[KotB] บทที่ 92: เกราะราชันอมตะ (จบ)
บทที่ 92: เกราะราชันอมตะ (จบ)
'มันร้อน'
เปลวไฟขนาดย่อมๆกระจัดกระจายอยู่บนเกราะ
ฟีนิกซ์เป็นมอนสเตอร์สุดยอดแห่งเปลวเพลิง
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือความแข็งแกร่งทั้งหมดของมันมาจากหัวใจ
บาร์ทัสพูดขณะที่ขยับริมฝีปาก
"ข้าได้เห็นหัวใจของฟีนิกซ์มาไม่กี่ครั้ง แต่ข้าไม่เคยเห็นอันไหนที่เหมือนกับมัน มันไม่ได้เป็นแค่ไฟธรรมดาเท่านั้น แต่มีลักษณะของไฟทุกชนิด เจ้าพบมันที่ไหน? "
เฮดลี่คาวสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ตามที่ต้องการ
เมื่อเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นสิ่งมีชีวิตใดๆก็ตาม เฮดลี่คาวจะกลายเป็นมัน
รูปแบบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือฟีนิกซ์ และมันก็ไม่ได้มีข้อจำกัดใดๆเกี่ยวกับคุณสมบัติ
ขณะที่มูยองยังเงียบ บาร์ทัสก็พูดต่อราวรู้ว่ามูยองจะไม่ตอบคำถาม
"ไม่ว่ายังไงก็ตาม ชุดเกราะนั่นไม่สมบูรณ์"
"ไม่สมบูรณ์?"
ในเวลานั้นเสียงของมูยองก็กลายเป็นเงียบลง
ชุดเกราะที่เขาได้รับนั้นสะอาดสะอ้านและภายนอกก็ดูสวยงาม
อย่างน้อยในสายตาของมูยอง มันก็ไม่มีปัญหาใดไม่ว่าภายในหรือภายนอก
อย่างไรก็ตามบาร์ทัสคือหัตถ์เทพเจ้า
คำพูดของเขาย่อมน่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตามหากมันไม่สมบูรณ์ เขาจำเป็นต้องรู้ว่าทำไม
"หมายความว่ามันไม่มีคุณสมบัติเฉพาะ ตอนนี้พลังแห่งไฟมีความแข็งแกร่งเกินไปจนข่มคุณสมบัติอื่นๆ แต่นั่นจะไม่นาน"
"แล้วจะเกิดอะไรขึ้น?"
“ข้าไม่แน่ใจ มันอาจนำผู้ใช้ไปสู่เส้นทางของการทำลายตนเอง หรือกระทั่งลากผู้ใช้ไปสู่ 'โลกใต้พิภพ'
โลกใต้พิภพเป็นโลกที่มีมอสเตอร์แห่งเงามืดอาศัยอยู่
มันถูกเรียกว่าโลกลี้ลับ และมีแต่มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งเท่านั้นอาศัยอยู่ที่นั่น
เช่นเดียวกับอาชญากรเงาที่ปรากฏตัวขึ้นในการทดสอบของโอม พลังการทำลายล้างของมันสูงมาก
มูยองได้คาดการณ์ไว้เล็กน้อยว่าเจ้าแห่งความมืดทั้ง 11 อาจเป็นเงาที่มีตัวตนอยู่ในโลกลี้ลับนั้นๆ
นอกจากนี้ ยังไม่มีวิธีการที่แน่นอนใดๆในการเปิดและปิดทางเข้าสู่โลกใต้พิภพ
อาจเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ในสถานที่หนึ่งๆรอยแยกมิติจะถูกสร้างขึ้นและเมื่อมันเชื่อมโยงกับโลกใต้พิภพแล้ว เงามืดจากที่แห่งนั้นก็จะหลั่งไหลออกมา
มีคนปกติจำนวนมากที่ถูกลากไปยังโลกใต้พิภพ
บาร์ทัสกำลังพูดเกี่ยวกับโลกใต้พิภพ
กล่าวกันว่าโลกใต้พิภพเกิดจากความสับสนวุ่นวาย บาร์ทัสหมายถึงลำดับความสับสนวุ่นวายอาจเกิดขึ้นเนื่องจากเกราะชุดนี้
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนมูยองก็ไม่ต้องการ
"มีหนทางแก้ไขหรือไม่?"
"ต้องใช้เลือดของผู้ใช้งาน โดยปกติแล้วจากการประทับเลือดของเจ้า จะช่วยแก้ไขเกี่ยวคุณสมบัติให้มีความเข้ากันได้ มันจะกลายเป็นชุดเกราะที่เสร็จสมบูรณ์ที่เจ้าสามารถสวมใส่ได้เท่านั้น แต่ปัญหาคือ…"
ชุดเกราะที่มีแต่มูยองเท่านั้นที่สามารถสวมใส่ได้!
มันคือสิ่งที่เขาต้องการ ชุดเกราะที่กำหนดได้เอง หมายความว่าประสิทธิภาพของมันย่อมสูงเป็นอย่างมาก
แต่เขาสังเกตเห็นคำพูดสุดท้ายของบาร์ทัส
บาร์ทัสถอนหายใจลึกๆ ขณะที่มูยองสบตากับเขา
"ถ้าเจ้ามีคุณสมบัติที่อ่อนแอกว่าหัวใจของฟีนิกซ์ เจ้าจะถูกทำลายโดยมัน ร่างกายของเจ้าจะถูกเผาผลาญ และสูญหายไปในทันที แม้แต่ข้าก็ไม่คิดว่าชุดเกราะแบบนี้จะถูกสร้างขึ้นมา มันไม่ใช่ดาบเวทมนตร์ แต่หากเป็นเกราะเวทมนตร์"
ถ้ามันถูกใช้สำหรับบางสิ่ง มันควรจะถูกสร้างขึ้นมาให้กลายเป็นอาวุธสำหรับสังหาร
โอกาสที่มันจะกลายเป็นเกราะนั่นมีน้อยมาก
และไอเทมที่เรียกว่าดาบเวทมนตร์จะกำหนดให้ใช้ได้เฉพาะบุคคลนั้นๆถึงจะแสดงพลังอำนาจของมันออกมาได้
ตั้งแต่เริ่มต้น ชุดเกราะเป็นไอเทมที่มีไว้เพื่อปกป้องผู้ใช้งาน
ยังคงเป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมมันถึงมีผลกระทบที่นำโชคร้ายไปสู่เจ้าของ
อย่างไรก็ตาม บาร์ทัสก็เรียกเกราะนี้ว่าเกราะเวทมนตร์
'แกคิดจะกินฉันงั้นเหรอ?'
มูมองไปที่ชุดเกราะอย่างเงียบๆ
เปลวไฟลุกท่วมสูง และตอนนี้กำลังจะสัมผัสกับหัวไหล่ของมูยอง
ราวกับว่ากำลังหิวโหย มันปรารถณาให้มูยองกลายเป็นแหล่งพลังงานของมัน
มูยองอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเงียบๆ
เป็นแค่ชุดเกราะ แต่กลับมีเป้าหมายเป็นชีวิตของเขา
ชุดเกราะที่เกิดขึ้นมาเพื่อสวมใส่กำลังพยายามจะฆ่าเขา
และเสียงหัวเราะก็ได้เล็ดลอดออกมาในสถานการณ์ที่ขัดแย้ง
มูยอองหุบรอยยิ้มของเขา ก่อนจะเริ่มสวมชุดเกราะอย่างช้าๆ
บาร์ทัสที่เฝ้ามองอยู่เบิกตาขึ้น
"ดะ เดี๋ยว! เจ้าไม่สามารถคิดอยากใส่ก็ใส่มันได้ เกราะนั่นยังไม่สมบูรณ์ ถ้าเจ้าใส่มันก่อนที่จะทำให้มันสงบ เจ้าจะได้รับอันตราย! "
บาร์ทัสตกอยู่ในความลนลาน
เขาคือหัตถ์เทพเจ้า ไม่มีทางที่เขาจะสร้างชุดเกราะขึ้นอย่างลวกๆ
ถ้าจะมีอะไร เขาสามารถพูดได้ว่ามันเป็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ชัดเจนว่าชุดเกราะไม่สมบูรณ์
การทำชุดเกราะที่ไม่มีใครสามารถสวมใส่ได้ มันเป็นสิ่งที่น่าอับอายสำหรับบาร์ทัส
อาจเพราะเขาไม่ได้มีเวลามากพอ หรือรีบทำตามคำสัญญา ซึ่งทำให้เขาไม่มีทางเลือก
แต่เขาไม่เคยคิดว่ามูยองจะสวมใส่มันในทันทีแบบนี้
อย่างไรก็ตาม มูยองไม่ได้ฟังคำพูดที่บาร์ทัสกล่าว
ฟู่ววววว!
ทันใดนั้น ร่างของมูยองก็เริ่มไหม้หลังจากที่สวมใส่ชุดเกราะเสร็จแล้ว
เปลวไฟลุกลามและฉีกกระชากผิวหนังของเขา
เมื่อเลือดไหลซึมเข้าชุดเกราะ เปลวเพลิงก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
ในไม่ช้า มูยองก็มีภาพของเปลวไฟขนาดใหญ่สะท้อนอยู่ภายในใจของเขา
นั่นคือหัวใจของฟีนิกซ์
มันเป็นเจตจำนงของหัวใจที่จะกลืนกินมูยอง
'คิดเหรอว่าแกจะกินฉันได้'
สำหรับมูยอง อุปกรณ์สวมใส่ไม่มีอะไรมากไปกว่าเครื่องมือของเขา
เครื่องมือเพื่อฆ่าคน และปกป้องตัวเขาเอง
เขาไม่สนใจเจตจำนงจากเครื่องมือที่เขาจะใช้
'จงทำตามฉันซะ'
เลือดที่ซึมเข้าสู่ชุดเกราะกลายเป็นสื่อกลางสำหรับการออกคำสั่งของมูยอง
จากขนาดเล็กๆกลายเป็นใหญ่ขึ้นในทันที
ทันใดนั้นเจตจำนงของมูยองก็กลายเป็นกลืนกินเจตจำนงของหัวใจฟีนิกส์แทน
หัวใจเป็นอัตตาของชุดเกราะ
หากเป็นคนปกติจะต้องพยายามกดอัตตาลงและปลอบโยนมัน
อย่างไรก็ตามความคิดของมูยองต่างออกไป
อุปกรณ์ไม่จำเป็นต้องมีเจตจำนง
อุปกรณ์ไม่ควรมีเจตจำนง
อัตตาเป็นอำนาจเฉพาะสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์เท่านั้น
วิธีการใช้อุปกรณ์นั้นขึ้นอยู่กับผู้ใช้งาน
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมันได้แยกเขี้ยวของมันออกมาแล้ว
มูยองจึงเป็นฝ่ายเผาผลาญอัตตาของชุดเกราะไป เขาลบมันออกไป
กี๊ซซซซซซซซซซซซ!
มันคือนกฟีนิกซ์ หรือเฮดลี่คาวกันแน่?
ชุดเกราะกรีดร้องกับอาการเจ็บปวดที่เหมือนกับตาย
มูยองปลูกฝังความแข็งแกร่งของเขาลงไปยังที่ๆมีอัตตาของมันอยู่
มันเป็นพลังแห่งความตาย
นับตั้งแต่ที่เขาได้กลับมาจากความตาย มันเป็นความแข็งแกร่งที่มีแต่มูยองเท่านั้นที่สามารถแสดงออกมาได้!
และในตอนนั้นเอง
<อัตตาของนกฟีนิกซ์ได้ถูกขจัดออก>
<พลังแห่งความความตายได้ปกคลุมหัวใจแห่งฟีนิกซ์แล้ว>
<เปลวไฟที่พุ่งสู่ขีดจำกัดตามธรรมชาติ มันไม่เคยอยู่ร่วมกับพลังแห่งความตาย แต่เจตจำนงที่เหนือธรรมชาติได้ทำให้มันเป็นไปได้>
<แม้ว่าจะยังมีชีวิตอยู่แต่ก็ไม่มีชีวิต แม้ว่าจะตายแล้วแต่ก็ไม่ตาย>
<พลังของ 'ราชันอมตะ' ได้ถูกจารึกขึ้นมาใหม่>
<'เกราะราชันอมตะ' เสร็จสมบูรณ์แล้ว!>
สีของเปลวไฟที่ออกมาจากชุดเกราะเปลี่ยนเป็นสีดำ
ชุดเกราะที่ดูเหมือนกับหมอกดำกำลังแผ่ออร่าความตายออกมา
ขณะที่เขายืนอยู่กับที่และมองดูชุดเกราะ ข้อมูลเกี่ยวกับมันก็โผล่ขึ้น
ชื่อ: เกราะราชันย์อมตะ
ระดับ: S +
ประเภท: อุปกรณ์สวมใส่
ความคงทน: ไม่สามารถถูกทำลายได้
ผลกระทบ: หนึ่งจะไม่สามารถตายได้ ชุดเกราะที่หล่อหลอมพลังของราชันย์อมตะ
* มีเฉพาะ 'มูยอง' เท่านั้นที่สามารถสวมใส่
* STR +15
* จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ +30
* STA +50
* ต้านทานเวทย์ +80
* ความสามารถในการรักษาตามธรรมชาติเพิ่มขึ้นตามจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ (ปัจจุบัน +154%)
** เมื่อคุณสวมใส่อุปกรณ์ 3 ชิ้นที่มีพลังของราชันย์อมตะ ค่าสถานะทั้งหมด +50
** เมื่อคุณสวมใส่อุปกรณ์ 5 ชิ้นที่มีพลังของราชันย์อมตะ คุณสามารถใช้ 'การย้อนคืนความตาย' ได้หนึ่งครั้ง
มูยองตรวจสอบข้อมูลของเกราะอย่างต่อเนื่อง
มีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างระดับ A และระดับ S
และจากระดับ S การดำรงอยู่ของเครื่องหมาย + แต่ละอัน ทำให้ความแตกต่างนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก
สิ่งที่มูยองคาดไว้คือระดับ A +++ หรืออย่างมากก็ระดับ S
แม้ว่าจะเป็นในอดีตมูยองก็จำได้ว่าอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมหาได้ยากมาก เว้นแต่ว่าจะโชคดีอย่างเหลือเชื่อเท่านั้น
ทว่าระดับ S +
ไหนจะสเตตัสที่เหมาะสมกับระดับของมันอีก
‘อาาา’
ร่างกายของมูยองสั่นสะท้าน
มีเพียงไม่กี่กิลด์เท่านั้นที่มีอุปกรณ์เช่นนี้
10 อันดับแรกของมนุษย์หรือคนพิเศษอย่างหวังชุงหลินเท่านั้นที่จะมีมัน
เนื่องจากความอ่อนแอจะทำให้สมบัติเหล่านี้ถูกปล้นชิง
ถ้ามีใครค้นพบมูยองในตอนนี้ พวกมันจะต้องพยายามฆ่าและแย่งเกราะของเขาไปแน่ๆ
ยังมีคนอีกนับไม่ถ้วนที่แข็งแกร่งกว่ามูยอง
เขาเพิ่งเสร็จสิ้นการวิวัฒนาการครั้งแรกของเขา
เขาต้องปลุกพลังอย่างน้อยอีกสามครั้ง ถึงจะอยู่ในตำแหน่งของผู้ที่ถูกเรียกว่าแข็งแกร่ง
โชคดีที่นี่คือดินแดนเทพปีศาจ
เพราะมีเพียงมูยองเท่านั้นที่สามารถสวมเกราะได้
นั่นหมายความว่าในปัจจุบันเขาไม่ต้องกังวลเรื่องสมบัติของเขา
‘มันเป็นไอเทมเซ็ต’
และยิ่งไปกว่านั้น มีแม้กระทั่งออฟชั่นของเช็ต
เมื่อสวมใส่อุปกรณ์ 3 หรือ 5 ชิ้นจะมีผลกระทบเพิ่มเข้ามา
เขาอยากรู้เกี่ยวกับทักษะ 'การย้อนคืนความตา่ย' มากที่สุด แต่มันจะใช้ได้ก็ต่อเมื่อสามารถรวบรวมอุปกรณ์ครบทั้ง 5 ชิ้น
เนื่องจากมันใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น มันจึงน่าจะเป็นความสามารถในการปฏิเสธความตาย
"พลังแห่งการคืนชีพนั้นเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่กับนักปราญ์ที่แสดงปาฏิหาริย์ผ่านการอธิฐาน
การฟื้นชีพ
มันเป็นไปไม่ได้
เว้นเสียแต่ว่าจะกลายเป็นอันเดธ
ถ้าการคาดการของมูยองถูกต้อง นี่จะเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องตะลึง
การมีสองชีวิตแค่นี้มันก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจกว่าสิ่งอื่นใด
ช่วงเวลาที่ข้อมูลนี้ถูกปล่อยออกมา ทุกองค์กรขนาดใหญ่จะวิ่งเข้าหามันอย่างบ้าคลั่ง
ยิ่งไปกว่านั้น กับสถานะที่มหาศาลที่เพิ่มเข้ามา มูยองรู้สึกราวกับว่าหัวของเขาได้ว่างเปล่า
ทันทีที่เขาเปิดหน้าต่างสเตตัสขึ้นมาก็พบเหตุผลที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงอีกครั้ง
สถานะ ->
STR 198 (115 + 83) AGI 162 (109 + 53)
STA 210 (108 + 102) INT 116 (74 + 42)
WIS 112 (70 + 42) จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ 154 (66 + 88)
ต้านทางเวทย์ 209 (54 + 148) ความสามารถทางจิตวิญญาณ 101 (53 + 48)
ค่า STA ของเขาได้ผ่าน 200 ไปแล้ว
มันไม่มีทางใกล้เคียงจากสถานะพื้นฐาน แต่เนื่องจากเอฟเฟคที่ทับซ้อนกันและเอฟเฟคของอุปกรณ์ต่างๆ มันจึงเป็นสองเท่า
STR ก็ใกล้ตัวเลข 200 แล้วเช่นกัน
ดูเหมือนเขาจะพอใจกับผลลัพธ์
แต่ยังไงเขาก็ไม่คิดที่จะละเลยการพัฒนาตนเอง
"คุณสมบัติของชุดเกราะ ... เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง"
ขณะที่เขาหันมามอง บาร์ทัสก็พึมพำราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง
นอกจากการกำจัดอัตตาของฟีนิกซ์แล้ว มูยองยังได้เติมเต็มมันไปด้วยอัตลักษณ์ของเขา
เป็นไปได้หรือ?
ความแข็งแกร่งอันมหาศาลของหัวใจได้ถูกย้อมอย่างสมบูรณ์แบบ
ชุดเกราะที่ยังไม่สมบูรณ์ ตอนนี้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
เพียงแค่มูยองได้สวมใส่มเท่านั้น
มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน
โอม ผู้ปกครองแห่งโดเกบิ
นี่มันเป็นความจริงหรือ?
"เจ้าใช้เวทมนตร์แบบไหนกัน? เพื่อข่มความแข็งแกร่งของฟีนิกซ์! "
มูยองมองไปที่บาร์ทัสด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
"อุปกรณ์เป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น"
บาร์ทัสลังเล
เขาไม่สามารถยอมรับได้
เขาเป็นคนแคระ และอุปกรณ์ที่เกิดขึ้นจากมือของเขาก็เหมือนกับลูกๆของเขา
คำพูดที่ว่ามันเป็นเครื่องมือกลายเป็นมีดเจาะผ่านหัวใจของเขา
อย่างไรก็ตาม มูยองเพียงแค่ยิ้มอย่างเยือกเย็น
ถ้าเขาเอาใจใส่กับเครื่องมือมากกว่าที่ควรจะเป็นและเคลื่อนไหวราวกับเป็นมือและเท้า จิตใจของเขาอาจเกิดการวอกแวกได้
มันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาลบอัตตาของฟีนิกซ์ไป
"บาร์ทัสลอร์ดแห่งพันธมิตร ปืนพิฆาตมังกรพร้อมแล้วหรือยัง? "
มูยองเปลี่ยนเรื่อง
การทำให้คนแคระกลายเป็นนักรบใกล้เสร็จสมบูรณ์ และเขาได้รับเกราะราชันอมตะแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่คือดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า
เพื่อหยุดการโจมตีของมัน
เขาไม่คิดว่าบาร์ซ่าจะไม่สามารถหาสถานที่นี้ได้
แน่นอนมันจะต้องโจมตีก่อนที่ 'ราตรีที่ยาวนานของปีศาจ' จะเริ่มต้น
บาร์ทัสถอนหายใจออกลึกๆ และพยักหัวของเขา
"ข้าพยายามที่จะลดเวลาสำหรับการระเบิด แต่ข้ายังต้องใช้ 60 วินาที มันเพียงพอที่จะทำให้มังกรสังเกตเห็นและหลบหนีไป "
"30 วินาที"
"อะไรนะ?"
"ลดมันลงเหลือ 30 วินาที ในช่วงเวลานั้น ผมจะตรึงบาร์ซ่าไว้ได้อย่างแน่นอน "
มูยองกล่าว
บาร์ซ่าจะไม่บุกรุกสถานที่นี้ในทันที
อย่างไรก็ตาม อีกไม่น่าเกิน 2 เดือน
บาร์ซ่าจะรู้ที่ตั้งของคนแคระ และมุ่งหน้ามาหาพวกเขา
หลังจากบินวนไปรอบๆ สุดท้ายมันจะมุ่งหน้ามาทางเหนือ
เขาต้องหาทางออก
'เวลาเพียงวินาทีจะเป็นตัวกำหนดชัยชนะ'
ดวงตาของมูยองหรี่แคบลง
หนึ่งวินาที แม้กระทั่งด้วยเวลาที่สั้นกว่านั้น ผู้ชนะและผู้แพ้จะถูกกำหนด
แม้ว่าเขาจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาก็ไม่สามารถมั่นใจได้
สงครามกับดาร์คดราก้อนบาร์ซ่าได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว