ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 92: เกราะราชันอมตะ (จบ)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 94: ศึกชิงปราสาทคนแคระ (2)

[KotB] บทที่ 93: ศึกชิงปราสาทคนแคระ (1)


บทที่ 93: ศึกชิงปราสาทคนแคระ (1)

วูฮีทำหน้ามุ่ย

เธอล่อมอนสเตอร์เพราะอยากเอาใจมูยอง แต่มันยากกว่าที่คาดไว้

"วูฮีไม่อยากทำแล้วววว.. "

ผู้ล้างแค้นเปลวเพลิง

วูฮีร้องไห้ขณะที่เธอนั่งอยู่บนไหล่ของอันเดธกลายพันธ์ุเพลิง

เดิมทีวูฮีถือว่าเป็นภูติที่ขี้เกียจเลยทีเดียว

ถ้าเธอขยันคงจะไม่ใช้เวลานานในการสร้างสมรภูมิไร้จุดจบอย่างที่ผ่านมา

ดังนั้นวูฮีจึงพยายามครุ่นคิด

ไม่มีอะไรแปลกๆใหม่ๆบ้างเหรอ?

อันเดธสามารถทำทุกอย่างตามคำสั่งได้ แต่เธอเริ่มเบื่อจากการล่อมอนสเตอร์แล้ว

"หืม? อะไรอะ?"

มันเป็นตอนที่เธอกำลังค้นหามอนสเตอร์ตัวต่อไปอยู่เหนือพื้นหิมะ

กล่องสีดำได้ขยับเข้ามาในระยะสายตาของเธอ

'มันคือ มิมิค!'

หลังจากที่รู้ว่ากล่องนั้นคืออะไรดวงตาของวูฮีก็ส่องประกาย

มิมิคเป็นมอนสเตอร์ประเภทกล่อง

โดยปกติแล้วมันก็เหมือนกับเวทมนตร์ที่ถูกร่ายลงบนกล่องสมบัติโดยนักเวทย์ระดับสูง

เป็นมอนสเตอร์ที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันผู้ที่จะสัมผัสกล่องโดยอัตโนมัติ

เธอไม่รู้ว่าทำไมมิมิคอยู่ในสถานที่เช่นนี้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่วูฮีสนใจ

วูฮีชี้นิ้วออกไปสั่งอันเดธกลายพันธุ์ทันที

"เดินไปตรงนั้น!"

อว๊าาา!

อันเดธกลายพันธุ์เคลื่อนที่ไปรอบๆมิมิคอย่างช้าๆ

ปกติมิมิคจะโผล่ขึ้นมาจากกล่องเมื่อมีคนพยายามจะเปิดมัน แต่เมื่ออันเดธกลายพันธุ์พังมันด้วยพลังมหาศาล ความสามารถในการตอบโต้แบบนั้นก็ไร้ประโยชน์

ในไม่ช้าเหรียญทองเหลืองอร่ามก็โผล่ออกมาให้เห็นจากกล่องที่ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง วูฮีบินไปอย่างรวดเร็วและคว้ามันไว้ด้วยมือของเธอ

“วู๊ฮีฮีฮีฮี่ฮิฮิ!”

แก้วแหวนเงินทอง และสมบัติอีกมากมายที่เธอไม่รู้จัก!

ยังไงซะวูฮีก็เป็นผู้หญิง เธอย่อมชอบสิ่งของเหล่านี้

กริ๊งง!

เธอเทสมบัติออกและพุ่งลงบนนั้น

"อ่าาความมั่งคั่ง ถ้าฉันมีบ้านมันจะต้องตกแต่งด้วยสิ่งนี้ "

สมบัติที่อยู่บนเตียงของเธอ วูฮีนอนกอดอกขณะแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

เมื่อไหร่ก็ตามถ้าเธอมี 'บ้าน' ความฝันเล็กๆน้อยๆของวูฮีมีคือการเติมเต็มด้วยสมบัติเหล่านี้

บ้านที่น่าอัศจรรย์และสง่างามยิ่งกว่าสถานที่ใด!

'สามีกับชีวิตที่สวยงาม วู ฮีฮี'

เธอไม่สามารถหยุดหัวเราะได้หลังจากจินตนาการถึงอนาคตที่เต็มไปด้วยทองของเธอ

ถ้าเธอมีบ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยสมบัติและมูยองแล้วละก็ ในโลกนี้ก็ไม่มีอะไรให้เธอต้องอิจฉาอีกแล้ว

และในตอนนั้นเอง

ฟรึ่มมมมมมมม!

สิ่งมีชีวิตสีดำขนาดใหญ่บินผ่านไปเช่นเดียวกับลูกศรบนท้องฟ้า

รอบๆตัวของมันเต็มไปด้วยฝูงมอนสเตอร์ประเภทบินจำนวนมาก

เพราะสิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างกระทันหัน วูฮีจึงไม่สามารถตอบสนองได้ในทันที

อย่างไรก็ตามใบหน้าของวูฮีเปลี่ยนแข็งทื่อหลังจากที่เห็นวิถีบินของมัน

"ดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า!"

ดาร์คดราก้อนบาร์ซ่ามุ่งหน้าไปทางด้านเหนือ *

เป็นเวลา 68 วันแล้วนับตั้งแต่เขาเข้ามาในปราสาท

"สู้ให้เหมือนกับวันนี้เป็นวันสุดท้าย ผมจะทำให้คุณรู้ว่ามังกรไม่ใช่เรื่องใหญ่ "

มูยองยังคงฝึกโหดให้กับเหล่าคนแคระ

เขาจัดกลุ่ม กลุ่มละสิบคน และให้ทุกคนโจมตีมาที่ตัวเอง

ตึม! ตึม!

คนแคระกำลังตีโล่และดาบของพวกเขาเป็นจังหวะ

คนแคระเป็นมอนสเตอร์ที่อยู่ในระดับปานกลาง แต่ถ้าหากพวกมันสวมใส่อุปกรณ์ที่ดีพวกมันก็จะมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก

ถึงแม้จะแค่ 10 คนแต่มูยองก็ไม่อาจลดการป้องกันได้

'หากไม่มีเสื้อเกราะราชันอมตะก็คงเป็นเรื่องยาก'

ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมูยองมาจากเหล่าภูติผีและอันเดธ

อย่างไรก็ตามตอนนี้มูยองต้องเผชิญหน้ากับคนแคระด้วยพละกำลังของตนเองเพียงอย่างเดียว

เกราะราชันอมตะที่เปล่งประกาย

เป็นครั้งแรกที่เขามีพลังป้องกันอย่างท้วมท้น

การโจมตีของคนแคระไม่สามารถทำให้เกิดแม้แต่รอยถลอกเล็กๆได้

ไม่ใช่แค่คนแคระ แต่มันก็แข็งแรงพอที่จะทำให้การโจมตีของนักล่าปีศาจวิญญาณทาร์แคนเป็นโมฆะได้

'แต่แค่นี้ฉันยังไม่อาจสามารถเอาชนะ'

มูยองที่เป็นผู้สวมมันเข้าใจเรื่องนี้ดี

ว่าเขาไม่สามารถป้องกันการโจมตีทั้งหมดของดาร์คดราก้อนบาร์ซ่าได้

มันไม่สามารถทำลายได้จริงในแง่ของสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติเท่านั้น

นั่นหมายความว่ามันไม่สามารถถูกทำลายได้หากความทนทานยังไม่หมด ถ้าเป็นเพียงผลกระทบจากภายนอกไม่มีเครื่องมือใดที่จะทำให้มันถูกทำลายลง

อย่างไรก็ตามความสามารถในฟื้นฟูตามธรรมชาติของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก มันทำให้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกลายเป็นโทรล

การเผาผลาญความอึดโดยปกติแล้วจะถูกฟื้นฟูกลับมาด้วยการพักผ่อนในระยะเวลาประมาณหนึ่งหรือสองชั่วโมง

และบาดแผลส่วนใหญ่จะหายภายในครึ่งวัน

'หากฉันสามารถสะสมอุปกรณ์ครบเซ็ตได้... '

แค่เขาสวมเกราะ ความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ดังนั้นไม่สามารถจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของเขาได้ หากสามารถรวบรวมอุปกรณ์เพิ่มเติมได้อีก 4 ชิ้น ซึ่งระดับของพวกมันไม่ได้ทิ้งห่างจากความแข็งแกร่งของเกราะราชันอมตะเลย

อย่างไรก็ตามนี่เป็นส่วนที่มูยองไม่แน่ใจว่าจะไปหามันที่ไหน

มูยองส่ายหัวสะบัดความคิด

ทำไมมันถึงมีพลังของราชันอมตะ และทำไมมันถึงได้รับการพิจารณาให้เป็นไอเทมเซ็ต

ราชันอมตะ

เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้

ถ้าเป็นมูยองผู้ที่เคยประสบกับความตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ในบางมุมอาจพิจารณาได้ว่าเขาเป็นอมตะ อย่างไรก็ตามเขาไม่เชื่อว่าความแข็งแกร่งของตัวเองจะแสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะที่แตกต่างออกไป

หลังจากกลับมาคิดดู เขาก็พบว่ามันแปลกๆ

ถ้าบอกให้เขาทำเช่นเดิมอีกครั้ง ไม่แน่ว่าเขาจะทำได้อีก

เพื่อกำราบหัวใจของนกฟีนิกซ์และเติมเต็มด้วยความต้องการของตัวเอง

ความมุมานะที่ทำให้เขากล้าสวมเกราะนั้น ราวกับว่ากำลังถูกอาคมโดยใครบางคน

ตึม! ตึม! ตึม!

คนแคระตบโล่และอาวุธของพวกมันเสียงดัง

ก่อนการสู้รบ นี่เป็นวิธีแสดงความเคารพต่อมูยอง

เป็นประเพณีดั้งเดิมของคนแคระที่บอกว่าพวกเขายอมรับมูยองเป็นนักรบที่แท้จริง

จากนั้นคนแคระ 10 คนก็ยกเท้าก้าวเข้ามา

มูยองรีบขจัดความคิดที่ฟุ้งซ่านของเขาออก และมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้

ถ้าไม่ใช่เพราะวูฮีที่จู่ๆปรากฏตัวขึ้น เขาคงกำลังจะสู้กันอย่างดุเดือด

"ที่รัก! ที่รัก! เกิดเรื่องใหญ่แล้ว! "

ด้วยแหวน สร้อย และทองคำรอบๆตัวเธอ วูฮีรีบบินไปหาเขา

“มีอะไรรึเปล่า?”

กรึบ

ขณะที่มูยองถาม วูฮีก็กลืนน้ำลายลงคอ

“มะ!  มีปัญหาใหญ่แล้ว นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะมัวมาทำอะไรแบบนี้!”

"นี่ไม่ใช่เวลาที่เราจะเป็นแบบนี้?"

"บาร์ซ่า, บาร์ซ่าปรากฏตัวแล้ว!"

คำพูดของวูฮีทำให้เกิดความระส่ำระส่ายต่อผู้คนในวงกว้าง

"ดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า!"

"ในที่สุดมันก็ปรากฏตัวขึ้น"

รวมทั้งมูยอง คนแคระรอบๆทุกคนเริ่มส่งเสียงจอแจ

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่มีความกลัวเหมือนครั้งก่อน

"นี่เป็นผลของการล้างความคิด"

มูยองเปลี่ยนความคิดของพวกคนแคระอย่างลับๆด้วยคำว่า"มังกรไม่ใช่เรื่องใหญ่"

โดยการผลักดันให้เข้าสู่ขีดจำกัดและพูดคำเหล่านั้นให้พวกมันฟังทุกวัน

ถ้อยคำที่สลักไว้ในจิตใจจะควบคุมสัญชาตญาณก่อนที่พวกมันจะรู้ตัวเสียอีก

มูยองถามด้วยใบหน้าเฉยชา

"ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน?"

"มันเกือบจะมาถึงที่นี่แล้ว  วูฮีพยายามบินเข้าไปใกล้มันแล้วก็เห็น วูฮีเห็นมอนสเตอร์ตัวอื่นๆด้วย ไวเวิร์น วินด์ไรเดอร์ แล้งก็ค้างคาวสายฟ้า... "

ร่างกายของวูฮีกำลังสั่น

ไม่ใช่ว่าภูติทุกตัวจะสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดจากมังกรได้

มอนสเตอร์ที่เกิดมาในฐานะสายพันธุ์กึ่งเหนือธรรมชาติเช่นมังกร สามารถสังหารเหล่าภูติหรือทำลายการทดสอบที่พวกภูติสร้างขึ้นได้อย่างง่ายดาย

เนื่องจากมีภูติจำนวนมากถูกโจมตีโดยมังกรในอดีตที่ผ่านมา มันจะเป็นเรื่องโกหกถ้าจะบอกว่าเธอไม่กลัว

อย่างไรก็ตามเธอยังกล้าหาญและได้ตรวจสอบบริเวณใกล้เคียง

"เธอทำได้ดีมาก"

มูยองวางมือลงบนศีรษะของวูฮี

จากนั้นความตื่นตระหนกของวูฮีก็หยุดลงทันที

และเขาก็หันกลับมาตะโกน

"เตรียมตัวเข้าสู่สงคราม!"

การต่อสู้ครั้งนี้เป็นสงครามที่จะยุติความสัมพันธ์อันยาวนานและน่าเบื่อหน่ายระหว่างคนแคระกับมังกร

ตึงงงงงงง!

คนแคระกำลังกระแทกโล่ของตนลงบนพื้นด้วยใบหน้าที่หนักแน่น

มังกรไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามที่พวกเขาจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงอีกต่อไป ขณะที่พวกเขาเกิดใหม่ในฐานะนักรบผ่านมูยอง

มันเป็นความยากลำบากที่พวกเขาต้องเผชิญและต้องชนะ

ในตอนนั้นเอง

< 'ศึกชิงปราสาทคนแคระ' ได้เริ่มต้นแล้ว>

<พันธมิตรพลั่วสามกระสอบ การรวมตัวอันภาคภูมิใจที่ใหญ่ที่สุดในหมู่คนแคระ พวกเขายืนขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้งระหว่างเผ่าพันธุ์กับมังกร>

<ช่วยพวกเขาและเผชิญหน้ากับบาร์ซ่า ดาร์คดราก้อนบาร์ซ่าจะบุกปราสาทพร้อมกับมอนสเตอร์ประเภทบินจำนวนมาก>

<ขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือของคุณ คุณจะได้รับรางวัลที่เหมาะสม>

<ระบุจำนวนพันธมิตร>

< คนแคระ 23,777 >

<ระบุจำนวนฝ่ายตรงข้าม>

<ดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า, ไวเวิร์น 688 ตัว, วินด์ไรเดอร์ 1,224 ตัว และ 2,499 ค้างคาวสายฟ้า>

ศึกชิงปราสาทของคนแคระ!

มันโผล่ขึ้นมาเป็นภารกิจ

นั่นหมายความว่าถ้าเขาแก้ปัญหานี้ได้จะได้รับผลประโยชน์มหาศาล

อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เรื่องง่าย

'ดาร์คดราก้อนบาร์ซ่ามาพร้อมกับมอนสเตอร์มากมาย... '

ปกติมังกรเป็นมอนสเตอร์ที่เดินทางตามลำพัง

อย่างไรก็ตามมันสามารถควบคุมมอนสเตอร์จำนวนมากได้เพียงแค่จ้องมอง

การดำรงอยู่ของมังกรเป็นแบบนั้น

หนึ่งในมอนสเตอร์ที่อยู่ด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหาร!

ถ้ามันมาพร้อมกับกองทัพเหล่านั้น ก็หมายความว่ามันมุ่งมั่นที่จะทำลายล้างเหล่าคนแคระ

มันอาจจะโกรธเนื่องจากถูกทำให้กลายเป็นตัวตลกโดยบาร์ทัส

"ขึ้นไปบนปราสาท!"

"เตรียมปืนใหญ่ให้พร้อม!"

คนแคระเริ่มเคลื่อนไหวตามลำดับขั้นตอน

ด้วยความช่วยเหลือของมูยอง ส่วนต่างๆของพวกเขาเปลี่ยนไปและทำให้การแจกจ่ายงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

แม้ว่าจะเป็นเพียง 68 วัน แต่พวกมันก็ฝึกฝนมาอย่างเต็มที่

จากนั้นกำแพงปราสาทขนาดใหญ่ที่สูงกว่า 20 เมตรก็ส่องประกายแสง และบาร์เรียเวทย์ก็ถูกสร้างขึ้น

มันเป็นกำแพงที่สร้างขึ้นล้อมรอบเพื่อเพิ่มการป้องกันการโจมตีของมังกร

มันย่อมไม่พังทลายได้โดยง่าย

คนแคระปีนขึ้นกำแพงปราสาท และบรรจุกระสุนปืนใหญ่หลายร้อยกระบอก

ส่วนที่เหลือคอยปกป้องปืนใหญ่ หรือไม่ก็ถือหน้าไม้

'เราต้องชนะ'

มูยองบีบกำปั้นอย่างรุนแรงราวกับว่าจะทำกระดูกของตัวเองแตกเป็นเสี่ยงๆ

แม้ว่าเขาจะแสดงความสามารถทั้งหมดออกมา แต่ก็ไม่อาจแน่ใจว่าเขาจะชนะหรือไม่

อย่างไรก็ตามเขายังคงต้องการทำมัน

แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เขาก็จำเป็นต้องทำให้เป็นไปให้ได้

"มังกร! มันไม่ได้อ่อนแอเลยสำหรับคู่ต่อสู้ของข้าในฐานะราชาแห่งภูติผีและวิญญาณ ข้าชักจะตื่นเต้นซะแล้วสิ! "

ทาร์แคน นักล่าวิญญาณปีศาจผู้ที่จัดการกับเซอร์เบอรัสได้ย่อมแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามเขามีจุดอ่อนที่สำคัญ

เขาไม่เคยประเมินความสามารถของศัตรู และชอบโจมตีมั่ว

ถ้าบาร์ทัสพาพวกเข้าโจมตีในตอนนี้ มันอาจจะถูกลูกหลงจนตายเท่านั้น

"ผมต้องการให้คุณทำสิ่งอื่น"

มูยองพูดอย่างเฉยชา

จากนั้นทาร์แคนก็เอียงศีรษะของเขา

"หน้าที่ของข้าไม่ใช่จัดการกับมังกรหรอกเหรอ?"

"ไม่ใช่ตอนนี้"

"ถ้างั้น?"

"ผมต้องการสลายกำลังของศัตรู คุณพร้อมกับอันเดธกลายพันธุ์โจมตีทัพศัตรูจากด้านหลัง"

ดาร์คดราก้อนบาร์ซ่าย่อมไม่ทราบกลยุทธ์หรือยุทธวิธีใดๆ มันคงจะรีบเร่งสั่งให้ทุกตัวโจมตีไปด้านหน้าพร้อมๆกัน

อย่างไรก็ตามนั่นอาจเป็นอันตรายได้ จำนวนศัตรูสูงกว่าที่เขาคิด และมอนสเตอร์ประเภทบินเป็นศัตรูธรรมชาติของคนแคระ

เขาต้องการให้พวกมันกระจายกำลังไปบ้างเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะ

ทาร์แคนยอมรับด้วยความไม่เต็มใจ

"ชิ...ไม่สมกับฐานะราชาอย่างข้าเลย แต่ถ้าเจ้าต้องการ ข้าจะทำมันก็ได้ ว่าแต่มูยอง เจ้าวางแผนที่จะอยู่ที่นี่เหรอ? "

"ผมจะสั่งการจากที่นี่"

เหตุผลที่คนแคระเปลี่ยนไปเป็นเพียงเพราะมูยอง

ถ้ามูยองไม่อยู่ในตำแหน่งนี้ จิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกเขาจะลดลงอย่างมาก

มันเป็นครั้งแรกของมูยองในการเป็นผู้นำและสู้พร้อมกำลังพลจำนวนมากเช่นนี้

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำอย่างชุ่ยๆได้เพียงเพราะเขาไม่เคยทำมันมาก่อน

วูมมมม!

มูยองชักดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว และดาบมารเทพออกมา

ในเวลาเดียวกันจุดสีดำเล็กๆ ก็เริ่มกระจายเต็มฟากฟ้า

ผู้นำฝูงบินเหล่านั้นคือดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า

'ฉันจะเอาชนะแก'

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยต่อสู้กับมังกรในอดีต

เมื่อเขาเผชิญหน้ากับดราก้อนลอร์ด มังกรปีศาจคืออุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

เกราะอันโดดเด่น และการดำรงอยู่ของมันก็มีพลังมากจนสามารถล่าสิ่งเหนือธรรมชาติทุกสายพันธุ์ได้

อย่างไรก็ตามเมื่อตอนที่พลังของมังกรปีศาจยังไม่สมบูรณ์

ในตอนท้ายที่ดราก้อนลอร์ดถูกลอบสังหารโดยมูยอง หลังจากนั้นมังกรปีศาจก็ตายตามไปด้วย

หากพวกมันอยู่ด้วยกันย่อมไม่สามารถเอาชนะได้ แต่เมื่อเขาเผชิญหน้ากับพวกมันทีละตัวนั่นก็ไม่ได้ยากเท่าที่เขาคาดไว้

การต่อสู้ครั้งนี้อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าเวลานั้นพอสมควร

อย่างน้อยก็มีตัวเลือกมากมายที่มูยองสามารถใช้ได้

แม้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาจะลดลงจากอดีตเป็นอย่างมาก มันก็ยังง่ายกว่า

มูยองหันมาสนใจบาร์ซ่า

ฮูมมมมมมมมมมม!

ดาร์คดราก้อนบาร์ซ่าพ่นลมหายใจหยาบๆออกมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด