[KotB] บทที่ 98: ระดับความแตกต่าง (3)
บทที่ 98: ระดับความแตกต่าง (3)
เพื่อที่จะสวมใส่มันอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างได้เตรียมการเอาไว้หมดแล้ว
แต่จู่ๆมูยองก็นึกกังวล เกี่ยวกับเงาเลือนลางที่โผล่ออกมาขณะที่เขาใช้พรสามประการ
ชายผู้นั้นยังพูดอีกว่า
เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของทักษะพื้นฐานที่ดี
อย่าคิดที่จะรีบร้อน
เหมือนกับครูที่พยายามสอนนักเรียน เขากำลังสอนมูยอง
และเงาเลือนลางนั้นก็มีคุณสมบัติครบถ้วน เป็นตัวตนที่เหนือไปกว่าคำว่า 'มนุษย์' ที่มูยองเคยเผชิญหน้ามาจนถึงบัดนี้
เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ มูยองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างเปล่าประโยชน์
'คนที่ฉันเผชิญหน้าด้วยต้องไม่ใช่มนุษย์'
มันเป็นความจริง มันเป็นความจริงโดยแท้
มนุษยชาติล่มสลายไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
เป็นเพราะความแข็งแกร่งของราชาปีศาจและเทพปีศาจอยู่เหนือล้ำกว่าจินตนาการของใครทั้งสิ้น
10 อันดับแรกของมนุษย์?
สำหรับพวกเขา มันอาจจะมากเกินไปที่จะเผชิญกับราชาปีศาจตนหนึ่งด้วยซ้ำ
ถ้าพวกเขาพยายามอย่างสุดความสามารถ อย่างน้อยมากที่สุดก็สอง แม้นั่นจะเป็นโอกาส 50:50
และไม่รู้ว่าพวกเขาจะสามารถฝันถึงการต่อกรกับเทพปีศาจได้หรือไม่?
เพียงแค่เกรโมรี่ตนเดียวก็มีราชาปีศาจถึง 26 ตนพร้อมกองทัพแล้ว
ก่อนหน้านี้มูยองคิดถึงแค่เพียงมาตรฐานของมนุษย์เท่านั้น
ทักษะพื้นฐานของเขาอาจจะเหนือกว่ามนุษย์คนใด
แต่หากใช้มาตรฐานของราชาปีศาจหรือเทพปีศาจแล้ว.......
'ฉันยังไม่รู้จักพวกมันดี'
มูยองเพียงได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ และส่วนมากมีแต่มนุษย์เท่านั้นที่เขาลอบสังหาร
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ แต่เทพปีศาจเป็นเทพเจ้าอย่างแท้จริง
มันไม่อาจถูกเรียกว่าเป็นมอนสเตอร์
การเพิ่มค่าสถานะเพื่อให้อยู่เหนือกว่าผู้ใด เป็นข้อจำกัดของมนุษยชาติ
พวกเขาทำสิ่งเหล่านี้อย่างเอาเป็นเอาตายเพราะไม่ทราบถึงความจริงดีพอ
เงาเลือนลางได้ชี้ให้มูยองเห็นถึงความผิดพลาด
'โลกไม่ได้หมุนรอบตัวคุณ'
เขากระตุ้นตัวเอง
ทักษะพื้นฐานนั้นยากที่จะเชี่ยวชาญ หากได้รับความแข็งแกร่งมากขึ้นและทรงพลังมากขึ้น
นั่นหมายความว่าถ้าไม่ฝึกเสียซะตอนนี้ เส้นทางที่เขาจะต้องเดินจะยิ่งยาวนานมากขึ้น
แต่ด้วยการต่อสู้กับเงาเลือนลาง เขาจึงตระหนักว่าการไม่เร่งรีบนั้นเป็นวิธีที่จะผ่านเส้นทางนั้นได้สั้นกว่ามาก
มูยองทำผิดพลาดครั้งใหญ่เพราะเขาเอาแต่วิ่งไปข้างหน้าโดยไม่รีรอ
ราวกับว่าโลกวิ่งไปกับเขาเพียงคนเดียวที่กลับมาจากอนาคต
อย่างไรก็ตาม ศัตรูนั้นทรงพลัง เข้มแข็ง และไร้ที่สิ้นสุด
หัวใจมังกร
สมบัติที่เรียกว่าอัญมณีแห่งนักปราชญ์
และเงาเลือนลางก็บอกเขาอีกว่ามันยัง 'ไม่ถึงเวลา'
เพื่อไม่ให้พึ่งพาความแข็งแกร่งภายนอกมากเกินไป นั่นคือที่เมื่อไหร่เขาสามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่ด้วยตัวเองแล้ว เขาจะสามารถแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงออกมาได้
เขายังคงแสดงความประสงค์เช่นนี้
ดังนั้นเขาวางแผนที่จะใช้แขนซ้ายข้างนี้จนกว่าจะสามารถควบคุมมันได้อย่างเต็มที่
“มูยอง?”
ขณะที่มูยองจมอยู่ในความคิด หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัสก็เรียกเขาให้ตื่นขึ้นมา
แคล๊ก!
มูยองตื่นจากความคิดของเขา และสวมใส่แขนซ้าย
"... มันพอดีมาก"
"มันเป็นคุณสมบัติของฟีนิกซ์ เส้นเอ็นจะเปลี่ยนให้พอดีกับผู้ใช้โดยอัตโนมัติ อืม ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เส้นเอ็นกับชุดเกราะ ดังนั้นจึงใช้มันไปกับแขนข้างนี้ "
“ผมรู้”
ตั้งแต่สวมใส่ มันก็เป็นเกราะอกที่เข้ากับร่างกายของมูยอง
ไม่มีเหตุผลที่ต้องใส่เส้นเอ็นลงไป ในทางกลับกัน 'มือ' เป็นอวัยวะที่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ มันมีการใช้งานที่แตกต่างกัน
"ข้าดีใจที่เจ้ารู้ ตอนนี้เพียงแค่ต้องทนเจ็บสักหน่อย "
ในตอนนั้นเอง
ฟุบฟุบฟุ่บ ฟวับฟวั่บ
จากแขน เส้นเอ็นยื่นออกมาและพันเข้ากับไหล่ซ้ายของมูยอง
สัมผัสได้ถึงเส้นประสาทแต่ละเส้น พวกมันเริ่มหลอมรวมกันอย่างช้าๆ
ราวกับว่ากำลังถูกเผาด้วยเปลวไฟ ความเจ็บปวดลุกลามไปทั่วร่างกาย เขารู้สึกราวกับความร้อนในร่างถูกรวบรวมไปที่แขนซ้ายเพียงจุดเดียว
มูยองกัดฟันเอาไว้ เหงื่อเย็นเยียบร่วงหล่นลงมาจากร่างกาย
< 'แขนซ้ายราชันย์สีคราม' ได้จดจำผู้ใช้ 'มูยองแล้ว' แล้ว>
<อัตราการหลอมรวม 96, 97, 98%, 99%!>
<'ลมหายใจราชันย์สีคราม' สามารถใช้งานได้แล้ว>
< 'แขนซ้ายราชันย์สีคราม' มี STR คงที่อยู่ที่ 300 >
เส้นเอ็นเหมือนหนวดที่โผล่ออกมามีรากฐานมาจากร่างของมูยอง
มันสงบลงเมื่อการหลอมรวมเสร็จสิ้น แต่ร่างทั้งร่างของมูยองก็ยังคงสั่นสะท้านอยู่
หลังจากมองดูเขา บาร์ทัสก็รู้สึกประหลาดใจ
"ฮะ! ข้าคิดว่าอัตราการหลอมรวมจะอยู่ที่ประมาณ 90% แต่ดูแล้วเหมือนว่าเจ้าจะผ่านระดับ 95% ไปได้ "
แขนซ้ายราชันย์สีครามติดอยู่กับด้านซ้ายของมูยองราวกับว่ามันเป็นแขนของเขาจริงๆ
แม้ว่าเส้นเลือดดำของส่วนที่เชื่อมต่อกับแขนจะพองขึ้นมาก แต่เขาก็แทบจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง
คลั่กก!
ขณะที่ลองคว้าไปที่ขอบของโต๊ะ มันก็แตกออกระเอียดราวกับพังอยู่แล้ว
รู้สึกเหมือนว่าเขากำลังสัมผัสกับทราย
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมความแข็งแกร่งของตัวเองได้ แต่มันก็ยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่เขามองไปที่บาร์ทัส หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัสก็หัวเราะออกมาดังๆ
"แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะไม่แตกต่างจากแขนของเจ้ามาก แต่ภายในนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพื่อให้ทนต่อกล้ามเนื้อของโอเกอร์สองหัวและเจ้า ข้าจึงใช้ 'ออรัม' เป็นกระดูกแกนกลางของมัน "
ดูเหมือนเขาจะภูมิใจมาก
โอเกอร์สองหัวรู้จักกันในนามมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดหากมองไปเพียงแค่ค่า STR ของมัน
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ามันเป็นออรัม มันคือแร่ตำนานระดับกลาง
แค่คำนวณอย่างง่ายๆ แขนข้างหนึ่งก็มีค่าเท่ากับปราสาทแล้ว
แม้ว่าบาร์ทัสจะเป็นลอร์ดแห่งพันธมิตร แต่นี่ก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องเจ็บตัว
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของบาร์ทัสไม่ได้แสดงให้เห็นถึงร่องรอยใดๆว่ามันเป็นของสิ้นเปลือง
"มันเป็นแขนที่เยี่ยมยอดมากๆ "
"ถ้าเจ้าคิดว่ามันเป็นราคาสำหรับการช่วยเหลือหัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส มันก็ค่อนข้างถูก เพียงใช้เวลาสักพัก เจ้าจะคุ้นเคยกับมัน "
มูยองพยักหน้า
ในความเป็นจริงมันแตกต่างออกไปเล็กน้อย
เพื่อการควบคุมความแข็งแกร่งของเขา ดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ความพยายามสักหน่อย
'ไม่เลว'
ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถควบคุมพลังได้อย่างรวดเร็ว
เขาเพิ่มอีกสิ่งหนึ่งเข้าไปเพื่อเรียนรู้การควบคุม
นอกจากนี้แขนซ้ายราชันย์สีคราม คืองานที่หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัสเท่านั้นที่สามารถสร้างได้
การได้รับมันมาโดยไม่ต้องต่อรองใดๆ เห็นได้ชัดว่ามันจำเป็นต้องใช้ความพยายามบางอย่าง
' STR คงที่ที่ 300 ... '
คงที่ หมายความว่าเอฟเฟคอื่นๆจะไม่สามารถส่งผลกระทบมาได้
ปัจจุบัน STR ของมูยองคือ 221
มันไม่สมดุล
แต่มุมปากของมูยองกลับยกขึ้น
'มันน่าจะสนุก'
ความสามารถในการแข่งขันของมูยองเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีภารกิจมากมายที่เขาต้องเอาชนะ
*
ความเป็นจริงมีอิทธิพลอย่างชัดเจนต่อโลกแห่งความฝันของเขา
ในขณะที่ได้รับแขนซ้ายราชันย์สีคราม โลกแห่งความฝันของเขาก็จะได้รับมันเช่นกัน
และในโลกแห่งความฝัน มูยองได้พบกับ 'เขา' อีกครั้ง
เงาเลือนลาง เงาที่ลึกลับ นัยน์ตาสีดำขลับเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน
"เจ้าได้รับของเล่นที่ค่อนข้างน่าสนุก"
ดาบของชายคนนั้นยังคงเชื่องช้า
บางครั้งชายผู้นั้นก็เคลื่อนไหวดุจสายน้ำ ดุจทะเลสาบ หรือแม้กระทั่งเหมือนกับมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
และมูยองก็ยังไม่สามารถสกัดกั้นการโจมตีใดๆได้
"เจ้าคิดว่าจะสามารถหาหนทางเจอ หลังจากใช้แขนทั้งสองข้างได้อย่างงั้นหรือ?"
"ผมแค่อยากจะตรวจสอบระยะห่างของพลังให้ชัดเจนมากขึ้น"
ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน แม้ว่าเขาจะใช้ลมหายใจราชันย์สีคราม แต่ยังไงเขาก็ไม่สามารถเอื้อมไปถึงชายคนนี้ได้
มูยองรู้ดีถึงความจริง
อย่างไรก็ตามเขาตระหนักได้ถึงบางสิ่งในขณะที่ใช้แขนทั้งสอง
"เจ้าเข้าใจความแตกต่างระหว่างเราแล้วหรือยัง?"
"นิดหน่อย"
“โฮ ...”
ชายคนนั้นอยู่ในความตกใจ
“มันคืออะไร?”
"มันคือดาบ"
"ดาบงั้นเหรอ?"
"คุณรู้จักดาบดีกว่าผม"
มันเป็นความจริง
มูยองรู้ว่าความเข้าใจของเขาแตกต่างจากชายลึกลับ
ชายผู้นี้เป็นปรมาจารย์ดาบ ผู้ที่เหนือไปกว่าขีดจำกัดใดๆ
มันรู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้รู้ถึงกระทั่งลมหายใจของดาบ
มันเป็นศาสตร์ที่ไม่สามารถเป็นไปได้ในหมู่มนุษย์
การรับรู้ลมหายใจของดาบ และเคลื่อนที่ราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับมัน
แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
มูยองไม่คิดว่าจะมีศาสตร์แบบไหนที่เป็นไปไม่ได้
ชายคนนั้นยิ้ม
"มันยากที่จะยอมรับสิ่งที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของตัวเอง ถือว่าเจ้ามีพรสวรรค์ที่น่าทึ่งสำหรับการรับรู้ถึงสิ่งนั้น ดังนั้นข้าจะให้คำแนะนำแก่เจ้าเป็นพิเศษ "
และเขาก็พูดขึ้นอย่างเงียบๆ
"เจ้าไม่ได้ยินเสียงของดาบหรือ?"
เสียงของดาบ?
ดาบไม่มีเสียงใดๆ ไม่ มันไม่ได้มีชีวิต
มีเสียงที่เฉพาะที่สามารถเกิดขึ้นได้จากโลหะ อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้หมายถึงเสียงนั้น
"ผมดายไป 8 ครั้งแล้ว"
อย่างไรก็ตามชายคนนั้นไม่ได้ตอบมูยอง
กลับกัน มูยองถูกกวาดไปโดยคลื่นดาบขนาดยักษ์
ชายคนนั้นอาจจะกลายเป็นภูเขา ท้องฟ้า หรือแม้แต่มหาสมุทร
“เฮือกก!”
มูยองร้องออกมาขณะที่เขายกร่างส่วนบนขึ้น
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะฝันร้ายอีก"
ข้างๆเขา ทาร์แคนพูดขึ้น
การ์มูสอยู่ที่ปราสาทเพื่อยกระดับทักษะ
ดังนั้นมีเพียงแค่มูยองและทาร์แคนที่ขี่เซอร์เบอรัสอยู่ ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกของทางตอนเหนือ
"ทาร์แคน คุณได้ยินเสียงของดาบไหม?"
"ถ้าเป็นดาบที่มีวิญญาณที่ชั่วร้าย ข้าเคยได้ยินอยู่บ่อยๆ"
"ไม่ มันไม่ใช่พวกนั้น เสียงของตัวดาบเอง"
ติ้ง-!
ทาร์แคนเคาะไปที่ด้านข้างของดาบ
"เจ้าหมายถึงเสียงนี้?"
มูยองส่ายหัว
นักล่าวิญญาณปีศาจ ดูเหมือนว่าแม้แต่ทาร์แคน หนึ่งในสามของจักรพรรดิแห่งเส้นทางของอาชูร่า ก็ไม่รู้เช่นกัน
นั่นหมายความว่าเงาเลือนลางลึกลับนั้นพิเศษมากยิ่งกว่า
มูยองลูบคางของเขาและขบคิดก่อนที่จะเริ่มนึกถึงความเป็นไปได้
‘เสียงของดาบ ทักษะปรมาจารย์ดาบมีคำที่คล้ายกันอยู่'
ขณะที่เขานึกถึงทักษะ ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ปรากฏขึ้น
ชื่อทักษะ: ปรมาจารย์ดาบ (E)
คำอธิบาย - ผู้ที่เดินตามวิถีของดาบ พลังรูปแบบเฉพาะที่มอบให้กับคิงสเลยอร์ผู้ซึ่งสามารถก้าวผ่านทุกสิ่งด้วยการเพิ่มความชำนาญในการใช้ดาบ
*ความเข้าใจในดาบเพิ่มขึ้นอย่างมาก
*คุณสามารถค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ของดาบได้
*สามารถดึงพลังงานที่บริสุทธิ์ของดาบ
ความเข้าใจของตัวเองได้เพิ่มขึ้น แต่ความลับที่ซ่อนอยู่ ... เขาไม่เคยตรวจสอบเรื่องนี้มาก่อน
แน่นอนเขาไม่รู้ว่าการ 'ดึงพลังงานที่บริสุทธิ์ของดาบ ' หมายถึงอะไรเช่นกัน
มูยองยกดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวขึ้นมา
เขาถือมันเอาไว้ วางมันแนบกับหู และแม้กระทั่งขูดมัน
"ในที่สุดก็ดูเหมือนว่าเจ้าบ้าไปแล้ว"
ทาร์แคนเดาะลิ้นของเขาในขณะที่มองมูยอง แต่มูยองไม่สนใจ
สิ่งสำคัญคือต้องคิดถึง 'เสียงของดาบ' ที่ผู้ชายคนนั้นพูดถึง
ยี่สิบครั้ง
มันเป็นจำนวนครั้งที่มูยองถูกฆ่าโดยชายคนนั้น
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่เขารู้สึกถึงความสิ้นหวัง
จนถึงขณะนี้ถ้าเขาหยุด เขาจะสร้างหนทางขึ้นมาได้อย่างไร แต่ปัญหาที่เขากำลังเผชิญอยู่ มันนอกเหนือไปจากขอบเขตนั้น
ในตำแหน่งที่เขาเป็นนักฆ่า เขาเสียชีวิตไปแล้วยี่สิบครั้ง
และเขาคิดว่าตัวเองยังสามารถตายได้อีก
มันเหมือนมีกำแพงได้ขวางกั้นเขาไว้
'สิ่งที่คุณต้องการจากผมคืออะไร?'
มูยองจ้องมองไปที่ดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวอย่างไร้อารมณ์
เขาคิดว่าโอกาสที่จะได้ยินเสียงจากดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวมากกว่าดาบมารเทพ เนื่องจากเขาใช้มันมานานแล้ว
ในความเป็นจริงดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวเป็นอาวุธที่เขาชอบมาก
อย่างไรก็ตามไม่มีการตอบสนองใดจากดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว
เป็นไปตามที่คิดไว้
'ฉันกำลังจะบ้า'
มูยองหัวเราะอย่างเงียบ ๆ
จากนั้น ทาร์แคนก็พูดขึ้น
"จากที่นี่ เจ้าต้องเดินไป กำแพงน้ำแข็งนี่มีพลังขับไล่วิญญาณที่ชั่วร้าย "
มูยองเงยหน้ามองไปที่กำแพงน้ำแข็งที่สูงเสียดฟ้า
ขณะที่เขาเข้ามาใกล้ ปีกที่ทำจากวิญญาณที่ชั่วร้ายก็อ่อนกำลังลง
'เขตแดนราชันเทพโอริส'
ในอดีตมีเอลฟ์ที่ได้รับการเรียกขานว่าราชันเทพโอริส
เขาได้กลายเป็นต้นไม้โลก และหยั่งรากฐานของเขาลงในดินแดนเยือกแข็งแห่งนี้
อย่างไรก็ตามมีเพียงเอลฟ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักมัน
ถือเป็นเรื่องสำคัญของเขาที่ต้องตามหา 'ผู้เฝ้าประตู' ที่ปกป้องต้นไม้โลก
มูยองและทาร์แคนเดินอ้อมเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงกำแพงน้ำแข็ง
จากนั้น ทั้งสองก็หยุดฝีเท้าโดยอัตโนมัติ เนื่องจากรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของใครบางคน
"มีบางอย่างอยู่ที่นี่"
“แมลงเหรอ?”
"ไม่ใช่มอนสเตอร์ เช่นเดียวกับเรา พวกมันมีสามคน "
ทั้งสามคนสวมเสื้อผ้าสีดำและสวมหมวกปีกกว้างสีดำเอียงไปข้างหน้า
พวกมันยังสังเกตเห็นมูยองและทาร์แคน
"พี่ เราควรทำยังไงดี?"
"ฉันคิดว่าเราต้องกำจัดพวกเขาก่อนที่จะเดินทางต่อ"
"ไม่ต้องไปสนใจ เราจำเป็นต้องค้นหาต้นไม้โลกให้เร็วที่สุด ไปกันเถอะ"
ทั้งสามคนหันหลังให้กับพวกเขา
จากนั้นพวกมันก็มุ่งหน้าปีนกำแพงน้ำแข็งราวกับกำลังวิ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
หลังจากรับรู้ถึงตัวตนพวกมัน มูยองก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
'สามดาบกระดูกของตระกูลลอว์เลส'
หนึ่งในห้าตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ตระกูลลอว์เลส
ในหมู่พวกเขามีสามคนที่เรียกว่าสามดาบกระดูก เพราะพวกเขาเป็นคนที่คลั่งไคล้ดาบ
ดาบกระดูก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่ชายคนโต 'ดาบที่หนึ่ง' เขาอยู่ใน 10 อันดับแรกของมนุษย์ หนึ่งในบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุด
'พวกเขาพูดถึงต้นไม้โลกอย่างชัดเจน'
มูยองถือดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวไว้แน่น
เกิดอะไรขึ้น
'อดีตมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?'
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงมีสามดาบกระดูกอยู่ที่นี่
อย่างไรก็ตามเขาก็แน่ใจเกี่ยวกับสิ่งหนึ่ง ว่าพวกเขาทั้งคู่มาเพื่อสิ่งเดียวกัน
หัวใจของมูยองเริ่มเต้นเร็วขึ้น