ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 154 กระอักเลือดด้วยความโกรธ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 156 ความลึกลับของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 155 กู้ยืม


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 155 กู้ยืม

"ขอแสดงความยินดีด้วย...ขอแสดงความยินดีด้วย..."

"ผู้อาวุโสฟางหยวนอายุยังน้อย ท่านถือเป็นต้นแบบของคนรุ่นใหม่จริงๆ"

"ฮ่าฮ่า หลังจากนี้พวกเราจะได้ร่วมงานกัน พวกเราคาดหวังกับความฉลาดเฉลียวของท่านฟางหยวนเป็นอย่างมาก"

กลุ่มผู้อาวุโสยืนล้อมรอบฟางหยวนเพื่อแสดงความยินดีตามธรรมเนียมปฏิบัติ

อาจารย์อาวุโสยืนอยู่รอบนอกและจ้องมองฟางหยวนด้วยสายตาซับซ้อน

เขาไม่เคยคาดหวังว่าฟางหยวนจะกลายเป็นผู้อาวุโส ช่วงเวลาในสถานศึกษา มีเพียงฟางเจิ้ง ซื่อเฉิน และโม่เป่ยที่อาจารย์อาวุโสคาดหวัง

แต่กลับเป็นฟางหยวนที่ประสบความสำเร็จเป็นคนแรก

"ความสำเร็จเล็กๆน้อยๆของข้าจะสามารถเปรียบเทียบกับผู้อาวุโสทุกท่านได้อย่างไร? ข้ายังต้องเรียนรู้จากผู้อาวุโสอีกมาก สำหรับอาจารย์อาวุโส ข้าต้องขอบคุณกับทุกสิ่งที่ท่านพร่ำสอนข้ามา ข้าจะจดจำถ้อยคำของท่านไว้ในใจเสมอ" ฟางหยวนยิ้มแย้มแจ่มใสและแสดงออกอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว

อาจารย์อาวุโสกลายเป็นโง่งมไปชั่วขณะ เขาไม่คาดคิดว่าฟางหยวนจะพูดบางสิ่งถึงเขา

"ดูเหมือนว่าท่านจะมีวุฒิภาวะมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้อาวุโสฟางหยวน โปรดทำดีเช่นนี้ต่อไป ข้าภูมิใจกับความสำเร็จของท่าน ตระกูลต้องการคนรุ่นใหม่เช่นท่าน"

ฟางหยวนขอบคุณอาจารย์อาวุโสอีกครั้งก่อนจะหันไปพูดคุยกับผู้อาวุโสคนอื่นๆ

ด้วยประสบการณ์ห้าร้อยปี ละครฉากนี้เป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขา

เขามีการแสดงออกที่เหมาะสม ใช้คำพูดที่อ่อนโยน และอ่อนน้อมต่อทุกคน นี่ทำให้ผู้คนที่รายล้อมรู้สึกราวกับยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าในฤดูใบไม้ผลิ

ซื่อเหลียงไม่ได้ยืนอยู่ในฉากนี้ แต่ยิ่งเขาเห็นการแสดงของฟางหยวนมากเท่าใด เขาก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากเท่านั้น ฟางหยวนรู้วิธีจัดการกับสถานการณ์อย่างเหมาะสม ทุกประโยค ทุกคำพูดของเขา ราวกับเขาผ่านศึกน้อยใหญ่มาแล้วมากมาย เขาเป็นผู้เยาว์จริงๆงั้นหรือ? เขาเกิดมาเพื่อเป็นนักการเมืองใช่หรือไม่? คำถามเหล่านี้เกิดขึ้นในใจของซื่อเหลียงอย่างช่วยไม่ได้

อาจารย์อาวุโสเองก็ประหลาดใจไม่ต่างกัน เขาคิดถึงช่วงเวลาในสถานศึกษา ฟางหยวนก่อกบฏและกระทั่งถูกโดดเดี่ยวโดยสหายร่วมชั้นเรียนทั้งหมด ฟางหยวนสร้างเรื่องปวดหัวให้กับเขาเสมอ แต่โดยไม่คาดคิด ปัจจุบันฟางหยวนเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ตรงข้ามกับโม่เฉิน เขาไม่รู้สึกงุนงงกับการแสดงออกของฟางหยวนแม้แต่น้อย หลังจากทั้งหมด เขาเคยลิ้มรสแผนการของฟางหยวนมาแล้ว

อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่อโม่เฉินมองไปยังฟางหยวนที่ยืนอยู่ท่ามกลางเหล่าผู้อาวุโส เขาทำได้เพียงถอนหายใจและรู้สึกชื่นชมซื่อเหลียงที่ทำผลงานได้ดี

การพูดคุยยังดำเนินไปอีกชั่วครู่และมันก็ทำให้เหล่าผู้อาวุโสต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อฟางหยวน เพราะดูเหมือนข่าวลือต่างๆนานาของเขาก่อนหน้านี้จะไม่มีมูลความจริง

ในท้ายที่สุดฟางหยวนได้ปฏิเสธคำเชิญของผู้อาวุโสบางคนและออกจากห้องประชุมไปพร้อมกับซื่อเหลียง

"ฮืม เจ้าพอใจแล้วใช่หรือไม่ที่สามารถดึงเหยาจี้ลงมาและยังลากข้าเข้าไปมีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้ด้วย?" เมื่อพวกเขากลับมาถึงห้องส่วนตัวของซื่อเหลียง ชายชราไม่สามารถฝืนปั้นรอยยิ้มไว้บนใบหน้าได้อีกต่อไป ตรงข้ามมันถูกแทนที่ด้วยความโกรธ

ฟางหยวนนั่งอยู่ตรงหน้าเขาพร้อมกับเผยรอยยิ้มบาง "แท้จริงแล้วท่านต้องขอบคุณข้าที่ข้าช่วยกำจัดเหยาจี้ นี่ถือเป็นประโยชน์อย่างมากต่อฝ่ายสกุลซื่อ"

ดวงตาของซื่อเหลียงส่องประกายเย็นเยียบ "ฮืม เด็กน้อย ความคิดของเจ้ายังง่ายเกินไป ซื่อซ่งเป็นฝ่ายของข้า แต่ภรรยาของเขาเป็นคนของเหยาจี้ ผู้นำตระกูลแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาลชั่วคราวเพราะต้องการรักษาสมดุลของฝ่ายสกุลซื่อกับเหยาจี้ แล้วเจ้ารู้เรื่องของซื่อเฉินได้อย่างไร?"

ท้ายที่สุดซื่อเหลียงก็ต้องเปิดปากถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างช่วยไม่ได้

ซื่อเหลียงเฝ้าสังเกตการแสดงออกของฟางหยวนอย่างใกล้ชิดด้วยสายตาอินทรีย์ของเขา

ฟางหยวนยักไหล่อย่างไม่แยแสก่อนกล่าว "ตาเฒ่า ข้าไม่เหลือหินวิญญาณแล้ว มอบมันให้ข้าสามพันก้อน"

"ปัง!"

ซื่อเหลียงทุบโต๊ะอย่างแรงด้วยความโกรธ "ฟางหยวน! เจ้าคิดว่าสามารถข่มขู่ข้าได้เพียงเพราะเจ้ารู้ความลับนี้งั้นหรือ? ข้าแก่แล้วและอยู่ได้อีกเพียงไม่นาน อย่างมากข้าก็จะจบชีวิตของตนเอง! ฮืม ข้าสามารถร่วมมือ แต่ไม่สามารถถูกคุกคาม!"

"ข้าจะไม่ให้เหตุการณ์เช่นวันนี้เกิดขึ้นอีก! หากเจ้าสร้างศัตรูไปทั่วและดึงฝ่ายสกุลซื่อเข้าไปเกี่ยวข้อง เจ้าจะต้องเสียใจ! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าความลับนี้จะสามารถทำลายสกุลซื่อได้ ฮืม ไร้เดียสา!"

ฟางหยวนไม่โต้ตอบแต่จ้องมองซื่อเหลียงด้วยสายตาเย็นเยียบ

ซื่อเหลียงเริ่มต้นด้วยการแสดงออกที่ราวกับพยัคฆ์ร้าย แต่เมื่อเขากล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง น้ำเสียงของเขากลับค่อยๆอ่อนลงจนดูเหมือนขาดความมั่นใจไปในประโยคสุดท้าย

หลังจากชั่วขณะ ฟางหยวนจึงเริ่มเปิดปาก "ตาเฒ่า อย่าพึ่งโกรธ ช่วงนี้ข้ากำลังขาดแคลนหินวิญญาณ แต่ข้าไม่ได้คิดที่จะขอหินวิญญาณจากเจ้าโดยปราศจากสิ่งตอบแทน ข้าเพียงจะขอยืมพวกมันเท่านั้น ข้าสามารถทำสัญญาเงินกู้กับเจ้าอย่างเป็นทางการ"

ซื่อเหลียงก่นเสียงเย็นก่อนจะเริ่มเปิดปากอีกครั้งอย่างช้าๆ "เจ้าจะไม่ขาดแคลนหินวิญญาณ เจ้าพึ่งกลายเป็นผู้อาวุโสจึงไม่รู้ว่าตระกูลดูแลผู้อาวุโสอย่างไร ตราบเท่าที่เจ้าเป็นผู้อาวุโส เจ้าจะได้รับหินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนทุกสัปดาห์ นี่เป็นสวัสดิการในช่วงเวลาปกติ แต่ในช่วงเวลานี้ เจ้าจะได้รับหินวิญญาณถึงสามร้อยก้อน"

"เจ้ายังสามารถเลือกรับวิญญาณระดับสามหนึ่งดวงได้ตามต้องการ ไม่เพียงเท่านั้นตระกูลยังจะเปิดเผยเคล็ดลับในการหลอมรวมวิญญาณระดับหนึ่งถึงสามให้เจ้าเรียนรู้ได้อย่างอิสระ นอกจากนั้นเจ้ายังจะได้รับคฤหาสน์ส่วนตัว ปกติแล้วผู้ใช้วิญญาณสามารถแต่งงานกับหญิงสาวได้เพียงหนึ่ง แต่สำหรับผู้อาวุโส นอกจากภรรยาหนึ่งคน เจ้ายังสามารถรับภรรยารองได้อีกสอง"

"เป็นเช่นนั้น" เรื่องเหล่านี้ฟางหยวนรู้ดีอยู่แล้ว แต่เขากลับแสดงออกราวกับได้ยินเป็นครั้งแรก

"แต่ถึงเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยังต้องการกู้ยืมหินวิญญาณสามพันก้อนจากเจ้า ข้าพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับสามและรู้ว่าการปรับแต่งวิญญาณระดับสามจำเป็นต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมาก" ฟางหยวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

แต่ซื่อเหลียงเริ่มคิดทันที 'ด้วยตัวตนของเขาในฐานะผู้อาวุโส เขาไม่สามารถหนีหนี้ แต่หากเขาตายในสนามรบ ไม่ใช่ว่าหินวิญญาณสามพันก้อนของข้าจะสูญเปล่าเช่นนั้นหรือ? เดี๋ยว! ไม่ใช่ว่ามันจะดีกว่าหากเขาตายงั้นหรือ? หากเป็นเช่นนั้นความลับของสกุลซื่อก็จะยังเป็นความลับต่อไป แต่ข้ายังสงสัยว่าเขารู้ความลับนี้ได้อย่างไร? แล้วมีผู้ใดล่วงรู้อีกหรือไม่? เอาล่ะ ให้เขายืมเงินไปก่อน เมื่อใดที่เขาเริ่มไว้ใจข้า เวลานั้นข้าจะค่อยๆสอบสวนเข้า'

เมื่อคิดได้ดังนี้ ซื่อเหลียงจึงเริ่มหยิบกระดาษกับพู่กันออกมา

ฟางหยวนเขียนรายละเอียดการกู้ยืมเงินและประทับลายนิ้วมือรับรองความถูกต้อง

จากนั้นซื่อเหลียงจึงออกคำสั่งให้พ่อบ้านของเขานำถุงเงินมามอบให้แก่ฟางหยวน

เขาต้องการหินวิญญาณเหล่านี้จริงๆ

เขาใช้เงินออมแทบทั้งหมดไปกับการหลอมสร้างวิญญาณงานฝังศพอสูร ดังนั้นมันจึงกล่าวได้ว่าหินวิญญาณสามพันก้อนนี้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้ทันเวลาอย่างพอเหมาะพอดี

เขาพึ่งก้าวเข้าสู่ระดับสาม เขาต้องปรับแต่งวิญญาณระดับสาม เพราะมีเพียงการครอบครองวิญญาณระดับสามจึงจะทำให้เขาสามารถอยู่รอด

เขาวางแผนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แม้หินวิญญาณสามพันก้อนอาจไม่เพียงพอ อย่างไรก็ตามเขาไม่จำเป็นต้องเร่งร้อน เพราะไม่ว่าอย่างไรสกุลซื่อก็ยังต้องสนับสนุนเขาต่อไป

หินวิญญาณสามพันก้อนเป็นเพียงจุดเริ่มต้น หากมันเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งที่สองและสามก็จะตามมาอย่างง่ายดาย

สำหรับการชำระหนี้งั้นหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า...

ฟางหยวนยังไม่รีบออกไปแต่เผยรอยยิ้มบาง "ข้ายังต้องการยืมอย่างอื่นอีก"

"อย่าให้มันมากนัก!" ซื่อเหลียงกล่าวเสียงเย็น แต่ในตอนท้ายเขายังกล่าวต่อ "ต้องการสิ่งใด?"

"วิญญาณวารีพิสุทธิ์" ฟางหยวนหรี่ตามองขณะที่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา

ก่อนหน้านี้ในขบวนสินค้ามีวิญญาณวารีพิสุทธิ์วางขายอยู่ กล่าวตามความน่าจะเป็น บุคคลที่ต้องการซื้อมันมากที่สุดควรจะเป็นซื่อเหลียงผู้นี้

ซื่อเหลียงใช้พลังวิญญาณของตนช่วยยกระดับให้แก่หลานชายสุดรัก เป็นเหตุให้ทะเลวิญญาณของซื่อเฉินมีพลังภายนอกเจือปนและต้องใช้วิญญาณวารีพิสุทธิ์ในการชำระล้าง

"นี่เป็นไปไม่ได้!" ซื่อเหลียงปฏิเสธอย่างหนักแน่น

เขาซื้อวิญญาณวารีพิสุทธิ์มาเพื่อเตรียมไว้ให้กับหลานชายของเขา ซื่อเฉิน หากเขาต้องการซื้อมันอีกครั้ง เขาต้องพึ่งพาโชคชะตาเท่านั้น

"อย่าพึ่งรีบปฏิเสธ" ฟางหยวนหัวเราะ "ข้าเชื่อว่าท่านผู้อาวูโสซื่อเหลียงรู้ว่าชื่อเสียงของสกุลซื่อย่อมมีความสำคัญมากกว่ามัน"

ใบหน้าของซื่อเหลียงกลายเป็นมืดครึ้ม กลิ่นอายของเขากลายเป็นเย็นเยียบขณะที่จ้องมองฟางหยวนอย่างดุร้าย "ฟางหยวน ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังพยายามทำสิ่งใด? เจ้าจะหักหลังข้าและหักหลังฝ่ายสุกลซื่อใช่หรือไม่?"

"ไม่ ไม่ มันไม่ใช่การหักหลัง มันเป็นเพียงการพูดคุยกันเกี่ยวกับการหยิบยืนวิญญาณวารีพิสุทธิ์เท่านั้นและข้าก็จะส่งคืนในอนาคต ข้าสามารถเขียนสัญญากู้ยืมเช่นกัน" ฟางหยวนหัวเราะแต่น้ำเสียงที่เขากล่าวยังแสดงให้เห็นถึงความจริงจังง

"อย่าแม้แต่จะคิด!" แต่ทัศนคติของซื่อเหลียงยังมั่นคง

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ฟางหยวนเดินออกมาจากคฤหาสน์สกุลซื่อพร้อมกับหินวิญญาณสามพันก้อนและวิญญาณวารีพิสุทธิ์!

ขณะที่ซื่อเหลียงนั่งมองสัญญากู้ยืมสองใบด้วยความโกรธที่ราวกับแม่น้ำไหลบ่าเข้าสู่หัวใจอย่างไม่มีสิ้นสุด

ฟางหยวนครอบครองฝ่ายสกุลซื่ออย่างเบ็ดเสร็จ มันเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ

สามวันต่อมา

ฟางหยวนนั่งอยู่บนเตียงขณะที่บอลแสงสีขาวส่องประกายอยู่ตรงหน้าเขา

บอลแสงสีขาวที่ดวงนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการหลอมรวม

ฟางหยวนใช้พลังจิตในการควบคุมบอลแสงพร้อมกับโยนหินวิญญาณเข้าไป

สุดท้ายบอลแสงจึงค่อยๆเปลี่ยนเป็นวิญญาณดวงหนึ่งก่อนจะบินเข้ามาอยู่ในมือของฟางหยวน

มันเป็นแมลงเต่าทองสีขาวที่มีจุดสีดำอยู่บนร่างกายและมีขนาดเท่ากำปั้นผู้ใหญ่

วิญญาณระดับสาม วิญญาณเกราะนภา!

"ข้าประสบความสำเร็จในที่สุด" ฟางหยวนรู้สึกพึงพอใจ นี่เป็นครั้งที่สองที่เขาพยายามหลอมสร้างมันขึ้นมา

วิญญาณเกราะนภาดวงนี้หลอมรวมมาจากวิญญาณหยกขาวกับวิญญาณโล่น้ำ

ในการพยายามครั้งแรก ฟางหยวนใช้วิญญาณหยกขาวกับวิญญาณเกราะวารีเพื่อหลอมรวมมัน แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวเป็นเหตุให้วิญญาณเกราะวารีแตกดับไปในที่สุด

วิญญาณโล่น้ำเป็นวิญญาณที่ฟางหยวนใช้คะแนนผลงานแลกเปลี่ยนมาหลังจากนั้น

อย่างไรก็ตามวิญญาณเกราะนภาไม่ใช่วิญญาณระดับสามตัวแรกของฟางหยวน วิญญาณระดับสามตัวแรกของเขาได้รับมาจากตระกูลซึ่งมันก็คือ วิญญาณปีกสายฟ้า

นี่เป็นวิญญาณที่ผู้อาวุโสของตระกูลเก็บกลับมาหลังจากสังหารหมาป่าสายฟ้าคลั่งตัวหนึ่ง ความสามารถของมันก็คือสร้างปีกสายฟ้าขึ้นมาคู่หนึ่งและทำให้ผู้ใช้วิญญาณสามารถบินได้ในระยะทางสั้นๆ

ด้วยวิญญาณปีกสายฟ้าที่ช่วยสนับสนุนการเคลื่อนไหว ฟางหยวนจึงสามารถปิดจุดอ่อนสุดท้ายของเขาได้ในที่สุด