ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 98: ระดับความแตกต่าง (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 100: ระดับความแตกต่าง (5)  

[KotB] บทที่ 99: ระดับที่แตกต่าง (4)


บทที่ 99: ระดับที่แตกต่าง (4)

ไม่ว่าจะเวลาใด หรือสถานที่ไหน มูยองมักนึกถึงสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก่อนที่เขาจะทำอะไรเสมอ

และถ้าเขาจะปะทะกับสามดาบกระดูก?

“เป็นไปไม่ได้!

เขาไม่สามารถชนะได้

เนื่องจากการต่อสู้กับดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า, มูยองสูญเสียอันเดธส่วนใหญ่ไปหมดแล้ว

ไม่เพียงแค่นั้น ที่เขามีโอกาสต่อสู้และผ่านมันมาได้ก็เพราะมีคนแคระ 20,000 คน กำแพงปราสาทขนาดใหญ่ และบาร์เรียเวทมนต์อีกตั้ง 50 ชั้น

อย่างไรก็ตามในตอนนี้ยากที่จะได้รับความช่วยเหลือแบบนั้นอีก

ถ้าเป็นสามดาบกระดูกพวกเขาแข็งแกร่งพอที่จะล่ามังกรได้อย่างสบายๆ

พลังการต่อสู้ของมูยองในปัจจุบันไม่ได้อ่อนแอ คุณสามารถพูดได้ว่าเขาเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีอยู่เพียง 1% ของมวลมนุษยชาติทั้งหมด

อย่างไรก็ตามสำหรับพวกมัน นักดาบหมายเลขหนึ่งที่มีอายุมากที่สุดติด 1 ใน 10 อันดับแรกของเหล่ามนุษย์

ไม่ใช่แค่ 0.01% แต่เป็น 0.001% ของมวลมนุษยชาติ!

และพวกเขาก็มีชื่อเสียงเรื่องที่ไม่เคยปล่อยเป้าหมายของตัวเองให้หลุดมือ

"นักดาบหนึ่ง นักดาบสอง และนักดาบสาม ในอดีตฉันเคยลอบสังหารนักดาบสาม "

พวกมันทั้งสามไม่ใช่พี่น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ผูกพันธ์ยิ่งกว่าความเข้มข้นของสายเลือด

ถึงจะเป็นพวกคลั่งไคล้ดาบ แต่ความผูกพันธ์ของพวกมันเหนียวแน่นกว่าสิ่งใด

ตอนที่มูยองเป็นนักฆ่าของป่าแห่งความตาย เขาได้ลอบสังหารนักดาบที่สาม

มันเป็นคำร้องขอของ อเล็กซานโดร ควีนทาร์ต จากกิลด์สุริยันที่ขึ้นตระกูลลอว์เลสไว้ในบัญชีดำ

หลังจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ โดยมีผู้นำตระกูลลอว์เลสเป็นศูนย์กลาง พวกเขารวมตัวกันจัดการกับวิกฤตได้เป็นอย่างดี และนอกจากนั้นพวกเขายังเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆจนทำให้กิลด์สุริยันรู้สึกเป็นภัย

ด้วยเหตุนี้นักดาบหนึ่ง และนักดาบสองจึงมีอารมณ์อาฆาตรุนแรง

หลังจากผ่านไป 3 ปี พวกมันได้เข้าทำลายหน่วยงานขององค์กรป่าความตายไปถึง 5 แห่ง

ในตอนท้าย กิลด์สุริยันประกาศทำสงครามกับกลุ่มตระกูลลอว์เวส และท่ามกลางความสับสนวุ่นวายทั้งสองคนก็เสียชีวิตลง ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นรากฐานป่าแห่งความตายคงจะสั่นคลอนไม่น้อย

'สามดาบกระดูกกำลังตามหาต้นไม้โลก?'

เขาต้องการที่จะทราบเหตุผลว่าทำไม

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะนึกถึงเรื่องนี้มากแค่ไหน เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมสามดาบกระดูกถึงมาที่นี่ในตอนนี้

เขตแดนราชันเทพโอริสจะกลายเป็นที่รู้จักหลังจากนี้ไม่นาน

ขอบคุณมนุษย์ที่ได้พบกับเหล่าเอลฟ์และได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนาน

'เพื่อที่จะทราบเรื่องเขตแดนราชันเทพโอริส คุณต้องไปพบจิตวิญญาณและเอลฟ์'

ในการทำเช่นนี้คุณต้องเตรียมพร้อมทั้งก่อนหน้าหรือหลังจากนั้น

สำหรับเผ่าเอลฟ์ เขตแดนราชันเทพโอริสเปรียบเสมือนตำนาน

มีเพียงเอลฟ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่อยู่ในเมืองใหญ่และทราบถึงการดำรงอยู่ของมัน

และการเข้าเข้าสู่เมืองเหล่านั้นจำเป็นต้องติดต่อกับกลุ่มจิตวิญญาณ

จิตวิญญาณที่เป็นมิตรไม่สามารถเข้าถึงได้ง่ายแม้จะเป็นพวกเอลฟ์ก็ตาม

และถ้าพวกมันไม่ใช่เพราะเอลฟ์ มนุษย์ไม่มีวันสามารถเข้าไปในเมืองได้

การเข้าสู่เพียงทางเดียวนอกจากนั้นคือการทำสงคราม

'อนาคตอาจเปลี่ยนไปเพราะการกระทำของฉัน '

มูยองลูบคาง

ถ้าไม่มีใครที่มาจากอนาคตเหมือนเขาอีก ก็คงเป็นผลจากการกระทำของมูยองนะแหละ

อย่างไรก็ตาม มูยองไม่ได้ใช้เวลามากในหมู่มนุษย์

อิทธิพลจากการกระทำของมูยองมีผลกับคนจำนวนน้อยเท่านั้น

ดังนั้นผู้ที่พบข้อมูลเกี่ยวกับเขตแดนราชันเทพโอริสและบอกมันให้กับตระกูลลอว์เลสคือใคร?

เมื่อพวกมันกำลังตามหาต้นไม้โลก แสดงว่าพวกมันย่อมทราบเรื่องนี้ด้วย

ทาร์แคนที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้น

"มูยองมีมนุษย์ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่ข้างหน้า"

ขณะที่เขามองสามดาบกระดูกปีนป่ายไปบนกำแพงน้ำแข็ง ทาร์แคนก็เก็บดาบกลับมา

มูยองเลิกคิดไร้สาระและตอบอย่างจริงจัง

"พวกนั้นแข็งแกร่งมาก มากกว่าที่คุณคิด "

"เรื่องจริงหรือ? ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะพูดเช่นนั้น ข้าคิดว่ามนุษย์เป็นสายพันธุ์ที่อ่อนและขี้ขลาดซะอีก แต่เห็นมนุษย์พวกนั้นแล้ว จิตวิญญาณการต่อสู้ของข้าก็ตื่นขึ้นมาเลย "

ดูเหมือนว่าเมื่อทาร์แคนตระหนักถึงบางสิ่งแล้วจึงผงกศรีษะ

มันเป็นเช่นนั้น  มนุษย์ไม่ได้อ่อนแอ

แค่เพียงพวกเขาไม่ค่อยจะมีความสามัคคี และใช้ความแข็งแกร่งที่มีไปในทางที่ไม่ถูกต้อง

ถ้าพวกเขาร่วมมือกันก็คงจะไม่พ่ายแพ้อย่างไร้ประโยชน์

แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะรวมกันเป็นหนึ่ง

มูยองคิดแบบนั้น

"ว่าแต่มูยอง ต้นไม้โลกอยู่ในที่แบบนี้จริงเหรอ? ข้าไม่รู้จักราชันเทพโอริส แต่ถ้าเป็นต้นไม้โลกข้าก็เคยได้ยินมาบ้าง เหมือนได้ยินมาว่าต้นไม้โลกคอยค้ำจุนโลกใบนี้อยู่? สถานที่แรกของการริเริ่ม "

เปรียบเสมือนต้นโพธิ์ที่เหล่าไฟทาร์ตั้งไว้ในที่บูชา

ต้นไม้โลกเป็นต้นไม้ที่คอยค้ำจุนโลกใบนี้

นั่นคือเหตุผลที่ต้นไม้โลกไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาปกติ

มันเป็น 'จิตวิญญาณของการดำรงอยู่'

เฉพาะผู้เฝ้าประตูเท่านั้นที่รู้ว่าจะเห็นต้นไม้โลกได้อย่างไร

จริงๆแล้ว มูยองก็ไม่ได้รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับต้นไม้โลก

เป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นมาก่อน

เขาแค่ได้ยินมาว่ามันมีอยู่จริง

ในอันเดอร์เวิล์ด มีต้นไม้โลก 6 ต้น โดยเล่าต่อๆกันมาว่า 3 ต้นถูกดูแลโดยเทพปีศาจ, 1 ต้นถูกดูแลโดยเหล่าเอลฟ์, 1 ต้นถูกดูแลโดยมังกรบรรพกาล

ถูกต้องอีกหนึ่งต้นที่เหลืออยู่ที่นี่ดินแดนของราชันเทพโอริส

"ทาร์แคนเราต้องหาผู้เฝ้าประตูให้เจอก่อนพวกมัน"

แต่ปัจจุบันมีบางอย่างที่มูยองได้เปรียบกว่าพวกสามดาบกระดูก

มูยองเป็นผู้เชี่ยวชาญในการค้นหาสิ่งต่างๆ

หนึ่งหรือมากที่สุดก็สองก้าวเท่านั้นที่พวกมันล้ำหน้าไป

สามดาบกระดูกตามค้นหาได้ดี แต่พวกมันไม่ได้ดีไปกว่ามูยอง

มูยองสูดหายใจเข้าและเริ่มเคลื่อนไหว

เขาไม่มีเวลาแล้ว

ผู้เฝ้าประตูทุกคนต้องมีความสามารถพิเศษในการปกป้อง และถ้าผู้เฝ้าประตูปกป้องสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้เช่นต้นไม้โลก พวกเขาต้องอยู่ในพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวและปลอดภัย

อาจเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาได้ตามวิธีการปกติ

"ผมจะปล่อยอันเดธประเภทบิน? ส่วนคณปล่อยเหล่าภูติผีออกไป เราอาจจะค้นหาทุกซอกทุกมุมของสถานที่แห่งนี้ได้ "

แน่นอนว่าเขามีแผนการ

แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนว่าผู้เฝ้าประตูของต้นไม้โลกจะพบได้โดยการค้นหาง่ายๆ

มูยองตัดสินใจที่จะเริ่มค้นหาจากส่วนล่าง

"มันอาจรู้สึกได้ถึงอันตรายและซ่อนตัวอยู่ในที่ลึกที่สุด และถ้ามันตัดสินใจที่จะหลบซ่อนมันคงยากที่จะค้นหา "

"มันไม่ได้ซ่อนตัว ... "

มูยองขัดจังหวะทาร์แคน

"ทาร์แคน ผมได้ยินมาว่าต้นไม้โลกถูกดูแลโดยพวกเอลฟ์ ถูกต้องไหม?”

"อืมมม ก็ถูกอยู่ครึ่งหนึ่ง"

เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เชื่อว่าต้นไม้ของโลกเป็นของเอลฟ์ อย่างไรก็ตาม ทาร์แคนกล่าวว่าเขาถูกต้องเพียงครึ่งเดียว

เขาถามเพราะทาร์แคนกล่าวว่ามันเป็น 'สถานที่แรกของการริเริ่ม' มันเป็นอะไรที่ไม่ได้คาดคิดอยู่บ้าง

"ถ้างั้น..."

"ต้นไม้โลกที่ค้ำจุนโลกได้รับการดูแลโดยเอลฟ์และมังกรบรรพกาล เนื่องจากต้นไม้โลกกำลังสร้างสายพันธ์ุใหม่จึงต้องมีสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องมัน และตั้งแต่ที่พวกมันสามารถอยู่ในพื้นดินศักดิ์สิทธิ์ มันก็ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย

"ต้นไม้โลกสร้างสายพันธุ์ใหม่?"

"เจ้าไม่รู้เหรอ?"

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องนี้

มีมนุษย์ไมกี่คนที่รู้เกี่ยวกับต้นไม้โลก

ทาร์แคนเป็นหนึ่งในราชาแห่งเส้นทางของอาชูร่า

เขาเป็นนักล่าผู้ซึ่งคอยจัดการดูแลเหล่าภูติผีวิญญาณจำนวนมาก

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะได้รู้อะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้

หลังจากมองไปที่การแสดงออกของมูยอง ทาร์แคนเกาแก้มของมันก่อนที่จะพูดต่อ

"มันอาจจะทำให้เข้าใจผิด หากพูดว่าสายพันธุ์ใหม่ถูกสร้างขึ้น เนื่องจากมีทฤษฎีอีกอย่างหนึ่งที่บอกว่า พวกเขา "สร้าง" สิ่งที่มีตัวตนอยู่ในโลกที่แตกต่างกัน เฉพาะเอลฟ์ชนชั้นสูงหรือมังกรลรรพกาลเท่านั้นที่จะรู้ความจริง "

ไฮเอลฟ์ และมังกรบรรพกาล

ทั้งสองมีจำนวนน้อยแต่มีพลังมาก

สายพันธุ์เหนือธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าเอลฟ์และมังกรปกติ

พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่อาศัยอยู่มานานกว่าสองพันปี

"สำหรับผู้เฝ้าประตูที่อยู่ในดินแดนน้ำแข็งแห่งนี้คุณคิดว่าเขาเป็นสายพันธุ์ไหน?"

ทาร์แคนรู้ดีมากกว่าเมื่อเทียบกับมูยอง อย่างน้อยที่สุดก็ในเรื่องของต้นไม้โลก

มูยองยอมรับความจริงข้อนั้นและถามออกไป

ทาร์แคนยักไหล่ และพูดต่อ

"ไม่ใช่เอลฟ์  แม้ว่าจะเป็นไฮเอลฟ์ก็ไม่สามารถอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ ถึงแม้พลังเวทมนตร์ของพวกเขาจะบริสุทธิ์มาก แต่ร่างกายของพวกเขาอ่อนแอเกินไป ในทางกลับกันมังกรบรรพกาลสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ แต่ไม่มีเหตุผลที่ดีสำหรับพวกมันที่จะอยู่ที่นี่ เป็นเพราะธรรมชาติของมังกรเกิดมาพร้อมกับพลังงานร้อน "

"คุณคิดว่าเขาอาจจะเป็นสายพันธุ์ที่สาม?"

"เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดไปไกลถึงสายพันธุ์ที่สาม ถ้าเขาตัดสินใจอยู่ในสถานที่เช่นนี้เพื่อปกป้องต้นไม้โลกก็เป็นไปได้สูงสำหรับเขาที่จะเป็นประเภทครึ่งมังกร  เลือดผสมของไฮเอลฟ์หรือไม่ก็ปีศาจ "

ทาร์แคนดูค่อนข้างมั่นใจ

"ไม่ใช่ปีศาจแน่นอน"

มูยองยังมั่นใจได้ว่าเขาไม่ใช่ปีศาจ

สถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเทพปีศาจ แต่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลกว่าที่ปีศาจอาศัยอยู่

"ถ้างั้นแล้วเขาก็ต้องเป็นประเภทครึ่งมังกร"

"ครึ่งมังกร ... "

มูยองนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง

เขาควรทำอย่างไรเพื่อตามหาครึ่งมังกรที่มีสายเลือดจากมังกรบรรพกาลและไฮเอลฟ์?

หากผู้เฝ้าประตูได้รับการถ่ายทอดจากตัวตนทั้งสอง ความแข็งแกร่งของเขาควรอยู่ใกล้กับสายพันธุ์เหนือธรรมชาติ

ถ้ามันตัดสินใจที่จะซ่อนตัวมีความเป็นไปได้สูงที่มูยองจะหามันไม่พบ

มูยองคิดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการค้นพบ "บัลลังก์ราชันเทพโอริส" 1

ในอดีตเจ้าของแหวนวงนี้เป็นคนที่แตกต่างจากคนอื่นเป็นอย่างมาก

'นักวิชาการด้านมอนสเตอร์ คิม อาอิน'

ผู้หญิงที่ชอบศึกษามอนสเตอร์

เธอติดอันดับใน 10 สุดยอดคนประหลาด

อย่างไรก็ตาม วิธีที่เธอได้รับบัลลังก์ราชันเทพโอริส และข้อมูลอื่นๆไม่ได้เขียนขึ้นอย่างละเอียดในประวัติของเธอ

มันถูกเขียนไว้แค่ว่า 'พบผู้เฝ้าประตู' ผ่านการเดิมพันกับเขา ฉันก็ได้พบกับบัลลังก์ราชันเทพโอริส '

"เธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับเขตแดนนี้ และยังสนใจเกี่ยวกับวิธีการที่มอนสเตอร์สามารถอาศัยอยู่ในเขตแดนสุดขั้วดังกล่าว"

นี่เป็นเขตที่หนาวที่สุดเมื่อเทียบกับที่อื่น

ในเขตแดนที่แม้แต่มนุษย์หิมะไม่สามารถอยู่ได้ แต่กลับมีมอนสเตอร์ชนิดอื่นอยู่ในที่นี้

ในฐานะนักวิชาการ เธอย่อมได้รับความกระหายไคร่รู้

ขณะที่เธอเริ่มงานวิจัย เธออาจบังเอิญได้พบกับผู้เฝ้าประตู

วิธีไหน?

มูยองมองไปที่หมีขนยาวจากที่ไกลๆ

มันเป็นชนิดเดียวกับหมีกริซลี่ แต่ตัวมันใหญ่และมีผิวที่หนากว่ามาก (โอ้แม่สาวน้อย ดูมันสิ มันกำลังกินเห็ดอยู่ ><)

ขณะที่เขาเดินตามเส้นทางของหมีไปอย่างระมัดระวัง เขาก็เห็นมันก้มลงกินเห็ดสีฟ้าที่ฝังอยู่ใต้หิมะ

<'เนตรนภา' เปิดใช้งาน>

<ข้อมูลเกี่ยวกับ 'เห็ดฟ้า' ถูกเปิดขึ้น>

ชื่อ - เห็ดฟ้า

รายละเอียด: เห็ดที่เกิดจากจิตวิญญาณหิมะ การใช้เห็ดนี้อย่างต่อเนื่องจะช่วยชำระล้างพลังเวท และช่วยให้คุณได้รับความต้านทานต่อความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี

'นี้คือกุญแจสำคัญ''

เห็ดฟ้า!

เพื่อให้แน่ใจ เขาเฝ้าสังเกตสัตว์และมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ พวกมันทั้งหมดล้วนกินเห็ดชนิดเดียวกันที่ถูกฝังอยู่ใต้หิมะ

ความต้านทานต่อหิมะ

อย่างไรก็ตาม มูยองให้ความสำคัญกับส่วนแรกของประโยค

การชำระล้างพลังเวท!

'พวกลูกครึ่งมีปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับพลังเวท'

ครึ่ง อีกความหมายคือ ผสม

เนื่องจากมันเป็นการผสมระหว่างสายพันธุ์ แน่นอนว่ามันย่อมมีผลข้างเคียง

โดยปกติแล้วตั้งแต่เกิดมีหลายกรณีที่พลังเวทของพวกมันจะพันกันอย่างยุ่งเหยิง

หากถึงขั้นรุนแรง มันอาจทำให้พวกเขากลายเป็นเสียสติและนำไปสู่การทำลายตนเอง

และ ทาร์แคนกล่าวว่าผู้เฝ้าประตูต้นไม้โลกน่าจะเป็นสายพันธุ์ครึ่งมังกร

คุณอาจกล่าวได้ว่าลักษณะของเอลฟ์และมังกรตรงกันข้ามกันอย่างมาก

เมื่อเทียบกับความรุนแรงของผลข้างเคียงแล้วคงจะแย่เอาเรื่อง... เพื่อทำพลังให้บริสุทธิ์เขาจึงตั้งรกรากอยู่ในสถานที่เช่นนี้

นักวิชาการมอนสเตอร์คิมอาอิน น่าจะได้ค้นคว้าเกี่ยวกับเห็ดสีฟ้า และพบว่าสถานที่ที่ผู้เฝ้าประตูอยู่ตรงไหน

มีโอกาสที่โอริสอาจไม่ใช่เอลฟ์เลือดบริสุทธิ์

ถ้าเขาเป็นไฮเอลฟ์ธรรมดาคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปลูกต้นไม้โลกในสถานที่เช่นนี้

"สถานที่ซึ่งส่วนใหญ่ของเห็ดสีฟ้างอกอยู่ นั่นคือที่ที่ผู้เฝ้าประตูอยู่เช่นกัน "

ดวงตามูยองประกาย

เขาค้นพบเงื่อนงำ

เห็ดสีฟ้าเป็นเห็ดที่เกิดจากจิตวิญญาณหิมะ

แน่นอนว่ามีโอกาสสูงที่เขาจะอยู่ในสถานที่ที่มีจิตวิญญาณหิมะหนาแน่น

และ มูยองก็สามารถรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของจิตวิญญาณ

เนื่องจากเขามีความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น เขาจึงสามารถรับรู้ได้ดีกว่าคนอื่น

'เจอแล้ว'

รอยยิ้มปรากฎขึ้นที่มุมปากของมูยอง

หลังจากผ่านถ้ำที่สลับซับซ้อนแล้วเขาก็สามารถหาบ้านที่ทำจากน้ำแข็งได้

มูยองมั่นใจได้ว่านี่คือบ้านของผู้เฝ้าประตู

แม้ว่าท้องฟ้าจะมองเห็นได้อย่างสมบูรณ์ แต่ดูเหมือนว่ามีเวทมนต์บางอย่างทำให้ไม่สามารถมองเห็นมันได้จากภายนอก

และมูยองเองแทบไม่สามารถสังเกตเห็นความแตกต่างใดๆเลย มันเป็นทักษะที่น่าทึ่ง

"เป็นเวลานานมากแล้วที่ไม่มีผู้มาเยือนที่นี่"

ขณะที่เขาเปิดประตูขึ้นและเดินเข้าไปในห้อง ชายผิวสีฟ้าหูยาวนั่งอยู่บนเก้าอี้พูดต้อนรับ มูยอง

อย่างน้อยก็ไม่มีเจตนามุ่งร้ายเกิดขึ้น

ความผ่อนคลาย ...

มุยองดูผ่อนคลายอย่างเห็นได้ชัด เฉพาะบุคคลที่เข้มแข็งเท่านั้นถึงจะเป็นแบบนี้

"อืมมันนานมากแล้วจริงๆ ต้องมีเหตุผลที่เจ้ามองหาข้าใช่มั้ย? "

"ผมมาเพื่อเดิมพันกับคุณ"

จากนั้นดวงตาของชายหูยาวก็ต้องเบิกกว้างขึ้น

"ดูเหมือนเจ้าได้ยินเรื่องของข้ามาจากพวกไฮเอลฟ์ มันผู้นั้นคือใคร?  ไม่ควรมีไฮเอลฟ์มากมายที่รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่ ยิ่งกว่านั้นควรมีผู้ที่รู้เรื่องการเดิมพันเพียงไม่กี่คนเท่านั้น"

"แหล่งที่มาไม่สำคัญ"

"ก็จริงของเจ้า ตอนนี้ข้าขอแนะนำตัวเอง ข้าชื่อ 'สเวล "

เขาปกปิดความจริงที่ว่าเป็นผู้เฝ้าประตู

เนื่องจากตอนนี้มันยังไม่สำคัญ มูยองจึงไม่ได้คิดอะไรมากและตอบกลับ

“ผมมูยอง”

"ดี มูยอง และข้างๆนั้นคือสัตว์เลี้ยงของเจ้า? "

"เจ้าอยากตายใช่มั้ย?"

ทาร์แคนดูถมึงทึงขึ้นและทำท่าจะพุ่งปรี่ไปที่ชายคนนั้น แต่มูยองได้ห้ามเอาไว้เสียก่อน

"สเวล ผมต้องการสู้ในแบบที่แตกต่างออกไป"

"เจ้าหมายถึงการเดิมพัน? ถ้าเจ้าแพ้จะต้องกลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง เจ้ารู้แล้วใช่มั้ย? "

แปะ!

สเวลตบมือของเขา

จากนั้นลานน้ำแข็งด้านนอกก็ปรากฎรูปปั้นน้ำแข็งหลายร้อยรูปโผล่ขึ้นมาจากหิมะ

มูยองหันไปมองพวกมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า

"ผมรู้ แต่ถ้าผมชนะ คุณจะมอบสมบัติบางอย่างให้ "

"เจ้าต้องการสมบัติแบบไหน?"

"บัลลังก์ราชันเทพโอริส"

"โอ้ ... อย่างนั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้จักข้ามากเสียจริง ดังนั้นนี่จึงถือว่าเป็นการเดิมพันที่เหมาะสม "

เขาไม่ค่อยมีข้อสงสัยเกี่ยวกับมูยอง

สำหรับเขาการเดิมพันถือเป็นเรื่องสำคัญ

สเวลเอาเห็ดฟ้าขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากกระเป๋า

"หากใครสามารถหาเห็ดสีฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดได้ถือว่าชนะ เวลาคือจนกระทั่งพระอาทิตย์ตก ข้าต่อให้เจ้าเริ่มค้นหาก่อน ส่วนข้าจะออกค้นหาหลังจากนี้อีก 6 ชั่วโมง "

แว๊บนึงที่มูยองมองตรงไปที่สเวล

เขารู้สึกเหมือนว่าบทสนทนานี้มันคุ้นๆ

'เมอร์ลิน'

ใช่แล้ว

มันเหมือนบทสนทนาที่เขาคุยกับเมอร์ลินขณะอยู่ที่อารามสีคราม?

ด้วยความจริงที่ว่าพวกเขาชอบการเดิมพัน และความมั่นใจนั้นทำให้ภาพลักษณ์ของเขาเหมือนเมอร์ลินมาก ...............

1 - หมายเหตุ: บัลลังก์ในเรื่องนี้ คือ แหวน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด