ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 97: ระดับความแตกต่าง (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 99: ระดับที่แตกต่าง (4)

[KotB] บทที่ 98: ระดับความแตกต่าง (3)


บทที่ 98: ระดับความแตกต่าง (3)

เพื่อที่จะสวมใส่มันอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างได้เตรียมการเอาไว้หมดแล้ว

แต่จู่ๆมูยองก็นึกกังวล เกี่ยวกับเงาเลือนลางที่โผล่ออกมาขณะที่เขาใช้พรสามประการ

ชายผู้นั้นยังพูดอีกว่า

เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของทักษะพื้นฐานที่ดี

อย่าคิดที่จะรีบร้อน

เหมือนกับครูที่พยายามสอนนักเรียน เขากำลังสอนมูยอง

และเงาเลือนลางนั้นก็มีคุณสมบัติครบถ้วน เป็นตัวตนที่เหนือไปกว่าคำว่า 'มนุษย์' ที่มูยองเคยเผชิญหน้ามาจนถึงบัดนี้

เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ มูยองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเปล่าประโยชน์

'คนที่ฉันเผชิญหน้าด้วยต้องไม่ใช่มนุษย์'

มันเป็นความจริง มันเป็นความจริงโดยแท้

มนุษยชาติล่มสลายไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?

เป็นเพราะความแข็งแกร่งของราชาปีศาจและเทพปีศาจอยู่เหนือล้ำกว่าจินตนาการของใครทั้งสิ้น

10 อันดับแรกของมนุษย์?

สำหรับพวกเขา มันอาจจะมากเกินไปที่จะเผชิญกับราชาปีศาจตนหนึ่งด้วยซ้ำ

ถ้าพวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถ อย่างน้อยมากที่สุดก็สอง แม้นั่นจะเป็นโอกาส 50:50

และไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถฝันถึงการต่อกรกับเทพปีศาจได้หรือไม่?

เพียงแค่เกรโมรี่ตนเดียวก็มีราชาปีศาจถึง 26 ตนพร้อมกองทัพแล้ว

ก่อนหน้านี้มูยองคิดถึงแค่เพียงมาตรฐานของมนุษย์เท่านั้น

ทักษะพื้นฐานของเขาอาจจะเหนือกว่ามนุษย์คนใด

แต่หากใช้มาตรฐานของราชาปีศาจหรือเทพปีศาจแล้ว.......

'ฉันยังไม่รู้จักพวกมันดี'

มูยองเพียงได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ และส่วนมากมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่เขาลอบสังหาร

มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ แต่เทพปีศาจเป็นเทพเจ้าอย่างแท้จริง

มันไม่อาจถูกเรียกว่าเป็นมอนสเตอร์

การเพิ่มค่าสถานะเพื่อให้อยู่เหนือกว่าผู้ใด เป็นข้อจำกัดของมนุษยชาติ

พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้อย่างเอาเป็นเอาตายเพราะไม่ทราบถึงความจริงดีพอ

เงาเลือนลางได้ชี้ให้มูยองเห็นถึงความผิดพลาด

'โลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณ'

เขากระตุ้นตัวเอง

ทักษะพื้นฐานนั้นยากที่จะเชี่ยวชาญ หากได้รับความแข็งแกร่งมากขึ้นและทรงพลังมากขึ้น

นั่นหมายความว่าถ้าไม่ฝึกเสียซะตอนนี้ เส้นทางที่เขาจะต้องเดินจะยิ่งยาวนานมากขึ้น

แต่ด้วยการต่อสู้กับเงาเลือนลาง เขาจึงตระหนักว่าการไม่เร่งรีบนั้นเป็นวิธีที่จะผ่านเส้นทางนั้นได้สั้นกว่ามาก

มูยองทำผิดพลาดครั้งใหญ่เพราะเขาเอาแต่วิ่งไปข้างหน้าโดยไม่รีรอ

ราวกับว่าโลกวิ่งไปกับเขาเพียงคนเดียวที่กลับมาจากอนาคต

อย่างไรก็ตาม ศัตรูนั้นทรงพลัง เข้มแข็ง และไร้ที่สิ้นสุด

หัวใจมังกร

สมบัติที่เรียกว่าอัญมณีแห่งนักปราชญ์

และเงาเลือนลางก็บอกเขาอีกว่ามันยัง 'ไม่ถึงเวลา'

เพื่อไม่ให้พึ่งพาความแข็งแกร่งภายนอกมากเกินไป นั่นคือที่เมื่อไหร่เขาสามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่ด้วยตัวเองแล้ว เขาจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้

เขายังคงแสดงความประสงค์เช่นนี้

ดังนั้นเขาวางแผนที่จะใช้แขนซ้ายข้างนี้จนกว่าจะสามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่

“มูยอง?”

ขณะที่มูยองจมอยู่ในความคิด หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัสก็เรียกเขาให้ตื่นขึ้นมา

แคล๊ก!

มูยองตื่นจากความคิดของเขา และสวมใส่แขนซ้าย

"... มันพอดีมาก"

"มันเป็นคุณสมบัติของฟีนิกซ์ เส้นเอ็นจะเปลี่ยนให้พอดีกับผู้ใช้โดยอัตโนมัติ อืม ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เส้นเอ็นกับชุดเกราะ ดังนั้นจึงใช้มันไปกับแขนข้างนี้ "

“ผมรู้”

ตั้งแต่สวมใส่ มันก็เป็นเกราะอกที่เข้ากับร่างกายของมูยอง

ไม่มีเหตุผลที่ต้องใส่เส้นเอ็นลงไป ในทางกลับกัน 'มือ' เป็นอวัยวะที่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ มันมีการใช้งานที่แตกต่างกัน

"ข้าดีใจที่เจ้ารู้ ตอนนี้เพียงแค่ต้องทนเจ็บสักหน่อย "

ในตอนนั้นเอง

ฟุบฟุบฟุ่บ ฟวับฟวั่บ

จากแขน เส้นเอ็นยื่นออกมาและพันเข้ากับไหล่ซ้ายของมูยอง

สัมผัสได้ถึงเส้นประสาทแต่ละเส้น พวกมันเริ่มหลอมรวมกันอย่างช้าๆ

ราวกับว่ากำลังถูกเผาด้วยเปลวไฟ ความเจ็บปวดลุกลามไปทั่วร่างกาย เขารู้สึกราวกับความร้อนในร่างถูกรวบรวมไปที่แขนซ้ายเพียงจุดเดียว

มูยองกัดฟันเอาไว้ เหงื่อเย็นเยียบร่วงหล่นลงมาจากร่างกาย

< 'แขนซ้ายราชันย์สีคราม' ได้จดจำผู้ใช้ 'มูยองแล้ว' แล้ว>

<อัตราการหลอมรวม 96, 97, 98%, 99%!>

<'ลมหายใจราชันย์สีคราม' สามารถใช้งานได้แล้ว>

< 'แขนซ้ายราชันย์สีคราม' มี STR คงที่อยู่ที่ 300 >

เส้นเอ็นเหมือนหนวดที่โผล่ออกมามีรากฐานมาจากร่างของมูยอง

มันสงบลงเมื่อการหลอมรวมเสร็จสิ้น แต่ร่างทั้งร่างของมูยองก็ยังคงสั่นสะท้านอยู่

หลังจากมองดูเขา บาร์ทัสก็รู้สึกประหลาดใจ

"ฮะ! ข้าคิดว่าอัตราการหลอมรวมจะอยู่ที่ประมาณ 90% แต่ดูแล้วเหมือนว่าเจ้าจะผ่านระดับ 95% ไปได้ "

แขนซ้ายราชันย์สีครามติดอยู่กับด้านซ้ายของมูยองราวกับว่ามันเป็นแขนของเขาจริงๆ

แม้ว่าเส้นเลือดดำของส่วนที่เชื่อมต่อกับแขนจะพองขึ้นมาก แต่เขาก็แทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง

คลั่กก!

ขณะที่ลองคว้าไปที่ขอบของโต๊ะ มันก็แตกออกระเอียดราวกับพังอยู่แล้ว

รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังสัมผัสกับทราย

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมความแข็งแกร่งของตัวเองได้ แต่มันก็ยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่เขามองไปที่บาร์ทัส หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัสก็หัวเราะออกมาดังๆ

"แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะไม่แตกต่างจากแขนของเจ้ามาก แต่ภายในนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพื่อให้ทนต่อกล้ามเนื้อของโอเกอร์สองหัวและเจ้า ข้าจึงใช้ 'ออรัม' เป็นกระดูกแกนกลางของมัน "

ดูเหมือนเขาจะภูมิใจมาก

โอเกอร์สองหัวรู้จักกันในนามมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดหากมองไปเพียงแค่ค่า STR ของมัน

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามันเป็นออรัม มันคือแร่ตำนานระดับกลาง

แค่คำนวณอย่างง่ายๆ แขนข้างหนึ่งก็มีค่าเท่ากับปราสาทแล้ว

แม้ว่าบาร์ทัสจะเป็นลอร์ดแห่งพันธมิตร แต่นี่ก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเจ็บตัว

อย่างไรก็ตามการแสดงออกของบาร์ทัสไม่ได้แสดงให้เห็นถึงร่องรอยใดๆว่ามันเป็นของสิ้นเปลือง

"มันเป็นแขนที่เยี่ยมยอดมากๆ "

"ถ้าเจ้าคิดว่ามันเป็นราคาสำหรับการช่วยเหลือหัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส มันก็ค่อนข้างถูก เพียงใช้เวลาสักพัก เจ้าจะคุ้นเคยกับมัน "

มูยองพยักหน้า

ในความเป็นจริงมันแตกต่างออกไปเล็กน้อย

เพื่อการควบคุมความแข็งแกร่งของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย

'ไม่เลว'

ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถควบคุมพลังได้อย่างรวดเร็ว

เขาเพิ่มอีกสิ่งหนึ่งเข้าไปเพื่อเรียนรู้การควบคุม

นอกจากนี้แขนซ้ายราชันย์สีคราม คืองานที่หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัสเท่านั้นที่สามารถสร้างได้

การได้รับมันมาโดยไม่ต้องต่อรองใดๆ เห็นได้ชัดว่ามันจำเป็นต้องใช้ความพยายามบางอย่าง

' STR คงที่ที่ 300 ... '

คงที่ หมายความว่าเอฟเฟคอื่นๆจะไม่สามารถส่งผลกระทบมาได้

ปัจจุบัน STR ของมูยองคือ 221

มันไม่สมดุล

แต่มุมปากของมูยองกลับยกขึ้น

'มันน่าจะสนุก'

ความสามารถในการแข่งขันของมูยองเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีภารกิจมากมายที่เขาต้องเอาชนะ

*

ความเป็นจริงมีอิทธิพลอย่างชัดเจนต่อโลกแห่งความฝันของเขา

ในขณะที่ได้รับแขนซ้ายราชันย์สีคราม โลกแห่งความฝันของเขาก็จะได้รับมันเช่นกัน

และในโลกแห่งความฝัน มูยองได้พบกับ 'เขา' อีกครั้ง

เงาเลือนลาง เงาที่ลึกลับ นัยน์ตาสีดำขลับเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน

"เจ้าได้รับของเล่นที่ค่อนข้างน่าสนุก"

ดาบของชายคนนั้นยังคงเชื่องช้า

บางครั้งชายผู้นั้นก็เคลื่อนไหวดุจสายน้ำ ดุจทะเลสาบ หรือแม้กระทั่งเหมือนกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่

และมูยองก็ยังไม่สามารถสกัดกั้นการโจมตีใดๆได้

"เจ้าคิดว่าจะสามารถหาหนทางเจอ หลังจากใช้แขนทั้งสองข้างได้อย่างงั้นหรือ?"

"ผมแค่อยากจะตรวจสอบระยะห่างของพลังให้ชัดเจนมากขึ้น"

ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน แม้ว่าเขาจะใช้ลมหายใจราชันย์สีคราม แต่ยังไงเขาก็ไม่สามารถเอื้อมไปถึงชายคนนี้ได้

มูยองรู้ดีถึงความจริง

อย่างไรก็ตามเขาตระหนักได้ถึงบางสิ่งในขณะที่ใช้แขนทั้งสอง

"เจ้าเข้าใจความแตกต่างระหว่างเราแล้วหรือยัง?"

"นิดหน่อย"

“โฮ ...”

ชายคนนั้นอยู่ในความตกใจ

“มันคืออะไร?”

"มันคือดาบ"

"ดาบงั้นเหรอ?"

"คุณรู้จักดาบดีกว่าผม"

มันเป็นความจริง

มูยองรู้ว่าความเข้าใจของเขาแตกต่างจากชายลึกลับ

ชายผู้นี้เป็นปรมาจารย์ดาบ ผู้ที่เหนือไปกว่าขีดจำกัดใดๆ

มันรู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้รู้ถึงกระทั่งลมหายใจของดาบ

มันเป็นศาสตร์ที่ไม่สามารถเป็นไปได้ในหมู่มนุษย์

การรับรู้ลมหายใจของดาบ และเคลื่อนที่ราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับมัน

แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด

มูยองไม่คิดว่าจะมีศาสตร์แบบไหนที่เป็นไปไม่ได้

ชายคนนั้นยิ้ม

"มันยากที่จะยอมรับสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของตัวเอง ถือว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งสำหรับการรับรู้ถึงสิ่งนั้น ดังนั้นข้าจะให้คำแนะนำแก่เจ้าเป็นพิเศษ "

และเขาก็พูดขึ้นอย่างเงียบๆ

"เจ้าไม่ได้ยินเสียงของดาบหรือ?"

เสียงของดาบ?

ดาบไม่มีเสียงใดๆ ไม่ มันไม่ได้มีชีวิต

มีเสียงที่เฉพาะที่สามารถเกิดขึ้นได้จากโลหะ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้หมายถึงเสียงนั้น

"ผมดายไป 8 ครั้งแล้ว"

อย่างไรก็ตามชายคนนั้นไม่ได้ตอบมูยอง

กลับกัน มูยองถูกกวาดไปโดยคลื่นดาบขนาดยักษ์

ชายคนนั้นอาจจะกลายเป็นภูเขา ท้องฟ้า หรือแม้แต่มหาสมุทร

“เฮือกก!”

มูยองร้องออกมาขณะที่เขายกร่างส่วนบนขึ้น

"ดูเหมือนว่าเจ้าจะฝันร้ายอีก"

ข้างๆเขา ทาร์แคนพูดขึ้น

การ์มูสอยู่ที่ปราสาทเพื่อยกระดับทักษะ

ดังนั้นมีเพียงแค่มูยองและทาร์แคนที่ขี่เซอร์เบอรัสอยู่ ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของทางตอนเหนือ

"ทาร์แคน คุณได้ยินเสียงของดาบไหม?"

"ถ้าเป็นดาบที่มีวิญญาณที่ชั่วร้าย ข้าเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ"

"ไม่ มันไม่ใช่พวกนั้น เสียงของตัวดาบเอง"

ติ้ง-!

ทาร์แคนเคาะไปที่ด้านข้างของดาบ

"เจ้าหมายถึงเสียงนี้?"

มูยองส่ายหัว

นักล่าวิญญาณปีศาจ ดูเหมือนว่าแม้แต่ทาร์แคน หนึ่งในสามของจักรพรรดิแห่งเส้นทางของอาชูร่า ก็ไม่รู้เช่นกัน

นั่นหมายความว่าเงาเลือนลางลึกลับนั้นพิเศษมากยิ่งกว่า

มูยองลูบคางของเขาและขบคิดก่อนที่จะเริ่มนึกถึงความเป็นไปได้

‘เสียงของดาบ ทักษะปรมาจารย์ดาบมีคำที่คล้ายกันอยู่'

ขณะที่เขานึกถึงทักษะ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ปรากฏขึ้น

ชื่อทักษะ: ปรมาจารย์ดาบ (E)

คำอธิบาย - ผู้ที่เดินตามวิถีของดาบ พลังรูปแบบเฉพาะที่มอบให้กับคิงสเลยอร์ผู้ซึ่งสามารถก้าวผ่านทุกสิ่งด้วยการเพิ่มความชำนาญในการใช้ดาบ

*ความเข้าใจในดาบเพิ่มขึ้นอย่างมาก

*คุณสามารถค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ของดาบได้

*สามารถดึงพลังงานที่บริสุทธิ์ของดาบ

ความเข้าใจของตัวเองได้เพิ่มขึ้น แต่ความลับที่ซ่อนอยู่ ... เขาไม่เคยตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อน

แน่นอนเขาไม่รู้ว่าการ 'ดึงพลังงานที่บริสุทธิ์ของดาบ ' หมายถึงอะไรเช่นกัน

มูยองยกดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวขึ้นมา

เขาถือมันเอาไว้ วางมันแนบกับหู และแม้กระทั่งขูดมัน

"ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าเจ้าบ้าไปแล้ว"

ทาร์แคนเดาะลิ้นของเขาในขณะที่มองมูยอง แต่มูยองไม่สนใจ

สิ่งสำคัญคือต้องคิดถึง 'เสียงของดาบ' ที่ผู้ชายคนนั้นพูดถึง

ยี่สิบครั้ง

มันเป็นจำนวนครั้งที่มูยองถูกฆ่าโดยชายคนนั้น

นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่เขารู้สึกถึงความสิ้นหวัง

จนถึงขณะนี้ถ้าเขาหยุด เขาจะสร้างหนทางขึ้นมาได้อย่างไร แต่ปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่ มันนอกเหนือไปจากขอบเขตนั้น

ในตำแหน่งที่เขาเป็นนักฆ่า เขาเสียชีวิตไปแล้วยี่สิบครั้ง

และเขาคิดว่าตัวเองยังสามารถตายได้อีก

มันเหมือนมีกำแพงได้ขวางกั้นเขาไว้

'สิ่งที่คุณต้องการจากผมคืออะไร?'

มูยองจ้องมองไปที่ดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวอย่างไร้อารมณ์

เขาคิดว่าโอกาสที่จะได้ยินเสียงจากดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวมากกว่าดาบมารเทพ เนื่องจากเขาใช้มันมานานแล้ว

ในความเป็นจริงดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวเป็นอาวุธที่เขาชอบมาก

อย่างไรก็ตามไม่มีการตอบสนองใดจากดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว

เป็นไปตามที่คิดไว้

'ฉันกำลังจะบ้า'

มูยองหัวเราะอย่างเงียบ ๆ

จากนั้น ทาร์แคนก็พูดขึ้น

"จากที่นี่ เจ้าต้องเดินไป กำแพงน้ำแข็งนี่มีพลังขับไล่วิญญาณที่ชั่วร้าย "

มูยองเงยหน้ามองไปที่กำแพงน้ำแข็งที่สูงเสียดฟ้า

ขณะที่เขาเข้ามาใกล้ ปีกที่ทำจากวิญญาณที่ชั่วร้ายก็อ่อนกำลังลง

'เขตแดนราชันเทพโอริส'

ในอดีตมีเอลฟ์ที่ได้รับการเรียกขานว่าราชันเทพโอริส

เขาได้กลายเป็นต้นไม้โลก และหยั่งรากฐานของเขาลงในดินแดนเยือกแข็งแห่งนี้

อย่างไรก็ตามมีเพียงเอลฟ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักมัน

ถือเป็นเรื่องสำคัญของเขาที่ต้องตามหา 'ผู้เฝ้าประตู' ที่ปกป้องต้นไม้โลก

มูยองและทาร์แคนเดินอ้อมเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงกำแพงน้ำแข็ง

จากนั้น ทั้งสองก็หยุดฝีเท้าโดยอัตโนมัติ เนื่องจากรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของใครบางคน

"มีบางอย่างอยู่ที่นี่"

“แมลงเหรอ?”

"ไม่ใช่มอนสเตอร์ เช่นเดียวกับเรา พวกมันมีสามคน "

ทั้งสามคนสวมเสื้อผ้าสีดำและสวมหมวกปีกกว้างสีดำเอียงไปข้างหน้า

พวกมันยังสังเกตเห็นมูยองและทาร์แคน

"พี่ เราควรทำยังไงดี?"

"ฉันคิดว่าเราต้องกำจัดพวกเขาก่อนที่จะเดินทางต่อ"

"ไม่ต้องไปสนใจ เราจำเป็นต้องค้นหาต้นไม้โลกให้เร็วที่สุด ไปกันเถอะ"

ทั้งสามคนหันหลังให้กับพวกเขา

จากนั้นพวกมันก็มุ่งหน้าปีนกำแพงน้ำแข็งราวกับกำลังวิ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า

หลังจากรับรู้ถึงตัวตนพวกมัน มูยองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

'สามดาบกระดูกของตระกูลลอว์เลส'

หนึ่งในห้าตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลลอว์เลส

ในหมู่พวกเขามีสามคนที่เรียกว่าสามดาบกระดูก เพราะพวกเขาเป็นคนที่คลั่งไคล้ดาบ

ดาบกระดูก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ชายคนโต 'ดาบที่หนึ่ง' เขาอยู่ใน 10 อันดับแรกของมนุษย์ หนึ่งในบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด

'พวกเขาพูดถึงต้นไม้โลกอย่างชัดเจน'

มูยองถือดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวไว้แน่น

เกิดอะไรขึ้น

'อดีตมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?'

เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงมีสามดาบกระดูกอยู่ที่นี่

อย่างไรก็ตามเขาก็แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งหนึ่ง ว่าพวกเขาทั้งคู่มาเพื่อสิ่งเดียวกัน

หัวใจของมูยองเริ่มเต้นเร็วขึ้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด