ตอนที่ 182 เเบล็คเฟเธอร์
ในตอนนี้วอเฟรม SK Series กลายเป็นวอเฟรมรุ่นที่คนนิยมมากที่สุด และหานเซิ่นก็กลายเป็นหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่ผู้ยังไม่วิวัฒนาการ
ในสตีลอาเมอร์ หยางม่านลี่เบิกตากว้าง ขณะจ้องไปที่หานเซิ่น
"ทำไม? ทำไมนายถึงต้องการปฏิเสธการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ SK Wolf ซึ่งเป็นวอเฟรมตัวใหม่ของดีกัง ?"
หยางม่านลี่ไม่เข้าใจความคิดของหานเซิ่น ดีกังเสนอค่าตอบแทนให้เขาอย่างงาม ในการขอให้เขาเซ็นสัญญาเป็นพรีเซนเตอร์วอเฟรมตัวใหม่ แต่หานเซิ่นต้องการปฏิเสธ
ในสายตาของหยางม่านลี่ หานเซิ่นเป็นคนที่เย่อหยิ่งเกินไป เขาคงคิดว่าตัวเองเป็นสตาร์แล้วหลังจากที่การเปิดตัวSKTSไป
"ทำไมนายถึงต้องการปฏิเสธ?" ซินเสวียนมองมาที่หานเซิ่นแล้วถามอย่างสงบ
"งานแบบนี้นำความร่ำรวยและชื่อเสียงมาให้ผมได้มาก"
หานเซิ่นหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ
"แต่เป้าหมายของผมไม่ใช่การเป็นดาราดัง และสัญญาของพวกเขาก็กินเวลาเกินไป ผมไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้ แค่SKTSก็เกินพอสำหรับผมแล้ว ถ้าผมขาดเรียนมากเกินไป ผมก็อาจจะถูกไล่ออกได้ หัวหน้าโปรดอธิบายความต้องการของผมให้พวกเขาได้รับรู้ และปฏิเสธข้อเสนอจากดีกัง ผมเชื่อว่าคุณก็ไม่อยากให้ผมไปหมกมุ่นกับวอเฟรมเพียงอย่างเดียว"
ซินเสวียนยิ้มและพูด "เนื่องจากนายตัดสินใจแล้ว เดี๋ยวฉันบอกทางดีกังให้เอง ตอนนี้นายอยากจะไปทำอะไรก็ไปได้แล้ว"
"ขอบคุณ หัวหน้า" หานเซิ่นรู้สึกดีใจที่หัวหน้าของเขาคือซินเสวียน ซึ่งถือว่าเป็นหัวหน้าที่น่าชื่นชมคนหนึ่ง
หลังจากที่หานเซิ่นออกไปแล้ว หยางม่านลี่งงหนักมาก เธอมองมาที่ซินเสวียนและพูด
"หัวหน้า ทำไมคุณถึงยอมเห็นด้วยกับเขาที่ต้องการปฏิเสธข้อเสนอจากดีกัง? ทั้งที่มันจะเป็นผลดีกับหน่วยพิเศษของเรามาก"
ซินเสวียนยิ้ม "สัญญามันก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกับเรามาก แค่นี้เขาก็ทำดีมากแล้ว ถึงเขาจะเป็นสมาชิกหน่วยของเรา แต่เขาก็ยังเป็นแค่นักเรียน ฉันไม่อยากไปรบกวนเวลาของเขามากเกินไป ไม่งั้นเขาอาจจะถูกไล่ออกก็ได้"
"คุณเชื่อเรื่องที่เขาพูดงั้นหรอ?" หยางม่านลี่เบิกตากว้าง
"เขาอาจจะพูดเกินจริงไปบ้าง แต่ชื่อเสียงมันก็ไม่ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้เขา ชื่อเสียงมันเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เราไม่ควรให้ค่ากับมันมากเกินไป" ซินเสวียนหยุดและพูดต่อ
"ไปจัดเตรียมเอกสารปฏิเสธคำชวนของดีกัง ฉันมอบให้เป็นหน้าที่ของเธอ"
....
หานเซิ่นพาหวังเหมียนเหมียนไปที่ทะเลทรายปีศาจอีกครั้ง เพื่อที่เขาจะได้ใบอนุญาตของสถาบันเซนต์ หานเซิ่นต้องพาหวังเหมียนเหมียนไปเก็บจีโนพ้อยให้เต็มทั้งหมด ยกเว้นจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ
โชคดีที่หวังเหมียนเหมียนมีจีโนพ้อยอยู่เยอะพอสมควร และฝีมือของเธอก็ไม่ธรรมดา ทำให้หานเซิ่นไม่น่าจะต้องใช้เวลานานมาก
เขาไม่ได้ตั้งใจพาหวังเหมียนเหมียนมาเก็บจีโนพ้อยเท่านั้น การที่เขาเลือกมาที่อันตรายอย่างทะเลทรายปีศาจ เนื่องจากเป็นที่ที่มีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิอยู่จำนวนมาก หานเซิ่นอยากจะใช้โอกาสนี้ เพื่อหาวิญญาณอสูรระดับเลือดศักดิ์สิทธิประเภทอาวุธ ถ้าเขาหาได้ละก็ ต่อไปในอนาคต เขาจะไม่ต้องวิ่งหนีมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิแบบนกสีเงินตัวนั้นอีก เขาจะสามารถลองพยายามสู้กับมัน
หวังเหมียนเหมียนไม่ค่อยชอบไปโรงเรียน นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เธอเลือกเข้าชมรมวอเฟรมหนัก เนื่องจากเป็นชมรมที่ว่างและแทบจะไม่ต้องทำอะไร ซึ่งจะทำให้เธอมีเวลาอยู่ในก็อตแซงชัวรี่ นอกจากหานเซิ่นแล้วยังมีคนอื่นๆในหน่วยพิเศษที่จะทำหน้าที่คุ้มกันเธอเวลาออกมาล่า
ทั้ง 2 คนช่วยกันล่ามอนสเตอร์ได้จำนวนมาก ยิ่งได้กินเนื้อมอนสเตอร์มากเท่าไหร่ หวังเหมียนเหมียนก็ยิ่งพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้เธอสามารถสู้ตัวต่อตัวกับมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์ได้แล้ว
หานเซิ่นแค่ขี่อสูรวัว 3 ตากลายพันธ์ตามหวังเหมียนเหมียนไปแบบสบายๆ เมื่อหวังเหมียนเหมียนต่อสู้ สิ่งที่เขาทำก็แค่เรียกวิญญาณอสูรร็อคเวิร์มออกมา และปล่อยให้มันไล่กินซากของมอนสเตอร์ที่ถูกฆ่า
แม้ว่าหานเซิ่นต้องการจะเก็บจีโนพ้อยกลายพันธ์กับเลือดศักดิ์สิทธิของเขาให้เต็ม แต่หวังเหมียนเหมียนยังเก็บจีโนพ้อยระดับโบราณไม่ครบ ทำให้ครั้งนี้หานเซิ่นต้องพาเธอมาล่ามอนสเตอร์ระดับโบราณ
"พี่หาน เหมือนจะมีมอนสเตอร์จ้องมาที่พวกเราจากข้างบนนะ?"
หวังเหมียนเหมียนพูด ขณะนั่งอยู่บนหมีขนสีเงินของเธอ
"พวกมันจับตาดูเรามาสักพักแล้ว ฉันก็เองสงสัยว่าทำไมพวกมันยังไม่มาโจมตีเรา" หานเซิ่นพยักหน้า เขาสังเกตเห็นพวกมันนานแล้ว
มันคือกลุ่มของแบล็ค เฟเธอร์ พวกมันเป็นมอนสเตอร์ระดับโบราณที่มีลักษณะเหมือนกับลิง แต่มีปีกสีดำ
หานเซิ่นเห็นพวกมันตั้งแต่ตอนที่พวกมันยังเป็นกลุ่มเล็กๆ ตอนนี้มีแบล็คเฟเธอร์อย่างน้อย 40 ตัวบินกำลังอยู่บนท้องฟ้า
พวกแบล็คเฟเธอร์ไม่มีท่าทีจะเข้ามาโจมตีเลย แม้ว่าพวกมันจะฉลาด แต่หานเซิ่นก็ไม่เชื่อว่าที่พวกมันไม่เข้ามาโจมตี เพราะว่ามันรู้ว่าเขาและหวังเหมียนเหมียนแข็งแกร่งกว่าพวกมัน ด้วยจำนวนขนาดนี้พวกมันสามารถลองเข้ามาโจมตีเลยก็ยังได้
ขณะที่หานเซิ่นกำลังครุ่นคิดอยู่ เขาก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ข้างหน้าพวกเขา
หานเซิ่นกับหวังเหมียนเหมียนหันมามองหน้ากัน และรีบขี่สัตว์อสูรของพวกเขาไปที่เนินทรายข้างหน้า จากตรงนั้นพวกเขาก็เห็นกลุ่มคนถูกฝูงแบล็คเฟเธอร์นับพันรุมโจมตี และมีบางตัวที่เป็นระดับกลายพันธ์ปะปนอยู่ด้วย พวกเขาพยายามต่อสู้อย่างเต็มที่ เพราะไม่มีทางให้หนี บนพื้นทรายมีซากของแบล็ตเฟเธอร์ และก็มีร่างของมนุษย์นอนอยู่
"ถึงว่าทำไมพวกมันบินวนอยู่บนหัวของเราและไม่เข้ามาโจมตี เพราะพวกเราไม่ใช่เป้าหมายของพวกมันนี้เอง"
หานเซิ่นเริ่มรู้สึกกลัวความฉลาดของมอนสเตอร์ พวกมันรู้จักวางกลยุทธ์
"นั่นหวงฟู ผิงชิง ทำไมหล่อนถึงมาอยู่ที่นี่ได้?"
หวังเหมียนเหมียนดูอยู่ชั่วครู่ก่อนจะแสดงความประหลาดใจออกมา เธอมองไปที่ผู้หญิงชุดเกราะสีแดง ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่กำลังโดนโจมตี
"หวงฟู ผิงชิง? หล่อนเป็นใคร?" หานเซิ่นไม่เคยได้ยินชื่อนี้ในสตีลอาเมอร์มาก่อน แต่ดูจากท่าทางของหวังเหมียนเหมียนแล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นบุคคลสำคัญ
"หล่อนเป็นลูกสาวของหวงฟู ฮ่าว ตระกูลหวงฟูและตระกูลหวังเป็นมิตรกันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว พวกเรามีธุรกิจร่วมกันหลายอย่าง หล่อนแก่กว่าฉัน 2 ปี แต่เมืองที่เธออยู่น่าจะเป็นเมืองเฟธ ทำไมหล่อนถึงมาอยู่ที่นี่ได้" หวังเหมียนเหมียนถามอย่างกังวล
"พี่หานเข้าไปช่วยพวกเขาหน่อยได้ไหม?"