เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 155 กู้ยืม
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 155 กู้ยืม
"ขอแสดงความยินดีด้วย...ขอแสดงความยินดีด้วย..."
"ผู้อาวุโสฟางหยวนอายุยังน้อย ท่านถือเป็นต้นแบบของคนรุ่นใหม่จริงๆ"
"ฮ่าฮ่า หลังจากนี้พวกเราจะได้ร่วมงานกัน พวกเราคาดหวังกับความฉลาดเฉลียวของท่านฟางหยวนเป็นอย่างมาก"
กลุ่มผู้อาวุโสยืนล้อมรอบฟางหยวนเพื่อแสดงความยินดีตามธรรมเนียมปฏิบัติ
อาจารย์อาวุโสยืนอยู่รอบนอกและจ้องมองฟางหยวนด้วยสายตาซับซ้อน
เขาไม่เคยคาดหวังว่าฟางหยวนจะกลายเป็นผู้อาวุโส ช่วงเวลาในสถานศึกษา มีเพียงฟางเจิ้ง ซื่อเฉิน และโม่เป่ยที่อาจารย์อาวุโสคาดหวัง
แต่กลับเป็นฟางหยวนที่ประสบความสำเร็จเป็นคนแรก
"ความสำเร็จเล็กๆน้อยๆของข้าจะสามารถเปรียบเทียบกับผู้อาวุโสทุกท่านได้อย่างไร? ข้ายังต้องเรียนรู้จากผู้อาวุโสอีกมาก สำหรับอาจารย์อาวุโส ข้าต้องขอบคุณกับทุกสิ่งที่ท่านพร่ำสอนข้ามา ข้าจะจดจำถ้อยคำของท่านไว้ในใจเสมอ" ฟางหยวนยิ้มแย้มแจ่มใสและแสดงออกอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
อาจารย์อาวุโสกลายเป็นโง่งมไปชั่วขณะ เขาไม่คาดคิดว่าฟางหยวนจะพูดบางสิ่งถึงเขา
"ดูเหมือนว่าท่านจะมีวุฒิภาวะมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้อาวุโสฟางหยวน โปรดทำดีเช่นนี้ต่อไป ข้าภูมิใจกับความสำเร็จของท่าน ตระกูลต้องการคนรุ่นใหม่เช่นท่าน"
ฟางหยวนขอบคุณอาจารย์อาวุโสอีกครั้งก่อนจะหันไปพูดคุยกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ
ด้วยประสบการณ์ห้าร้อยปี ละครฉากนี้เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขา
เขามีการแสดงออกที่เหมาะสม ใช้คำพูดที่อ่อนโยน และอ่อนน้อมต่อทุกคน นี่ทำให้ผู้คนที่รายล้อมรู้สึกราวกับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าในฤดูใบไม้ผลิ
ซื่อเหลียงไม่ได้ยืนอยู่ในฉากนี้ แต่ยิ่งเขาเห็นการแสดงของฟางหยวนมากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากเท่านั้น ฟางหยวนรู้วิธีจัดการกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม ทุกประโยค ทุกคำพูดของเขา ราวกับเขาผ่านศึกน้อยใหญ่มาแล้วมากมาย เขาเป็นผู้เยาว์จริงๆงั้นหรือ? เขาเกิดมาเพื่อเป็นนักการเมืองใช่หรือไม่? คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นในใจของซื่อเหลียงอย่างช่วยไม่ได้
อาจารย์อาวุโสเองก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน เขาคิดถึงช่วงเวลาในสถานศึกษา ฟางหยวนก่อกบฏและกระทั่งถูกโดดเดี่ยวโดยสหายร่วมชั้นเรียนทั้งหมด ฟางหยวนสร้างเรื่องปวดหัวให้กับเขาเสมอ แต่โดยไม่คาดคิด ปัจจุบันฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
ตรงข้ามกับโม่เฉิน เขาไม่รู้สึกงุนงงกับการแสดงออกของฟางหยวนแม้แต่น้อย หลังจากทั้งหมด เขาเคยลิ้มรสแผนการของฟางหยวนมาแล้ว
อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อโม่เฉินมองไปยังฟางหยวนที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าผู้อาวุโส เขาทำได้เพียงถอนหายใจและรู้สึกชื่นชมซื่อเหลียงที่ทำผลงานได้ดี
การพูดคุยยังดำเนินไปอีกชั่วครู่และมันก็ทำให้เหล่าผู้อาวุโสต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อฟางหยวน เพราะดูเหมือนข่าวลือต่างๆนานาของเขาก่อนหน้านี้จะไม่มีมูลความจริง
ในท้ายที่สุดฟางหยวนได้ปฏิเสธคำเชิญของผู้อาวุโสบางคนและออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับซื่อเหลียง
"ฮืม เจ้าพอใจแล้วใช่หรือไม่ที่สามารถดึงเหยาจี้ลงมาและยังลากข้าเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้ด้วย?" เมื่อพวกเขากลับมาถึงห้องส่วนตัวของซื่อเหลียง ชายชราไม่สามารถฝืนปั้นรอยยิ้มไว้บนใบหน้าได้อีกต่อไป ตรงข้ามมันถูกแทนที่ด้วยความโกรธ
ฟางหยวนนั่งอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับเผยรอยยิ้มบาง "แท้จริงแล้วท่านต้องขอบคุณข้าที่ข้าช่วยกำจัดเหยาจี้ นี่ถือเป็นประโยชน์อย่างมากต่อฝ่ายสกุลซื่อ"
ดวงตาของซื่อเหลียงส่องประกายเย็นเยียบ "ฮืม เด็กน้อย ความคิดของเจ้ายังง่ายเกินไป ซื่อซ่งเป็นฝ่ายของข้า แต่ภรรยาของเขาเป็นคนของเหยาจี้ ผู้นำตระกูลแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาลชั่วคราวเพราะต้องการรักษาสมดุลของฝ่ายสกุลซื่อกับเหยาจี้ แล้วเจ้ารู้เรื่องของซื่อเฉินได้อย่างไร?"
ท้ายที่สุดซื่อเหลียงก็ต้องเปิดปากถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้
ซื่อเหลียงเฝ้าสังเกตการแสดงออกของฟางหยวนอย่างใกล้ชิดด้วยสายตาอินทรีย์ของเขา
ฟางหยวนยักไหล่อย่างไม่แยแสก่อนกล่าว "ตาเฒ่า ข้าไม่เหลือหินวิญญาณแล้ว มอบมันให้ข้าสามพันก้อน"
"ปัง!"
ซื่อเหลียงทุบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโกรธ "ฟางหยวน! เจ้าคิดว่าสามารถข่มขู่ข้าได้เพียงเพราะเจ้ารู้ความลับนี้งั้นหรือ? ข้าแก่แล้วและอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน อย่างมากข้าก็จะจบชีวิตของตนเอง! ฮืม ข้าสามารถร่วมมือ แต่ไม่สามารถถูกคุกคาม!"
"ข้าจะไม่ให้เหตุการณ์เช่นวันนี้เกิดขึ้นอีก! หากเจ้าสร้างศัตรูไปทั่วและดึงฝ่ายสกุลซื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง เจ้าจะต้องเสียใจ! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าความลับนี้จะสามารถทำลายสกุลซื่อได้ ฮืม ไร้เดียสา!"
ฟางหยวนไม่โต้ตอบแต่จ้องมองซื่อเหลียงด้วยสายตาเย็นเยียบ
ซื่อเหลียงเริ่มต้นด้วยการแสดงออกที่ราวกับพยัคฆ์ร้าย แต่เมื่อเขากล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง น้ำเสียงของเขากลับค่อยๆอ่อนลงจนดูเหมือนขาดความมั่นใจไปในประโยคสุดท้าย
หลังจากชั่วขณะ ฟางหยวนจึงเริ่มเปิดปาก "ตาเฒ่า อย่าพึ่งโกรธ ช่วงนี้ข้ากำลังขาดแคลนหินวิญญาณ แต่ข้าไม่ได้คิดที่จะขอหินวิญญาณจากเจ้าโดยปราศจากสิ่งตอบแทน ข้าเพียงจะขอยืมพวกมันเท่านั้น ข้าสามารถทำสัญญาเงินกู้กับเจ้าอย่างเป็นทางการ"
ซื่อเหลียงก่นเสียงเย็นก่อนจะเริ่มเปิดปากอีกครั้งอย่างช้าๆ "เจ้าจะไม่ขาดแคลนหินวิญญาณ เจ้าพึ่งกลายเป็นผู้อาวุโสจึงไม่รู้ว่าตระกูลดูแลผู้อาวุโสอย่างไร ตราบเท่าที่เจ้าเป็นผู้อาวุโส เจ้าจะได้รับหินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนทุกสัปดาห์ นี่เป็นสวัสดิการในช่วงเวลาปกติ แต่ในช่วงเวลานี้ เจ้าจะได้รับหินวิญญาณถึงสามร้อยก้อน"
"เจ้ายังสามารถเลือกรับวิญญาณระดับสามหนึ่งดวงได้ตามต้องการ ไม่เพียงเท่านั้นตระกูลยังจะเปิดเผยเคล็ดลับในการหลอมรวมวิญญาณระดับหนึ่งถึงสามให้เจ้าเรียนรู้ได้อย่างอิสระ นอกจากนั้นเจ้ายังจะได้รับคฤหาสน์ส่วนตัว ปกติแล้วผู้ใช้วิญญาณสามารถแต่งงานกับหญิงสาวได้เพียงหนึ่ง แต่สำหรับผู้อาวุโส นอกจากภรรยาหนึ่งคน เจ้ายังสามารถรับภรรยารองได้อีกสอง"
"เป็นเช่นนั้น" เรื่องเหล่านี้ฟางหยวนรู้ดีอยู่แล้ว แต่เขากลับแสดงออกราวกับได้ยินเป็นครั้งแรก
"แต่ถึงเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยังต้องการกู้ยืมหินวิญญาณสามพันก้อนจากเจ้า ข้าพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับสามและรู้ว่าการปรับแต่งวิญญาณระดับสามจำเป็นต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมาก" ฟางหยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
แต่ซื่อเหลียงเริ่มคิดทันที 'ด้วยตัวตนของเขาในฐานะผู้อาวุโส เขาไม่สามารถหนีหนี้ แต่หากเขาตายในสนามรบ ไม่ใช่ว่าหินวิญญาณสามพันก้อนของข้าจะสูญเปล่าเช่นนั้นหรือ? เดี๋ยว! ไม่ใช่ว่ามันจะดีกว่าหากเขาตายงั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นความลับของสกุลซื่อก็จะยังเป็นความลับต่อไป แต่ข้ายังสงสัยว่าเขารู้ความลับนี้ได้อย่างไร? แล้วมีผู้ใดล่วงรู้อีกหรือไม่? เอาล่ะ ให้เขายืมเงินไปก่อน เมื่อใดที่เขาเริ่มไว้ใจข้า เวลานั้นข้าจะค่อยๆสอบสวนเข้า'
เมื่อคิดได้ดังนี้ ซื่อเหลียงจึงเริ่มหยิบกระดาษกับพู่กันออกมา
ฟางหยวนเขียนรายละเอียดการกู้ยืมเงินและประทับลายนิ้วมือรับรองความถูกต้อง
จากนั้นซื่อเหลียงจึงออกคำสั่งให้พ่อบ้านของเขานำถุงเงินมามอบให้แก่ฟางหยวน
เขาต้องการหินวิญญาณเหล่านี้จริงๆ
เขาใช้เงินออมแทบทั้งหมดไปกับการหลอมสร้างวิญญาณงานฝังศพอสูร ดังนั้นมันจึงกล่าวได้ว่าหินวิญญาณสามพันก้อนนี้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ทันเวลาอย่างพอเหมาะพอดี
เขาพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับสาม เขาต้องปรับแต่งวิญญาณระดับสาม เพราะมีเพียงการครอบครองวิญญาณระดับสามจึงจะทำให้เขาสามารถอยู่รอด
เขาวางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แม้หินวิญญาณสามพันก้อนอาจไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามเขาไม่จำเป็นต้องเร่งร้อน เพราะไม่ว่าอย่างไรสกุลซื่อก็ยังต้องสนับสนุนเขาต่อไป
หินวิญญาณสามพันก้อนเป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากมันเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่สองและสามก็จะตามมาอย่างง่ายดาย
สำหรับการชำระหนี้งั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า...
ฟางหยวนยังไม่รีบออกไปแต่เผยรอยยิ้มบาง "ข้ายังต้องการยืมอย่างอื่นอีก"
"อย่าให้มันมากนัก!" ซื่อเหลียงกล่าวเสียงเย็น แต่ในตอนท้ายเขายังกล่าวต่อ "ต้องการสิ่งใด?"
"วิญญาณวารีพิสุทธิ์" ฟางหยวนหรี่ตามองขณะที่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ก่อนหน้านี้ในขบวนสินค้ามีวิญญาณวารีพิสุทธิ์วางขายอยู่ กล่าวตามความน่าจะเป็น บุคคลที่ต้องการซื้อมันมากที่สุดควรจะเป็นซื่อเหลียงผู้นี้
ซื่อเหลียงใช้พลังวิญญาณของตนช่วยยกระดับให้แก่หลานชายสุดรัก เป็นเหตุให้ทะเลวิญญาณของซื่อเฉินมีพลังภายนอกเจือปนและต้องใช้วิญญาณวารีพิสุทธิ์ในการชำระล้าง
"นี่เป็นไปไม่ได้!" ซื่อเหลียงปฏิเสธอย่างหนักแน่น
เขาซื้อวิญญาณวารีพิสุทธิ์มาเพื่อเตรียมไว้ให้กับหลานชายของเขา ซื่อเฉิน หากเขาต้องการซื้อมันอีกครั้ง เขาต้องพึ่งพาโชคชะตาเท่านั้น
"อย่าพึ่งรีบปฏิเสธ" ฟางหยวนหัวเราะ "ข้าเชื่อว่าท่านผู้อาวูโสซื่อเหลียงรู้ว่าชื่อเสียงของสกุลซื่อย่อมมีความสำคัญมากกว่ามัน"
ใบหน้าของซื่อเหลียงกลายเป็นมืดครึ้ม กลิ่นอายของเขากลายเป็นเย็นเยียบขณะที่จ้องมองฟางหยวนอย่างดุร้าย "ฟางหยวน ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังพยายามทำสิ่งใด? เจ้าจะหักหลังข้าและหักหลังฝ่ายสุกลซื่อใช่หรือไม่?"
"ไม่ ไม่ มันไม่ใช่การหักหลัง มันเป็นเพียงการพูดคุยกันเกี่ยวกับการหยิบยืนวิญญาณวารีพิสุทธิ์เท่านั้นและข้าก็จะส่งคืนในอนาคต ข้าสามารถเขียนสัญญากู้ยืมเช่นกัน" ฟางหยวนหัวเราะแต่น้ำเสียงที่เขากล่าวยังแสดงให้เห็นถึงความจริงจังง
"อย่าแม้แต่จะคิด!" แต่ทัศนคติของซื่อเหลียงยังมั่นคง
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ฟางหยวนเดินออกมาจากคฤหาสน์สกุลซื่อพร้อมกับหินวิญญาณสามพันก้อนและวิญญาณวารีพิสุทธิ์!
ขณะที่ซื่อเหลียงนั่งมองสัญญากู้ยืมสองใบด้วยความโกรธที่ราวกับแม่น้ำไหลบ่าเข้าสู่หัวใจอย่างไม่มีสิ้นสุด
ฟางหยวนครอบครองฝ่ายสกุลซื่ออย่างเบ็ดเสร็จ มันเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ
สามวันต่อมา
ฟางหยวนนั่งอยู่บนเตียงขณะที่บอลแสงสีขาวส่องประกายอยู่ตรงหน้าเขา
บอลแสงสีขาวที่ดวงนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการหลอมรวม
ฟางหยวนใช้พลังจิตในการควบคุมบอลแสงพร้อมกับโยนหินวิญญาณเข้าไป
สุดท้ายบอลแสงจึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นวิญญาณดวงหนึ่งก่อนจะบินเข้ามาอยู่ในมือของฟางหยวน
มันเป็นแมลงเต่าทองสีขาวที่มีจุดสีดำอยู่บนร่างกายและมีขนาดเท่ากำปั้นผู้ใหญ่
วิญญาณระดับสาม วิญญาณเกราะนภา!
"ข้าประสบความสำเร็จในที่สุด" ฟางหยวนรู้สึกพึงพอใจ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาพยายามหลอมสร้างมันขึ้นมา
วิญญาณเกราะนภาดวงนี้หลอมรวมมาจากวิญญาณหยกขาวกับวิญญาณโล่น้ำ
ในการพยายามครั้งแรก ฟางหยวนใช้วิญญาณหยกขาวกับวิญญาณเกราะวารีเพื่อหลอมรวมมัน แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวเป็นเหตุให้วิญญาณเกราะวารีแตกดับไปในที่สุด
วิญญาณโล่น้ำเป็นวิญญาณที่ฟางหยวนใช้คะแนนผลงานแลกเปลี่ยนมาหลังจากนั้น
อย่างไรก็ตามวิญญาณเกราะนภาไม่ใช่วิญญาณระดับสามตัวแรกของฟางหยวน วิญญาณระดับสามตัวแรกของเขาได้รับมาจากตระกูลซึ่งมันก็คือ วิญญาณปีกสายฟ้า
นี่เป็นวิญญาณที่ผู้อาวุโสของตระกูลเก็บกลับมาหลังจากสังหารหมาป่าสายฟ้าคลั่งตัวหนึ่ง ความสามารถของมันก็คือสร้างปีกสายฟ้าขึ้นมาคู่หนึ่งและทำให้ผู้ใช้วิญญาณสามารถบินได้ในระยะทางสั้นๆ
ด้วยวิญญาณปีกสายฟ้าที่ช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหว ฟางหยวนจึงสามารถปิดจุดอ่อนสุดท้ายของเขาได้ในที่สุด