริงในวันนี้

ทั้งหมดก็คือขณะนี้สถานการณ์แตกต่างไปจากก่อนหน้า...

เดิมทีคำสั่งของเหยาจี้มีหมายความว่าฟางหยวนต้องส่งมอบโสมเก้าชีวิตให้เธอไม่ว่าเขาจะต้องการหรือไม่

อย่างไรก็ตามตอนนี้ฟางหยวนเป็นผู้อาวุโส สถานะของเขาเท่าเทียมกับเหยาจี้และผู้อาวุโสคนอื่นๆ เว้นเพียงผู้นำตระกูลอวี๋โป้เท่านั้น ดังนั้นซื่อซ่งจึงต้องใช้วิธีร้องขอจากฟางหยวน มันไม่ใช่คำสั่ง และมันก็จะเป็นธุรกิจที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน

โสมเก้าชีวิตเป็นวิญญาณที่มีคุณค่ามาก มันสามารถสร้างใบไม้แห่งชีวิตและเป็นแหล่งรายได้สำคัญของฟางหยวนที่ทำให้เขาสามารถเลี้ยงดูวิญญาณมากมาย

อย่างไรก็ตามมันยังเป็นผลประโยชน์เล็กๆน้อยๆที่ไม่สามารถสั่นคลอนหัวใจของฟางหยวน

โสมเก้าชีวิตมีคุณค่า แต่หากมันขายได้ราคาที่เหมาะสม แล้วเหตุใดเขาจะไม่ขาย?

วิญญาณเป็นเพียงเครื่องมือที่สามารถทำให้เขาบรรลุความทะเยอทะยาน ถามถึงวิญญาณกาลเวลางั้นหรือ? ตราบเท่าที่อยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสม เขาก็พร้อมที่จะขายมันเพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่ใหญ่กว่า

หากต้องการผลประโยชน์ พวกเขาต้องเรียนรู้ที่จะถอยหลัง

เป็นธรรมชาติที่ฟางหยวนจะตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี

ซื่อซ่งเข้าใจความหมายของฟางหยวนและเผยรอยยิ้มบาง "หากท่านเต็มใจมอบมันให้ข้า ข้าจะตอบแทนท่านด้วยป้ายคำสั่งชิ้นนี้"

เขานำป้ายบางอย่างออกมา

มันเป็นป้ายรูปสามเหลี่ยมที่ดูเรียบง่าย ด้านหน้าสลักไว้ด้วยคำว่า ป้ายคำสั่ง ด้านหลังปรากฏคำว่า รางวัลคุณความดี

ป้ายคำสั่ง รางวัลคุณความดี

"ท่านเป็นผู้อาวุโสคนใหม่ที่พึ่งได้รับตำแหน่ง ดังนั้นท่านอาจยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งนี้มากนัก ป้ายคำสั่งรางวัลคุณความดีจะถูกส่งมอบให้กับผู้ใช้วิญญาณที่มีส่วนร่วมในการสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ กระทั่งในกลุ่มผู้อาวุโส ก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถครอบครอง ด้วยป้ายคำสั่งชิ้นนี้ ท่านสามารถลงไปยังถ้ำใต้ดินและเลือกวิญญาณที่ท่านพึงพอใจ วิญญาณล้ำค่าและหายากถูกเก็บไว้ที่นั่นมากมาย สี่ในสิบวิญญาณล้ำค่าที่สุดบนป้ายแลกเปลี่ยนคะแนนผลงานก็ถูกคัดเลือกมาจากที่นั่น" ซื่อซ่งอธิบาย

ได้ยินเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่หัวใจของฟางหยวนจะเกิดระลอกคลื่นขึ้นทันที

แต่เขาไม่แปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งหมดก็คือตระกูลแสงจันทร์ก่อตั้งมานานกว่าหลายร้อยปี มันไม่แปลกที่พวกเขาจะเก็บไพ่ตายเอาไว้มากมาย

ในความเป็นจริง ทุกตระกูลที่ยืนหยัดมาเป็นเวลานาน พวกเขาล้วนต้องมีสถานที่ลับบางแห่งเพื่อเก็บรักษาวิญญาณเช่นถ้ำใต้ดินของหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลเสมอ

เพื่อให้ได้รับวิญญาณดังกล่าว สมาชิกตระกูลจะต้องสร้างประโยชน์และแสดงความจงรักภักดีต่อตระกูลออกมา

ฟางหยวนเป็นผู้อาวุโสคนใหม่ ดังนั้นเขาจึงห่างไกลจากคุณสมบัติดังกล่าว

'ข้าต้องการออกจากตระกูล ดังนั้นป้ายคำสั่งชิ้นนี้ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่จะทำให้ข้าสามารถรวบรวมวิญญาณ แต่...' ฟางหยวนยังกังวลเล็กน้อย

โสมเก้าชีวิตไม่มีประโยชน์กับเขาในอนาคต

ความสามารถในการรักษาของมันไม่ถือว่าโดดเด่น คนผู้หนึ่งไม่สามารถใช้งานใบไม้แห่งชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง

แต่สิ่งที่ฟางหยวนกังวลเล็กน้อยก็คือในถ้ำลับอาจไม่มีวิญญาณที่เหมาะสมกับเขา

ซื่อซ่งสังเกตเห็นการแสดงออกของฟางหยวนและรู้สึกว่าเขากำลังลังเล "ถ้ำใต้ดินไม่ได้เก็บเพียงวิญญาณระดับสาม แต่มันมีกระทั่งวิญญาณระดับสี่ ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านจะไม่เสียเปรียบอย่างแน่นอน แต่หากมีบางสิ่งที่ท่านยังไม่พอใจ พวกเราสามารถพูดคุยกันภายหลังและตกลงกันอย่างลับๆ"

ฟางหยวนเงยศีรษะมองซื่อซ่งอีกครั้ง

'ชายผู้นี้ไม่ธรรมดา' ฟางหยวนถอนหายใจอยู่ในหัวใจ

เจ้าหน้าที่คนใหม่จำเป็นต้องแสดงอำนาจ ชัดเจนว่าซื่อซ่งเข้าใจเหตุผลที่เขาได้รับตำแหน่งนี้ ไม่เพียงเขาต้องสร้างสมดุลระหว่างฝ่ายต่างๆภายในตระกูล ในเวลาเดียวกันเขาก็ต้องสร้างผลงานของตนเองอีกด้วย

ฟางหยวนจะส่งมองโสมเก้าชีวิตให้กับซื่อซ่งหากเขาได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า

'โลกใบนี้เต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น ท่ามกลางภัยพิบัติคลื่นหมาป่า คนเก่าจะล้มหาย ขณะที่คนใหม่จะก้าวขึ้นมา นี่ทำให้ตระกูลยังสามารถดำรงอยู่ต่อไปและไม่ล่มสลาย' ฟางหยวนคิดอยู่ในใจ

หากมันเต็มไปด้วยคนเก่าแก่ องค์กรจะค่อยๆเน่าเปื่อย การกำจัดพวกเขาออกไปคือวิธีเดียวที่จะทำให้องค์กรมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ

ซื่อซ่งเป็นตัวอย่างของเรื่องนี้

โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเพื่อความอยู่รอด เช่นเดียวกับร่างกายมนุษย์ที่เผาผลาญอาหารใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อการมีชีวิต ดังนั้นผู้ใช้วิญญาณจึงไม่ควรยึดติดกับวิญญาณเดิมๆ แต่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

ด้วยความคิดนี้ฟางหยวนจึงยอมรับข้อเสนอของซื่อซ่งและส่งมอบโสมเก้าชีวิตเพื่อแลกเปลี่ยนกับป้ายคำสั่ง

หลังจากรับโสมเก้าชีวิตจากฟางหยวน ซื่อซ่งเร่งปรับแต่งมันทันทีก่อนจะเก็บมันไว้ในทะเลวิญญาณและถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ด้วยความทะเยอทะยานของซื่อซ่ง เขารู้ตัวดีว่าหากเขาสามารถสร้างผลงาน เขาจะได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาลอย่างถาวรในอนาคต อย่างไรก็ตามเขาจะต้องประนีประนอมต่อทุกฝ่ายเพื่อให้เป้าหมายนี้ประสบความสำเร็จ กล่าวได้ว่าการเมืองเป็นศิลปะชนิดหนึ่งที่ต้องประนีประนอม

เหยาจี้ไม่สามารถทำสิ่งใดฟางหยวนขณะที่เธอยังมีอำนาจ แต่เมื่อซื่อซ่งเข้ามาแทนที่ เขากลับสามารถทำให้ฟางหยวนส่งมอบโสมเก้าชีวิต นี่ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างผลงานให้กับห้องโถงพยาบาล แต่มันยังหมายความว่าเขามีความสามารถเหนือกว่าเหยาจี้

ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะส่งมอบป้ายคำสั่งที่เขาได้รับมาอย่างยากลำบากให้แก่ฟางหยวน

"ผู้อาวุโสซื่อซ่ง เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้พูดคุยกับท่าน แต่ข้าสงสัยว่าท่านยังพอมีเวลาอยู่บ้างหรือไม่?" ฟางหยวนเก็บป้ายคำสั่งก่อนเปิดปากถาม

ซื่อซ่งกลายเป็นงุนงงเมื่อได้ยินเรื่องนี้

หลังจากนั้น...

ในห้องโถง

"คารวะผู้อาวุโสทั้งสอง" ลุงกับป้าของฟางหยวนทำความเคารพ พวกเขาแสดงออกอย่างอ่อนน้อมและกระทั่งแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว

หลังจากข่าวที่ฟางหยวนกลายเป็นผู้อาวุโสถูกประกาศออกมา ฟางหยวนกลายเป็นแบบอย่างสำหรับคนหนุ่มสาว ขณะเดียวกันมันยังสร้างความตกใจและตื่นตระหนกให้แก่ลุงกับป้า

เห็นได้ชัดว่าฟางหยวนมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่เขาก้าวเข้าสู่ระดับสามได้อย่างไร? เขากลายเป็นผู้อาวุโสรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?

แม้แต่ฟางเจิ้งที่มีพรสวรรค์นภาที่หนึ่งยังอยู่ในระดับสองขั้นสูงเท่านั้น

หลังจากความประหลาดใจ มันกลายเป็นความหวาดกลัว โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาคิดถึงเรื่องที่เคยรังแกฟางหยวนเอาไว้

ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา!

พวกเขากลัวว่าฟางหยวนจะกลับมาแก้แค้นหลังจากกลายเป็นผู้อาวุโส

และตอนนี้เขากระทั่งพาผู้อาวุโสมาด้วยอีกคน แล้วจะให้พวกเขาคิดอย่างไร?

'ฟางหยวนมาพร้อมกับเจตนาร้าย!' ลุงกรีดร้องอยู่ในหัวใจ

ฟางหยวนหัวเราะ "ลุงกับป้าไม่จำเป็นต้องสุภาพกับข้ามากนัก แม้ข้าจะกลายเป็นผู้อาวุโส ข้าก็ยังเป็นหลานชายของพวกท่าน มานั่งพูดคุยกันเถอะ"

เขานั่งบนเก้าอี้กลางห้อง ขณะที่ซื่อซ่งนั่งอยู่ด้านข้าง นี่เป็นตำแหน่งที่นั่งเดิมของลุงกับป้า

อย่างไรก็ตามลุงกับป้าไม่เปิดเผยความไม่พอใจใดๆออกมา ตรงข้ามพวกเขาเร่งนั่งลงบนเก้าอี้ด้านล่างอย่างไม่ลังเล

นี่คืออำนาจของผู้อาวุโส

ลุงกับป้ามองหน้ากันขณะที่สาวใช้รินน้ำชาให้กับฟางหยวนด้วยความหวาดกลัว

ซื่อซ่งรักษาความสงบและไม่ดื่มชา เป็นฟางหยวนที่ยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนกล่าว "ลุงกับป้าเป็นอย่างไรบ้าง?"

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มและเริ่มไต่ถาม แต่ในสายตาของคนทั้งสอง นี่เป็นสิ่งที่น่าสยดสยองยิ่งกว่าการวิ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาด้วยความโกรธ

โดยเฉพาะป้า เมื่อเธอคิดว่าเคยดูถูกฟางหยวนเอาไว้อย่างไร มันจึงทำให้ร่างกายของเธอสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อน

"เห้อ...ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง หลังจากเกิดภัยพิบัติคลื่นหมาป่า โรงเตี้ยมถูกบังคับให้ปิด รายได้จากบ้านไม่ไผ่ลดลงอย่างมาก ในความเป็นจริง พวกเราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากถึงจุดที่เรียกได้ว่าอดอยาก" ลุงกล่าวพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมาโดยไม่คาดฝัน

เขาเคยเป็นคนสุขภาพดีเสมอ แต่เวลานี้เส้นผมทั้งหมดของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว ขณะที่ใบหน้ากลายเป็นซูบผอมและเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น มันยิ่งชัดเจนขึ้นเมื่อเขาถูกเกณฑ์ออกไปต่อสู้ในสนามรบ

อย่างไรก็ตามฟางหยวนรู้ว่าลุงของเขาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากโรงเหล้ามานานหลายปี แน่นอนว่าเขาย่อมมีเงินออม เป็นเพียงเพราะเขากลัวการแก้แค้นจากฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงต้องแสดงออกอย่างน่าสงสารเพื่อให้ฟางหยวนเห็นใจ

'ลุงเป็นคนฉลาด แต่เขามักโง่เง่าเมื่อมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาเอง หากข้าต้องการแก้แค้น เหตุใดข้าต้องนำซื่อซ่งมาด้วย?' ฟางหยวนหัวเราะขบขันอยู่ในใจ เขาไม่ชอบลุงกับป้า แต่มันไม่ได้หมายความว่าลุงกับป้าจะไม่มีประโยชน์ต่อเขา

"ลุงกับป้าดูแลข้ามานานหลายปี ความสำเร็จของข้าแน่นอนว่าเนื่องมาจากพวกท่าน ตอนนี้ข้าพึ่งได้รับหินวิญญาณจากตระกูลมาสามร้อยก้อนในฐานะผู้อาวุโส ดังนั้นลุงกับป้าโปรดรับมันไว้" ฟางหยวนนำถุงเงินออกมาขณะกล่าวคำ

"นี่..." การแสดงออกของลุงตงถูกลายเป็นตกใจและประหลาดใจ

หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ภายใต้ความหวาดกลัว มันจึงเปลี่ยนเป็นไม่ไว้ใจ

ป้ากลายเป็นมึนงงและจ้องมองฟางหยวนด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

มันเกิดเหตุโลกแตกใดขึ้นกันแน่?

ไม่มีการแก้แค้นดังที่พวกเขาคิด นอกจากนั้นพวกเขายังได้รับของขวัญเป็นหินวิญญาณถึงสามร้อยก้อนงั้นหรือ?

คำพูดของฟางหยวน ไม่ว่าพวกเขาจะมองอย่างไร มันก็ไม่มีความเย้ยหยันเจือจนอยู่ในน้ำเสียงของเขาเลยแม้แต่น้อย นี่ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจมากขึ้นไปอีก

'เขามีแผนการใด?'

'เขากำลังทำสิ่งใด? เขาต้องการลงโทษพวกเราอย่างไร?'

ลุงกับป้ามองหน้ากันและเผยให้เห็นความลังเลที่จะรับถุงเงินจากฟางหยวน

"มันเป็นการแสดงความกตัญญูจากฟางหยวน เพียงรับมันไว้" ซื่อซ่งกล่าวเสียงเรียบ

"แน่นอน แน่นอน" ลุงเร่งพยักหน้าซ้ำๆและรับถุงเงินเอาไว้อย่างรวดเร็ว แม้เขาจะถูกเรียกว่าผู้อาวุโสเงา แต่ต่อหน้าผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาล มันก็ไม่ถือเป็นสิ่งใด

เขาใช้มือทั้งสองข้างถือถุงเงิน แน่นอนว่าเขาชอบเงินมาก แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าเงินถุงนี้ร้อนราวกับกองไฟและต้องการโยนทิ้งทันที

"เมื่อลุงรับเงินของข้าเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัว" ฟางหยวนกล่าวก่อนเริ่มออกเดิน

ลุงกับป้าพยายามจะเดินไปส่งคนทั้งสอง แต่ถูกหยุดโดยฟางหยวน

"อย่ามองอีก" ที่มุมด้านหนึ่ง แม่บ้านเฉินถอนหายใจก่อนจะกล่าวกับบุตรสาวของเธอ

การแสดงออกของเฉินซุ้ยกลายเป็นมืดมน เธอจ้องมองแผ่นหลังของฟางหยวนกระทั่งเขาเดินลับตาไป

"ท่านแม่ ข้าตัดสินใจผิดพลาดใช่หรือไม่?" เธอกล่าว

ผู้อาวุโสสามารถรับภรรยาหนึ่งคนและภรรยารองอีกสอง หากเธอซื่อสัตย์ต่อฟางหยวนตั้งแต่แรก ผู้ใดจะรู้ว่าเธออาจได้เป็นภรรยารองผู้หนึ่งของเขา

"ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนที่มีพรสวรรค์นภาที่สามจะสามารถก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้" แม่บ้านเฉินทำได้เพียงส่ายศีรษะ "ลูกสาวของแม่จงสบายใจ ฟางเจิ้งมีพรสวรรค์นภาที่หนึ่ง ความสำเร็จของเขาย่อมไม่น้อยกว่าผู้ใด"

"ถูกต้อง" คิดถึงเรื่องนี้ ดวงตาของเฉินซุ้ยจึงส่องประกายขึ้นได้อีกครั้ง

ในโลกใบนี้ มนุษย์ธรรมดามีสถานะต่ำชั้นที่สุด

แล้วมีสิ่งใดที่คนเช่นเธอสามารถทำได้?

ไม่จำเป็นต้องคิดมาก เพราะนั่นก็คือการมอบร่างกายให้กับฟางเจิ้งโดยมีชีวิตของเธอเป็นสิ่งเดิมพันและมันก็เป็นบางสิ่งที่ไม่สามารถหวนคืน