Chapter 152: โชคดีนะ เพื่อนร่วมรบของฉัน
ก่อนวันโลกาวินาศนั้น ทุกประเทศทั่วโลกนั้นได้รับรายละเอียดเกี่ยวกับหายนะ ด้วยเหตุนี้นี่เอง พวกเขาก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะทำให้สถานการณ์ของโลกนั้นมั่นคง ในอีกทางหนึ่งก็คือ พวกเขาเตรียมพร้อมการรับมือของวันโลกาวินาศที่จะมาถึงโดยสร้างเกาะที่ปลอดภัยไว้
เกาะเชนไฮ่นั้นก็เป็นหนึ่งในพวกนั้น เฉินเต๋ารู้ว่าทีมของเจียงลู่ฉีนั้นแข็งแกร่ง ดังนั้นพวกเขาจะต้องเคยได้ยินเกี่ยวกับเกาะที่ปลอดภัยนี้มาก่อน
ถึงแม้ว่ากองกำลังทหารจะอพยพไปแล้ว แต่มันก็ยังคงมีทหารที่เหลือไว้อยู่ในเมืองดาวเทียม เพื่อที่จะได้อาวุธพิเศษบางอย่าง ทีมของเจียงลู่ฉีนั้นก็ติดต่อกันกับกองทัพ ตั้งแต่ที่เฉินเต๋านั้นเปิดเผยตัวตนของพวกเขาแล้ว จางไฮ่และซุนคุนก็มีการแสดงออกที่แตกต่างออกไป
พวกเขานั้นเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ดังนั้นพวกเขานั้นโกรธแค้นกับกองทัพที่สร้างเกาะที่ปลอดภัยและทอดทิ้งพวกเขาไว้ด้านหลัง ถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้อย่างชัดเจนว่ากองกำลังทหารไม่สามารถที่จะปกป้องทุกคนได้ พวกเขาก็คงไม่ยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้ได้อยู่ดี พวกเขานั้นก็เป็นเหล่าคนที่น่าสงสารที่พยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะมีชีวิตรอดในโลกอันโหดร้ายนี้ แต่ชนชั้นสูงบางคนนั้นสามารถที่จะได้รับการปกป้องจากเหล่ากองทัพได้
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้พูดอะไรเลยก็ตาม การแสดงออกของจางไฮ่และซุนคุนก็เย็นชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เจียงลู่ฉีก็เปิดเผยให้เห็นถึงความหวังอันริบหรี่เนื่องจากเขานั้นคิดถึงคนๆหนึ่งอยู่...
คนๆนั้นก็คือหลี่ยู่ซิน คนที่ช่วยเขาในการปรับแต่งรถมินิบัสให้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงเวลาวิกฤติ หลี่ยู่ซินก็โทรมาหาเขาให้เขานั้นหนีไป ซึ่งมันทำให้เจียงลู่ฉีเชื่อว่าเธอนั้นเป็นคนที่อ่อนโยน เขาต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของหลี่ยู่ซินมาก...
ปฏิกิริยาของพวกเขานั้นไม่สามารถที่จะรอดพ้นสายตาของเฉินเต๋าได้ เขารู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับความคิดของเหล่าผู้รอดชีวิต มีเพียงแค่เด็กสาวตัวเล็กคนนี้เท่านั้นที่ไม่รู้ว่าทำไมบรรยากาศมันถึงกลายเป็นเย็นชาขึ้น
“เพื่อนรัก สหายของผมและผมนั้นไม่ใช่ทหารแต่ก็เป็นคนธรรมดาเช่นกัน หลังจากไวรัสนั้นอยู่ในจุดที่บานปลายแล้ว พวกเราก็ถูกจัดรวมไว้อยู่ในสถานีเพื่อที่จะช่วยเหลือผู้รอดชีวิต ในเวลานั้นเอง พวกเราก็สามารถบอกได้ว่าพวกเรานั้นเกือบที่จะกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว และเมื่อมันเกิดขึ้น พวกเราก็จะถูกฆ่าในทันที ไม่มีใครเชื่อเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย แต่ทันใดพวกเราก็หน้ามืดลง เมื่อผมตื่นขึ้น พนักงานสองคนด้านข้างของผมก็เปลี่ยนกลายเป็นสัตว์ประหลาด…..”
“ในตอนสุดท้าย พวกเราที่มีพนักงานห้าร้อยคนและทหาร นั้นก็เหลือเพียงแค่ 72คน พวกเรานั้นทั้งตกตะลึงและกังวล พวกเรานั้นกังวลเกี่ยวกับคนที่เรารักแต่พวกเรานั้นก็มีภารกิจของพวกเราอยู่ พวกเรานั้นยังคงรอคอยอยู่ที่ตำแหน่งของพวกเราและให้ผู้รอดชีวิตที่เหลือนั้นไปพบกันกับกองกำลัง พวกเรานั้นไม่ได้ถอยหนีจนกระทั่งซอมบี้มาถึงเป็นจำนวนมหาศาล สุดท้ายแล้ว พวกเราก็มีเพียงยี่สิบเจ็ดคนที่ไปถึงเกาะที่ปลอดภัย สมาชิกที่เหลือในกองทัพของเรานั้นถูกกวาดล้างไปหมดแล้ว”
“แต่ผู้รอดชีวิตที่พวกเราปกป้องไว้นั้นรอดชีวิตกันทุกคน”เฉินเต๋าพูดในฉับพลัน แต่เด็กสาวตัวเล็กๆที่มีชื่อว่า จางไฮ่เจียหยิงนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาพูดทำไม
อย่างไรก็ตามเธอก็ร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้และพูด “ท่านคือฮีโร่ของฉัน และในเวลานี้ ด้วยคำสั่งที่ให้นำพาพวกเราไปที่เกาะที่ปลอดภัย กองกำลังที่เหลือนับสิบคนนั้นก็เสียชีวิตลง....”
ศาสตราจารย์เฒ่าจางก็เงียบไปชั่วครู่หนึ่งแต่ก็พูดขึ้นมาด้วย “ฉันก็เป็นแค่คนแก่ธรรมดาๆคนหนึ่ง และฉันก็ไม่ได้คิดว่าฉันนั้นพิเศษกว่าคนอื่นซักเท่าไหร่ ถ้าฉันสามารถที่จะช่วยคุณทำอะไรซักอย่างได้ละก็ ฉันจะทำให้ดีที่สุด..... ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆกับเหล่าทหารที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้น”
จางไฮ่และซุนคุนนั้นมีท่าทางที่ซับซ้อนขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง พวกเขานั้นส่ายหัวและยังคงเงียบสงัดอยู่ หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มที่จะผ่างูเหลือมต่อ
“คุณมาจากที่ไหนกัน?”เจียงลู่ฉีคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งและถามขึ้น
“เจียหยิงและฉันหลบซ่อนตั้งแต่ภัยพิบัตินั้นเริ่มต้นขึ้น แต่หลังจากนั้นพวกเราก็ติดต่อกันกับกองทัพทางวิทยุ ดังนั้นพวกเขาจึงส่งกัปตันเฉินให้นำพวกเราไปยังเกาะเชนไฮ่”ศาสตราจารย์จางตอบกลับ
“ศาสตาจารย์จางและคนอื่นที่เหลือนั้นถูกส่งไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย แต่สมาชิกทีมที่เหลือนั้นเสียชีวิตแล้ว โชคดีที่ศาสตราจารย์ยังคงหาที่ปลอดภัยในการซ่อนไว้ได้”เฉินเต๋านั้นไม่ได้ให้รายละเอียดมากสักเท่าไหร่
“นั่นโชคดีมากเลยละ”เจียงลู่ฉีพยักหน้า เขาเข้าใจมันเนื่องจากว่าหลันซิหยู่นั้นก็พบกับเรื่องอะไรที่คล้ายแบบนี้ วันโลกาวินาศนั้นให้ความเลวร้ายที่มากเกินไปสำหรับพวกเขา ทุกคนนั้นจำเป็นที่จะต้องคว้าโอกาสในการมีชีวิตรอดนั้นไว้
“แต่ฉันใช้โชคทั้งหมดของฉันหมดแล้ว”เฉินเต๋าเผยให้เห็นรอยยิ้มอันกระอักกระอ่วน “ฉันต้องการที่จะบอกท่านถึงความจริงที่ว่ามันไม่มีทางเลยสำหรับพวกเราที่จะไปถึงยังเกาะเชนไฮ่อย่างปลอดภัยด้วยจำนวนกระสุนและจำนวนคนในปัจจุบัน ดังนั้น...”
“ดังนั้น นายก็เลยต้องการที่จะรู้ว่าพวกเราสนใจเกี่ยวกับมันไหมสินะ…” เจียงลู่ฉีพูดต่อ
เฉินเต๋ายิ้มเนื่องจากเขานั้นต้องการให้เจียงลู่ฉีช่วยพวกเขา มันมีสมาชิกเพียงแค่สี่คนในทีมของเขา พูดตรงๆแล้ว มันก็มีเพียงแค่สามคนเนื่องจาก ลูกน้องคนหนึ่งของเขานั้นเจ็บมือเนื่องจากสัตว์ประหลาดนั่น
น้ำลายของงูเหลือมกลายพันธุ์นั้นมีพิษ ด้วยเหตุนี้นี่เอง แขนของเขานั้นจึงเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง ทหารที่บาดเจ็บนั้นลงมาจากรถบรรทุก ทหารคนนี้นั้นดูเด็กยิ่งกว่าเจียงลู่ฉีซะอีก เขานั้นมีอายุสิบแปดพร้อมกันกับใบหน้ากลม ปากของเขานั้นเปลี่ยนกลายเป็นสีดำและม่วงแล้ว และก็ยังคงมีเลือดที่ไหลออกมาจากแขนของเขา หลังจากที่เขาลงจากรถ เขาก็โบกมือของเขาแก่เฉินเต๋าและเปิดปากพร้อมกับเผยให้เห็นถึงท่าทางที่น่ารัก
“นี่คือพี่เบียวค่ะ” จางเจียหยิงพูดและก็วิ่งไปหาเขา แต่ทหารคนนี้ก็เพียงแค่ยิ้มและโบกมือให้จางเจียหยิง “เจียหยิงน้อย พี่เบียวนั้นมีบางสิ่งที่จะต้องทำ ได้โปรดอย่าตามฉันมาเลย”
จางเจียหยิงมึนงงไปชั่วครู่หนึ่ง
“กัปตัน ผมขอไปเดินเล่นสักหน่อยนะ” เขาโบกห่อผ้าแก่เฉินเต๋า เฉินเต๋านั้นต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
ดังนั้นเขาจึงหันกลับไปมองพี่น้องของเขาและเดินช้าๆไปยังร้านค้าด้านข้าง เมื่อมองไปที่หลังของเขา จางเจียหยิงก็รู้สึกถึงความเสียใจอย่างฉับพลัน เธอนั้นมีความรู้สึกถึง....
“เจียหยิง ปล่อยให้พี่เบียวนั้นอยู่คนเดียวชั่วครู่หนึ่งเถอะ” ศาสตราจารย์จางพูดด้วยเสียงต่ำ เฉินเต๋านั้นเงียบสนิทและก็จับไปที่กระเป๋าเสื้อของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจเพื่อที่จะหาบุหรี่ อย่างไรก็ตามเขาจับไม่โดนอะไรเลย เนื่องจากว่าบุหรี่ของเขานั้นหมดมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว
ทหารที่เหลือนั้นก็กลายเป็นเงียบสงัด ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็มีเสียงเบาๆดังขึ้นมาจากในร้านค้า มันเหมือนกันกับเสียงอะไรบางอย่างทับลงไปกับโต๊ะ และเฉินเต๋าก็เดินไปอย่างเงียบๆในร้านค้า จางเจียหยิงนั้นก็ร้องไห้ออกมาในทันทีและหลังจากนั้นเธอก็ปิดปากด้วยสองมือของเธอ
เจียงลู่ฉีถอนหายใจ แต่ก็ยังคงถือปืนและลงมาจากรถ และเดินตามพวกเขาไป ประตูของร้านนั้นเปิดอยู่และพวกเขาก็เห็นทหารที่กำลังนอนจมกองเลือด และมีดาบปลายปืนสามคมนั้นปักอยู่ที่หัวใจเขาอยู่
เขานั้นไม่ได้ใช้ปืนยิงเนื่องจากว่ากระสุนปืนนั้นจะต้องใช้ในภายหน้า เฉินเต๋านั้นไม่ได้พูดอะไรเลยและหลังจากนั้นเขาก็หยิบห่อผ้าออกมาซึ่งมันก็ไม่ได้มีอะไรอย่างอื่นนอกจากกระเป๋าตังที่มีรูปครอบครัวของเขาสองใบ
หนึ่งในรูปนั้นก็คือคู่รักวัยกลางคน และอีกหนึ่งคนก็คือเด็กสาวที่แต่งตัวง่ายๆ เธอมีผมสีดำ... ในเวลานั้นเอง เจียงลู่ฉีก็รู้สึกเศร้า ในช่วงเวลาที่สงบ เพื่อนและครอบครัวนั้นเป็นดั่งสมบัติของคนคนหนึ่ง แต่หลังจากวันโลกาวินาศแล้ว สมบัติของผู้คนนั้นกลายเป็นอะไรกันแน่ละ?
พระอาทิตย์ก็เริ่มที่จะตกดินแต่เจียงลู่ฉีก็มองไปที่เฉินเต๋าและทหารคนอื่นอย่างเงียบๆในขณะที่พวกเขานั้นลากร่างของสหายพวกเขานั้นเข้าไปในร้านค้าอย่างเงียบๆ
เฉินเต๋าใส่รูปของเบียวไว้ในกระเป๋าเสื้อของเขาและหลังจากนั้นก็บล็อกประตูไว้และเริ่มที่จะจุดไฟ ตาของพวกเขานั้นเปียก พี่น้องบางคนก็หยิบหมวกทหารของเบียวลงและแขวนไว้มันในกองเพลิงที่ลุกไหม้
ในเวลานั้นเอง ตราของกองทัพนั้นก็สว่างขึ้นอย่างไม่คาดคิดด้วยเปลวไฟ เฉินเต๋านั้นก็หยิบกระติกน้ำออกมาจากเอวของเขา “พี่น้อง ฉันรู้ว่านายเป็นคนที่ชอบดื่มมาก โชคดีนะ เพื่อนร่วมรบของฉัน....”
น้ำนั้นไหลลงไปบนพื้นและล้างคราบเลือดที่ติดไว้อยู่
“วันนี้ ตราของกองทัพนั้นคืออนุสาวรีย์ของนายและกองทัพก็คือเนินเขาของนาย นายเป็นผู้คนที่สุดยอด โชคดีนะ เพื่อนรวมชาติของฉัน”
ต่อหน้าไฟอันลุกไหม้อย่างบ้าคลั่ง ทหารทั้งสามคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าซากศพและเผชิญหน้าเข้ากับหมวกเล็กๆของทหารที่ทำเป็นที่เคารพของกองทัพ
เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เจียงลู่ฉีนั้นก็จมเข้าไปในความคิดของเขาเอง