[KotB] บทที่ 94: ศึกชิงปราสาทคนแคระ (2)
บทที่ 94: ศึกชิงปราสาทคนแคระ (2)
ดาร์คดราก้อนบาร์ซ่าพ่นลมหายใจที่รุนแรงออกมา
เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของมังกรที่เรียกว่าลมหายใจมังกร!
ฮูมมมมมมมมมมม!
กำแพงยักษ์ของปราสาทเริ่มสั่นไหว
เป็นที่น่าชื่นชม เมื่อกำแพงที่หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัสอุทิศตัวในการสร้างไม่ได้พังทลายลงในทันที
บาเรียเวทมนตร์หลายสิบชั้นที่ซ้อนทับกัน ช่วยปกป้องพวกเขาจากลมหายใจของมังกร
‘ยอดเยี่ยม’
ภาพของบาเรียเวทมนตร์สีฟ้าหลายสิบชั้นที่โผล่ขึ้นมาพร้อมๆกันอย่างสวยงามในสายตาของมูยอง
จำนวนของมันคือ 50 ชั้น
เท่ากับว่าตอนนี้มีกำแพงจำนวน 50 ชั้นขวางกั้นพวกเขาไว้ และแต่ละชั้นยังเว้นช่องว่างเอาไว้อย่างพอเหมาะสำหรับรองรับแรงกระแทก
สมควรแล้วที่บาร์ทัสถูกเรียกว่าหัตถ์เทพเจ้า
นี่เพราะว่าเขามีความรู้ทั้งด้านการก่อสร้างและเวทมนตร์
เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!
อย่างไรก็ตามกำแพงทั้ง 50 ชั้นไม่สามารถต้านทานลมหายใจมังกรที่รุนแรงได้นานนัก
เมื่อชั้นแรกแตก ชั้นต่อๆมาและในทันทีกำแพงทั้ง 3 ชั้นก็ได้พังทลายลง
ไม่เพียงแต่กำแพงเท่านั้นที่มีขนาดใหญ่ แต่บาร์ซ่าเองก็ด้วย
บาร์ซ่ามีขนาดเล็กกว่ากำแพงเล็กน้อย แต่ก็ใหญ่พอที่จะทำให้ผู้อื่นหวาดกลัว
'มันไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่ากับอารูคิชมังกรปีศาจที่ดราก้อนลอร์ดได้ฝึกฝน'
เขาหวังว่าจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับมังกรที่แข็งแกร่งกว่านี้
มังกรปีศาจอารูคิช
มันเป็นเจ้าของ 'ภูเขาไฟลาวาทมิฬ' ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้ามภายในดินแดนเทพปีศาจ
มันปฏิเสธสิ่งมีชีวิตใดๆที่เข้ามาใกล้และใช้ลิชเพื่อควบคุมอันเดธรอบๆอาณาเขต
หลายๆกิลด์เคยส่งสมาชิกออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อพิชิตภูเขาไฟลาวาทมิฬ แต่พวกเขาทั้งหมดก็ล้มเหลว
หลังจากนั้นเพื่อแก้แค้น อารูคิชได้บัญชาการกองทัพแห่งความตาย และรุกรานดินแดนของเหล่ามนุษย์
มันได้ทำลายกิลด์และตระกูลขนาดใหญ่กว่า 20 แห่ง
นั่นเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนระดับขององค์กรทั้งหมด
มันเป็นมอนสเตอร์ที่อยู่ในระหว่างระดับ 5 ของระดับสุดยอด และสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ
กว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้ก็ต้องให้ 7 ใน 10 ของผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์ออกมา
อย่างไรก็ตามมันไม่ได้ถูกสังหาร
อารูคิชได้หลบหนีออกไปไกล แต่ต่อมามันก็ถูกค้นพบและควบคุมโดยดราก้อนลอร์ดโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้
เฉพาะมูยองเท่านั้นที่เฝ้าจับตามองดราก้อนลอร์ดอยู่จึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อเปรียบเทียบอารูคิชกับดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า ความแตกต่างนั้นเหมือนกับผู้ใหญ่กับเด็ก
ถึงแม้จะเป็นความจริงที่ว่ามันแข็งแกร่งมาก แต่มันก็อ่อนแอกว่าอารูคิชอย่างแน่นอน
มูยองค่อนข้างมั่นใจได้เพราะเขาเคยเผชิญหน้ากับอารูคิชด้วยตัวเองมาแล้ว
‘เป็นเวลา 3 ปี ที่ฉันได้จับตาดูดราก้อนลอร์ดและมังกรปีศาจอารูคิช '
จากการลอบสังหารทั้งหมด การฆ่าทั้งสองนั้นเป็นงานที่ยากที่สุด
เขารู้จักทุกๆพฤติกรรมของดราก้อนลอร์ดและมังกรปีศาจอารูคิช และแม้แต่นิสัยที่เล็กน้อยที่สุด
เขาไม่แน่ใจว่ามันสามารถนำมาใช้กับมังกรตัวอื่นได้หรือไม่ แต่เขาคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลอง
"ลมหายใจของมังกรไม่สามารถคงอยู่ได้นาน! ยิงปืนใหญ่ไปที่ปากของมันเรื่อยๆ! "
เพล้ง! เพล้งงงง!
ในพริบตา บาเรียเวทมนตร์ประมาณ 15 อันก็แตกกระจายและแยกออกจากกัน
เหลืออีก 35 ชั้น
ก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะหายไป เขาต้องล่อมันไปยังสถานที่ที่ง่ายต่อการเล็ง
"พวกเรา พวกเราจะตาย! พวกเราทุกคนจะตาย! "
คนแคระที่อยู่บนกำแพงปราสาทร่างกายสั่นสะท้าน
จำนวนคนแคระมีอยู่ประมาณ 24,000 คน
แม้ว่ามูยองจะได้ฝึกอบรมพวกเขา แต่มันก็ไม่ได้มีผลกับทุกคน
มีคนแคระบางคนที่ไม่สามารถเอาชนะความกลัว
พวกมันกำลังสร้างความวุ่นวายและชักใบให้เรือเสีย
"หนีกันเถอะ? ได้โปรด? มีเหตุผลใดที่คนแคระจะสามารถเอาชนะมังกรได้? ไม่ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน ฝ่ายตรงข้ามของเราก็คือมังกร! เจ้าไม่เห็นเหรอว่าที่ผ่านบาร์ทัสไม่สามารถสู้กับมังกรได้? ทุกๆอย่างแปลกไปหมดหลังจากที่โดเกบิปรากฏตัว มังกรและคนแคระแตกต่างกันตั้งแต่เกิด ... ! "
สวบ!
มูยองแทงดาบเข้าไปในปากของเขา
“อึก!
มันเป็นช่วงเวลาที่คนแคระคนนั้นกำลังจะกรีดร้องพอดี
มูยองกระโดดขึ้นไปบนกำแพงปราสาทอย่างเงียบๆ
ฟุบ!
และด้วยดาบที่ยังคงติดอยู่ในปากของคนแคระ เขาก็ตัดศีรษะของมันออก
ในไม่ช้า ภูติผีจำนวนมากก็เข้าไปในร่างกายของมันผ่านลำคอที่เปิดกว้าง
ตู้ม!
มันปะทุออกมา
ชิ้นเนื้อจากศพกระจัดกระจายออกไปรอบๆตัวมัน
ภาพของมูยองยังให้ความรู้สึกน่ากลัวประหลาดๆอยู่เช่นเดิม
'เราไม่สามารถให้มันลดทอนจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลงได้'
ในระหว่างการสู้รบ เขาจะต้องฆ่าพันธมิตรที่ลดทอนจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของพวกตนลง
ไม่ว่าเหตุผลคืออะไรก็ตาม
คนแคระทั้งหมดที่มองมาล้วนตัวสั่นสะท้าน
"การถูกสังหารโดยมังกรย่อมเจ็บปวดน้อยกว่าการถูกสังหารโดยผม และมันจะมีเกียรติมากกว่าหากตายในการสู้รบ ไม่ใช่ตายในขณะที่กำลังวิ่งหนี นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะยุติความขัดแย้งกับมังกร คุณคิดว่าการหนีไปในเวลานี้มันดีจริงเหรอ? "
มูยองพูดอย่างแผ่วเบาแต่ทรงพลัง
"คุณวางแผนที่จะใช้เวลาที่เหลือในชีวิตของเป็นทาส? เป็นคนขี้ขลาดตาขาวที่หลบหนีอยู่เสมอ?! การต่อสู้ การสู้รบ พวกมันไม่สนใจคนแคระ พวกมันเยาะเย้ยชื่อของเฮมดอลล์ แม้แต่ผมที่เป็นโดเกบิยังก็รู้ความจริงนี้! แต่คุณยังพยายามที่จะหันหลังให้กับโอกาสที่เกิดขึ้นในช่วงหลายร้อยปี? "
"บัดซบ! "
"นำลูกศรขึ้น!"
"อีกนานแค่ไหนก่อนที่เจ้าจะนำหน้าไม้ยักษ์มาให้แก่ข้า? เร็วเข้า ลากมันมาที่นี่! "
"ตรงนี้ ขยับปืนใหญ่มายิงมัน! ยิงปืนใหญ่ใส่ปากของมัน! "
อารมณ์ของคนแคระเดือดพล่านขึ้นมา
ปราสาทสงคราม
เหมือนกับชื่อตัวมันเอง
ถ้าตอนนี้พวกเขาสูญเสียไป มันไม่มีโอกาสอื่นอีก
คนแคระทั้งหมดรู้ความจริงนี้
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขแม้ว่าพวกเขาจะหนีไปก็ตาม
พวกเขาต้องชนะ
นั่นคือวิธีเดียวที่พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้
แม้ว่าพวกเขาจะขุ่นเคืองต่อคำพูดของมูยอง แต่มันก็เป็นความจริงทั้งหมด
ที่นี่ในอันเดอร์เวิลด์ จุดยืนของคนแคระนั้นอ่อนแอ
ทุกสายพันธุ์อื่นๆคิดว่าคนแคระเป็นเพียงทาสหรือผู้ลี้ภัยเท่านั้น
หากพวกเขาไม่ได้ลบนิสัยแย่ๆนี้ออกไป อนาคตของพวกเขาก็มืดมิด
'น้ำมันถูกราดลงไปในกองไฟ'
ไฟของคนแคระกำลังลุกโชนขึ้นอย่างรุนแรง
หากแต่เปลวไฟเหล่านี้จะเผาผลาญตัวเองหรือกำจัดฝ่ายตรงข้าม มูยองก็ได้แต่ต้องรอดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
ทาร์แคนพาเหล่าอันเดธกลายพันธุ์ไปและเคลื่อนไหว
ทาร์แคนผู้ซึ่งเป็นอัศวินแห่งความตายและนักล่าวิญญาณปีศาจ สามารถสั่งภูติผีให้สิงสู่พวกกลายพันธุ์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาได้
เนื่องจากผู้กลายพันธุ์เปลวเพลิงเกิดจากการผสมผสานกันระหว่างไฟทาร์และผู้ล้างแค้น พวกเขาจึงสามารถโจมตีศัตรูได้จากด้านหลัง
'แคลล่า ก่อนที่มันจะโผล่ออกมา ข้าต้องรักษาตำแหน่งตอนนี้เอาไว้'
การล่ามังกรมีความหมายมากมายสำหรับทาร์แคน
ผู้ปกครองทั้งสามของเส้นทางของอาชูร่า
ทาร์แคนเป็นหนึ่งในสาม แต่สักวันผู้ที่ถูกเรียกว่า 'แคลล่า' จะต้องแสดงตัวออกมาแน่
แคลล่าเป็นราชาที่กำลังแข่งขันกับทาร์แคน
ความสัมพันธ์ของพวกเขาย่ำแย่เป็นอย่างมาก และพวกเขามีแนวโน้มที่จะเกลียดชังและมีความแค้นต่อกันแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆ
ถ้าแคลล่าได้ยินว่าทาร์แคนฆ่ามังกรตัดหน้ามัน มันจะต้องเป็นอะไรที่น่าดูแน่ๆ
และเพื่อเห็นใบหน้านั้นของแคลล่า เขาต้องประสบความสำเร็จในการล่ามังกรตัวนี้เสียก่อน
ราชาคนอื่นๆ ...
'มูยองจะสามารถปลุกพวกเขาขึ้นมาได้หรือไม่?
ทาร์แคนคิดเกี่ยวกับมูยอง
จากนั้นก็ส่ายหัว
แม้ว่าดวงวิญญาณของมูยองจะดูลึกล้ำและลึกลับ แต่ทาร์แคนก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัย
คนผู้นั้นเป็นคนที่เยี่ยมที่สุดในบรรดาราชาผู้ปกครองทั้งสาม เขาจึงถูกปิดผนึกไว้ในเส้นทางของอาชูร่าตลอดกาลเนื่องจากความพิโรธของเหล่าทวยเทพ
มันอยู่ในระดับที่แตกต่างจากตัวเขาเองหรือแคลล่า
แม้ว่าจะเป็นมูยองก็คงไม่สามารถทำลายผนึกของผู้นั้นได้
ทาร์แคนเดาะลิ้นของเขา
มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะนึกถึง
ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องโจมตีดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า
วูมมมมมม!
เขาเหวี่ยงดาบยาวขนาดใหญ่เพียงครั้งเดียว
จากนั้นลมรุนแรงก็พัดออกมาหั่นปีกของไวเวิร์นกลางอากาศ
หลังจากนั้น ภูติผีก็ปรากฏขึ้นทั้งสองด้านของทาร์แคน และก่อรูปขึ้นเป็นปีก
“ลุย”
ปีกรูปแบบเดียวกันได้ถูกสร้างขึ้นให้กับผู้กลายพันธุ์หลายสิบตนและเซอร์เบอรัส
พวกมันไม่สามารถคงอยู่ได้นาน แต่อย่างไรเขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะสู้เป็นเวลานานอยู่แล้ว
ฟู่วววววว!
เปรี้ยงงงงง!
ด้วยการปลดปล่อยเปลวเพลิงและสายฟ้าของเซอร์เบอรัส ทำให้การต่อสู้เริ่มต้นขึ้น
กำแพงที่คนแคระสร้างขึ้นแข็งแรงกว่าที่เห็น
มันเป็นสิ่งที่ทำลายความภาคภูมิใจของบาร์ซ่า
อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถใช้ลมหายใจมังกรได้ตลอดไป
ฮูมมมมมมมมมมมมม!
ในที่สุด บาร์ซ่าก็คำรามออกมาหลังจากที่ลมหายใจของมันหมดลง
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามันจะไม่ยอมแพ้
ด้วยกรงเล็บอันแหลมคม บาร์ซ่าคว้าไวเวิร์นที่บินอยู่ใกล้ๆ
กรุบ! กรุบ!
ไวเวิร์นถูกโยนเข้าไปในปาก และกำลังถูกกิน
มังกรมีคุณสมบัติพิเศษขึ้นอยู่กับชนิด หากมังกรปีศาจสามารถจัดการกับความมืดได้ ดาร์คดราก้อนบาร์ซ่าก็สามารถ'ดูดกลืน'พลังชีวิตได้
และการดูดกลืนของบาร์ซ่าก็เหนือกว่าดาร์คดราก้อนตัวอื่นๆ
กรุบ! กรุบ!
หลังจากกลืนกินค้างคาวสายฟ้าจำนวนมาก สายฟ้าสีดำก็โหมกระหน่ำไปมารอบๆตัวบาร์ซา
มันเป็นเช่นนั้น
บาร์ซ่าสามารถคัดลอกความสามารถของสิ่งที่กลืนเข้าไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
ยิ่งไปกว่านั้นพลังการทำลายล้างของมันก็เท่ากับสัดส่วนกับความแข็งแกร่งของบาร์ซ่า
ตัวแปรที่แม้แต่มูยองก็คิดไม่ถึง
นี่คืออำนาจของบาร์ซ่า ที่แม้แต่คนแคระก็ไม่รู้
ฟืดดดดดดดดดด!
อีกครั้ง บาร์ซ่าสะสมพลังสำหรับลมหายใจของมัน
ด้วยความแข็งแกร่งเสียงคำรามและสายฟ้า มันปล่อยลมหายใจตรงไปยังกำแพง
เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงงงงงง!
มูยองขมวดคิ้วของเขา
บาเรียเวทมนตร์ 30 ชั้นของพวกเขาถูกทำลายลงทันที
เพียงแค่การยิงครั้งเดียว มันเกิดขึ้นเพราะว่าบาร์ซ่าได้ใช้พลังของสายฟ้าและอสนียบาศไปในลมหายใจของมังกร
'มันเป็นแค่อาหาร'
เพียงครั้งเดียวมูยองก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของบาร์ซ่า
เหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงมาพร้อมกับมอนสเตอร์จำนวนมาก
มอนสเตอร์เหล่านั้นคืออาหารสำหรับบาร์ซ่าเท่านั้น
เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ในการนำพวกมอนสเตอร์มาคืออะไร
เขาไม่เคยคิดว่ามันจะสามารถคัดลอกความสามารถของฝ่ายตรงข้ามที่มันดูดกลืนได้
อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถดูดกลืนความสามารถ 2 อย่างพร้อมกัน หรือใช้ซ้ำได้
ไวเวิร์นเป็นมอนสเตอร์ที่มีคุณสมบัติธาตุดินมากกว่าธาตุลม
อย่างไรก็ตาม บาร์ซ่าเพียงแสดงคุณสมบัติของสายฟ้าออกมา
หมายความว่ามันสามารถคัดลอกประเภทความสามารถได้เพียงครั้งละหนึ่งอย่างเท่านั้น
หากปราศจากการคัดลอก มันจะไม่สามารถทำลายบาเรียเวทมนตร์ได้อย่างง่ายดายด้วยลมหายใจของมัน
เขาควรทำอย่างไร ...
มูยองลูบคางของตัวเอง
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
"โอ้ย เจ็บๆ! ฮี ทำไมมันจู่ๆถึงเกิดเรื่องแบบนี้?"
ในขณะนั้น ร่างของวูฮีก็ชักกระตุกหน่อยๆด้วยความไม่พอใจ
โลหะที่วูฮีสวมใส่อยู่นั้นสร้างปฏิกิริยาแปลกๆ
เขาไม่แน่ใจว่าเธอได้มันมาจากไหน แต่ไฟฟ้าฟ้าสถิตยังคงถูกปล่อยออกมาจากโลหะอย่างต่อเนื่อง
หลังจากมองไปที่ฉากนี้แล้ว มูยองก็รีบหันศีรษะของเขาอย่างรวดเร็ว
"ไปหาเสาเหล็กมาให้ผมเดี๋ยวนี้!"
และสั่งให้คนแคระที่อยู่ใกล้ๆ
คนแคระเคลื่อนไหวตามคำสั่งและนำเสาเหล็กจำนวนมากที่มีความยาวประมาณ 2 เมตรมา
มูยองเห็นพวกมันแล้วก็ออกคำสั่งต่อไป
"วางเสากระจายไว้ด้านบนของกำแพงปราสาท คุณต้องวางพวกมันให้ห่างออกจากกัน "
"มีเหตุผลอะไรมั้ยที่เจ้าให้วางพวกมันไว้เช่นนี้?"
"ผมไม่มีเวลาอธิบาย เร็วเข้า!"
มูยองกำลังทำสายล่อฟ้า
สายฟ้าและฟ้าฝ่าสามารถตอบสนองได้ดีต่อโลหะ และสายล่อฟ้าที่ถูกวางไว้ในพื้นที่ที่แตกต่างกันจะแบ่งความรุนแรงของสายฟ้าแต่ละเส้นไป
จริงๆคนแคระก็ทราบหลักการนี้ แต่เพราะพวกเขาห่างเหินไปจากสงครามนานมากเกินไปจึงไม่อาจตระหนักได้
หลังจากนั้นสักครู่ สายล่อฟ้าก็ถูกวางไว้ในบริเวณต่างๆของกำแพงปราสาทและความแรงของฟ้าผ่าและสายฟ้าก็ลดลง
"การโจมตีอ่อนกำลังลงแล้ว!"
“เสานั่นได้ผล!”
จิตวิญญาณของคนแคระลุกโชนขึ้นอีกครั้ง
จากนั้นราวกับว่าดาร์คดราก้อนได้ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างที่แปลกไปเช่นกัน มันได้หยุดลมหายใจลงชั่วครู่
'มันอาจจะวางแผนกินมอนสเตอร์ตัวอื่นๆ '
ตอนนี้พวกเขาได้ทำการป้องกันคุณสมบัติของสายฟ้าไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม มันยังคงมีคุณสมบัติของธาตุดินที่ไวเวิร์นมี และคุณสมบัติของธาตุลมจากวินด์ไรเดอร์ "
อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติทั้งสองอ่อนแอต่อคุณสมบัติอันหนึ่ง
คุณสมบัติของธาตุดินและลมอ่อนแอต่อคุณสมบัติธาตุมืด
นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างคุณสมบัติ
และความมืดเป็นสายพลังที่มูยองมั่นใจมากที่สุด
'มันจะเป็นการต่อสู้ที่ยุ่งเหยิง'
ก่อนที่บาเรียเวทมนตร์ทั้งหมดจะถูกทำลายลง เขาวางแผนที่จะลดทอนพลังของบาร์ซ่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
และการทำเช่นนี้ เขาก็พร้อมที่จะแม้แต่จะพุ่งเข้าไปในความวุ่นวาย
สวูม!
เขาชักดาบออกมา
ตอนนี้ มันก็ถึงเวลาแล้วที่มูยองจะมีส่วนร่วม