ตอนที่ 176 แพ้ราบคาบ
ที่งานประลองของก็อตแซงชัวรี่เขต 1 หานเซิ่นเคยเห็นอวี้เฉียนซุนมาก่อน แม้ว่าเขาจะรู้สึกคุ้นๆหน้าเธอ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ เนื่องจากอวี้เฉียนซุนไม่ได้บอกว่าเธอเป็นใคร
หานเซิ่นคิดว่าเธอเป็นแค่คู่ซ้อมที่ดีกังส่งมาเพื่อทดสอบเขา ถ้าเขารู้ว่าเธอเป็นนางเอกในงานเปิดตัว เขาคงจะให้เธอชนะได้สักเกม แต่เนื่องจากเขาเข้าใจผิด ทำให้อวี้เฉียนซุนแพ้ราบคาบทุกเกม
พวกเขาเล่นกัน 10 กว่าเกมบนเครื่องจำลอง อวี้เฉียนซุนใช้ความสามารถทั้งหมดที่มี เธอพยายามที่จะชนะได้สักเกม แต่เธอก็ทำไม่ได้เลย เนื่องจากคู่ต่อสู้เก่งเกินไป เทคนิคของเธอยังเทียบกับของหานเซิ่นไม่ติด การบังคับของหานเซิ่นนั้นไร้ที่ติ ราวกับว่าเขาทุ่มเทชีวิตให้กับSKTS
การต่อสู้กับหานเซิ่น ทำให้เธอนึกถึงตอนที่เธอฝึกกับผู้วิวัฒนาการ มันเหมือนเด็กแข่งกับผู้ใหญ่ เธอจึงรู้สึกไม่มีหวังที่จะชนะ
แม้ว่าคู่ต่อสู้เหมือนจะแกล้งออมมือให้แล้ว เขาปล่อยให้เธอแสดงฝีมือออกมาทั้งหมดก่อนที่จะเอาชนะเธอในที่สุด
ไม่ว่าเธอจะโกรธและหัวเสียขนาดไหน แต่ความแตกต่างของฝีมือมีมากเกินไป ทำให้เธอเริ่มทำใจ แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่หยิ่งผยองและภูมิใจในตัวเอง แต่เธอก็ไม่เหมือนกับจางหยาง หลังจากที่แพ้มา 10 กว่ารอบ อวี้เฉียนซุนก็เลิกคิดที่จะสู้ต่อ และเดินออกจากเครื่องจำลองโฮโลเเกรม
"นายยังไม่วิวัฒนาการและเป็นแค่นักเรียนโรงเรียนทหารธรรมดาแน่หรอ?"
อวี้เฉียนซุนคิดว่าหานเซิ่นน่าจะเป็นผู้วิวัฒนาการ เพราะมันจะไม่มีคำอธิบายว่าทำไมฝีมือของเขาถึงอยู่ระดับนี้ได้
แต่เมื่อหานเซิ่นออกมาจากเครื่องจำลองโฮโลแกรม และเห็นหน้าของเขา เธอก็เปลี่ยนความคิด
ผิวของหานเซิ่นขาวและเนียนจากการที่เขาฝึกกายหยก เขาดูไม่เหมือนคนที่เคยผ่านการฝึกหนักมา แค่มองดูอวี้เฉียนซุนก็สามารถบอกได้เลยว่าเขายังไม่ใช่ผู้วิวัฒนาการ เธอคิดว่าเขาน่าจะอายุน้อยกว่าเธอด้วยซ้ำ
"คุณไม่รู้หรอว่าผมเป็นเด็กปี 1 ของเหยี่ยวดำ?" หานเซิ่นทำหน้างง เขาไม่คิดว่าเธอจะถามแบบนี้ เนื่องจากเธอถูกสั่งให้มาเป็นคู่ซ้อม ดีกังก็น่าจะแจ้งรายละเอียดกับเธอมาบ้างแล้ว
อวี้เฉียนซุนมองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลกๆ เขาเด็กกว่าเธอจริงๆ เนื่องจากเธอเป็นนักเรียนปี 2 แล้ว
"นายฝีมือดีมาก นายฝึกซ้อมมาแบบไหน?"
ในที่สุดอวี้เฉียนซุนก็มั่นใจแล้วว่าเขาเด็กกว่า และยังฝีมือดีกว่าเธอมาก เธอเริ่มยอมรับความจริงแล้วว่าหานเซิ่นควรเป็นคนขับSKTSในงานเปิดตัว เนื่องจากเธอมาจากครอบครัวทหารที่ค่อนข้างให้ความเคารพกับใครก็ตามที่ฝีมือสูงกว่า
"แค่ให้เวลากับมันและทุ่มเทให้มากๆ คุณไม่เคยได้ยินที่คนเขาพูดกันหรอ?"
หานเซิ่นยักไหล่ เขารู้สึกภูมิใจที่เห็นผู้หญิงสวยๆแบบนี้มาชื่นชมเขา
"พูดว่ายังไง?" อวี้เฉียนซุนถาม
"ความสำเร็จเกิดจากพรสวรรค์99% บวกกับความพยายามอีก1%" หานเซิ่นหัวเราะ
อวี้เฉียนซุนลังเลก่อนจะถามออกไป "ปรกติมันต้องเป็นความพยายาม99% พรสวรรค์1% ไม่ใช่รึไง?"
อวี้เฉียนซุนมองมาที่หานเซิ่น และรู้สึกได้ทันทีว่าเขาตั้งใจพูดแบบนั้นอยู่แล้ว เขาไม่ได้พูดผิด เพราะผิวของเขาขาวอย่างกับเต้าหู้ เขาดูไม่เหมือนคนที่ฝึกหนักอะไร
"พรสวรรค์99% ความพยายาม1% ใช่ไหม? ฉันจะจำเอาไว้" เธอหันไปมองหน้าของหานเซิ่นอีกครั้ง
แม้ว่าเธอจะไม่เชื่อเรื่องของพวกที่เป็นอัจฉริยะตั้งแต่เกิด แต่หานเซิ่นถือเป็นกรณีตัวอย่างสำหรับเธอได้เลย
ลิ่วจางหมิงกับซูเหวินจางกำลังดูการต่อสู้จำลอง พวกเขาประหลาดใจกับผลลัพธ์ที่ออกมา มันยากมากที่จะหาคนอายุไม่เกิน 18 ปี และสามารถต่อกรกับอวี้เฉียนซุนได้ แต่เธอกับแพ้หานเซิ่นแบบขาดลอย ซึ่งเหนือกว่าที่พวกเขาคาดหวังไว้
"ดูเหมือนว่าหานเซิ่นจะดีกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้ นอกจากนี้เขายังอยู่ในหน่วยพิเศษอีกด้วย ถ้าเขาสามารถวิวัฒนาการได้ภายใน 1-2 ปีนี้ เขาจะเป็นสตาร์ที่โดดเด่นในกาแล็กซี่อย่างแน่นอน" ลิ่วจางหมิงครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมา
ซูเหวินจางพยักหน้า "ซินเสวียนตาแหลมมาก ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะสามารถหาคนที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้เข้าหน่วยได้"
"ปรกติผมจะเชื่อมั่นในคนที่ซินเสวียนเลือกมาอยู่แล้ว" ลิ่วจางหมิงหัวเราะ
เมื่อหานเซิ่นรู้ว่าอวี้เฉียนซุนรับหน้าที่เป็นนางเอกในงานเปิดตัวSKTS ไม่ใช่แค่มีหน้าที่เป็นคู่ซ้อมอย่างที่เขาไว้คิดในตอนแรก หานเซิ่นก็รู้สึกเขินทันที เขารู้สึกอับอายกับสิ่งที่ทำลงไป ถ้าเขารู้ก่อนเขาจะปฏิบัติกับเธอดีกว่านี้
โชคดีที่อวี้เฉียนซุนไม่รู้ความคิดของเขา ตอนนี้เธอเชื่อมั่นในพรสรรค์ของหานเซิ่น เธอยินดีให้ความร่วมมือในงานเปิดตัวอย่างเต็มที่
ในความจริง ต่อให้เธอไม่เต็ม เธอก็ต้องทำตามคำสั่งอยู่แล้ว เพราะเธอเป็นทหาร แต่จากการที่เธอได้เห็นพรสวรรค์ของหานเซิ่นกับตาก็ทำให้เธอเต็มใจที่จะทำงานมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เธอแสดงออกมาได้เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ในระหว่างฝึกซ้อมการถ่ายทำ อวี้เฉียนซุนต้องจับคู่กับหานเซิ่น และเธอมักจะถามเกี่ยวกับเขาเมื่อมีโอกาส ซึ่งยิ่งเธอรู้จักเขามากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกกลัวพรสวรรค์ของเขา
ความเร็วของหานเซิ่นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกว่าด้อยกว่าเขา เธอลองประมาณดูคร่าวๆแล้ว ถ้าเธอเก็บจีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิได้เต็ม เธอถึงจะสามารถตามความเร็วของเขาทัน
ตอนนี้เธอเห็นหานเซิ่นเป็นเป้าหมายที่ต้องก้าวข้ามให้ได้ ถ้าผิวของหานเซิ่นไม่ขาวและเนียนเหมือนกับคนไม่เคยฝึกหนัก ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เธอไม่ชอบใจ เธอคงจะนับถือหานเซิ่นเป็นอาจารย์ไปแล้ว
เธอมักจะมองหานเซิ่นด้วยสายตาแปลก ซึ่งนั่นเริ่มทำให้หานเซิ่นรู้สึกกลัว เขากลัวว่าความลับเรื่องที่เขาฝึกกายหยกอาจจะแตกขึ้นมาก็ได้