[KotB] บทที่ 100: ระดับความแตกต่าง (5)
บทที่ 100: ระดับความแตกต่าง (5)
แม้ความจริงที่ว่าลักษณะภายนอกของมันเป็นเอลฟ์ธรรมดา แต่มันก็เป็นเลือดผสมสองสายพันธุ์
อย่างไรก็ตาม มูยองไม่ได้พูดอะไร
'เขามีศัตรูเยอะมาก'
โดยทั่วไปพวกปีศาจนั้นเกลียดเมอร์ลิน
และจากสิ่งที่เขารู้ มังกรและเอลฟ์เองก็ไม่ชอบเมอร์ลิน
เขาไม่แน่ใจแน่ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่มีข้อสันนิษฐานว่าอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการสร้างอันเดอร์เวิร์ล
มีคนอยู่เท่าไรกันที่รู้ความจริงเบื้องหลังเมอร์ลินและโซโลมอน?
พวกเขาเพียงแค่มั่นใจว่าทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเนื่องจากเลเมเกทัล
อย่างไรก็ดี ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนอะไรกับเรื่องที่รู้เพียงเล็กน้อย
‘ฉันต้องจบมันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้’
สามดาบกระดูกจะต้องใช้เวลาสักพักในการค้นหาสถานที่นี้
มูยองกำลังวางแผนที่จะได้รับในสิ่งที่เขาต้องการและหนีไปในช่วงเวลานั้น
หนึ่งในสามสิ่งที่เขาต้องการที่จะได้รับคือเดียโบล
บัลลังก์ราชันเทพโอริส!
ถ้าเขาทำได้ เขาจะมีวงแหวนทั้งหมด 2 วงเมื่อรวมกับแหวนกษัตริย์คลั่ง
มันดีกว่าหากเขาสามารถจากไปหลังจากบรรลุเป้าหมาย มันเสี่ยงเกินไปที่จะปะทะพวกนั้น
ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ครึ่งมังกรตรงหน้าของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน มูยองเองก็ไม่สามารถคิดออกได้...
นั่นยังไม่รวมกับดาบที่หนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบคนที่แข็งแกร่งที่สุด
เขาก้าวตามหลังพวกนั้นอยู่ครึ่งก้าวใหญ่ๆ
‘แม้ว่าพลังของสเวลจะมากมายมหาศาล แต่ก็มีข้อจำกัดในด้านความบริสุทธ์ของพลัง’
ถึงจะมีสายเลือดจากไฮเอลฟ์และมังกรบรรพกาบยู่ก็ตาม แต่มันก็ไม่สามารถหลอมรวมกันได้อย่างสมบูรณ์
และถ้ามันฝืนใช้พลังนั่นมากเกินไป มันจะนำไปสู่อันตรายเพียงเท่านั้น
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสเวลจึงไม่สามารถออกไปข้างนอกเป็นระยะเวลายาวนาน
มันน่าจะรู้ว่าถ้าไม่มีเห็ดสีฟ้าที่เติบโตเฉพาะในสถานที่แห่งนี้ พลังเวทย์ของมันจะยุ่งเหยิงจนไม่สามารถควบคุมได้
“มีปัญหาอะไรรึเปล่า? ฮี่ฮี่! เจ้าไม่มั่นใจหรือ? ถ้าเจ้าเป็นโดเกบิที่ใจเสาะข้าก็จะไม่โทษเจ้า”
ขณะที่มูยองเงียบอยู่ สเวลก็เยาะเย้ยเขา
สเวลเข้าใจผิดคิดว่าที่มูยองนิ่งคือกลัว
มูยองยักไหล่และพูด
"รายละเอียดเกี่ยวกับการเดิมพันคือ 'การหาใหม่มาหนึ่งดอก' ใช่มั้ย?"
สเวลมองตรงเข้าไปในดวงตาของมูยอง
"เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนใจแคบที่จะใช้สิ่งที่ข้าพบอยู่แล้วงั้นหรือ? ถ้าเจ้าไม่เชื่อจริงๆ ข้าขอสาบานเลยก็ได้ ด้วยเลือดของเอลฟ์และมังกรที่ไหลผ่านกายข้า ข้าไม่ได้โกหก "
ทั้งเอลฟ์และมังกร
มังกรเป็นเผ่าพันธุ์ที่มักจะมีความสุขกับการโกหก
แน่นอนว่าพวกมันเชี่ยวชาญการเล่นลิ้น แต่ดูเหมือนว่าสเวลจะไม่รู้จักมังกรดีพอ
อย่างไรก็ตาม มูยองไม่ได้คิดที่จะชี้แจงถึงสิ่งต่างๆเหล่านี้
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นี่ไม่ถือว่าคุณได้เปรียบเหรอ? คุณรู้จักเขตแดนนี้ดีกว่าคนอื่นๆ คุณก็แค่ไปนำเห็ดฟ้าที่เคยเจอกลับมา"
“ไม่ต้องกังวล เห็ดสีฟ้ามีอายุเพียงสองวันและจะเหี่ยวลงหลังจากนั้น เนื่องจากพวกมันเป็นเห็ดที่เกิดจากพลังแห่งการกำเนิดของจิตวิญญาณ เมื่อมันสิ้นสุดลง ชีวิตของพวกมันก็จะจบลงด้วย มันเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะไปหามันจากที่เดิม”
ราวกับว่ามันค่อนข้างยุติธรรม สเวลได้แสดงความภาคภูมิใจออกมา
มูยองยิ้มแล้วหันร่างของเขา
"ผมจะกลับมาเร็วๆนี้"
มูยองรู้สึกมั่นใจเหมือนกับว่าไม่มีทางที่เขาจะพ่ายแพ้
อย่างไรก็ตามแม้กระทั่งตอนที่เขาอยู่ที่อารามสีคราม เมอร์ลินก็ได้จ่ายค่าเสียหายในการมองข้ามมูยองอย่างสุดซึ้ง
เขาไม่คิดว่าสเวลจะต่างไปจากเมอร์ลินมากนัก
ด้านทิศเหนือของดินแดนแห่งน้ำแข็งมีความกว้างใหญ่
สเวลรู้จักที่นี่ดีกว่าใคร
ในทันที สเวลอาจจะได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก แต่เขาก็มีข้อจำกัดด้านเวลา
จนกว่าพระอาทิตย์ตก มีเวลาเหลืออีก 8 ชั่วโมง
เนื่องจากเขาจำกัดตัวเองให้เคลื่อนไหวได้หลังจาก 6 ชั่วโมง มีเพียงพื้นที่เล็กๆเท่านั้นที่เขาสามารถใช้ได้
ด้วยเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะค้นหาพื้นที่ทั้งหมดของที่ดินแดนทางเหนือ
ในทางกลับกัน ... มูยองมีตัวคนเดียว แต่ไม่ได้อยู่คนเดียวจริงๆ
"ทาร์แคน ปลดปล่อยวิญญาณชั่วร้ายทั้งหมดของคุณ"
"โอ้ เจ้าคิดจะเอาชนะด้วยจำนวนใช่ไหม? "
"ฉันจะปลดปล่อยภูติผีของฉัน ถ้าเราขุดมันขึ้นมาจากจุดศูนย์กลางของใต้ดินอาจจะเจอเห็ดขนาดใหญ่ ซึ่งมันจะทำให้เราชนะได้อย่างง่ายดาย"
"ดูเป็นแผนการที่ดี สำหรับเขาที่กล้าคิดว่าจักรพรรดิผู้นี้เป็นสัตว์เลี้ยง เราต้องสอนบทเรียนให้แก่เขา "
ทาร์แคนกัดฟันของเขา
ดูเหมือนทาร์แคนจะยังรู้สึกเจ็บแค้นที่สเวลเรียกเขาว่าสัตว์เลี้ยง
ในเวลาเดียวกัน ภูติผีหลายพันตนได้แผ่กระจายไปทั่วดินแดนทางเหนือ
มูยองเองก็ได้ปลดปล่อยภูติผีออกมาเช่นกัน และได้ให้พวกมันเริ่มค้นหาด้วยเมอร์ดูดันที่เป็นหัวหน้า
มันเป็นการพนัน
แม้ว่าจะเป็นโอกาสเล็กๆน้อยๆ แต่ก็มีโอกาสที่สามดาบกระดูกอาจสังเกตเห็นการกระทำของพวกเขา
อย่างไรก็ตามหากไม่เป็นเช่นนั้น เขาจะสามารถบรรลุผลที่เกินความคาดหมายของสเวลได้
'ฉันต้องสร้างมาตรการสำหรับสถานการณ์นั้น'
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถละเลยทุกความเป็นไปได้
เพื่อจำกัดความเป็นไปได้ทั้งหมด มูยองจำเป็นต้องทำและเปลี่ยนสถานการณ์ในปัจจุบัน
‘การหลอกล่อ’
กลับกัน เขาต้องเอาชนะพวกมันด้วยสิ่งนี้
สำหรับสามดาบกระดูกที่วนไปรอบๆเส้นทางที่ไกลที่สุด
เขาคิดถึงวิธีที่จะใช้ภูติเพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขา
มันไม่ดีกว่าเหรอที่จะจำกัดอันตรายทั้งหมด?
นี่คือมาตรการสุดท้ายเพื่อปกป้องสเวลจนกว่ามูยองจะได้รับบัลลังก์ราชันย์เทพโอริส
เนื่องจากในปัจจุบันสเวลไม่สามารถเอาชนะสามดาบกระดูกได้
‘ความทรนงในความสามารถของตนเอง มันอาจจะเกิดขึ้นเพราะเขาได้อาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว'
ณ ที่นี่ มันไม่มีมอนสเตอร์มากมายที่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับสเวลได้
ไม่ มันมีมอนสเตอร์น้อยมากๆ
และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเป็นราชาแห่งดินแดน คุณก็จะกลายเป็นคนที่หยิ่งทรนง
อย่างไรก็ตามสถานที่แห่งนี้น่าเบื่อเป็นอย่างยิ่ง
เขาอาจจำเป็นต้องทำให้ชีวิตมีสีสันบ้างเช่นการเดิมพัน
และเขาอาจไม่เคยคิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้
ความเย่อหยิ่งดังกล่าวสำหรับมูยองแล้วเป็นสิ่งที่ดี
ถ้าสามดาบกระดูกไม่บังเอิญปรากฏตัวมาขัดขวาง มันก็จะเป็นไปตามแผนที่มูยองวางไว้
"วูฮีอยากช่วยๆ? ถ้าเป็นเห็ดนั่น วูฮีอาจจะค้นหามันได้อย่างง่ายดาย"
วูฮีปรากฏตัวขึ้นจากระยะไกลในขณะที่เธอกระพือปีก
ภูติมักเกลียดมังกร ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นแค่ครึ่งมังกรแต่เธอก็รู้สึกได้ถึงพลังนั่น จึงพยายามอยู่ห่างไกลออกไป
เธอรอมูยองอยู่นอกระยะและเดินเข้ามาหาทันทีเมื่อเขาปรากฏตัว
"ได้สิ"
มูยองพูดโดยไม่คาดหวัง
เขาไม่ได้มีความคาดหวังใดๆสำหรับเธออย่างแท้จริง
“วูฮีฮี ไม่ต้องเป็นห่วงแค่ที่รักวางใจในตัววูฮีก็พอ!”
ด้วยนิ้วกลางและนิ้วชี้ของมูยอง เขาสกัดการจูบของวูฮีไว้ และมองไปรอบๆทางด้านหน้า
'ฉันอาจจะได้รับบัลลังก์ราชันย์เทพโอริสง่ายกว่าที่คิด'
อย่างรวดเร็ว ภูติผีจำนวนมากมายเริ่มลอยออกไปจากด้านหลังของเขา *
เมื่อมูยองกลับมา สเวลก็ปล่อยเสียงหัวเราะเยาะ
"ทำไมเจ้ากลับมามือเปล่าล่ะ? มันเป็นเพราะผลลัพธ์ที่จะแสดงให้ข้าเห็นมันน่าอายหรือ? "
"ผมจะแสดงให้เห็นเมื่อคุณกลับมา"
ในสายตาของสเวล ดูเหมือนว่าโดเกบิกำลังพยายามปกป้องความภาคภูมิใจครั้งสุดท้ายของเขาอยู่
เห็ดสีฟ้าสามารถพบได้อย่างง่ายด้วยวิญญาณที่บริสุทธิ์ เช่นจิตวิญญาณเท่านั้น
แต่เฉพาะพลังงานแห่งความตายเท่านั้นที่สามารถรู้สึกได้จากโดเกบิ
มันคงเป็นเรื่องยากที่จะหาเห็ดสีฟ้าด้วยความพยายามของตัวเขาเอง และแม้ว่าเขาจะทำมันได้ ขนาดของมันก็คงเล็กนิดเดียว
'มันคงสนุกที่ได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวนั้น'
ราวกับว่าเขากำลังจะไปเดินเล่น สเวลออกจากถ้ำไป
หลังจากไม่ถึง 10 นาทีเขาก็กลับมา
พร้อมกับเห็ดสีฟ้าขนาดเท่าร่างกายของเขา
สเวลกำลังพยายามทำให้มูยองเสียศักดิ์ศรีและนั่นเอง ท่าทางของโดเกบิก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามการแสดงออกนั้นเต็มไปด้วยความยียวนมากกว่าความอัปยศ
เป็นเขาที่เยาะเย้ย!
"มันใหญ่แค่นี้เองเหรอ?"
“แค่นี้?”
โดเกบิกลายเป็นบ้าไปแล้วหรือไง?
ขนาดเท่านี้อย่างน้อยที่สุดมันก็เป็นหนึ่งในอันที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ไม่มีทางที่โดเกบิผู้ที่มีกลิ่นอายแห่งความตายรุนแรงจะสามารถหาขนาดที่ใหญ่กว่ามันได้
อย่างไรก็ตามเมื่อโดเกบิดึงยันต์ออกมาและใช้มัน เห็ดฟ้าที่ดูจะมีขนาดอย่างน้อย 2 เมตรก็ปรากฏขึ้น
‘มันเป็นของจริง’
เห็ดสีฟ้าเป็นของจริง
แม้แต่สเวลก็ไม่ค่อยได้เห็นขนาดที่ใหญ่เช่นนี้
เป็นธรรมดาที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับร่างกายที่สั่นสะท้าน
"นี่ นี่เจ้าพบมันที่ไหน?"
"ผมชนะแล้ว ตามที่คุณสัญญาไว้ มอบบัลลังก์ราชันย์เทพโอริสมา"
"ไม่! ยังไม่ได้ ถ้าเจ้าต้องการที่จะได้รับบัลลังก์เทพโอริส เจ้าต้องชนะข้าให้ได้สามครั้ง"
สเวลเข้าตาจน เขายังได้แสดงท่าทีแปลกๆออกมา
‘เขาเป็นผีพนันอย่างแท้จริง’
มูยองถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ในทางตรงกันข้าม ความพ่ายแพ้ดูเหมือนจะไปกระตุ้นสเวล
ความปรารถนานั้น เขาไม่สามารถบังคับให้มันหยุดลง
อย่างไรก็ตามมูยองไม่สามารถยอมรับได้ง่ายๆเช่นกัน
"ขอเพิ่มความต้องการอีก"
“ได้ ถ้าเจ้าได้ชัยชนะ 3 ครั้งจากข้า มันก็ไม่มีเหตุผลสำหรับข้าที่จะปฏิเสธความต้องการอื่นๆอีก”
เป็นการดีที่เขายอมรับความต้องการที่แน่วแน่นั่น
มันเป็นเพราะเขาต้องการเดิมพันต่อไปอีก
มูยองไม่ใส่ใจมันและพูดขึ้น
"ผมอยากจะเห็น 'การรู้แจ้งของโอริส' "
"นั่น...?"
สเวลรู้สึกประหลาดใจ
มันน่าแปลกใจที่โดเกบิก็รู้เรื่องนี้ด้วย แต่เขาก็คิดไม่ออกว่าสายพันธุ์อื่นจะใช้มันยังไงด้วยเพียงการจ้องมอง
โอริสเป็นเผ่าพันธุ์เหนือธรรมชาติที่วางรากฐานของต้นไม้โลกด้วยตัวเอง
ในยุคสนธยาที่เอลฟ์เรืองอำนาจสูงที่สุด
ในเวลานั้นโอริสมีบทบาทมากในฐานะจักรพรรดิที่เป็นผู้นำแห่งเอลฟ์
เป็นที่ทราบกันดีว่าเขาเป็นคนหนึ่งที่มีพลังการต่อสู้ใกล้เคียงกับระดับพระเจ้า เล่ากันว่าทุกชนิดของการรู้แจ้งของเขาอยู่ในหนังสือหนึ่งเล่มก่อนที่เขาจะตาย
และในหนึ่งในนั้นยังมีการรู้แจ้งเกี่ยวกับวิถีดาบด้วย
โอริสเคยใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกันหลายประเภท แต่เขามีความเชี่ยวชาญการใช้ดาบมากที่สุด
มีความเป็นไปได้ที่สเวลอาจมีหนังสือการรู้แจ้งของเขาเก็บไว้
‘ฉันยังเข้าใจดาบไม่ลึกซึ้งพอ’
มูยองรู้สึกถึงมัน
เงาดำเลือนลาง การดำรงอยู่ในความฝันของชายผู้นั้นแข็งแกร่ง และความลึกล้ำของเขานั้นไม่เหมือนใคร
ขณะที่มูยองต่อสู้กับเขาอย่างต่อเนื่องทำให้รู้สึกถึงข้อบกพร่องของตัวเองเป็นอย่างดี
นอกจากนี้มูยองยังตระหนักได้อีกว่าตัวเองขาดอะไรไปบ้าง
เขาเรียนรู้วิธีการจัดการอาวุธมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าไม่ได้ใส่ใจพวกมันมากนัก เขาไม่เคยได้รับการรู้แจ้งหรือการใช้งานที่ลึกซึ้งเลย
'ฉันแค่ต้องการเติมเต็มสิ่งที่ขาด'
ดังนั้นเขาจึงวางแผนที่จะรับรู้ด้วยการสังเกตการรู้แจ้งของโอริส
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นคำถามว่าสเวลจะแสดงสิ่งที่สำคัญเช่นนั้นให้เขาเห็นผ่านการเดิมพันเท่านั้นหรือ
สเวลครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพยักหน้า
"โดยปกติเฉพาะไฮเอลฟ์เท่านั้นที่สามารถอ่านการรู้แจ้งได้ แต่โชคดีที่การตัดสินใจนั้นขึ้นอยู่กับข้า ถ้าเจ้าชนะอย่างแท้จริง ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นการรู้แจ้งของโอริส "
มูยองกำหมัดแน่น
ถ้าเขาได้เห็นการรู้แจ้งนั่น การเดิมพันเพียงเล็กน้อยก็ไม่นับว่าเป็นอันใด
แม้ว่าเขาจะไม่มีเวลามาก แต่ก็คุ้มค่ากับการลงทุน
"ถ้างั้น บอกรายละเอียดการเดิมพันต่อไปมาได้ "
หลังจากกินเห็ดสีฟ้าไปหนึ่งกำมือแล้ว สเวลก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
หลังจากนั้นเขาก็พูดขณะที่ดวงตาเป็นประกาย
“ซ่อนตัว! และข้าจะหาเจ้า”
มันเป็นเรื่องดีจริงๆที่เขาล่อให้สามดาบกระดูกไปยังสถานที่ห่างไกลก่อนหน้านี้
มูยองกลายเป็นสายลมเหนือบริสุทธิ์และราวกับหายลงไปในผืนดิน ในท้ายที่สุดสเวลก็ไม่สามารถหามูยองได้
การเดิมพันครั้งสุดท้าย คือเกมส์การล่าขุมทรัพย์
แต่ละคนต้องซ่อนไอเทมไว้และตามหาของกันและกัน
ถึงเวลานี้ แม้เขาไม่ต้องการคิด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อมโยง
'มีความเชื่อมโยงกับเมอร์ลินอย่างแน่นอน'
ถ้ามันไม่จริง เขาจะมีบทบาทที่เหมือนกันเช่นนี้ได้ยังไง
และแม้กระทั่งการวางเดิมพันแบบเดียวกัน เมอร์ลินเองก็ไม่สามารถเอาชนะมูยองได้
สเวลไม่ต่างกัน กระทั่งใบหน้าที่น่าสังเวชขณะที่เขาประกาศยอมจำนน
"ข้าแพ้ เจ้าไม่ใช่โดเกบิทั่วไป "
ทาร์แคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามูยองแสดงปฏิกิริยาขึ้นมา
"มันดูเหมือนว่าครึ่งมังกรที่โง่เง่าจะตาสว่างขึ้นมาแล้ว มูยองคือโอม ผู้ปกครองเหนือโดเกบิทั้งมวล! ถ้าเจ้าคิดว่าเขาเป็นโดเกบิทั่วไป เจ้าคงเป็นคนตาบอด "
ราวกับว่าทาร์แคนรอเวลานี้อยู่แล้ว เขาเทกระจาดความขุ่นเคืองออกไป
จากนั้นใบหน้าของสเวลก็แข็งค้าง
เป็นเพราะเขาได้รับการปฏิบัติราวกับสัตว์เลี้ยงหรือ?
เขาเป็นมิตรสหายกับความแค้นเคืองโดยแท้จริง