ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 91: เกราะราชันอมตะ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 93: ศึกชิงปราสาทคนแคระ (1)

[KotB] บทที่ 92: เกราะราชันอมตะ (จบ)


บทที่ 92: เกราะราชันอมตะ (จบ)

'มันร้อน'

เปลวไฟขนาดย่อมๆกระจัดกระจายอยู่บนเกราะ

ฟีนิกซ์เป็นมอนสเตอร์สุดยอดแห่งเปลวเพลิง

สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือความแข็งแกร่งทั้งหมดของมันมาจากหัวใจ

บาร์ทัสพูดขณะที่ขยับริมฝีปาก

"ข้าได้เห็นหัวใจของฟีนิกซ์มาไม่กี่ครั้ง แต่ข้าไม่เคยเห็นอันไหนที่เหมือนกับมัน มันไม่ได้เป็นแค่ไฟธรรมดาเท่านั้น แต่มีลักษณะของไฟทุกชนิด เจ้าพบมันที่ไหน? "

เฮดลี่คาวสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามที่ต้องการ

เมื่อเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นสิ่งมีชีวิตใดๆก็ตาม เฮดลี่คาวจะกลายเป็นมัน

รูปแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือฟีนิกซ์ และมันก็ไม่ได้มีข้อจำกัดใดๆเกี่ยวกับคุณสมบัติ

ขณะที่มูยองยังเงียบ บาร์ทัสก็พูดต่อราวรู้ว่ามูยองจะไม่ตอบคำถาม

"ไม่ว่ายังไงก็ตาม ชุดเกราะนั่นไม่สมบูรณ์"

"ไม่สมบูรณ์?"

ในเวลานั้นเสียงของมูยองก็กลายเป็นเงียบลง

ชุดเกราะที่เขาได้รับนั้นสะอาดสะอ้านและภายนอกก็ดูสวยงาม

อย่างน้อยในสายตาของมูยอง มันก็ไม่มีปัญหาใดไม่ว่าภายในหรือภายนอก

อย่างไรก็ตามบาร์ทัสคือหัตถ์เทพเจ้า

คำพูดของเขาย่อมน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามหากมันไม่สมบูรณ์ เขาจำเป็นต้องรู้ว่าทำไม

"หมายความว่ามันไม่มีคุณสมบัติเฉพาะ ตอนนี้พลังแห่งไฟมีความแข็งแกร่งเกินไปจนข่มคุณสมบัติอื่นๆ แต่นั่นจะไม่นาน"

"แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?"

“ข้าไม่แน่ใจ มันอาจนำผู้ใช้ไปสู่เส้นทางของการทำลายตนเอง หรือกระทั่งลากผู้ใช้ไปสู่ 'โลกใต้พิภพ'

โลกใต้พิภพเป็นโลกที่มีมอสเตอร์แห่งเงามืดอาศัยอยู่

มันถูกเรียกว่าโลกลี้ลับ และมีแต่มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเท่านั้นอาศัยอยู่ที่นั่น

เช่นเดียวกับอาชญากรเงาที่ปรากฏตัวขึ้นในการทดสอบของโอม พลังการทำลายล้างของมันสูงมาก

มูยองได้คาดการณ์ไว้เล็กน้อยว่าเจ้าแห่งความมืดทั้ง 11 อาจเป็นเงาที่มีตัวตนอยู่ในโลกลี้ลับนั้นๆ

นอกจากนี้ ยังไม่มีวิธีการที่แน่นอนใดๆในการเปิดและปิดทางเข้าสู่โลกใต้พิภพ

อาจเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ในสถานที่หนึ่งๆรอยแยกมิติจะถูกสร้างขึ้นและเมื่อมันเชื่อมโยงกับโลกใต้พิภพแล้ว เงามืดจากที่แห่งนั้นก็จะหลั่งไหลออกมา

มีคนปกติจำนวนมากที่ถูกลากไปยังโลกใต้พิภพ

บาร์ทัสกำลังพูดเกี่ยวกับโลกใต้พิภพ

กล่าวกันว่าโลกใต้พิภพเกิดจากความสับสนวุ่นวาย บาร์ทัสหมายถึงลำดับความสับสนวุ่นวายอาจเกิดขึ้นเนื่องจากเกราะชุดนี้

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมูยองก็ไม่ต้องการ

"มีหนทางแก้ไขหรือไม่?"

"ต้องใช้เลือดของผู้ใช้งาน โดยปกติแล้วจากการประทับเลือดของเจ้า จะช่วยแก้ไขเกี่ยวคุณสมบัติให้มีความเข้ากันได้ มันจะกลายเป็นชุดเกราะที่เสร็จสมบูรณ์ที่เจ้าสามารถสวมใส่ได้เท่านั้น แต่ปัญหาคือ…"

ชุดเกราะที่มีแต่มูยองเท่านั้นที่สามารถสวมใส่ได้!

มันคือสิ่งที่เขาต้องการ ชุดเกราะที่กำหนดได้เอง หมายความว่าประสิทธิภาพของมันย่อมสูงเป็นอย่างมาก

แต่เขาสังเกตเห็นคำพูดสุดท้ายของบาร์ทัส

บาร์ทัสถอนหายใจลึกๆ ขณะที่มูยองสบตากับเขา

"ถ้าเจ้ามีคุณสมบัติที่อ่อนแอกว่าหัวใจของฟีนิกซ์ เจ้าจะถูกทำลายโดยมัน ร่างกายของเจ้าจะถูกเผาผลาญ และสูญหายไปในทันที แม้แต่ข้าก็ไม่คิดว่าชุดเกราะแบบนี้จะถูกสร้างขึ้นมา มันไม่ใช่ดาบเวทมนตร์ แต่หากเป็นเกราะเวทมนตร์"

ถ้ามันถูกใช้สำหรับบางสิ่ง มันควรจะถูกสร้างขึ้นมาให้กลายเป็นอาวุธสำหรับสังหาร

โอกาสที่มันจะกลายเป็นเกราะนั่นมีน้อยมาก

และไอเทมที่เรียกว่าดาบเวทมนตร์จะกำหนดให้ใช้ได้เฉพาะบุคคลนั้นๆถึงจะแสดงพลังอำนาจของมันออกมาได้

ตั้งแต่เริ่มต้น ชุดเกราะเป็นไอเทมที่มีไว้เพื่อปกป้องผู้ใช้งาน

ยังคงเป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมมันถึงมีผลกระทบที่นำโชคร้ายไปสู่เจ้าของ

อย่างไรก็ตาม บาร์ทัสก็เรียกเกราะนี้ว่าเกราะเวทมนตร์

'แกคิดจะกินฉันงั้นเหรอ?'

มูมองไปที่ชุดเกราะอย่างเงียบๆ

เปลวไฟลุกท่วมสูง และตอนนี้กำลังจะสัมผัสกับหัวไหล่ของมูยอง

ราวกับว่ากำลังหิวโหย มันปรารถณาให้มูยองกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน

มูยองอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเงียบๆ

เป็นแค่ชุดเกราะ แต่กลับมีเป้าหมายเป็นชีวิตของเขา

ชุดเกราะที่เกิดขึ้นมาเพื่อสวมใส่กำลังพยายามจะฆ่าเขา

และเสียงหัวเราะก็ได้เล็ดลอดออกมาในสถานการณ์ที่ขัดแย้ง

มูยอองหุบรอยยิ้มของเขา ก่อนจะเริ่มสวมชุดเกราะอย่างช้าๆ

บาร์ทัสที่เฝ้ามองอยู่เบิกตาขึ้น

"ดะ เดี๋ยว! เจ้าไม่สามารถคิดอยากใส่ก็ใส่มันได้ เกราะนั่นยังไม่สมบูรณ์ ถ้าเจ้าใส่มันก่อนที่จะทำให้มันสงบ เจ้าจะได้รับอันตราย! "

บาร์ทัสตกอยู่ในความลนลาน

เขาคือหัตถ์เทพเจ้า ไม่มีทางที่เขาจะสร้างชุดเกราะขึ้นอย่างลวกๆ

ถ้าจะมีอะไร เขาสามารถพูดได้ว่ามันเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าปกติ

อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชัดเจนว่าชุดเกราะไม่สมบูรณ์

การทำชุดเกราะที่ไม่มีใครสามารถสวมใส่ได้ มันเป็นสิ่งที่น่าอับอายสำหรับบาร์ทัส

อาจเพราะเขาไม่ได้มีเวลามากพอ หรือรีบทำตามคำสัญญา ซึ่งทำให้เขาไม่มีทางเลือก

แต่เขาไม่เคยคิดว่ามูยองจะสวมใส่มันในทันทีแบบนี้

อย่างไรก็ตาม มูยองไม่ได้ฟังคำพูดที่บาร์ทัสกล่าว

ฟู่ววววว!

ทันใดนั้น ร่างของมูยองก็เริ่มไหม้หลังจากที่สวมใส่ชุดเกราะเสร็จแล้ว

เปลวไฟลุกลามและฉีกกระชากผิวหนังของเขา

เมื่อเลือดไหลซึมเข้าชุดเกราะ เปลวเพลิงก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น

ในไม่ช้า มูยองก็มีภาพของเปลวไฟขนาดใหญ่สะท้อนอยู่ภายในใจของเขา

นั่นคือหัวใจของฟีนิกซ์

มันเป็นเจตจำนงของหัวใจที่จะกลืนกินมูยอง

'คิดเหรอว่าแกจะกินฉันได้'

สำหรับมูยอง อุปกรณ์สวมใส่ไม่มีอะไรมากไปกว่าเครื่องมือของเขา

เครื่องมือเพื่อฆ่าคน และปกป้องตัวเขาเอง

เขาไม่สนใจเจตจำนงจากเครื่องมือที่เขาจะใช้

'จงทำตามฉันซะ'

เลือดที่ซึมเข้าสู่ชุดเกราะกลายเป็นสื่อกลางสำหรับการออกคำสั่งของมูยอง

จากขนาดเล็กๆกลายเป็นใหญ่ขึ้นในทันที

ทันใดนั้นเจตจำนงของมูยองก็กลายเป็นกลืนกินเจตจำนงของหัวใจฟีนิกส์แทน

หัวใจเป็นอัตตาของชุดเกราะ

หากเป็นคนปกติจะต้องพยายามกดอัตตาลงและปลอบโยนมัน

อย่างไรก็ตามความคิดของมูยองต่างออกไป

อุปกรณ์ไม่จำเป็นต้องมีเจตจำนง

อุปกรณ์ไม่ควรมีเจตจำนง

อัตตาเป็นอำนาจเฉพาะสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์เท่านั้น

วิธีการใช้อุปกรณ์นั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมันได้แยกเขี้ยวของมันออกมาแล้ว

มูยองจึงเป็นฝ่ายเผาผลาญอัตตาของชุดเกราะไป เขาลบมันออกไป

กี๊ซซซซซซซซซซซซ!

มันคือนกฟีนิกซ์ หรือเฮดลี่คาวกันแน่?

ชุดเกราะกรีดร้องกับอาการเจ็บปวดที่เหมือนกับตาย

มูยองปลูกฝังความแข็งแกร่งของเขาลงไปยังที่ๆมีอัตตาของมันอยู่

มันเป็นพลังแห่งความตาย

นับตั้งแต่ที่เขาได้กลับมาจากความตาย มันเป็นความแข็งแกร่งที่มีแต่มูยองเท่านั้นที่สามารถแสดงออกมาได้!

และในตอนนั้นเอง

<อัตตาของนกฟีนิกซ์ได้ถูกขจัดออก>

<พลังแห่งความความตายได้ปกคลุมหัวใจแห่งฟีนิกซ์แล้ว>

<เปลวไฟที่พุ่งสู่ขีดจำกัดตามธรรมชาติ มันไม่เคยอยู่ร่วมกับพลังแห่งความตาย แต่เจตจำนงที่เหนือธรรมชาติได้ทำให้มันเป็นไปได้>

<แม้ว่าจะยังมีชีวิตอยู่แต่ก็ไม่มีชีวิต แม้ว่าจะตายแล้วแต่ก็ไม่ตาย>

<พลังของ 'ราชันอมตะ' ได้ถูกจารึกขึ้นมาใหม่>

<'เกราะราชันอมตะ' เสร็จสมบูรณ์แล้ว!>

สีของเปลวไฟที่ออกมาจากชุดเกราะเปลี่ยนเป็นสีดำ

ชุดเกราะที่ดูเหมือนกับหมอกดำกำลังแผ่ออร่าความตายออกมา

ขณะที่เขายืนอยู่กับที่และมองดูชุดเกราะ ข้อมูลเกี่ยวกับมันก็โผล่ขึ้น

ชื่อ: เกราะราชันย์อมตะ

ระดับ: S +

ประเภท: อุปกรณ์สวมใส่

ความคงทน: ไม่สามารถถูกทำลายได้

ผลกระทบ: หนึ่งจะไม่สามารถตายได้ ชุดเกราะที่หล่อหลอมพลังของราชันย์อมตะ

* มีเฉพาะ 'มูยอง' เท่านั้นที่สามารถสวมใส่

* STR +15

* จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ +30

* STA +50

* ต้านทานเวทย์ +80

* ความสามารถในการรักษาตามธรรมชาติเพิ่มขึ้นตามจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ (ปัจจุบัน +154%)

** เมื่อคุณสวมใส่อุปกรณ์ 3 ชิ้นที่มีพลังของราชันย์อมตะ ค่าสถานะทั้งหมด +50

** เมื่อคุณสวมใส่อุปกรณ์ 5 ชิ้นที่มีพลังของราชันย์อมตะ คุณสามารถใช้ 'การย้อนคืนความตาย' ได้หนึ่งครั้ง

มูยองตรวจสอบข้อมูลของเกราะอย่างต่อเนื่อง

มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างระดับ A และระดับ S

และจากระดับ S การดำรงอยู่ของเครื่องหมาย + แต่ละอัน ทำให้ความแตกต่างนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก

สิ่งที่มูยองคาดไว้คือระดับ A +++ หรืออย่างมากก็ระดับ S

แม้ว่าจะเป็นในอดีตมูยองก็จำได้ว่าอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมหาได้ยากมาก เว้นแต่ว่าจะโชคดีอย่างเหลือเชื่อเท่านั้น

ทว่าระดับ S +

ไหนจะสเตตัสที่เหมาะสมกับระดับของมันอีก

‘อาาา’

ร่างกายของมูยองสั่นสะท้าน

มีเพียงไม่กี่กิลด์เท่านั้นที่มีอุปกรณ์เช่นนี้

10 อันดับแรกของมนุษย์หรือคนพิเศษอย่างหวังชุงหลินเท่านั้นที่จะมีมัน

เนื่องจากความอ่อนแอจะทำให้สมบัติเหล่านี้ถูกปล้นชิง

ถ้ามีใครค้นพบมูยองในตอนนี้ พวกมันจะต้องพยายามฆ่าและแย่งเกราะของเขาไปแน่ๆ

ยังมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่แข็งแกร่งกว่ามูยอง

เขาเพิ่งเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการครั้งแรกของเขา

เขาต้องปลุกพลังอย่างน้อยอีกสามครั้ง ถึงจะอยู่ในตำแหน่งของผู้ที่ถูกเรียกว่าแข็งแกร่ง

โชคดีที่นี่คือดินแดนเทพปีศาจ

เพราะมีเพียงมูยองเท่านั้นที่สามารถสวมเกราะได้

นั่นหมายความว่าในปัจจุบันเขาไม่ต้องกังวลเรื่องสมบัติของเขา

‘มันเป็นไอเทมเซ็ต’

และยิ่งไปกว่านั้น มีแม้กระทั่งออฟชั่นของเช็ต

เมื่อสวมใส่อุปกรณ์ 3 หรือ 5 ชิ้นจะมีผลกระทบเพิ่มเข้ามา

เขาอยากรู้เกี่ยวกับทักษะ 'การย้อนคืนความตา่ย' มากที่สุด แต่มันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อสามารถรวบรวมอุปกรณ์ครบทั้ง 5 ชิ้น

เนื่องจากมันใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น มันจึงน่าจะเป็นความสามารถในการปฏิเสธความตาย

"พลังแห่งการคืนชีพนั้นเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่กับนักปราญ์ที่แสดงปาฏิหาริย์ผ่านการอธิฐาน

การฟื้นชีพ

มันเป็นไปไม่ได้

เว้นเสียแต่ว่าจะกลายเป็นอันเดธ

ถ้าการคาดการของมูยองถูกต้อง นี่จะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตะลึง

การมีสองชีวิตแค่นี้มันก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจกว่าสิ่งอื่นใด

ช่วงเวลาที่ข้อมูลนี้ถูกปล่อยออกมา ทุกองค์กรขนาดใหญ่จะวิ่งเข้าหามันอย่างบ้าคลั่ง

ยิ่งไปกว่านั้น กับสถานะที่มหาศาลที่เพิ่มเข้ามา มูยองรู้สึกราวกับว่าหัวของเขาได้ว่างเปล่า

ทันทีที่เขาเปิดหน้าต่างสเตตัสขึ้นมาก็พบเหตุผลที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงอีกครั้ง

สถานะ ->

STR 198 (115 + 83)               AGI 162 (109 + 53)

STA 210 (108 + 102)             INT 116 (74 + 42)

WIS 112 (70 + 42)                 จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ 154 (66 + 88)

ต้านทางเวทย์ 209 (54 + 148)  ความสามารถทางจิตวิญญาณ 101 (53 + 48)

ค่า STA ของเขาได้ผ่าน 200 ไปแล้ว

มันไม่มีทางใกล้เคียงจากสถานะพื้นฐาน แต่เนื่องจากเอฟเฟคที่ทับซ้อนกันและเอฟเฟคของอุปกรณ์ต่างๆ มันจึงเป็นสองเท่า

STR ก็ใกล้ตัวเลข 200 แล้วเช่นกัน

ดูเหมือนเขาจะพอใจกับผลลัพธ์

แต่ยังไงเขาก็ไม่คิดที่จะละเลยการพัฒนาตนเอง

"คุณสมบัติของชุดเกราะ ... เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง"

ขณะที่เขาหันมามอง บาร์ทัสก็พึมพำราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง

นอกจากการกำจัดอัตตาของฟีนิกซ์แล้ว มูยองยังได้เติมเต็มมันไปด้วยอัตลักษณ์ของเขา

เป็นไปได้หรือ?

ความแข็งแกร่งอันมหาศาลของหัวใจได้ถูกย้อมอย่างสมบูรณ์แบบ

ชุดเกราะที่ยังไม่สมบูรณ์ ตอนนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

เพียงแค่มูยองได้สวมใส่มเท่านั้น

มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน

โอม ผู้ปกครองแห่งโดเกบิ

นี่มันเป็นความจริงหรือ?

"เจ้าใช้เวทมนตร์แบบไหนกัน? เพื่อข่มความแข็งแกร่งของฟีนิกซ์! "

มูยองมองไปที่บาร์ทัสด้วยรอยยิ้มเล็กๆ

"อุปกรณ์เป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น"

บาร์ทัสลังเล

เขาไม่สามารถยอมรับได้

เขาเป็นคนแคระ และอุปกรณ์ที่เกิดขึ้นจากมือของเขาก็เหมือนกับลูกๆของเขา

คำพูดที่ว่ามันเป็นเครื่องมือกลายเป็นมีดเจาะผ่านหัวใจของเขา

อย่างไรก็ตาม มูยองเพียงแค่ยิ้มอย่างเยือกเย็น

ถ้าเขาเอาใจใส่กับเครื่องมือมากกว่าที่ควรจะเป็นและเคลื่อนไหวราวกับเป็นมือและเท้า จิตใจของเขาอาจเกิดการวอกแวกได้

มันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาลบอัตตาของฟีนิกซ์ไป

"บาร์ทัสลอร์ดแห่งพันธมิตร ปืนพิฆาตมังกรพร้อมแล้วหรือยัง? "

มูยองเปลี่ยนเรื่อง

การทำให้คนแคระกลายเป็นนักรบใกล้เสร็จสมบูรณ์ และเขาได้รับเกราะราชันอมตะแล้ว

ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่คือดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า

เพื่อหยุดการโจมตีของมัน

เขาไม่คิดว่าบาร์ซ่าจะไม่สามารถหาสถานที่นี้ได้

แน่นอนมันจะต้องโจมตีก่อนที่ 'ราตรีที่ยาวนานของปีศาจ' จะเริ่มต้น

บาร์ทัสถอนหายใจออกลึกๆ และพยักหัวของเขา

"ข้าพยายามที่จะลดเวลาสำหรับการระเบิด แต่ข้ายังต้องใช้ 60 วินาที มันเพียงพอที่จะทำให้มังกรสังเกตเห็นและหลบหนีไป "

"30 วินาที"

"อะไรนะ?"

"ลดมันลงเหลือ 30 วินาที ในช่วงเวลานั้น ผมจะตรึงบาร์ซ่าไว้ได้อย่างแน่นอน "

มูยองกล่าว

บาร์ซ่าจะไม่บุกรุกสถานที่นี้ในทันที

อย่างไรก็ตาม อีกไม่น่าเกิน 2 เดือน

บาร์ซ่าจะรู้ที่ตั้งของคนแคระ และมุ่งหน้ามาหาพวกเขา

หลังจากบินวนไปรอบๆ สุดท้ายมันจะมุ่งหน้ามาทางเหนือ

เขาต้องหาทางออก

'เวลาเพียงวินาทีจะเป็นตัวกำหนดชัยชนะ'

ดวงตาของมูยองหรี่แคบลง

หนึ่งวินาที แม้กระทั่งด้วยเวลาที่สั้นกว่านั้น ผู้ชนะและผู้แพ้จะถูกกำหนด

แม้ว่าเขาจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาก็ไม่สามารถมั่นใจได้

สงครามกับดาร์คดราก้อนบาร์ซ่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด