ตอนที่ 179 คนดัง

ระยะเวลาการเปิดรับสมัครมีเพียงแค่ 2 วัน หลังจากนั้นรอบคัดเลือกก็จะเริ่มต้นขึ้น เพื่อคัดให้เหลือ 9 คนที่ดีที่สุด รวมกับหานเซิ่นอีก 1 คน เป็น 10 คนที่จะได้เข้าไปแข่งในการแข่งรอบสุดท้ายของดีกัง ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 10 กันยายน

คนจำนวนมากแสดงความคิดเห็นว่าดีกังขี้เหนียวเกินที่ให้รางวัลแค่ 3 อันดับแรก โดยให้SKTSคนละเครื่อง ซึ่งวอเฟรมเครื่องที่แพงที่สุดที่ประชาชนซื้อมาใช้ได้คือ King Seriesของกลุ่มสตาร์รี่ ซึ่งมีราคาประมาน 20 ล้านดอลลาร์ และสามารถปรับแต่งได้ตามใจผู้ซื้อ

แต่สำหรับSKTSไม่อนุญาตให้ปรับแต่งหรือดัดแปลงอะไรได้ ทุกเครื่องมีรูปแบบเหมือนกันหมด แม้แต่สีก็ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ปรกติราคาวอเฟรมแบบนี้ในท้องตลาดอย่างมากก็ไม่เกิน 10 ล้าน ซึ่งคนส่วนมากก็สามารถหาซื้อมันได้อยู่แล้ว

แต่เมื่อพวกเขาเห็นราคาที่ดีกังประกาศ ทุกคนก็ต้องตกตะลึง ราคาเปิดมาที่ 76 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสามารถซื้อวอเฟรมจากKing Seriesได้ประมาน 4 เครื่อง ราคานี้ถือเป็นราคาวอเฟรมที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ ถ้าไม่นับพวกรุ่นLimited Editionต่างๆ

แต่อย่างไรก็ตามพวกคนรวยๆสามารถสู้ราคาแบบนี้ได้สบาย พวกเขาสามารถซื้อได้คนละ 2-3 เครื่องเลยด้วยซ้ำ

จำนวนที่ดีกังจะวางขายล็อตแรกคือ 100,000 เครื่อง ฟังดูเหมือนจะเป็นจำนวนที่เยอะ แต่ถ้าเทียบกันจำนวนคนในกาแล็กซี จำนวนนี้ถือว่าไม่มากเลย

พวกคู่แข่งต่างก็โจมตีกลุ่มดีกังอย่างรุนแรง และคนจำนวนมากก็ไม่ค่อยพอใจกับกลยุทธ์ที่กลุ่มดีกังนำมาใช้ ทำให้มีข่าวในแง่ลบถูกปล่อยออกมาอยู่เรื่อยๆ

แต่กลุ่มดีกังก็ไม่ได้แสดงความเห็นตอบโต้อะไร พวกเขาแค่รอให้ถึงวันที่ 10

มีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆสมัครเข้าแข่งวอเฟรมที่ดีกังจัดขึ้น แต่โชคดีที่ระยะเวลาการสมัครจำกัดเพียงแค่ 2 วัน ทำให้พวกทีมงานสามารถจัดแข่งเพื่อคัดเลือกคนไปแข่งรอบสุดท้ายได้ทัน ก่อนจะถึงวันที่ 10

"ฮ่าว มานี่หน่อย มาดูคนๆนี้.. นี่คนนี้...ดูเหมือนหานเซิ่นเลย.."

หานยู่เหม่ยขมวดคิ้วและเรียกหานฮ่าวลูกชายเธอ ให้มาดูการเปิดตัววอเฟรมรุ่นใหม่ของกลุ่มดีกัง

"น่าจะแค่คนหน้าเหมือน ไม่มีทางเป็นเขาไปได้ คนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสตาร์ แต่หานเซิ่นทำไม่ได้แม้แต่ขัดรองเท้าด้วยซ้ำ" หานยู่เหม่ยพูดดูถูกหานเซิ่น

"ต้องใช่แน่ๆ หน้าอย่างหานเซิ่นจะเป็นสตาร์ได้ยังไง? แต่พวกเขาก็หน้าเหมือนกันจนน่าตกใจ ฮ่าว มาดูวอเฟรมรุ่นล่าสุดนี่ลูก วอเฟรมของดีกังราคา 76 ล้านดอลลาร์! แพงมาก แต่พวกเราอาจจะซื้อได้สักเครื่อง ถ้าขายของอย่างอื่นจนหมด" หานยู่เหมยพูด

หานฮ่าวเดินออกมาจากห้องด้วยสีหน้าที่มืดมน เมื่อเห็นการเปิดตัววอเฟรมใหม่ของกลุ่มดีกัง เขาก็กัดฟันและพูด "นั่นมันหานเซิ่นจริงๆ"

"อะไร? เป็นไปไม่ได้ นั่นไม่มีทางเป็นหานเซิ่นแน่ ไม่มีทาง"

หานยู่เหมยและสามีของเธอหันไปมองหานฮ่าว

"งั้นก็ลองเช็คดูรายชื่อนักแสดง แล้วแม่จะเห็นเอง" หานฮ่าวอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนัก

เขาไม่อยากเชื่อว่าหานเซิ่นจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องของเขากำลังโด่งดังไปทั่วกาแล็กซี่ และกลายเป็นสตาร์คนหนึ่งไปแล้ว

หานยู่เหมยตกตะลึง เมื่อเธอเปิดดูรายชื่อนักแสดง ในตอนแรกเธอคิดว่ากำลังดูสตาร์คนหนึ่ง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเป็นหานเซิ่นได้

ในเวลาเดียวกันคอมของหานยู่เหมยก็ดังขึ้น เธอรีบรับสายและภาพโฮโลแกรมของพี่ชายเธอก็ปรากฏขึ้นมา

"ยู่เหมย เห็นวิดีโอเปิดตัวSKTSรึยัง? หานเซิ่น..."

ที่บ้านของหานเซิ่น หลัวซูหลานกำลังนั่งดูวิดีโอเปิดตัวอยู่เช่นกัน ตาของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา

เนื่องจากหานเซิ่นเล่าเรื่องที่เขาเซ็นสัญญากับดีกังให้แม่ของเขาฟังแล้ว หลัวซูหลานจึงนั่งดูวิดีโอเปิดตัวที่หานเซิ่นแสดงหลายต่อหลายครั้ง และไม่ว่าเธอจะดูไปกี่ครั้ง เธอก็ยังหายจากอาการตื่นเต้น

แต่ทางด้านจีเหยียนหรัน เหมือนว่าเธอจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เธอรู้เพียงแค่ว่าเขาไปทำงานบางอย่างให้ดีกัง แต่เธอไม่รู้เรื่องที่เขาขับSKTSในการเปิดตัววอเฟรมใหม่ของกลุ่มดีกัง จนกระทั่งมันออกมาสู่สายตาสาธารณชน

หลังจากงานเปิดตัว พวกเพื่อนๆของเธอหลายคนก็เข้ามาหาเธอเพื่อถาม

"เหยียนหรัน แฟนของเธอกลายเป็นสตาร์ไปแล้ว ทำเธอถึงไม่เห็นบอกพวกเราเลย?"

"เหยียนหรัน SKTSของจริงเหมือนกับที่โชว์ในงานเปิดตัวรึเปล่า?"

"เธอต้องรู้แน่ เพราะหานเซิ่นเป็นแฟนของเธอ"

"เธอคงเคยขับมันมาแล้วใช่ไหม?"

"เหยียนหรัน เธอไปขอหานเซิ่นให้หน่อยได้ไหม ขอให้ฉันได้ลองขับSKTSสักครั้ง ฉันกลัวว่าฉันจะไม่สามารถซื้อมันได้"

จีเหยียนหรันจะรู้สึกหัวเสียทุกครั้งที่มีคนเข้ามาถาม เนื่องจากเธอไม่ได้รู้อะไรมากกว่าที่คนอื่นๆรู้

"ไอ้บ้าหานเซิ่น ฉันจะแสดงให้นายเห็นว่าผลของการปิดบังฉันเป็นยังไง" จีเหยียนหรันกัดฟันของเธอ

แต่เมื่อเธอดูวิดีโอดีๆและสังเกตเห็นอวี้เฉียนซุน ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไปทันที ดูเหมือนว่านี่อาจจะเป็นวิกฤตสำหรับหานเซิ่น

"เซิ่น นายสุดยอดมาก! ตอนนี้นายเป็นเหมือนดาราคนหนึ่งแล้ว"

ซานตันเฟิงพูดกับหานเซิ่นผ่านทางคอมอย่างตื่นเต้น

"ฮาฮา นายอยากลองขับSKTSไหม?" หานเซิ่นถามพร้อมกับยิ้ม

"แน่นอน! แต่ราคาของมันสูงถึง 76 ล้านดอลลาร์ แม้ว่านายจะขอส่วนลดให้ฉันได้บ้าง แต่ฉันก็คิดว่ายังไม่สามารถซื้อมันได้" ซานตันเฟิงหัวเราะ

"ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันจะส่งไปให้นายเร็วๆนี้" หานเซิ่นเป็นคนที่ไม่ลืมบุญคุณคน ตั้งแต่ครอบครัวของเขาตกอับ ซานตันเฟิงและพ่อของเขาก็คอยช่วยครอบครัวของหานเซิ่นเสมอมา และซานตันเฟิงยังเคยให้ดาบราคา 2 ล้านกับหานเซิ่น แม้ว่าหานเซิ่นจะไม่เคยเอามันออกมาใช้ แต่เขาก็ไม่เคยลืมน้ำใจของซานตันเฟิง

ถึงตอนนี้เงิน 2 ล้านไม่ได้มากสำหรับหานเซิ่น แต่ก่อนหน้านี้มันมากสำหรับครัวครอบเขา แม้ว่าซานตันเฟิงจะไม่ได้ใช้มัน เขาก็สามารถนำมันไปขายหรือแลกเปลี่ยนได้ แต่เขาไม่ทำและเลือกที่จะมอบให้กับหานเซิ่นแทน

"นั่นไม่ถูกต้อง เซิ่น ฉันรับไม่ได้" ซานตันเฟิงดูประหลาดใจ แม้หานเซิ่นจะเป็นพรีเซนต์ และยังได้เซ็นสัญญาระยะยาวกับทางดีกัง แต่เขาคิดว่าดีกังคงไม่ให้วอเฟรมมาฟรีๆแน่

"ไม่ต้องห่วง ฉันมีอยู่ 2 เครื่องแล้ว เดี๋ยวฉันจะส่งไปให้นาย และพวกเขามาลองขับมันด้วยกัน เดี๋ยวฉันจะเป็นคนสอนนายเอง" หานเซิ่นหัวเราะ

"ขอรับไว้แค่น้ำใจก็พอ ฉันไม่ได้สนใจวอเฟรมเท่าไหร่ แต่ถ้านายมีฝีมือดาบหรือเจอคนเก่งๆก็อย่าลืมมาสอนฉันบ้างก็พอ" ซานตันเฟิงตอบ

"โอเค" หานเซิ่นพูด

หานเซิ่นกลับมาที่โรงเรียนในวันที่ 6 กันยายน การดัดแปลงSKTSใช้เวลามากกว่าที่เขาคิด เขามีเวลาอยู่ที่โรงเรียนแค่ 1 วันเท่านั้น ก่อนที่เขาต้องกลับไปเตรียมตัวสำหรับการแข่งรอบสุดท้ายที่ทางดีกังจัดขึ้น เขาจะได้SKTSอีกเครื่อง ถ้าเขาติด 1 ใน 3 ได้

แต่โชคร้าย วอเฟรมที่เป็นรางวัลไม่มีบริการซ่อมฟรีตลอดอายุการใช้งาน