TWO Chapter 150 ไม่ถอย
TWO Chapter 150 ไม่ถอย
หลังจากที่จัดการเมืองซานไห่เสร็จสิ้นแล้ว โอหยางโชวก็ยังคงไม่ได้ยินประกาศแจ้งเตือนระดับโลก นั่นหมายความว่า เมืองอิสระจากภูมิภาคอเมริกาล้มเหลวในการทดสอบของพวกเขา หรือไม่พวกเขาก็ยังคงอยู่ในระหว่างการสู้รบที่ดุเดือดกับผู้บุกรุก
โอหยางโชวเรียกขุนพลซีและเจ้าซีฮูมาพบ และสั่งให้พวกเขาเพิ่มการลาดตระเวณในคืนนี้ จากนั้นเขาก็ออฟไลน์ เพื่อหาข่าวเกี่ยวกับเมืองอิสระ
หลังจากออฟไลน์ โอหยางโชวก็เข้าไปดูในฟอรั่มทันที โดยเขาเข้าไปที่ฟอรั่มย่อยของอเมริกา
มันทำให้เขารู้สึกกังวล เพราะในฟอรั่มไม่มีข่าวลือเกี่ยวกับความล้มเหลวของเมืองอิสระเลย ซึ่งก็หมายพวกเขายังคงอยู่ในระหว่างการสู้รบ
แจ็คดอว์สันได้สัญญาว่า จะเปิดเผยการถ่ายทอดสดในฟอรั่ม อย่างไรก็ตาม เพราะความต้องการที่จะเก็บเป็นความลับ การถ่ายทอดสดจึงมีเพียงภาพและตัวหนังสือเท่านั้น ไม่ได้เป็นวีดีโอตามที่คาดไว้
ไกอาช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ มันสามารถแปลการถ่ายทอดสดนี้เป็นหลายภาษาได้ในทันที แม้ว่ารัฐบาลสหพันธ์จะก่อตั้งขึ้นนานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงใช้ภาษาจีนและภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก
โอหยางโชเลือกภาษาจีน และเริ่มทำความเข้าใจสถานการณ์การป้องกันของเมืองอิสระ โพสต์เริ่มต้นด้วยการแนะนำสถานการณ์พื้นฐานของพวกเขา และแสดงแผนที่เมืองอิสระ จากแผนที่ จะเห็นได้ชัดว่า กำแพงของเมืองอิสระสร้างแบบป้อมปราการตะวันตกยุคเก่า
ป้อมปราการนี้ดูเหมือนจะเป็นเพียงป้อมธรรมดา แต่แทนที่มันจะตั้งอยู่บนกำแพงเฉยๆ บางส่วนของมันกลับยื่นออกมาด้านนอก การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่า ไม่ว่าผู้บุกรุกจะอยู่ในตำแหน่งใด พวกเขาก็จะถูกโจมตีจากป้อมปราการได้ ผู้บุกรุกต้องสัมผัสกับพื้นที่ของป้อมปราการมากกว่า 1 ด้าน มันทำให้กองกำลังที่ทำหน้าที่ป้องกันสามารถโจมตีพวกเขาได้จากหลายทิศทาง มันเป็นการออกแบบกำแพงที่ยอดเยี่ยม เห็นได้ชัดว่าเมืองอิสระนั้นไม่ธรรมดา
เมืองอิสระมีกำลังทหารที่เข้าร่วมการป้องกันเมือง 2,500 นาย และมีผู้บุกรุก 6,500 คน ซึ่งมากกว่าที่โจมตีเมืองเบนกาโลร์ถึง 300 คน จากอัตราส่วนผู้บุกรุกและกองกำลังป้องกัน เมืองอิสระดูดีกว่าถ้าเทียบกับเมืองเบนกาโลร์
อาวุธลับของเมืองอิสระได้ถูกนำมาแสดงในศึกครั้งนี้ ปืนยุโรปจากศตวรรษที่ 16 มีชื่อว่า ‘ทริกเกอร์-ไฟเออริ่ง อาร์เควบัส(Trigger-Firing Arquebus)’ มันเป็นปืนคาบศิลาที่ใส่ดินปืนทางด้านหน้าของลำกล้อง และมีระยะยิงหวังผล 50-80 เมตร
เมื่อเทียบกับไรเฟิลในอีกศตวรรษต่อมา ปืนประเภทนี้มีจุดอ่อนค่อนข้างมาก ทหารต้องดำเนินการโหลดดินปืนและเตรียมยิงถึง 6 ขั้นตอน มันใช้เวลามากและพวกเขาไม่สามารถนำไปใช้ในระหว่างซุ่มโจมตีได้ ลำกล้องของมันใหญ่เกินไป, ปืนยาวเกินไป, ระยะยิงสั้นเกินไป, ความแม่นยำเลวร้ายเกินไป และในบางครั้งที่พวกเขาตั้งท่ายิง พวกเขาต้องใช้เสามาช่วยในการรับน้ำหนักของปืน
แม้ว่ามันจะมีจุดอ่อนจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับยุคอาวุธเย็นแล้ว อาวุธประเภทปืนยังคงเป็นอาวุธแบบใหม่และแข็งแกร่ง ด้วยป้อมปราการและปืนคาบศิลา ไม่ต้องแปลใจเลยว่าทำไมแจ็คดอว์สันถึงได้มั่นใจมากขนาดนั้น
แต่น่าเสียดาย ผู้บุกรุกเหล่านี้มีทั้งความแข็งแกร่งและความเข้าเล่ห์ แล้วพวกเขาจะยอมให้ตนเองถูกตบหน้าง่ายๆหรือ ระบบไม่ได้โง่ เทคโนโลยีจะแตกต่างกันไปตามความแตกต่างทางประวัติศาสตร์ของแต่ละภูมิภาค
แจ็คดอว์สันคิดว่าปืนของเขาเป็นของที่เป็นเอกลักษณ์ เขาไม่คิดว่าผู้บุกรุกนั้นก็มีปืนเช่นเดียวกับพวกเขา โดยพวกเขาติดตั้งพวกมันไว้ที่บนหลังม้าของพวกเขา
ดังนั้น สมดุลของการสู้รบจึงสูสีกัน ด้วยความสมดุลนี้ ทั้ง 2 ฝ่าย ได้สู้รบกันอย่างดุเดือด ตั้งแต่ 8.00 น. ถึง 17.00 น. และยังคงไม่ตัดสินผู้ชนะ
ระบบได้ตั้งค่าไว้ว่า ตราบใดที่ดินแดนสามารถป้องกันการโจมตีได้ 12 ชั่วโมง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ชนะผู้บุกรุก พวกเขาก็จะถือว่าชนะโดยอัตโนมัติ
นั่นก็หมายความว่า ถ้าหากเมืองอิสระสามารถทดได้อีก 3 ชั่วโมง พวกเขาก็จะอัพเกรดดินแดนได้สำเร็จ แต่น่าเสียดาย ผู้บุกรุกนั้นฉลาดและมีกลยุทธ์ซ่อนอยู่ หลังจากการสู้รบผ่านไป 10 ชั่วโมง หลังจากที่โจมตีอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด พวกเขาก็พบจุดอ่อนของเมืองอิสระ จุดอ่อนนี้ไม่ได้มาจากการออกแบบกำแพงเมือง แต่มาจากความไม่พร้อมและการคาดแคลนกำลังคน
ความแข็งแกร่งของการป้องกันนั้นเห็นได้ชัด แต่มันต้องใช้กำลังคนจำนวนมาก และสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำลังทหารเมืองอิสระนั้นไม่เพียงพอสำหรับป้อมปราการ ทำให้เกิดเป็นช่องโหว่ขึ้น
ไม่ใช่ว่าแจ๊คดอว์สันไม่ได้พบถึงปัญหานี้ แต่เขาหวังว่าผู้บุกรุกจะไม่ค้นพบมัน
แต่น่าเสียดาย ความเฉลียวฉลาดและเจ้าเล่ห์ของพวกโจรนั้นมีมากกว่าที่เขาคิด ผู้นำของผู้บุกรุกมีความกล้าหาญมาก เมื่อเขาพบจุดอ่อน เขาก็สั่งให้โจมตีมันในทันที ไม่ให้ศัตรูของพวกเขามีเวลาพักหายใจ
สุดท้าย ก่อนที่ฟ้าจะมืดลง ผู้บุกรุกก็บุกเข้าไปในเมืองได้สำเร็จ และได้จบความฝันของเมืองอิสระในการเป็นเมืองขนาดกลางแห่งแรกของโลก
ปิดฟอรั่ม โอหยางโชวรู้สึกโชคดีและมีชีวิตชีวา โชคดีที่เมืองซานไห่ยังมีโอกาสได้รับเกียรติเป็นเมืองขนาดกลางแห่งแรกของโลก ตอนนี้ สิ่งกีดขวางของเขาได้หมดไปแล้ว
เขารู้สึกกังวลเล็กน้อย การป้องที่แข็งแกร่งของเมืองอิสระก็ยังไม่มากพอจะหยุดผู้บุกรุกได้ แล้วพรุ่งนี้ เมืองซานไห่ของเขาจะทำได้สำเร็จหรือไม่ การเตรียมการที่เขาคิดว่าเพียงพอ จริงๆแล้วมันอาจจะยังไม่พอก็ได้ ดูจากการโจมตีเมืองอิสระและเมืองเบนกาโลร์ ผู้บุกรุกเจ้าเล่ห์อย่างมาก และพวกเขาไม่ได้เคลื่อนไหวโดยไร้เหตุผล
หลังจากที่สงบลง เขาก็ออกจากห้องของเขา แล้วไปวิ่งออกกำลังกายตามปกติ เมื่อเขากลับมาพร้อมอาหารเช้า เขาก็เห็นเสี่ยวเยว่ที่เพิ่งจะล้างหน้าเสร็จ การสู้รบที่เมืองอิสระดุเดือดเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้เล่นอาชีกสายการทำงานอย่างเสี่ยวเยว่ ก็ยังได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้
เสี่ยวเยว่เดินไปที่โต๊ะอาหาร หยิบปาท่องโก๋ขึ้นมาแล้วทานเข้าไป “ฉันได้ยินว่าเมืองอิสระจากภูมิภาคอเมริกาล้มเหลว”
โอหยางโชวไม่ได้สนในเธอมากนัก เขาพยักหน้า แล้วทานขนมปังของเขาต่อ
“เฮ้ ฉันพูดกับนายอยู่นะ ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย?” เสี่ยวเยว่ไม่พอใจกับการตอบสนองของโอหยางโชว
โอหยางโชวพยักหน้าเหมือนกับลูกเจี๊ยบพงกหัว แล้วกล่าว “ฉันฟังอยู่ ฉันฟังอยู่”
“เฮอะ ไม่จริงใจ”
โอหยางโชวไม่รู้จะทำยังไง เขาเงยหน้าขึ้นมา แล้วกล่าวว่า “พี่สาว ภูมิภาคอเมริกาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรา และเธอจะกังวลอะไรกับความล้มเหลวของพวกเขา?”
“นายไม่ใช่ลอร์กหลรอเหรอ? ถ้านายไม่ใส่ใจเรื่องนี้ แสดงว่าระดับของนายคงจะต่ำเกินไป และคงอยู่ห่างไกลจากการอัพเกรดใช่มั้ย?” เสี่ยวเยว่ไม่ถอย
“ใช่ ฉันอยู่ห่างไกลจากการอัพเกรดเป็นล้านกิโลเลยล่ะ” โอหยางโชวตัดสินใจยอมแพ้
“นาย...” เสี่ยวเยว่โกรธ เธอไม่รู้ว่าจะกล่าวอะไรออกไปดี
โชคดีที่ปิงเอ๋อตื่นขึ้นมา เด็กสาวตัวน้อยยังคงไม่ลืมตาเต็มที่ เธอกล่าวว่า “พี่ชายนิสัยไม่ดี พวกพี่คุยอะไรกัน? มันปลุกให้หนูตื่นเลยนะ”
โอหยางโชวส่ายหัว แล้วกล่าวว่า “เด็กน้อย ถึงเวลาที่น้องจะตื่นแล้ว ไปล้างหน้าและมาทานอาหารเช้า พี่จะพาไปโรงเรียน”
“อื้อ” เด็กสาวตัวน้อยพยักหน้า แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
หลังจากโต้แย้งกัน ทั้งโอหยางโชวและเสี่ยวเยว่ก็ไม่พูดคุยกันอีก พวกเขาทานอาหารเช้าอย่างเงียบๆ
ระหว่างทางไปโรงเรียน ปิงเอ๋อดึงมือของโอหยางโชว แล้วถามว่า “พี่ชาย พี่ทะเลาะกับพี่สาวเสี่ยวเยว่เหรอ?”
โอหยางโชวรู้สึกทึ่ง เขาลูบหัวเธอ แล้วกล่าวด้วยความรักว่า “ไม่มีอะไร พี่แค่บ่นเฉยๆ เมื่อพี่กลับไป พี่จะขอโทษเธอ โอเคมั้ย?”
“อื้ม” เด็กหญิงตัวน้อยสดใสขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า “พี่ชายเป็นผู้ชาย พี่ต้องใจกว้างนะ”
โอหยางโชวแตะที่หน้าผากของเธอแล้วหัวเราะ
เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะคิดคักและไม่ได้กล่าวอะไรออกมาอีก ความรู้สึกอบอุ่นเต็มอยู่ในหัวใจของเขา และไม่ว่าเป้าหมายของเขาจะสูงเพียงใด มันก็ไม่อาจเทียบกับรอยยิ้มของเธอได้เลย
โอหยางโชวก้มหน้าลง แล้วกล่าวว่า “มาซิ เดี๋ยวพี่จะพาได้โรงเรียนเร็วๆ”
“เย้!” ปิงเอ๋อกระโจนขึ้นหลังของโอหยางโชว แก้มของเธอแสดงถึงความสุข
เมื่อโอหยางโชวกลับมาถึงบ้าน เขาก็เห็นเสี่ยวเยว่นั่งอยู่บนโซฟา กำลังอ่านนิตยสารอยู่ เธอสวมชุดอยู่บ้านสบายๆ โดยสวมเสื้อยืดลายการ์ตูนและกางเกงขายาวลัดรูป เผยให้เห็นเรียวขายาวที่งดงาม
โอหยางโชวเห็นฉากนี้มาหลายครั้งแล้ว และมันก็กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาไปแล้ว เขาถามเธอว่า “วันนี้เธอไม่ไปเรียนเหรอ?”
เสี่ยวเยว่ยังคงไม่พอใจเขา เธอตอบอย่างเฉื่อยชาว่า “ฉันมีเรียนแค่ตอนบ่าย”
“ฉันขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อเช้า” โอหยางโชวเริ่มขอโทษก่อน
เสี่ยวเยว่ตะลึง ในที่สุดเธอก็เงยหน้ามามองเขา แล้วกล่าวว่า “โอเค ฉันให้อภัยนาย นายกำลังคิดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับมันอยู่ใช่มั้ย?”
โอหยางโชวโบกมือ แล้วกล่าวว่า “ไม่มีอะไรต้องกังวล ฉันจะจัดการกับมันเอง”
เสี่ยวเยว่ไม่ได้ถามต่อ เธอยังคงมุ่งความสนใจไปที่นิตยสารของเธอ
โอหยางโชวไม่สนใจเธอ เขาพึมพำและเดินกลับไปที่ห้องของเขา แล้วเริ่มบ่มเพาะเทคนิคการบมเพาะกำลังภายของจักรพรรดิเหลือง
ตอนกลางวัน เพื่อเป็นการแสดงความเสียใจของเขา โอหยางโชวได้ทำอากหารจานพิเศษบางอย่างให้เธอ เสี่ยวเยว่มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ ความโกรธและความไม่พอใจเมื่อเช้าได้ถูกลบหายไป แล้วเธอก็ออกไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
ตอนค่ำ เมื่อปิงเอ๋อกลับมาที่บ้าน เธอเห็นว่าเสี่ยวเยว่และพี่ชายของเธอได้คืนดีกันแล้ว เธอรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เมื่อถึงเวลาทานอาหารค่ำ เธอหยิบชามของเธอไปข้างๆพี่ชาย และนั่งข้างๆเขา
โอหยางโชวเห็นถึงความตั้งใจของเธอ น้องสาวตัวน้อยนี้กำลังแสดงการสนับสนุนพี่ชายของเธอ
โอหยางโชวหยิบซี่โครง แล้ววางมันลงบนชาวของปิงเอ๋อ เขาหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “เด็กน้อย กินเยอะๆนะ”
“อื้อ ขอบคุณพี่ชาย” เด็กน้อยกล่าวเสียงหวาน
ความเข้าใจซึ่งกันและกันของทั้ง 2 พี่น้อง เป็นสิ่งที่คนจำนวนมากต้องอิจฉา
หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ โอหยางโชวก็ไม่เสียเวลา เขากลับไปที่ห้องของเขา แล้วรีบออนไลน์ในทันที
แฟนเพจ : TWOแปลไทย